ปัญญาประดิษฐ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Wed, 30 Apr 2025 10:41:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png ปัญญาประดิษฐ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 สวทช. โดย เนคเทค และ อวท. ร่วมกับ สทน. จัดกิจกรรม Design Thinking Workshop ส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ai-designthinking2025.html Wed, 30 Apr 2025 10:23:26 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39915

30 เมษายน 2568 ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จัดกิจกรรม Design Thinking Workshop เพื่อเสริมสร้างแนวคิดเชิงนวัตกรรม (Design Thinking) และเปิดโอกาสให้บุคลากรของ สทน. ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร พร้อมเยี่ยมชมเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาโดย เนคเทค สวทช.

ดร. ศวิต กาสุริยะ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวต้อนรับผู้บริหารและบุคลากรจาก สทน. โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร และการที่ สทน. มีนโยบายขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI อย่างจริงจัง โดยกิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประยุกต์ใช้ AI ผ่านกระบวนการ Design Thinking เพื่อค้นหา Pain Points และออกแบบแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม นอกจากนี้ เนคเทคยังได้นำเสนอเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการ AI for Thai เช่น DOCChat, DocGen และ Partii-Note เพื่อเป็นแนวทางในการต่อยอดการดำเนินงานของ สทน. ในอนาคต

คุณกัญชลิกา เดชะเทศ ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารจัดการ สทน. กล่าวว่า สทน. ตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยี AI ในการยกระดับการดำเนินงาน ซึ่ง สทน. มุ่งมั่นที่จะนำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างนวัตกรรมในทุกระดับขององค์กร กิจกรรมวันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่บุคลากรของ สทน. จะได้เรียนรู้กระบวนการ Design Thinking ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการของผู้ใช้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์เป้าหมายขององค์กร
 

กิจกรรมในครั้งนี้ ทีมนักวิจัย AI จากเนคเทค โดย ดร.กริช นาสิงห์ขันธุ์ ดร.ชัยอนันต์ ดำรงรัตน์ และ ดร. ขวัญชีวา แตงไทย ได้เริ่มบรรยายและแนะนำ “AI for Thai” แพลตฟอร์มรวมเทคโนโลยี AI ของคนไทย เพื่อการพัฒนาและต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงธุรกิจและสังคม จากนั้นเข้าสู่กระบวนการ Design Thinking Workshop โดยคุณชัชวาล สังคีตตระการ วิศวกรอาวุโส เนคเทค ด้วยการแบ่งกลุ่มทำการสำรวจปัญหาและความพร้อมด้าน AI ขององค์กร การออกแบบแนวทางใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI และการวางแผนปฏิบัติการเพื่อรับมือกับความท้าทายของ AI Transformation

ความร่วมมือระหว่าง เนคเทค สวทช. และ สทน. ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ สทน. และเป็นแบบอย่างในการนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนองค์กรภาครัฐให้ก้าวทันยุคดิจิทัล โดยมุ่งหวังที่จะสานต่อความร่วมมือในอนาคต เพื่อร่วมกันพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ในด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป

]]>
เนคเทค สวทช. ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ห้องข่าวในอนาคต” ในเวที Thai PBS World Forum https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ai-newsroom.html Tue, 28 Nov 2023 09:16:02 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=34614

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ดร.ปรัชญา บุญขวัญ หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีภาษาธรรมชาติและความหมาย (LST) กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) ร่วมเสวนา“ห้องข่าวในอนาคต” ในเวที Thai PBS World Forum : AI AND THE FUTURE OF NEWSROOM

โดย ดร.ปรัชญา กล่าวถึง แนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในห้องข่าวด้วยที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอย่างไร โดยก่อนอื่นขอแนะนำ Chat GPT กับ Generative AI ว่าคืออะไร Generative AI คือ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถนำมาสร้างคอนเทนต์ใหม่ได้โดยที่คอนเทนต์นั้นอาจไม่เคยมีอยู่บนโลกมาก่อนเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น Chat GPT ที่มีการใช้กันอยู่ทั่วไป เป็น AI เน้นคำสั่งและแสดงผลด้วยภาษา, DALL E โปรแกรม AI Generate ภาพที่สามารถสร้างภาพจากคำสั่งของเราได้เลย), VALL-E AI ที่สามารถสังเคราะห์เสียงโดยจำลองเสียงของคุณได้ เป็นต้น

สำหรับ Chat GPT ทำได้หลายอย่าง ทั้งตอบคำถามเกี่ยวกับการแพทย์ หรือกรณีของ DALL E การสร้างภาพจากคำสั่ง ก็สามารถสร้างภาพขึ้นมาได้เลย นอกจากนี้ยังมี Google Bard (Chat GPT+ Search Engine) คือ การที่จะตอบคำภามจะมีการค้นคำตอบจากใน Google ก่อนแล้วนำคำตอบมาผสม เพื่อสร้างเป็นคำตอบสำหรับเราอีกที ดังนั้นเป็นการใช้ทั้ง Chat GPT และ google bard อีกด้วย
โดยนักข่าวสามารถนำ Chat GPT และ google bard มาประยุกต์ใช้ในงาน ดังนี้

– ถามคำถาม โดยสามารถให้อธิบายเป็นภาษาของวัยใด
– สรุปข่าวเป็นประเด็น
– เขียนจดหมาย หรือ บทความ
– ปรับคำพูด หรือขยายความจากเนื้อหาที่มีอยู่แล้วเพื่อปรับแก้อีกรอบหนึ่งก่อนนำไปใช้
– ขอ ideal ในการเขียนบทความ เพื่อให้น่าสนใจ ติดหูมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถสร้างได้
– การแต่งกลอน ใน Chat GPT ภาษาอังกฤษ
– การวาดภาพ บน Chat GPT ผ่านทางมือถือ

เหล่านี้คือตัวของของการใช้ Chat GPTในห้องข่าวนอกจากนี้ยังใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น เขียนข่าวอัตโนมัติ ถังความรู้ในการเช็คคำคอบก่อน หรือสำนักข่าวไหนอยากได้ Engagement จากผู้อ่านเยอะๆสามารถสร้างเป็น Quiz (ตอบคำถามชิงรางวัลท้ายข่าว), ใช้ในการคัดเลือกข่าวให้ตรงกับความต้องการ, สรุปข่าว, ตรวจสอบความจริง และหากจะไปในขั้น Advance สามารถใช้ AI มาช่วย Detect ความเห็นของคนที่เข้ามาแสดงความเห็นได้ และ สามารถทำเป็น Chat Bot ได้ โดยสรุปแล้ว จะสังเกตว่า AI อยู่ในห้องข่าวตลอดเวลา

รับชมสัมมนาย้อนหลัง

]]>
เนคเทค สวทช. ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเทคโนโลยี AI กับความมั่นคงของไทย https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ai-national-security.html Mon, 06 Nov 2023 10:46:10 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=34513

เนคเทค สวทช. ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเทคโนโลยี AI กับความมั่นคง ในเสวนา “บทบาทของเทคโนโลยีใหม่กับการพัฒนาอาวุธตามแบบ: ความท้าทายต่อความมั่นคงของไทย”

ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช. และอุปนายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานเสวนาหัวข้อ “บทบาทของเทคโนโลยีใหม่กับการพัฒนาอาวุธตามแบบ: ความท้าทายต่อความมั่นคงของไทย” ร่วมกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปัญญวัชร์ วังยาว ประธานหลักสูตรวิศวกรรมและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีบุคลากรภาคส่วนความมั่นคง ภาคธุรกิจ และการศึกษา เข้าร่วมรับฟัง โดยเนื้อหาครอบคลุมด้านอากาศยานไร้คนขับ ปัญญาประดิษฐ์ สงครามไซเบอร์ และแนวโน้มในอนาคต เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566 ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ จัดโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ

ดร.เทพชัย ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์เทคโนโลยี AI กับความมั่นคง รวมถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนปฏิบัติการด้าน AI ประเทศไทย เนื้อหาการเสวนากล่าวถึงภาพรวมความจำเป็นของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทย เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคมในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคของธุรกิจ อุตสาหกรรม หน่วยงานรัฐ และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน เพราะ AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถคล้ายกับสมองของมนุษย์ เลียนแบบความสามารถของมนุษย์ที่ซับซ้อนได้ เช่น จดจำ แยกแยะ ให้เหตุผล ตัดสินใจ คาดการณ์ สื่อสารกับมนุษย์ จึงทำหน้าที่แทนคนหรือทำงานร่วมกับคนได้ดี การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในสาขาต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน ความปลอดภัย วิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม ศิลปะและดนตรี ฯลฯ

แผนปฏิบัติการด้าน AI ของไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ที่มีประสิทธิภาพ นําไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน ที่ผ่านมาขับเคลื่อนแผน AI เริ่มมีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในด้านต่าง ๆ เช่น AI for Thai : Thai AI Service Platform แพลตฟอร์มให้บริการ AI สัญชาติไทย มุ่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเน้นตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งในภาคอุตสาหกรรมและการบริการต่าง ๆ ในประเทศไทย NSTDA Supercomputer Center: ThaiSC โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับชาติที่ให้บริการทรัพยากรด้านการคำนวณด้วยระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ให้บริการหน่วยวิจัย องค์กรภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน รวมถึงโครงการสำคัญในระยะถัดไปและความท้าทายที่ยังขาดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยมีโจทย์สำคัญตามยุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมท่องเที่ยว Tourist Map รวมข้อมูลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ขาดความร่วมมือของหน่วยงานเจ้าของข้อมูล 2) อุตสาหกรรมการค้าและการเงิน Fraud Detection AI สำหรับ Fraud Detection/ Fraud Behavior Modelling ในธุรกรรมการเงิน ขาดแนวทางการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลและธรรมาภิบาลข้อมูลสำหรับ AI 3) อุตสาหกรรมการผลิต AI Visual Inspection การวิเคราะห์ภาพสำหรับการผลิตในอุตสาหกรรม ขาดกำลังคน SI, Talent, และStartup ที่ช่วยทำโจทย์และขยายงาน 4) อุตสาหกรรมความมั่นคง Biometric การตรวจสอบและประเมินอัตลักษณ์บุคคลจากข้อมูลชีวมิติ ขาดมาตรฐานข้อมูล 5) การวิจัยและพัฒนา LLM การสร้างแบบจำลอง AI สำหรับ Generative AI ที่รองรับภาษาไทย ขาดความร่วมมือและการส่งเสริมงานวิจัย+นวัตกรรม สำหรับโจทย์ภาษาไทย

ดร.เทพชัย กล่าวเสริมถึงโจทย์อื่น ๆ โครงการภายใต้แผนปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติฯ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น โครงการสร้างแนวปฎิบัติเกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูลและจริยธรรมเพื่อการประยุกต์ใช้ AI (AI ELSI) โดยมีเป้าหมาย การเตรียมความพร้อมของประเทศในด้านสังคม จริยธรรม กฎหมาย และกฎระเบียบสำหรับการประยุกต์ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม พัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ส่งเสริมการใช้งานอย่างมีจริยธรรมและความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน และสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) ด้านจริยธรรม กฎหมาย และผลกระทบต่อสังคม เพื่อให้ประชาชนทั่วไป และบุคลากรพัฒนาในด้าน AIมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีและพร้อมเข้าสู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์

และกล่าวถึงด้านจริยธรรมหลักการที่เกี่ยวข้องในเรื่องความมั่นคงและปลอดภัย (Security and Safety) ว่า AI ควรถูกสร้างให้มีความมั่นคงและปลอดภัย รวมถึงป้องกันภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และประเทศ จากการใช้งานที่มากเกินไปและไม่เหมาะสม ฉะนั้นการใช้งานและการตัดสินใจของ AI ควรเกิดจากความตั้งใจของมนุษย์ หรือมีกลไกให้มนุษย์สามารถแทรกแซงการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การตัดสินใจที่ผิดพลาด การคุกคามจากผู้ไม่ประสงค์ดี และการนำไปใช้ ในทางที่ผิด ซึ่งรวมถึงการใช้เสมือนเป็นอาวุธ การทำให้เข้าใจผิดหรือให้ข้อมูลที่นำไปสู่การเข้าใจผิด โดยยกตัวอย่างงานวิจัยเนคเทคร่วมกับกรมควบคุมโรค และสภากาชาดไทย พัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมชีวมิติ (Biometrics) และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาโปรแกรมการระบุตัวตน ทั้งรูปแบบการจดจำลายม่านตา (Iris Recognition) และการจดจำใบหน้า (Face Recognition) ให้ระบุตัวตนได้อย่างแม่นยำ ให้กับบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัว เช่น ต่างด้าว ชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อย เพื่อการสาธารณสุขและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การวิจัย ออกแบบและพัฒนา AI อาจใช้ชุดข้อมูลที่อ่อนไหว ชุดข้อมูลที่เป็นความลับ หรือชุดข้อมูลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหากถูกเข้าถึงโดยผู้ไม่ประสงค์ดีแล้วก็จะส่งผลถึงความเสียหายต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ จึงควรคำนึงถึงหลักการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน

]]>
เนคเทคเผยศักยภาพ AI ในเวที “Thailand’s Innovation Redefined” https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/th-innovation-redefined.html Fri, 21 Jul 2023 09:14:14 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33723

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ร่วม Panel Discussion: “AI Revolution: Profits, Progress, and Perils” ในงานประชุม “Thailand’s Innovation Redefined: New S-Curve, AI, and Virtual Banking” ซึ่ง AI ได้กลายเป็นพลังอันทรงพลังในการขับเคลื่อนนวัตกรรม กำหนดรูปแบบชีวิตประจำวัน และกำหนดวิธีการทำงานและปฏิสัมพันธ์ในสังคมใหม่ โดยการประชุมได้เจาะลึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคมของ AI เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566

ดร.ชัย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกองค์กร หน่วยงาน จะต้องยกระดับและเพิ่มพูนทักษะความรู้ด้าน AI ของตนทุกวันนี้ AI นวัตกรรมที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยของมนุษย์ ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและผลประโยชน์ต่างๆ โดยระบบนิเวศของ AI กำลังได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถในการทำงานใกล้เคียงกับที่มนุษย์สามารถทำได้ ในขณะเดียวกัน การพัฒนา AI จำเป็นต้องมีกฎหมาย จริยธรรม และมาตรฐานที่ต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความยุติธรรม

ซึ่ง AI สามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ และเพิ่มการพัฒนาความยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจทั้งหมดรวมถึงภาครัฐ ในการนำ AI มาใช้ ประกอยด้วย 3 ด้าน ที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ประโยชน์ ความสะดวกในการจ่ายและต่ออายุ และการกำกับดูแล AI สำหรับแนวทางการกำกับดูแลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญเพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือของ AI ปีที่แล้ว กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้เริ่มให้บริการ AI Governance Clinic เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานต่างๆ

สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำลังร่างกฎระเบียบด้าน AI ซึ่งจะเป็นกรอบที่ควบคุมการพัฒนา AI ในประเทศ โดยล่าสุด สวทช.และ สพธอ.ได้ร่วมกันศึกษาความพร้อมของธุรกิจในการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการให้บริการดิจิทัล ทีมงานได้ส่งแบบสอบถามไปยังธุรกิจต่างๆ ใน ​​10 ภาคส่วน ครอบคลุม 3,529 บริษัท โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 565 คน การศึกษาพบว่า 15.2% ของธุรกิจได้นำ AI ไปใช้แล้ว 56.7% วางแผนที่จะนำมาใช้ในอนาคต และ 28.2% ไม่มีแผนใดๆ

สำหรับ Panel Discussion: “AI Revolution: Profits, Progress, and Perils” ประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนา คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด และดร.วิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมอภิปราย

]]>
“OpenThaiGPT” แชทบอท AI ที่พูดภาษาไทยรู้เรื่อง ! สาระจากเสวนา “ความท้าทาย ความเป็นไปได้ และโอกาสของ ChatGPT สัญชาติไทย” https://www.nectec.or.th/news/news-article/openthaigpt.html Sun, 30 Apr 2023 04:36:06 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32861

บทความ : วลัยลักษณ์ คงพระจันทร์
คลิปสรุปบรรยากาศ : อัครพล กายขุนทด และสุชานันท์ คุ้มมณี

กระแสของฉลาดของ ChatGPT ที่ถามอะไรก็ตอบได้ แต่ยังพูดภาษาไทยไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ จึงเกิดการรวมทีม ThaiOpenGPT หวังที่จะสร้าง AI Chatbot สัญชาติไทยที่มากกว่าพูดภาษาไทยรู้เรื่อง แต่วางโรดแมปการพัฒนาให้สอบผ่านโอเน็ตได้ และเปิดเป็น Open Soures ให้ทุกคนใช้ฟรี ไปติดตามเรื่องนี้ พร้อมกันกับสาระจากเสวนา “ความท้าทาย ความเป็นไปได้ และโอกาสของ ChatGPT สัญชาติไทย” โดยเนคเทค สวทช. ร่วมกับ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) และหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตร จัดขึ้นเมื่อ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา

บทบาทของเนคเทค สวทช. กับ ChatGPT

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. เปิดการเสวนา โดยกล่าวถึง บทบาทของเนคเทค สวทช. กับ ChatGPT “ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า “ช้าไปไหม ?” สำหรับเนคเทคกับ ChatGPT ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาอาจไม่สามารถขยับตัวไปพร้อมกับกระแสของเทคโนโลยีใด ๆ ได้ในทันที หากต้องศึกษาทิศทาง โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ

ดร.ชัย กล่าวต่อไปว่า การพัฒนา AI ของไทย นอกเหนือจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว ต้องพัฒนาในส่วนอื่นไปพร้อมกันอย่างเป็นระบบ จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติการด้ารปัญญาประดิษฐ์ฯ ของประเทศขึ้น ซึ่งกว่า 50 ประเทศชั้นนำของโลกได้มีการจัดทำแผนลักษณะนี้แล้ว เพื่อกำหนดทิศทางไปสู่เศรษฐกิจใหม่ด้วย AI ของแต่ละประเทศ สำหรับแผนปฏิบัติ AI ประเทศไทย ประกอบไปด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) เรื่องกฏหมายและจริยธรรม 2) โครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI 3) การพัฒนากำลังคน 4) การวิจัยและพัฒนา AI 5) การส่งเสริมการใช้งาน AI

ความคืบหน้าของแผนดังกล่าวในระยะเวลา 6 เดือน ดร.ชัย อธิบายว่า ในยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI ปัจจุบัน ThaiSC สวทช. เรามี Supercomputer ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 70 ของโลก ด้วยการมีประสิทธิภาพในการคำนวณสูงถึง 8.1 พันล้านคำสั่งต่อวินาที ที่จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยและพัฒนา AI ที่ต้องอาศัยการคำนวณขั้นสูง อีกทั้งเตรียมเปิดให้บริการ National AI Service Platform เป็น AI Portal & Platform ที่รวมรวบและเชื่อมโยงโซลูชันผลิตภัณฑ์และบริการด้าน AI จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยมี AI for Thai เป็นแพลตฟอร์มหลักอีกด้วย 

นอกจากยังสนับสนุนให้เกิด Medical Data Consortium ขับเคลื่อนให้เกิดการแชร์ข้อมูลด้านการแพทย์เพื่อใช้พัฒนา AI รวมถึงสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนากำลังคนด้าน AI Engineer อย่างต่อเนื่อง

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ : www.ai.in.th

OpenThaiGPT คืออะไร ปัจจุบันก้าวหน้าแค่ไหน ?

ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร นายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย และ ดร.สุเมธ ยืนยง อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า ความสามารถของ ChatGPT เป็นหลักฐานประจักษ์ของความสามารถของ Large Language Model ที่สามารถช่วยให้ชีวิตมนุษย์ทำงานได้ง่ายขึ้น เรามองว่า Large Language Model สามารถขยายความสามารถไปได้อย่างไม่จำกัด หาก Model อย่าง ChatGPT เปิดให้ทุกคนใช้ได้โดยเสรี สามารถนำไปนำไปปรับปรุงต่อ (Finetuning) เพื่อสร้างการใช้งานหรือ Service ใหม่ ๆ จาก AI ย่อมเกิดประโยชน์มหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจจากการปฏิวัติของ AI

อย่างไรก็ตามการสร้าง Large Language Model ที่มีความสามารถอย่าง ChatGPT นั้น ต้องมีการลงทุนอย่างมหาศาล ทั้งจำนวนผู้เชี่ยวชาญ จำนวน Dataset และปริมาณ GPU ที่ใช้ประมวลผล โดยไม่สามารถเกิดได้จากความพยายามของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น โครงการ OpenThaiGPT จึงเกิดขึ้นเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ Chatbot ภาษาไทย ให้มีความสามารถเทียบเท่า ChatGPT อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบภายนอก สามารถดึงข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่น ขยายและปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย พัฒนาขึ้นเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สฟรีให้ทุกคนนำไปใช้งานได้อย่างเสรี

OpenThaiGPT วางแผนไว้ 3 เวอร์ชันหลัก 

  • OpenthaiGPT 0.0.4 พูดคุย Chat ได้อยู่บ้าง แต่ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ตรงและยังไม่สามารถทำ Few Shot Learning ได้ 
  • OpenthaiGPT 0.1.0 แปลภาษา ไทย-อังกฤษ  ได้และทำ Few Shot Learning ได้บางส่วน สามารถพูดคุย Chat ได้เต็มรูปแบบ
  • OpenthaiGPT 1.0.0 สามารถทำ Few shot learningได้ แปลภาษา  ไทย-อังกฤษ พูดคุย Chat ได้เต็มรูปแบบ 

ดร.ปรัชญา บุญขวัญ หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีภาษาธรรมชาติและความหมาย (LST) เนคเทค สวทช. กล่าวเสริมว่า OpenThaiGPT 0.1.0-alpha รุ่นนี้มีความสามารถในการตอบคำถามทั่วไป การแปลภาษา การอธิบายขั้นตอน การถอดความ การแปลงหน่วย การเขียนโค้ด และการเรียงลำดับตัวเลข สำหรับประสิทธิภาพในแง่ของพารามิเตอร์ หรือ เปรียบเสมือนเซลล์สมองของโมเดล ในเวอร์ชันปัจจุบันประกอบด้วย 3.74 พันล้านพารามิเตอร์ โดยเวอร์ชันถัดไปในอนาคตจำนวนของพารามิเตอร์จะเพิ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงความเข้าใจภาษาและการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

OpenThaiGPT 1.0.0 มีแผนจะเปิดให้ใช้งานช่วงกลางปีนี้ จะเทรนด์ Language Model ใหญ่ขึ้นสู่ 1 หมื่นล้านพารามิเตอร์ และเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของ Language Model จากเดิมที่เป็นการเรียนรู้ไวยากรณ์ระดับตัวอักษร สู่การเรียนรู้ในระดับเศษคำ (Subword) หรือ รากศัพท์ เพื่อให้เป็นภาษาธรรมชาติมากขึ้นโดยใช้ LLAMA Model หนึ่งโมเดลเบื้องหลังของ Open AI อีกด้วย “นอกจากนี้ทีม OpenThaiGPT ยังมองไปถึงการพัฒนา Multimodel ที่ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของภาษา แต่สามารถระบุ Physical Reference ได้” ดร.ปรัชญา อธิบาย

ด้าน คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์ CEO Pantip.com เผยว่า ข้อมูลใน Pantip.com เป็นข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะอยู่แล้ว รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสเข้ามาทำให้งานวิจัยสะดวกขึ้น สำหรับเรื่อง ChatGPT ตอนนี้เป็นเรื่องท้าทายมาก เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมีพฤติกรรมที่ตั้งการ์ดสูง ดังนั้นในเฟสแรก ๆ หากเราสามารถวิจัยและพัฒนาให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ให้สังคมยอมรับได้ การเดินต่อไปข้างหน้าจะง่ายขึ้น

GPT ภาษาไทยวัยอ้อแอ้ ถ้าขาดข้อมูลและซุปเปอร์คอมพิวเตอร์

ดร.ปรัชญา ช่วยอธิบายศัพท์ด้าน AI ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยกล่าวว่า “Language Model หรือ แบบจำลองภาษา คือ โปรแกรมทายคำ การจะทายให้ถูกต้องให้ AI อ่านหนังสือเยอะ ๆ และเริ่มเรียนรู้ สำนวน วลี ไวยากรณ์ ส่วนพารามิเตอร์ (Paramiter) คือ จำนวนเส้นประสาทในสมอง ซึ่ง OpenThaiGPT มีแผนจะขยายจำนวนขึ้นไปเรื่อย ๆ ThaiGPT จะยิ่งพูดได้เก่งขึ้น” ดังนั้น ข้อมูลมหาศาลและโครงสร้างพื้นฐานที่จะใช้เทรนด์โมเดล AI จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนจาก GPT ที่พูดภาษาไทยแบบอ้อแอ้ ได้เลื่อนชั้นเป็นนักเรียนประถม มัธยมตามลำดับ สำหรับ OpenThaiGPT มี pantip.com บริจาคข้อมูลสำหรับเทรนในโครงการนี้ด้วย ด้าน วันฉัตร ผดุงรัตน์ CEO Pantip.com เผยว่า “ข้อมูลใน Pantip.com เป็นข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะอยู่แล้ว ยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสเข้ามาทำให้งานวิจัยสะดวกขึ้น สำหรับเรื่อง ChatGPT ตอนนี้เป็นเรื่องท้าทายมาก เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมีพฤติกรรมที่ตั้งการ์ดสูง ดังนั้นในเฟสแรก ๆ หากเราสามารถวิจัยและพัฒนาให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ให้สังคมยอมรับได้ การเดินต่อไปข้างหน้าจะง่ายขึ้น”

ด้าน ดร.วิวรรณ จรีรัตนชาติ หัวหน้าทีมสนับสนุนงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (SSD) ศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (ThaiSC) กล่าวเสริมว่า การพัฒนา Large Language Model นอกเหนือจากข้อมูลมหาศาลแล้ว Computing Resource ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันการพัฒนาโมเดลขนาดพันล้านพารามิเตอร์ (Paramiter) ต้องใช้ CPU Ram ประมาณ 30 GB ซึ่ง CPU ทั่วไปที่อยู่ตามท้องตลาดจะอยู่ที่ 6-8 GB เป็นเหตุผลว่าทำไมระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High Performance Computing: HPC) จึงสำคัญต่อ OpenThaiGPT โดย ThaiSC ได้ติดตั้ง LANTA (ลันตา) ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผล GPU ทั้งหมด 704 การ์ด รุ่น NVIDIA A100 ที่เหมาะสมสำหรับการคำนวณด้าน AI ขั้นสูงและการจำลอง simulation รวมถึงมีเทคนิคที่เรียกว่า Pararel Computing ที่ช่วยในการกระจายข้อมูลและการจัดการเมมโมรี่ของ GPU Card ทำให้เราสามารถเทรนโมเดลขนาดใหญ่มากขึ้น ปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้

AI จะเก่งกาจขนาดไหน ก็ขาด Trustworthyness ไม่ได้

ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ นักวิจัยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) เนคเทค สวทช. กล่าวว่า การทำให้ AI มีความเชื่อถือได้ (Trustworthyness) ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศมีการออกคู่มือ วิธีการจัดทำ Trustworthy หรือ AI Ethics อยู่บ้าง สำหรับประเทศไทย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ได้มีการจัดทำคู่มือหลักการด้านจริยธรรมในการพัฒนา AI หรือ ‘Digital Thailand-AI Ethics Guideline’ ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา

ถัดมาตัวมาตรฐาน ISO ร่วมมือกับ IEC ออกมาตรฐานสากล ชื่อว่า Overview of trustworthiness in artificial intelligence (ISO/IEC TR 24028:2020) ในแง่มุมของการพัฒนาให้ระบบ AI มีความน่าเชื่อถือในหลายประเด็น หากกล่าวในบริบทของการพัฒา ChatGPT จะแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ ได้แก่

1) ความปลอดภัย (Safety) การใช้ ChatGPT มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินหรือไม่อย่างไร เราต้องมารีวิวร่วมกัน ยกตัวอย่าง หากว่ามีคำถามทางการแพทย์ จะดูแลอย่างไร
2) ความโปร่งใส (Transparency) OpenThaiGPT เรามีความพยายามให้เห็นที่มาที่ไปของข้อมูลและโมเดล โดยสิ่งที่ต้องรายงานถัดไปในอนาคตคือ ข้อมูลคุณภาพ ประสิทธิภาพของโมเดล หรือ ผลิตภัณฑ์
3) ความรับผิดชอบ และ ธรรมมาภิบาล (Responsibility Accountability and Governance) สำหรับโครงการ OpenThaiGPT แม้จะเป็นโครงการในลักษณะอาสาสมัคร แต่เราต้องมีการลงรายละเอียดความรับผิดชอบ เพราะระบบ AI มีการพัฒนาหลายขั้นตอน หากเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง การที่ระบุให้ชัดเจนว่าความรับผิดชอบอยู่ที่ใครจะทำให้ผู้รับผิดชอบสามารถเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เกิดการเข้าไปดูแลสถานการณ์ ในลักษณะของ Human Oversight โดยมนุษย์ต้องเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยให้กับระบบ AI และเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ ซึ่ง Human Oversight เป็นกลไกสำคัญในการกำกับดูแล AI ทั่วโลก

ด้านดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ หัวหน้ากลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) เนคเทค สวทช. กล่าวทิ้งท้ายการเสวนา ความว่า OpenThaiGPT เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของวงการ AI ประเทศไทยที่เราจะเปลี่ยนตัวเองจากเป็นผู้ใช้ที่ดีเป็นผู้สร้างที่ดี การรวมพลังแบบนี้จะทำให้เกิดก้าวแรกของการที่จะสร้าง AI ของไทย ซึ่งที่ผ่านมาเรายังไม่ได้ทำลักษณะแบบนี้อย่างจริงจังมากนัก อาจจะอยู่ในวงเล็กๆหรืออยู่ในวงวิชาการ โดยความตั้งใจของ OpenThaiGPT ไม่ได้จะพัฒนาแค่กลุ่มเล็ก ๆ แต่ต้องการให้เกิดการรวมกลุ่มกันเพราะงานด้าน AI มีความหลากหลายและท้าทาย ภายใต้จังหวะที่เหมาะสมมากทั้งด้านข้อมูลและทรัพยากร ทั้งข้อมูลขนาดใหญ่จาก Pantip และ การเปิดตัว Supercomputer อย่าง LANTA OpenThaiGPT หวังที่จะสร้าง Chatbot ภาษาไทย ทำให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างจริงจังและเป็นฐาน AI ของประเทศอย่างแท้จริง

]]>
เนคเทค สวทช. นำเสนอ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ในเวที eGovernment Forum 2022 https://www.nectec.or.th/news/news-article/2022national-ai-strategy.html Mon, 01 Aug 2022 03:00:50 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=26509

บทความ : ศิริพร ปานสวัสดิ์

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “On the Path of National AI Strategy” ในงานสัมมนาวิชาการด้านดิจิทัลเทคโนโลยี eGovernment Forum 2022 โดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) และหน่วยงานพันธมิตร ได้จัดขึ้นเพื่อนำเสนอถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลใช้สนับสนุนการปฏิบัติงาน ยกระดับประสิทธิภาพบริการภาครัฐให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง

(ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศ ระยะ 6 ปี (พ.ศ.2565 - 2570)

ในปาฐกาถาพิเศษหัวข้อดังกล่าว ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้นำเสนอ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศ ระยะ 6 ปี (พ.ศ.2565 – 2570) ภายใต้การขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ร่วมด้วยหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AiAT) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ที่ได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และเป็นแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทยให้บรรลุผลและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริมเศรษฐกิจ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการพัฒนาทักษะของบุคลากรภายในประเทศ โดยในปัจจุบันแผนนี้อยู่ระหว่างยื่นเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ

ความจำเป็นในการพัฒนาแผนปฏิบัติการ AI ประเทศไทย

ปัจจัยที่สำคัญในมิติต่างๆ ที่จำเป็นต้องเร่งผลักดันแผนปฏิบัติการ AI ของประเทศ เนื่องจากจะเป็นส่วนสำคัญทั้งในมิติ
  • ด้านเศรษฐิกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการในการเติมเต็มอุตสาหกรรม S-Curve ของรัฐบาล เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สุขภาพการแพทย์
  • ด้านแรงงาน การจ้างงานและตลาดแรงงาน การพัฒนาบุคลากรแรงงานสมัยใหม่
  • การปรับตัวต่อ Covid-19 วิถีการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่เป็นตัวเร่งของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI
  • ด้านจริยธรรมและสังคม ความเป็นส่วนตัว และจิตวิทยาสังคม
  • ด้านวิสัยทัศน์ของประเทศ ที่ยังขาดแผนการดำเนินงาน หรือแนวทางที่ชัดเจนชัดเจนของประเทศ

สาระสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ

ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ 14 แผนงาน เพื่อให้ประเทศไทยเกิดระบบนิเวศที่ครบถ้วนในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยี AI รวมถึงการเชื่อมโยงแบบบูรณาการ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในปี พ.ศ. 2570 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
  • สร้างคน และเทคโนโลยี Reskill Upskill Newskill ด้าน AI สําหรับครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา Cross skills เสริมทักษะ AI กับสายงานอื่นๆ สร้างอาชีพใหม่ที่ใช้ความรู้และ ทักษะด้านดิจิทัล และAI
  • สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น ขับเคลื่อนวาระสําคัญของรัฐบาล ส่งเสริมให้เกิด Tech Start ups / SME / Digital Business
  • สร้างผลกระทบการสังคม และสิ่งแวดล้อม ประชาชนเข้าใจถึงผลกระทบและทํางานร่วมกับ AI ได้เข้าถึงบริการภาครัฐอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ การศึกษาและสุขภาพการแพทย์

จุดเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI ใน 10 กลุ่มเป้าหมาย

  1. การใช้งาน และบริการภาครัฐ Government administration, Government services
  2. การเงินและการค้า Credit scoring, CRM
  3. โลจิสติกส์และการขนส่ง Intelligent transportation, Transport map
  4. ความมั่นคง และปลอดภัย Public surveillance platform, Crime response system, Cyber security
  5. ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสรา้งสรรค์ Smart guidance and planning, Tourism service quality, Smart tourism area
  6. การศึกษา Smart education, Geography of educational opportunities
  7. เกษตร และอาหาร Digital farm, Food quality
  8. การแพทย์และสุขภาวะ AI in self-care, Chronic disease, Medical assistant
  9. พลังงานและสิ่งแวดล้อม Energy management, Environmental geospatial analytics
  10. อุตสาหกรรมการผลิต Smart manufacturing, Industry assessment and testbed

จาก Core Technology สู่ AI Service Platform

AI for Thai บริการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทย https://aiforthai.in.th ที่เนคเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เปิดให้บริการ AI Service Platform แบบสาธารณะ แก่นักพัฒนาและผู้สนใจทั่วไป สามารถใช้งานบริการปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทย ในรูปแบบ APIs จะเป็นตัวตอบโจทย์ที่ช่วยภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในบริบทของประเทศไทยได้เร็วขึ้น และภาคธุรกิจ หรือผู้พัฒนายังสามารถนำบริการมาวางแลกเปลี่ยนเพื่อทดสอบการใช้งานได้ฟรี เกิดเป็นตลาดในการใช้งาน AI ได้จริงภายในประเทศ

ปัจจุบันมีทั้งหมด 36 APIs ให้บริการทั้งด้านข้อความ (20) การวิเคราะห์ภาพ (13) คำศัพท์ เสียงและ Chat Bot (3) มีเครือข่ายนักพัฒนา จำนวนกว่า 5,458 คน โดยได้รับการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน จาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด, บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน), บริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐหรือ Government Data Center and Cloud service (GDCC)

ขอขอบคุณ : คณะผู้จัดงานสัมมนา eGovernment Forum 2022

]]>
ทีมวิจัยการเข้าใจเสียงและข้อความ (STU) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/ainrg-stu.html Thu, 28 Apr 2022 08:16:14 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18519 Read more]]>

ทีมวิจัยการเข้าใจเสียงและข้อความ หรือ Speech and Text Understanding (STU) ดำเนินการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ภาษาพูดและภาษาเขียนของมนุษย์ ซึ่งถือเป็นสื่อพื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับการติดต่อสื่อสารของมนุษย์ แต่คงไว้ซึ่งความซับซ้อน ความหลากหลาย และความสวยงาม ที่เกิดจากการสร้างสรรค์และสืบทอดต่อกันมา เป็นองค์ความรู้และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค การประมวลผลภาษาจึงมีความน่าสนใจและท้าทาย ผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนานี้ ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง อาทิ การสั่งการด้วยเสียงในโทรศัพท์มือถือ การสืบค้นข้อมูลในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และการวิเคราะห์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

สารบัญ

วิสัยทัศน์

ผู้นำทางด้านงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีภาษาพูดและภาษาเขียนสำหรับภาษาไทย

พันธกิจ

  • ความเป็นเลิศด้านการวิจัยและพัฒนา
  • สร้างเครือข่ายและขยายกลุ่มผู้ร่วมวิจัย พันธมิตรและผู้ใช้งาน
  • สร้างสภาพแวดล้อมพื้นฐานเพื่องานวิจัยสำหรับประเทศ
  • ถ่ายทอดงานวิจัยเพื่อสร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

เทคโนโลยีหลัก

  • เทคโนโลยีการประมวลผลเสียงพูด (Speech Processing Technology)
    • เทคโนโลยีการรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition)
    • เทคโนโลยีการสังเคราะห์เสียงพูด (Speech Synthesis)
    • เทคโนโลยีภาพและเสียง (Audio-visual technology)
  • เทคโนโลยีการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อความ (Text Processing and Mining Technology)
    • เทคโนโลยีการตัดคำ (Word Segmentation)
    • เทคโนโลยีการค้นคืนและสืบค้นข้อความ (Information Retrieval and Search Engine)
    • เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อความ (Text Mining)

ผลงานเด่น

  • 1. วาจา (VAJA): โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดภาษาไทย
    โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดภาษาไทย ทำหน้าที่แปลงข้อความภาษาไทยให้เป็นเสียงพูด ซึ่งห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเสียง ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาวาจาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุด วาจา 8.0 ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
      • สามารถสร้างเสียงคำพูดได้ครอบคลุมคำในภาษาไทย เนื่องจากมีส่วนวิเคราะห์คำอ่านที่สามารถวิเคราะห์ได้แม้แต่คำที่ไม่ปรากฎในพจนานุกรม
      • ผู้ใช้สามารถเพิ่มคำเฉพาะ เช่น ชื่อบุคคล พร้อมทั้งกำหนดคำอ่านได้อย่างอิสระ เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถแปลงข้อความมาเป็นเสียงพูดได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
      • รองรับการอ่านแบบสองภาษาไทย-อังกฤษ โดยเป็นเสียงของคนเดียวกัน
      • รองรับการทำงานบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows (Microsoft Speech APIs), Linux Enterprise (Web APIs) และ Android (Android APIs)
    2. พาที (Partii): โปรแกรมรู้จำเสียงพูดภาษาไทย
    เป็นโปรแกรมที่แปลงเสียงพูดภาษาไทยให้เป็นข้อความ ซึ่งห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเสียง ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาพาทีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และในเวอร์ชั่นปัจจุบัน มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
      • ไม่จำกัดเนื้อหา (Open domain)
      • ความแม่นยำอยู่ที่ 80% (Accuracy) ภายใต้การทดสอบกับเสียงพูดผ่านช่องทางข้อมูล (data channel) ด้วยสมาร์ทโฟน โดยไม่กำหนดเนื้อหา ผู้พูด หรือรูปแบบการพูด
      • การทดสอบความเร็วในการตอบสนองภายใต้เครือข่าย WiFi และเครือข่าย 3G จำลอง พบว่าพาทีสามารถตอบสนองได้ภายในเวลาไม่เกิน 1.5 เท่าของความยาวของเสียงอินพุต
      • รองรับการทํางานแบบ Server/Client ซึ่งการติดต่อจาก Client ถึง Server จะทําผ่าน gRPC โปรโตคอล แบบสัญญาณเสียงต่อเนื่อง (Streaming)
      • ​​สามารถปรับแต่งระบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน อาทิเช่น ขยายระบบเพื่อขยายการรองรับการเชื่อมต่อ พร้อมกัน (ความต้องการ  CPU, RAM, Network เพิ่มเติม), เพิ่มความถูกต้องของการรู้จํา ในเนื้อหาและสภาพแวดลอมที่กําหนด โดยใช้คลังข้อมูลเพิ่มเติม
    3. เอสเซนส์ (S-sense): โปรแกรมวิเคราะห์ข้อความโซเชียลมีเดีย
    เป็นระบบวิเคราะห์ความคิดเห็นของบุคคลทั่วไปหรือกลุ่มลูกค้าบน โซเชียลมีเดีย ว่ารู้สึกอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์ บริการ และยี่ห้อสินค้า โดยระบบจะรวบรวมข้อความจาก โซเชียลมีเดีย แล้วนำมาประมวลผลทางภาษาเพื่อแยกแยะ วิเคราะห์และแสดงผลด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่าย ซึ่งห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเสียง ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาระบบ S-Sense มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และในเวอร์ชั่นปัจจุบัน S-Sense 2.0 มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
      • วิเคราะห์คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง คำบ่งบอกคุณลักษณะของสินค้าหรือบริการ หรือคำที่มีการกล่าวถึงบ่อยครั้ง
      • วิเคราะห์จุดประสงค์ของข้อความที่รวบรวมมาเป็นข้อความประเภทใด เช่น สอบถามปัญหา ร้องขอ หรือแสดงความคิดเห็น
      • วิเคราะห์ความคิดเห็นของข้อความว่าเป็นเชิงบวกหรือลบ
      • วิเคราะห์ประโยคเชิงเปรียบเทียบ
    4. CopyCatch: โปรแกรมตรวจความเหมือนของข้อความในเอกสาร
    CopyCatch เป็นระบบตรวจสอบการคัดลอกและลอกเลียนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ซึ่งมีคุณสมบัติของระบบดังต่อไปนี้
      • สนับสนุนการตรวจสอบเอกสารที่อยู่ในรูปแบบของ Plain Text (txt), Microsoft Word Document (doc, docx), Portable Document Format (pdf)
      • สนับสนุนการตรวจสอบเอกสารท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
      • สามารถตรวจสอบเอกสารท่ีถูกเปลี่ยนแปลงบางส่วนได้ เช่น ลบคำ เพิ่มคำ หรือการสลับประโยค เป็นต้น
      • สามารถตรวจสอบกับคลังเอกสารจำเพาะได้
      • สามารถแสดงแถบสีของข้อความที่คล้ายกันพร้อมท้ังเปอร์เซ็นต์ความคล้าย

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  • ดร.วาทยา ชุณห์วิจิตรา : Automatic Speech Recognition, HMM-based Speech Synthesis
  • ดร.ชัยอนันต์ ดำรงรัตน์ : Information Retrieval, Computer Vision, Augmented Reality, Knowledge Management, Mobile Application, Location-Based technology
  • ดร.อัษฎางค์ แตงไทย : Speech processing, Thai Text processing, Audiovisual Speech Synthesis
  • ดร.ขวัญชีวา แตงไทย : Multi-Modal Speech Recognition, Statistical Language Modeling
  • นางสาว พรพิมล ผลินกูล : Linguistics, Corpus Linguistics, Lexicography
  • นางสุมนมาศ ทัดพิทักษ์กุล : ภาษาศาสตร์และสัทศาสตร์
  • นายศราวุธ คงยัง : Big Data Analytic, Text Mining and Machine Learning, Sentiment Analysis and Opinion Mining, Information Retrieval and Search Engine, Natural Language Processing, Software Engineering, Visualization
  • นายสุพล ไกลถิ่น : Database Management System, Web Programming, Natural Language Processing
  • ดร.สุรศักดิ์ บุญกล้า : Speech Processing, Voice Biometrics
  • นายชัชวาล สังคีตตระการ : Information Retrieval, Search Engine, Question- Answering, Natural Language Processing, Mobile Application
  • นางสาวกนกอร ตระกูลทวีคูณ : Web Programming and Design, Database Management System, Visualization
  • นายสิทธิพงษ์ สายชุม : Speech Synthesis Technology, Text analysis, Natural Language Processing, Embedded software development
  • นายพุทธพงศ์ เสริฐศรี : Speech Recognition, Computer Programming, Mobile App Development
  • นายณัฐพงษ์ เครือภักดี : Speech Synthesis, Text analysis, Computer Programming, Business Software Development, System and Database Administrator
  • ดร.วัฒนศักดิ์ เจียมวัฒนชัย : Smart Agent
  •  

ติดต่อ

ทีมวิจัยการเข้าใจเสียงและข้อความ(STU)
กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : stu[at]nectec.or.thโทร. 0 2564 6900 ext. 2232

]]>
เริ่มแล้ว !!! Super AI Engineer Season2 คัดสุดยอดวิศวกรด้านปัญญาประดิษฐ์ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/super-ai-engineer-s2.html Tue, 08 Feb 2022 05:17:36 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=24532

6 ก.พ.65 : ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) เข้าร่วมในพิธีปฐมนิเทศผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ Super AI Engineer Season 2 (Level 2) ณ อาคารเรียนรวม (SC 3) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่ร่วมดำเนินงาน กล่าวถึงบทบาทในการสนับสนุนพร้อมให้โอวาท แนวคิด และคำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่

กล่าวรายงานกิจกรรมโครงการพัฒนาบุคลากรความสามารถพิเศษด้านปัญญาประดิษฐ์ (Super AI Engineer Season 2)
โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ ธีระมั่นคง สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย

ปาฐกถาพิเศษ
โดย รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ  อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กล่าวให้โอวาทผู้อบรม
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน  กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ
ศาสตราจารย์ ดร.พฤทธา ณ นคร  ผู้อํานวยการสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กล่าวให้โอวาทผู้อบรมและเสริมแนวคิดการให้ทุน ด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนา
สถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและสร้างนวัตกรรม (บพค.)
โดย ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง  ผู้อํานวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากําลังคนและทุนด้านการพัฒนา สถาบันอุดมศึกษา การวิจัย และการสร้างนวัตกรรม (บพค.)

กล่าวให้โอวาทผู้อบรมและเสริมความร่วมมือพัฒนาบุคลากรความสามารถพิเศษ
ด้านปัญญาประดิษฐ์ ผ่านเครือข่าย AI Thailand Consortium
โดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย  ผู้อํานวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เนคเทค สวทช.

ปฐมนิเทศและแนวทางปฎิบัติในค่าย
โดย ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ  ผู้อํานวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช.
อุปนายก สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ได้กล่าวถึงบทบาทของเนคเทค สวทช. ในฐานะเลขานุการร่วมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ AI ประเทศไทย หรือ National AI Strategy ที่จะเป็นแผนยุทธศาตร์กำหนดทิศทางเดินหน้าผลักดันเทคโนโลยี AI ประเทศไทยได้เตรียมทำแผนดังกล่าว มาตั้งแต่ปี 2562 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี สาระสำคัญของแผน ฯ จะเป็นบริบทของการบริหารข้อบังคับกฎหมายทั้งที่เป็นประโยชน์ และข้อจำกัดของเทคโนโลยี AI, การพัฒนาในเรื่องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในยุทธศาสตร์การดำเนินงาน โครงการ Super AI Engineer เป็นโครงการที่ชัดเจน และเร่งรัดพัฒนาคนตอบโจทย์ให้กับประเทศ จึงได้บรรจุโครงการนี้อยู่ในแผนปฏิบัติการ AI ในระยะเร่งด่วน นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดตั้งสมาพันธ์ปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AI Thailand Consortium) ตั้งแต่ประมาณปลายปี 2564 ซึ่งเป็นการดำเนินงานคู่ขนานกับแผน AI Strategy ที่ได้รวบรวมเครือข่ายของนักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ทั้งสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) และพันธมิตรอีกหลายหน่วยงานที่เข้ามาให้ความร่วมมือ เพื่อเตรียมพร้อมเป็นศูนย์กลางส้รางเครือข่าย/ พัฒนาผู้เชี่ยวชาญ AI ของประเทศ โครงการ Super AI Engineer จึงถือเป็นประตูที่ช่วยเปิดให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่น AI ได้เป็นอย่างดี

โครงการ Super AI Engineer 

โครงการ Super AI Engineer มีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะในการพัฒนาความรู้ สร้างบุคลากรทางด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ในปีนี้เป็นโครงการปีที่ 2 (Season 2) ต่อจากโครงการปีที่ 1 ปี 2563 (Season 1) ซึ่งมีผู้ผ่านการประเมินความสามารถหลังอบรม ได้มาเป็นกลุ่มที่ได้เหรียญทอง จำนวน 8 คน กลุ่มที่ได้เหรียญเงินจำนวน 19 คน และกลุ่มที่ได้เหรียญทองแดงจำนวน 45 คน โครงการปีที่ 2 นี้ก็เช่นเดียวกัน ทางสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร สถาบันการศึกษา โดยได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากเครือข่ายสมาชิกสมาคม องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนไม่น้อยกว่า 40 แห่งเพื่อดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านปัญญาประดิฐ์อย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมในปีนี้ ทางโครงการได้เริ่มเปิดรับสมัคร ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64 โดยมีผู้สนใจทั่วไป จากทั่วประเทศ อายุตั้งแต่ 15 – 55 ปี ทั้งนักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไป ไม่จำกัดสาขาวิชาชีพ ให้ความสนในสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวนกว่า 5,700 คน และได้เข้าร่วมกิจกรรมใน Level 1 ด้วยการอบรม AI ระดับพื้นฐาน (Fudamental) ผ่านระบบออนไล์ MOOC AIAT และรับสิทธิ์การทดสอบวัดระดับความรู้พื้นฐาน ให้เข้าสู่การอบรมในระดับกลาง (Intermediat Level) ซึ่งมีผู้ผ่านเข้าร่วมกิจกรรมใน Level 2 จำนวน 500 คน ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกทักษะความรู้การวางแผน การออกแบบ การวิเคราะห์ ทั้งทางด้าน AI Technology, Image Processing, Signal Processing, Data Science/ Data Analytics, Internet of Things ฯลฯ รวมถึงกิจกรรม AI Workshop ในการฝึกปฏิบัติแก้ปัญหาด้าน AI จากโจทย์จริงขององค์กรภาคธุรกิจ และการนำเสนอผลงาน (Pitching) โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. – 1 เม.ย. 65 หลังจากนั้นจะเป็นการสอบประเมินความรู้ ความสามารถ เพื่อเข้าสู่ Levle 3 ในการนำความรู้ความสามารถด้าน AI ไปประยุกต์ใช้งาน ลงสนามเรียนรู้การทำงานจริง ร่วมฝึกงานภายในองค์กร/ สถานประกอบการ และนำเสนอผลงานผลงานในรอบสุดท้าย เพื่อประกาศผลและมอบรางวัลสุดยอดวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ ภายในเดือนส.ค. 65

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการ Super AI Engineer Season 2 ได้ที่ https://superai.aiat.or.th/

]]>
ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (SAI) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/dsarg-sai.html Sat, 02 Mar 2019 02:05:58 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18907 Read more]]>

ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ต่างให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์จากข้อมูล มาช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น แต่ติดปัญหาหลัก 3 ข้อ ได้แก่ (1) ส่วนใหญ่ยังมีการดำเนินงานแบบเฉพาะกิจ (ad hoc) (2) ไม่มี Platform กลางในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ (3) ขาดศูนย์กลางที่บุคลากรด้านการวิเคราะห์ข้อมูลมาร่วมกันตอบโจทย์ประเทศ

ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (SAI) จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อนี้ โดยทีม SAI มีความเชี่ยวชาญในการสร้างคุณค่าจากข้อมูล ผ่านกระบวนการ

  1. Data Engineering และ Data Integration การบูรณาการข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูล อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Data Visualization ความสามารถในการนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจและใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย
  3. Data Analytics การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาองค์ความรู้และคุณค่าที่ถูกซ่อนไว้ในข้อมูล (insights) เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูล
  4. Data Sharing and Open Data การเปิดเผยข้อมูล และการแบ่งปันข้อมูลอย่างมีธรรมาภิบาล

วิสัยทัศน์

เพื่อเป็น Data Scientists ให้ประเทศ

พันธกิจ

  • Critical data product prototyping. พัฒนาวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับโจทย์เชิงยุทธศาสตร์ทั้งของ ภาครัฐและเอกชน
  • Co-creation. ให้คำปรึกษา หรือร่วมวิจัยและพัฒนากับหน่วยงานต่าง ๆ ในการบูรณาการและวิเคราะห์ ข้อมูลในหน่วยงานหรือข้ามกลุ่มหน่วยงานของตน
  • Tools & Platforms development. วิจัย พัฒนา และให้คำแนะนำเครื่องมือและโครงสร้าง พื้นฐาน เพื่อบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูล
  • Data scientist incubator. พัฒนาบุคลากรด้าน data science ให้กับประเทศ

เทคโนโลยีหลัก

  • Data Engineering and Data Integration
  • Data Analytics
  • Data Visualization
  • Data Governance
  • Semantic and knowledge graph technology

ผลงานเด่น

  • ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ URL : https://www.tpmap.in.th/
  • เทคโนโลยีแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับข้อมูลแบบเปิด (Open-D) URL :  https://www.nectec.or.th/opend/
  • ระบบรายงานการติดตามและประเมินผลของยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ (eMENSCR) ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ URL :  https://emenscr.nesdc.go.th/
  • ระบบ THAI SME-GP มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงบริการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) URL : https://www.thaismegp.com/  
  • ระบบบัญชีข้อมูลกลางภาครัฐ (Government Data Catalog) และระบบบัญชีข้อมูลหน่วยงาน (Agency Data Catalog) ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ URL : https://gdcatalog.go.th
  • แพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ URL :  https://mso-logbook.m-society.go.th/
  • ต้นแบบการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะจากฐานข้อมูลทะเบียน ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ (Register-based Census)
  • ระบบสารสนเทศเพื่อการส่งต่อผู้ป่วย (e-Referral) ใช้งานในทุกโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร (11 รพ.) ศูนย์บริการสุขภาพ กทม (69 แห่ง) และคลินิกอบอุ่น
  • ระบบสารสนเทศเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลบริการสาธารณสุขการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร
  • แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลสาธารณสุข (Health Data Exchange)
  • สายวัด (SAIWAT) โปรแกรมวัดขนาดอาหารสัตว์น้ำ ใช้ในงานตรวจสอบขนาดอาหารสัตว์ ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์น้ำ URL : https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-software/saiwat.html
  • โครงการศึกษาและส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานการพัฒนา
  • โปรแกรมประยุกต์ผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับกลุ่มเปราะบาง ปี 2567 ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
  • ฟาร์มลิงก์ (FAARMLink) ระบบบูรณาการข้อมูลขึ้นทะเบียนเกษตรกร ร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
  • ระบบโมเดลทำนายภาษีระดับประเทศ ร่วมกับ กรมสรรพากร
Cinque Terre

TPMAP : Thai People Map and Analytics Platform

รางวัล

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  1. ดร.มารุต บูรณรัช : Data Governance, Semantic Technology, Knowledge Engineering
  2. ดร.อานนท์ แปลงประสพโชค : Social Network Analysis, Financial Data Analytics, Data Engineering, Data Science
  3. ดร.นวพร สุรัสวดี มฤคทัต : Government Data Analytics, Data Science, Visual Analytics, Operations Management, Management Science
  4. ดร.ชัยณรงค์ อมรบัญชรเวช : Statistics, Data Science, Time Series Analysis, Data Mining, Theoretical Computer Science, Bioinformatics, Strategic Management
  5. ดร.ณัฐพงษ์ แสงเลิศศิลปชัย : Textual Data Analytics, Natural Language Processing (NLP) Application, Data Science, Data Visualization
  6.  ดร.ปวรัตน์ นนทศิลป์ : Cognitive Science, Behavioural and Emotional Analytic
  7. ดร.ปัฐมา กระต่ายทอง : Data Integration, Knowledge Graph, Data Analytics, Data Engineering
  8. นางสาวนิธิภัทร ว่องชิงชัย : Requirement Engineering, Data engineering and data integration, Object-oriented analysis and design, Database Design
  9. นายวิศิษฎ์ วงศ์วิไล : SW Architecture, Data Integration and Exchange, BI, SW Development, Digital Healthcare, HL7 FHIR
  10. นางสาวรุ่งกานต์ ศิริเจริญไชย: Image Processing, Computer Vision, Data Processing
  11. นายปฏิพัทธ์ ตุ้มสังข์ทอง : Software Engineering, Data Governance, Data Engineering
  12. นายวีระชัย จันทร์สุด : Software Engineer, Data Engineering, Spatial science
  13. นายรัฐภูมิ นิราศวรรณ : Infrastructure Engineer, Data Engineer, Microservice Architecture, Kubernetes Architecture, LINE Front-end Framework (LIFF), OAuth2.0
  14. นายปรเมษฐ์ ธันวานนท์ : Government Data and Integration Architect, Government Procurement Data Anlytics, Financial Data Analytics, Data Science, Data Analytics
  15. นางสาวอสมาภรณ์ ฉัตรัตติกรณ์ : Software Business Analyst, Visual Design, Data Engineer: Pandas, FastAPI, PostgreSQL
  16. นายชัยภูมิ ศิริพันธ์พรชนะ : Deep learning, Spatial science, Data Engineer
  17. นางสาวปัญจพร ฉัตรสุวรรณ: Realist Analysis, Strategic Foresight, Thematic Analytics, Content Strategic Analytics
  18. นายธีระวัฒน์ วุฒิตะสาร : Full-stack Web Development, Development Operations (DevOps)
  19. นางสาวศรัณย์รักษ์ จันทร์ประดับ : Open-source Full-stack Web Development
  20. นางสาวธนาวรรธน์ พรหมมา : Strategic Business Analysis, Thematic Analytics, Content Strategic Analytics, Process Design, UX/UI Design, Infographic Design
  21. นางสาวกิตติยา กู้เกียรติกูล : Data Mining, Statistics, Data Engineering
  22. นางสาวจุฑามาศ ณ ลำปาง : Infographic Design, Process Design, Thematic Analytics, Content Strategic Analytics, Coordination Technique
  23. นางสาวปรียนันท์ อัศวมงคลศิริ : Thematic Analytics, Content Strategic Analytics, Coordination Technique
  24. นายธนเดช รัตนกรพันธ์ : Data Science, Time Series Analysis, Full-stack Web Development,  UX/UI Design, Chemistry.

ติดต่อ

ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (SAI)
กลุ่มวิจัยวิทยาการข้อมูลและการวิเคราะห์ (DSARG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : dsarg-sai[at]nectec.or.th

]]>