เทระเฮิรตซ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Tue, 24 Jun 2025 08:35:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png เทระเฮิรตซ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/ssdrg-trt.html Tue, 06 May 2025 01:20:32 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18970 Read more]]>

ภาพรวมเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์

คลื่นเทระเฮิรตซ์ (Terahertz Waves) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างคลื่นไมโครเวฟ (Microwave) และอินฟราเรด (Infrared) มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 30 ไมโครเมตรถึง 3 มิลลิเมตร คลื่นเทระเฮิรตซ์กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการวิจัยเนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ กล่าวคือ คลื่นเทระเฮิรตซ์สามารถทะลุผ่านวัสดุที่ไม่ใช่โลหะได้หลายชนิด เช่น กระดาษ ผ้า ไม้ และพลาสติก คลื่นเทระเฮิรตซ์ไม่ทำให้โมเลกุลในร่างกายสิ่งมีชีวิตแตกตัวเป็นไอออน (Ionization) จึงปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้คลื่นเทระเฮิรตซ์สามารถตรวจจับสารชีวโมเลกุลที่สำคัญได้ เช่น กรดอะมิโน ยาปฏิชีวนะ และสารตั้งต้นของวัตถุระเบิด ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์จึงมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้งานในหลายด้าน เช่น การทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing; NDT) และการควบคุมคุณภาพ (Quality Control; QC) ในงานด้านเกษตรและอุตสาหกรรม การรักษาความปลอดภัย (Security) การสื่อสาร (Communication) และการแพทย์ (Medicine) 

เพื่อเป็นการสนับสนุนการวิจัยด้านเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ในประเทศไทย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (Terahertz Research Team; TRT) จึงก่อตั้งขึ้นโดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ขั้นแนวหน้า และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยทีมวิจัยได้มีความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ 

Terahertz

ย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ เมื่อเปรียบเทียบกับย่านความถี่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : “เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์” กับการประยุกต์ใช้งานในประเทศไทย

วิสัยทัศน์

เป็นทีมวิจัยที่พัฒนาเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ผ่านการวิจัยขั้นแนวหน้าและการพัฒนาเชิงประยุกต์ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในระดับประเทศและภูมิภาค 

พันธกิจ

  • วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ โดยมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อการเกษตร อุตสาหกรรม สังคม และความมั่นคงของประเทศ 
  • พัฒนาเทคโนโลยีและบริการต่าง ที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายในโลกจริง และสร้างประโยชน์ต่อการเกษตร อุตสาหกรรม สังคม และความมั่นคงของประเทศ 
  • ส่งเสริมความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อนำเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและเสริมสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศไทย 

เทคโนโลยีหลัก / โจทย์วิจัย

1. การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์ 

ทีมวิจัยของเรามุ่งเน้นการออกแบบ การผลิต และการทดสอบอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์ ซึ่งรวมถึงเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna; PCA) รวมถึงแผ่นขยายสัญญาณ Metasurface และเกรตติ้งตรวจวัดคลื่นผิวพลาสมอน (Surface Plasmon Resonance Grating; SPR Grating) นอกจากนี้ทีมวิจัยได้ใช้ซอฟต์แวร์จำลองเชิงพาณิชย์เพื่อให้ได้การออกแบบที่เหมาะสมที่สุด และทำการผลิตอุปกรณ์ขนาดเล็กเหล่านี้ในระดับไมครอน สามารถดำเนินการได้โดยใช้อุปกรณ์ภายในกลุ่มวิจัย เช่น Photomask Aligner, Reactive Ion Etcher, RF Magnetron Sputtering System เป็นต้น 

1.1 เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna, PCA) 
เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna, PCA) เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มีความสำคัญในอุปกรณ์วิเคราะห์สเปกตรัมสัญญาณเทระเฮิรตซ์ ดังแสดงในรูปที่ 2 เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงสามารถเป็นได้ทั้งตัวส่งและตัวรับ และมีองค์ประกอบหลักเป็นสารกึ่งตัวนำและขั้วทำจากทอง เมื่อเสาอากาศถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในระยะเวลาสั้นๆ (10-12 วินาที) ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ โดยเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงถูกนำไปประยุกต์ใช้ในเครื่องวิเคราะห์สเปกตรัมสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบโดเมนเวลา (THz Time-Domain Spectroscopy; THz-TDS) ดังแสดงในรูปที่ 2 ที่ถูกนำมาใช้ในเทคนิคสเปกโทรสโกปีย่านเทระเฮิรตซ์ (ดูหัวข้อ 4.3.3) เพื่อตรวจวัดสเปกตรัมของสารหรือวัสดุที่สนใจ ซึ่งสเปกตรัมที่วัดได้จะมีรูปร่างแตกต่างกันตามชนิดและปริมาณของสารหรือวัสดุเหล่านั้น

องค์ประกอบและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์

ทีมวิจัยได้ทำการหารูปร่างและโครงสร้างของเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับยกระดับการผลิตเพื่อรองรับยอดการสั่งผลิตในระดับพาณิชย์ (Mass Production) ด้วยการเสนอเทคนิคการผลิตเสาอากาศ TeraAnt Chips ซึ่งเป็นเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงที่ผลิตโดยใช้กระบวนการ Electron-Beam Irradiation ที่มีจุดเด่นในเรื่องของต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก แต่ยังให้ระดับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ในระดับที่เทียบเท่ากับเทคนิคในปัจจุบันที่อาศัยการพัฒนาแบบการปลูกแกลเลียมอาร์เซไนด์ที่อุณหภูมิต่ำ (Low-Temperature Grown Gallium Arsenide; LT-GaAs)

1.2 อุปกรณ์ขยายสัญญาณสำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปี
เพื่อเพิ่มความไวและความจำเพาะของการตรวจวัด อาจมีการประยุกต์ใช้แผ่นเมตาเซอร์เฟส (Metasurface) ร่วมกับเทคนิค THz-TDS ดังแสดงในรูปที่ 2 โดยใช้โครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เช่น วงแหวนแยก (Split Ring Resonator; SRR) เกรตติ้งตรวจวัดคลื่นผิวพลาสมอน (Surface Plasmon Resonance Grating; SPR Grating) โครงสร้างเหล่านี้ถูกออกแบบให้มีความถี่เรโซแนนซ์ (Resonance Frequency) เฉพาะในย่านเทระเฮิรตซ์ ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของความถี่เรโซแนนซ์หรือแอมพลิจูดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมรอบโครงสร้าง

การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสัมพันธ์กับคุณสมบัติของตัวอย่าง เช่น ชนิดของโมเลกุล หรือความเข้มข้นของสาร โดยเฉพาะในสารชีวโมเลกุลบางชนิด เช่น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharides) โปรตีน DNA ดังนั้น โครงสร้างเมตาเซอร์เฟสดังกล่าวจึงสามารถประยุกต์ใช้เป็น เซนเซอร์ชีวภาพ (Biosensor) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือในอีกกรณีหนึ่ง ยังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสารที่ผิว โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหักเห (Refractive Index) ของสารที่สัมผัสกับพื้นผิวของเมตาเซอร์เฟส

1.3 แผ่นขยายสัญญาณสำหรับเทคโนโลยีโทรคมนาคม
แผ่นขยายสัญญาณนี้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นจากองค์ความรู้ Metasurfaces โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะทำหน้าที่คล้ายกับอุปกรณ์ทวนสัญญาณ เพื่อเพิ่มกำลังและรวมสัญญาณให้ตกกระทบไปยังพื้นที่ที่ต้องการใช้งานหรือในบริเวณอับสัญญาณได้ ดังแสดงในรูปที่ 3 ขณะนี้แผ่นขยายสัญญาณที่พัฒนาขึ้นสามารถรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G โดยอุปกรณ์ดังกล่าวถูกทดสอบภายใต้ความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และผลการทดสอบพบว่า สามารถขยายสัญญาณให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้ถึง 32 เท่าที่ความถี่ 26 GHz แนวคิดในการพัฒนาแผ่นขยายสัญญาณดังกล่าวสามารถต่อยอดเพื่อรองรับการสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งาน หรือการสื่อสาร 6G ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ นอกจากนี้แผ่นขยายสัญญาณที่พัฒนาขึ้นมีต้นทุนการผลิตและการติดตั้งที่ต่ำกว่าอุปกรณ์ทวนสัญญาณที่มีอยู่ในท้องตลาด มีน้ำหนักเบา และสามารถทำงานได้โดยไม่อาศัยพลังงานไฟฟ้า

การพัฒนาและการประยุกต์ใช้แผ่นขยายสัญญาณสำหรับเทคโนโลยีโทรคมนาคม

2. การพัฒนาอุปกรณ์ส่งและรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์

2.1 รับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว (Terahertz Array Detector)

Microbolometer-based Metamaterials THz Detector

(ซ้าย) โครงสร้าง และ (ขวา) ภาพถ่ายของตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว

“ตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว” ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์จากแหล่งกำเนิดสัญญาณชนิดต่างๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีการดูดซับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ในชั้นอภิวัสดุ (Metamaterial) และการเปลี่ยนความร้อนที่ดูดซับเป็นสัญญาณไฟฟ้าผ่านเทคโนโลยี CMOS Microbolometer สำหรับตัวดูดซับสัญญาณที่พัฒนาขึ้นนั้น มีช่วงการตอบสนองต่อความถี่ที่ 0.5–2.0 THz และมีจำนวนทั้งหมด 10 × 10 พิกเซล การผลิตตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถวนี้ สามารถใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีของศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (Thai Microelectronics Center; TMEC) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในประเทศไทย และตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ที่ผลิตขึ้นมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพเทระเฮิรตซ์ (THz Imaging) เพื่อใช้ในการทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing; NDT) และการควบคุมคุณภาพ (Quality Control; QC)  (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อ 3.1 – 3.2)

2.2 ระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR)
ระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR) ดังแสดงในรูป ประกอบด้วยปืนอิเล็กตรอนกระแสตรง (DC Electron Gun) ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถสร้างลำอิเล็กตรอนพลังงาน 35 keV แบบต่อเนื่อง โดยลำอิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่ผ่านเกรตติงซิลิคอนเคลือบโลหะเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแผ่รังสีเทระเฮิรตซ์

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : Terahertz Device : Smith-Purcell Radiation

Smith-Purcell THz FEL

(ซ้าย) องค์ประกอบ และ (ขวา) ภาพถ่ายของระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์
แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR)

3. การพัฒนาเทคนิคการสร้างภาพและสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์

3.1 ระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง
ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง เพื่อจำลองการตรวจวัดในสายการผลิต ดังแสดงในรูป

ภาพรวมและความสามารถของระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง

โดยระบบดังกล่าวจะมีสายพานที่ลำเลียงวัสดุให้ผ่านไปในบริเวณระหว่างตัวส่งและตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ เมื่อวัสดุถูกลำเลียงผ่านไปในบริเวณนั้น จะเกิดการบดบังสัญญาณที่แตกต่างกันตามคุณสมบัติของวัตถุ เช่น ชนิด ความหนา และความชื้นของวัสดุ ทำให้ค่าความเข้มสัญญาณเทระเฮิรตซ์ที่ตรวจวัดได้แตกต่างกันในแต่ละบริเวณของวัสดุ และเกิดเป็นภาพเทระเฮิรตซ์ขึ้นมา เนื่องจากสัญญาณเทระเฮิรตซ์สามารถทะลุผ่านวัสดุได้หลายชนิด และตอบสนองต่อความชื้น ระบบดังกล่าวจึงสามารถนำไปใช้ในการสร้างภาพของวัสดุซุกซ่อนภายใน หรือภาพการกระจายความชื้นภายในวัสดุ ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวรองรับการแสดงผลภาพสีจากกล้องถ่ายภาพ ทำให้สามารถแสดงผลได้ทั้งภาพภายนอกและภายในวัสดุ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Terahertz Imaging : สร้างภาพด้วยสัญญาณเทระเฮิรตซ์ ประยุกต์ใช้กับระบบสายพานลำเลียง

3.2 ระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ
ระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ  พัฒนาขึ้นจากหลักการสะท้อนของคลื่นเทระเฮิรตซ์ โดยคลื่นเทระเฮิรตซ์ที่สร้างจากตัวกำเนิดสัญญาณ จะสามารถทะลุผ่านสิ่งปกคลุมที่มีส่วนประกอบเป็นผ้า กระดาษ หรือพลาสติก และเข้าไปตกกระทบบนวัตถุที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใน หากวัตถุดังกล่าวมีส่วนประกอบของโลหะหรือเซรามิค ซึ่งมักจะพบในของมีคมหรือวัตถุอันตราย คลื่นเทระเฮิรตซ์ก็จะถูกสะท้อนออกมาจากวัตถุ เหล่านั้นออกมายังตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์

ภาพรวมและความสามารถของระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ

ทีมวิจัยได้นำหลักการนี้มาพัฒนาเป็นระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ ที่ประกอบด้วยตัวส่งและรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ กล้องถ่ายภาพ 3 มิติ และแท่นหมุนวัตถุเพื่อเก็บข้อมูลวัตถุโดยรอบ รวมทั้งทีมวิจัยได้พัฒนาซอฟต์แวร์ประมวลผลเพื่อนำข้อมูลสัญญาณสะท้อนจากวัตถุซุกซ่อนไปแสดงผลในตำแหน่งที่ถูกต้องบนภาพ 3 มิติของวัตถุได้ จากผลการทดสอบพบว่า ระบบสามารถตรวจจับวัตถุซุกซ่อนได้ดีบนวัตถุที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก แต่ไม่สามารถแสดงผลตำแหน่งของวัตถุซุกซ่อนได้ถูกต้องหากวัตถุมีรูปร่างแบบอื่นที่แตกต่างจากทรงกระบอกมากเกินไป ซึ่งในปัจจุบันทีมวิจัยอยู่ในระหว่างการพัฒนาอัลกอริทึมที่แก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว

3.3 แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปี

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจของคลื่นเทระเฮิรตซ์ คือ ความสามารถในการตรวจวัดสารชีวโมเลกุลได้ โดยสารชีวโมเลกุลที่มีชนิดหรือปริมาณต่างกัน จะให้รูปแบบของสัญญาณสเปกตรัมในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ที่ต่างกัน ทีมวิจัยมีอุปกรณ์ที่สามารถเก็บสัญญาณสเปกตรัมได้ในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ ทั้งในแบบโดเมนเวลาและโดเมนความถี่ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีความสามารถในวัดสเปกตรัมของสารชีวโมเลกุลพื้นฐานได้หลายชนิด โดยเฉพาะสารพื้นฐานที่พบในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเครื่องสำอาง รวมทั้งทีมวิจัยยังได้มีการประยุกต์ใช้เทคนิคปัญญาประดิษฐ์ เพื่อทำนายชนิดและปริมาณของสารชีวโมเลกุลจากสัญญาณสเปกตรัมที่มีความซับซ้อนได้ ดังภาพแสดงภาพรวมของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปีที่ทีมวิจัยดำเนินการอยู่

ภาพรวมของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปี และการใช้ประโยชน์

นอกจากนี้ ทีมวิจัยได้พัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลสเปกตรัม ที่เก็บรวบรวมข้อมูลสเปกตรัมที่วัดได้จากสารชีวโมเลกุลพื้นฐาน เพื่อนำไปใช้ในการอ้างอิง วิเคราะห์ หรือสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ในอนาคตทีมวิจัยมีแผนที่จะเปิดใช้งานระบบดังกล่าวให้กับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการแบ่งปันและการนำข้อมูลไปใช้งาน

4. เทคโนโลยีอื่นๆ

4.1 เทคโนโลยีไลดาร์สำหรับการสร้างแผน 3 (LiDAR 3D Mapping)
เทคโนโลยี LiDAR อาศัยการใช้แสงเลเซอร์ในย่านอินฟราเรด ในการวัดระยะทาง ณ จุดต่างๆ บนพื้นผิวของวัตถุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หากมีการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวร่วมกับอุปกรณ์ระบุตำแหน่ง เช่น GPS (Global Positioning System), UWB (Ultra-Wide Band), หรือ IMU (Inertial Measurement Unit) จะช่วยให้สามารถสร้างภาพหรือแผนที่ 3 มิติที่มีขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากแสงเลเซอร์ที่ใช้ใน LiDAR มีความยาวคลื่นสั้นและความถี่ไม่อยู่ในย่านคลื่นที่ตามองเห็นได้ เทคโนโลยี LiDAR จึงมีจุดเด่นในแง่ของความละเอียดในการวัดระยะทางอยู่ในระดับเซ็นติเมตร และสามารถในการใช้งานได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน

ระบบสร้างภาพแผนที่ 3 มิติทั้งนอกอาคารและในอาคาร

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้มีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในการสร้างแผนที่ทางนอกและในอาคาร ดังแสดงใน และมีการศึกษาการนำเทคโนโลยี LiDAR ในรูปแบบต่างๆ มาทำการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการสร้างภาพ 3 มิติ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการวางแผนพัฒนาระบบสร้างภาพ 3 มิติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีขนาดเล็กลง สามารถพกพาได้ และเหมาะสมกับพื้นที่ทั้งในอาคารและนอกอาคารของสถานที่ทำการสำรวจ

เครื่องมือวิจัย

1. Microfabrication

  • Photomask Aligner
  • Reactive Ion Etcher
  • RF Magnetron Sputtering System

2. Simulation Tools

  • High-Performance Computer
  • COMSOL Multiphysics
  •  CST Studio Suite (not sure if we should include this)

3.   Terahertz Sources

  • 0.1 THz IMPATT Diode Source
  •  1.6-4.1 THz Quantum Cascade Laser (QCL)

4. Terahertz Detectors

  • FET-Based 16 x 16 Pixel THz Array Camera (pixel size = 2 mm)
  • FPA Microbolometer-Based 640 x 480 Pixel THz Array Camera (pixel size = 17 um)
  • THz Power Meter and Pyroelectric Detector

5. Terahertz Spectroscopy Systems

  • THz Time-Domain Spectroscopy Systems (THz-TDS)
  • Fourier Transform Infrared Spectroscopy (FTIR)

6.   3D Mapping Systems

  • Velodyne High-Resolution LiDAR Sensors
  • FLIR Blackfly S High-Resolution RGB Cameras
  • Intel RealSense L515 Portable LiDAR Systems

ติดต่อ

ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT)
กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : ssdrg-trt@nectec.or.th

]]>
เนคเทค สวทช. ต้อนรับอาจารย์และนักศึกษา KMITL เข้าศึกษาดูงานด้านอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/kmitl-visit210922.html Mon, 26 Sep 2022 07:39:00 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=29520

วันพุธที่ 21 กันยายน 2565  เนคเทค สวทช. ต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)  จำนวน 19 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาดูงานทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเปิดโลกทัศน์ของนักศึกษานำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนในห้องเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สำหรับการประกอบวิชาชีพต่อไป  โดยมีหัวข้อผลงานมานำเสนอ ดังนี้

1. การบรรยายในหัวข้อ Localized surface plasmon resonance (LSPR) optical-based biosensor for biomolecules detection โดย ดร.อัสมา สาธุการ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเซนเซอร์แสงไฟฟ้าเคมี (OEC)

ในปัจจุบันการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณสารชีวโมเลกุล (Biomolecules) เช่น ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid, DNA) หรือ แอนติบอดี (antobody) หรือกรดไรโบนิวคลิอิก (ribonucleic acid, RNA) เพื่อใช้ในการระบุชนิดของโรคต่างๆทั้งในคนและสัตว์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบุชนิดของโรคในสัตว์เศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น การตรวจวัดเชื้อไวรัสทิลาเปียเลค (TiLV) ในปลานิล จึงเริ่มมีการศึกษา วิจัย พัฒนาการวัดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเชิงแสง เนื่องจากสามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว และมีความจำเพาะต่อสารที่ต้องการที่จะตรวจวัด จึงส่งผลต่อความแม่นยำในการวิเคราะห์ได้ดี อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนในการตรวจวัดแต่ละครั้งได้อีกด้วยเมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน ซึ่งสารชีวโมเลกุลดังกล่าวจำเป็นต้องผ่านกระบวนการเพิ่มจำนวน (amplification) ด้วยปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (polymerase chain reaction, PCR) เป็นต้น

2. การบรรยายในหัวข้อ “Ultrathin optical devices with geometric metasurfaces” โดย ดร.ยุทธนา อินทรวันณี ทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT)

เป็นการพัฒนาอุปกรณ์ทางแสงด้วยโครงสร้างในระดับนาโนเมตรจากทอง โดยโครงสร้างดังกล่าวมีขนาด 80 x 220 x 40 ลูกบาศก์นาโนเมตร (กว้าง x ยาว x หนา) และมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบในระนาบ 2 มิติ แต่มีองศาของการเรียงตัวที่แตกต่างกันตามหน้าที่ของอุปกรณ์นั้น ๆ ซึ่งถูกเรียกว่า เมตะเซอร์เฟซ (metasurface) เมตะเซอร์เฟซถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้อุปกรณ์สามารถมีฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถทำได้หรือทำได้ยากจากอุปกรณ์ทางแสงโดยทั่วไปในปัจจุบัน และด้วยความหนาของโครงสร้างขนาด 40 นาโนเมตร จึงทำให้อุปกรณ์ทางแสงที่พัฒนาขึ้นมีความบางมาก ๆ (ultrathin) เหมาะแก่การนำไปพัฒนาอุปกรณ์แบบพกพาที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด เช่น ระบบ AR/VR กล้องถ่ายภาพ กล้องจุลทรรศน์ กล้องถ่ายภาพหลายความยาวคลื่น หรือ เครื่องสเปกโตรมิเตอร์ เป็นต้น

3. การบรรยายในหัวข้อ “เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ หลักการ และการประยุกต์ใช้งาน” โดย ดร.รุ่งโรจน์ จินตเมธาสวัสดิ์ จากทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT)

โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณลักษณะของคลื่นเทระเฮิรตซ์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ ได้ และได้กล่าวถึงงานวิจัยที่ทีมวิจัยฯ ได้ดำเนินการอยู่

4. การบรรยายในหัวข้อ “เทคโนโลยี Raman-SERS (OnSpec) และงานประยุกต์ในด้านต่าง ๆ” โดย ดร.ฐิตพัฒน์ เงินสุทธิวรกุล และดร.ราจู บอตต้า จากทีมวิจัยเทคโนโลยีเชิงแสงไฟฟ้าเคมี (OEC)

และหลังเสร็จสิ้นการบรรยายแล้ว วิทยากรจากทีมวิจัย OEC และ TRT ได้พาคณะอาจารย์และนักศึกษาเยี่ยมชมเครื่องมือวิจัยต่างๆ ในห้องปฎิบัติการของทีมวิจัย

]]>
เนคเทค สวทช.ต้อนรับคณะเยี่ยมชมจากหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ม.เกษตรศาสตร์ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ku-visit190922.html Wed, 21 Sep 2022 08:17:57 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=29540

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 เนคเทค สวทช. ให้การต้อนรับอาจารย์และนิสิตระดับปริญญาโท จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวนประมาณ 11 ท่าน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมผลงานของทีมวิจัยเทคโนโลยีเชิงแสงไฟฟ้าเคมี (OEC) และทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT) กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ศึกษาดูงานเพื่อเรียนรู้ทางด้านการวิจัย และพัฒนาวิทยาศาสตร์ขั้นสูง เพื่อที่นิสิตจะได้นำข้อมูลความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้กับความรู้ที่ได้รับในห้องเรียนให้เกิดประโยชน์สำหรับการประกอบวิชาชีพต่อไปโดยได้มีการจัดกิจกรรม workshop และการบรรยายงานวิจัยในหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้

1. กิจกรรม workshop: เทคนิค Raman spectroscopy โดยได้มีการบรรยายพื้นฐานของเทคนิคทาง Raman การสาธิตการใช้งานเครื่อง Raman spectrometer และการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Raman เพื่อการพิสูจน์เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ยา รวมทั้งการนำเสนอเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดำเนินกิจกรรมโดย ดร.ราจู บอตต้า และ ดร.ฐิตพัฒน์ เงินสุทธิวรกุล นักวิจัยจากทีม OEC (รวมถึง น.ส.จิตติพร วุฒิรัตนรักษ์ นิสิตระดับปริญญาโท ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ปัจจุบันปฏิบัติงานในฐานะเป็นนักศึกษาร่วมงานสังกัดทีม OEC และ น.ส.ฌาลิศา มูลเหล็ก ผู้ช่วยวิจัยจากทีม TRT ร่วมให้การต้อนรับและช่วยดูแลกลุ่มนิสิตฯ ในกิจกรรมต่าง ๆ

2. การบรรยาย “ภาพรวมของเทคโนโลยีและงานวิจัย SERS (OnSpec) รวมทั้งการประยุกต์ใช้งานในด้านต่าง ๆ และแนวโน้มของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในอนาคต” โดย ดร.นพดล นันทวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย SSDRG พร้อมรับมอบของที่ระลึกจาก ผศ.ดร.ไชยา ประสิทธิชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

3. การนำเสนอ “แพลตฟอร์มฐานข้อมูลสเปกตรัมและเครื่องมือการวิเคราะห์สัญญาณสเปกตรัมขั้นสูง”
โดย นายอลงกต ทับทอง นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาอิเล็คทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร และนายจิรภัทร ทองอยู่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 จากสาขาวิทยาการข้อมูล คณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร ปัจจุบันทั้งสองปฏิบัติงานในฐานะเป็นนักศึกษาฝึกงานสังกัดทีม TRT

4. การบรรยาย “เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์และการประยุกต์ใช้งานในด้านต่าง ๆ”  โดย ดร.รุ่งโรจน์ จินตเมธาสวัสดิ์ นักวิจัยจากทีมวิจัย TRT

ทั้งนี้คณะฯ ได้เข้าเยี่ยมชมระบบต่าง ๆ ภายใน NECTEC Pilot Plant ได้แก่

  • ระบบการเคลือบฟิล์มบางในสุญญากาศ ห้องปฏิบัติการ OEC โดย น.ส.พชรมณฑ์ สมบูรณ์ศักดิ์ศรี ผู้ช่วยวิจัยจากทีม OEC ร่วมให้การต้อนรับและอธิบายถึงคุณลักษณะของชิป OnSpec
  • ระบบ Time-Domain Spectroscopy (TDS) ห้องปฏิบัติการ TRT โดย ดร.รุ่งโรจน์ จินตเมธาสวัสดิ์ ให้การต้อนรับและอธิบายคุณลักษณะของเครื่องมือวิจัยต่าง ๆ รวมทั้งได้หารือแนวทางความร่วมมือในอนาคต
]]>