มาตรา ๓๐๓
ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด
ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่
ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
หรือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
วุฒิสภามีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้
|
๕.๑ การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน
๕.๑.๑ ปปช.
รัฐธรรมนูญนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ปปช.)
ที่มาจากการคัดสรรที่รัดกุม
และความเห็นชอบของวุฒิสภา
โดยมอบอำนาจให้ป้องปราบการทุจริตประพฤติมิชอบโดยเฉพาะ
๕.๑.๒ การตรวจสอบทรัพย์สิน
เมื่อแรกรับตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง
หรือเข้าดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับสูงบางตำแหน่ง
(ผู้พิพากษา, อธิบดี, ปลัดกระทรวงฯ)
บุคคลผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรายงานบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด
ทั้งของตนเอง ภริยา
และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ตลอดจนรายงานการเสียภาษีต่อ ปปช.
บัญชีนี้ ปปช.
จะไม่เก็บเข้าเซฟไว้ดูเล่นแค่จะเปิดผนึกและตรวจสอบความถูกต้องโดยถี่ถ้วน
หากมีการแจ้งโดยผิดพลาดและจงใจ
หรือปรากฏการเพิ่มพูนของทรัพย์สินอันไม่อาจอธิบายได้
ปปช.
จะสอบสวน และสรุปเป็นความเห็นของ ปปช. ในทันที
และจะนำมาซึ่งการเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่ง
และส่งฟ้องศาลเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป
มาตรา ๒๙๑ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังต่อไปนี้
มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน
คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่ง
๑. นายกรัฐมนตรี
๒. รัฐมนตรี
๓. สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎร
๔. สมาชิกวุฒิสภา
๕. ข้าราชการเมืองอื่น
๖. ผู้บริหารถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
บัญชีตามวรรคหนึ่งให้ยื่นพร้อมเอกสารประกอบ
ซึ่งเป็นสำเนาหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว
รวมทั้งสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา
โดยผู้ยื่นจะ |