KidBright – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Mon, 20 Jan 2025 10:44:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png KidBright – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 อาจารย์และนักศึกษาคณะครุศาสตร์ ม.นครพนม เยี่ยมชมงานวิจัยเนคเทค https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/npu-15012025.html Mon, 20 Jan 2025 09:28:28 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=38798

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เทคเทค สวทช.) ต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม จำนวน 25 คน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมพร้อมรับฟังการบรรรยายงานวิจัยพัฒนา เพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้นอกห้องเรียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพิ่มทักษะ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำความรู้ไปปรับใช้ในการทำงานในอนาคต 

โดย ดร.ชาลี วรกุลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) เนคเทค สวทช. นำเสนอในหัวข้อ “ความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล PDPA” (Personal Data Protection Act) เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดให้การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลและปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และการละเมิดสิทธิ์ หรือถูกแอบอ้างการนำข้อมูลไปใช้ ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้คนในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลสำคัญที่กฎหมาย PDPA คุ้มครอง เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์และข้อมูลอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ศาสนา หรือประวัติสุขภาพ

และ คุณธัญลักษณ์ เสรีวรวิทย์กุล ผู้ช่วยวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EDT) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย CNWRG) เนคเทค สวทช. นำเสนอ “KidBright IDE” เป็นโปรแกรมสำหรับเขียนโค้ดให้กับบอร์ด KidBright ที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ครูผู้สอน นักเรียน โดยผู้ใช้เพียงลากบล็อกคำสั่งมาวางต่อกัน (Drag and Drop) ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการพิมพ์โค้ด ชุดคำสั่งที่สร้างขึ้นจะถูกส่งไปที่บอร์ดเพื่อให้ทำงานตามที่กำหนด ผู้ใช้สามารถทดสอบโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ก่อนนำไปใช้กับบอร์ดจริง ซึ่งมีการรองรับภาษาไทย สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์เสริมหลายชนิด เช่น เซ็นเซอร์หรือไฟ LED

ในช่วงท้ายอาจารย์และนักศึกษาได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับวิทยากรได้รับคำแนะนำทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน กิจกรรมครั้งนี้ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาทักษะความรู้ ประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนและการทำงานในอนาคต

ภาพและข่าว โดย วราภรณ์ โลหะเลิศ 
อัปเดตเว็บไซต์โดย มาริสา พัดไทสงฆ์
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

]]>
KidBright μAI : Intelligence of Coding https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-software/kidbright-ai.html Tue, 24 Sep 2024 10:24:18 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37750

KidBright μAI (คิดไบรท์ ไมโครเอไอ) คือ เครื่องมือส่งเสริมการเรียนรู้โค้ดดิ้ง และ AI ในรูปแบบ STEM Education ผสมผสานการเรียนรู้ใช้งานบอร์ดควบคุม อัตโนมัติ (Micro-controller) พร้อมระบบ AI สำหรับแยกภาพ เสียง หรือ ตรวจจับวัตถุ ด้วยชุดคำสั่งแบบบล็อก (Blockly) ผ่าน KidBright μAI IDE ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำเทคโนโลยีไปใช้แก้ปัญหาโจทย์ในชีวิตประจำวัน พัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์

ผลงานเปิดตัวในงาน “รวมพลคน KidBright” KidBright Developer Conference 2024 (KDC24) ครั้งที่ 5  และส่งมอบไปยังโรงเรียนแกนนำกว่า 100 บอร์ด เปิดเป็นแพลตฟอร์ม Open-source ให้ผู้ที่สนใจร่วมพัฒนาระบบและ ปลั๊กอินเสริม พร้อมเปิดอบรมการใช้งานและการพัฒนาปลั๊กอินเสริมด้วย

จุดเด่น "เรียนรู้โค้ดดิ้งและ AI พร้อมกันในบอร์ดเดียว"

  •  ผสมผสานการเรียนรู้โค้ดดิ้งและ AI ในบอร์ดเดียว
  • สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้ใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ การเก็บข้อมูล การติดป้ายกำกับ การเรียนรู้และสร้างโมเดล AI และการประยุกต์ใช้ผ่านการสร้างชุดคำสั่ง แบบบล็อก
  • รองรับการพัฒนาและติดตั้งปลั๊กอินเสริม สำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ input /output ดิจิทัลภายนอก และการสื่อสาร IoT ผ่าน Wi-Fi เก็บข้อมูลภาพความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และข้อมูลเสียงด้วยไมโครโฟนบนอุปกรณ์ พร้อมการแสดงผลบนจอสี IPS 1.3 นิ้ว
  • เป็นแพลตฟอร์ม Open-source สำหรับการใช้ประโยชน์เพื่อสังคมและเชิงพาณิชย์ ส่งเสริมผู้ประกอบการ

สิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้รับ

  •  สามารถออกแบบระบบเทคโนโลยี Coding, AI และ IoT เพื่อแก้ปัญหาโจทย์ในชีวิตจริงได้เอง
  • เรียนรู้หลักการพัฒนาระบบ AI สำหรับการแยกภาพ เสียง และตรวจจับวัตถุ
  • ส่งเสริมทักษะการคิดเชิงคำนวณ (Computational Skill)

KidBright μAI เหมาะกับใครบ้าง?

  • นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
  • ผู้สนใจที่เริ่มเรียนรู้โค้ดดิ้งและ AI
  • ผู้ประกอบการที่สนใจผลิตและร่วมพัฒนาระบบ

พันธมิตร ร่วมวิจัย/แหล่งทุน

  •  KidBright Community
  • หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.)

ผู้วิจัยและพัฒนา

ทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EDT)
กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)
เนคเทค สวทช.

]]>
Adaptive Education Platform : ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ แนะนำเนื้อหาเฉพาะบุคคล https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-software/adaptive-education.html Tue, 24 Sep 2024 09:21:07 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37703

การศึกษาไม่ได้จํากัดแค่ในห้องเรียน เรียนได้ ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เทรนด์การศึกษาของโลกในปี 2024 เน้นผู้เรียนเป็นหลัก เป็นการเรียนที่ปรับวิธีการเรียนให้ตรงกับรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน การปรับเนื้อหาและรูปแบบให้เข้ากับผู้เรียน จะทำให้การเรียนรู้ทำได้รวดเร็ว เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถเพื่อที่จะได้พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ยุคใหม่

Adaptive Learning

แพลตฟอร์มสอนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม แบบ Adaptive มุ่งพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมตามระดับความสามารถ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะแห่งอนาคต ช่วยทำให้ผู้เรียนทุกคนบรรลุเป้าหมายได้ โดยเพิ่มทักษะการลงมือปฏิบัติผ่านเครื่องมือออนไลน์

ในระบบ e-Learning การนำเข้าบทเรียนเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว แต่ที่สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้เรียนได้นั้นยังไม่มี “ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้” ที่พัฒนาจะตอบโจทย์เทรนด์การศึกษา ‘เรียนแล้วติดตาม วิเคราะห์ประเมินผล จบครบในที่เดียว’ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้และนำผลการวิเคราะห์มาแนะนำเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล

ระบบติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้และแนะนำเนื้อหาเฉพาะบุคคล เป็นเครื่องมือเพื่อติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้บนเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ เน้นการนำไปใช้กับ e-Learning ซึ่งสามารถนำไปใช้ในแบบอื่น ๆ ได้

ออกแบบเนื้อหาเฉพาะบุคคล

 เทคโนโลยีจะออกมาในลักษณะของ STEM Base บูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาในปัจจุบัน และเป็นโครงการที่อยู่ในเทรนด์ของโลก การวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้กับ e-Learning ซึ่งในประเทศและต่างประเทศ มีการใช้ e-Learning อย่างแพร่หลาย เช่น Coursera Plus, Conicle, OpenDurian เป็นต้น

ระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีบางประเด็นที่น่าจะเพิ่มเติมได้ e-Learning ทั่วไป ส่วนใหญ่เนื้อหาจะเป็น PDF, VDO หากต้องการเพิ่มวิชาเฉพาะ เช่น STEM ต้องใช้เนื้อหาในรูปแบบอื่นที่ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น อีกทั้งส่วนที่ยังขาดใน e-learning ปัจจุบันก็คือ เครื่องมือที่ติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างละเอียดมาก ๆ ซึ่งยังไม่มีการนำเครื่องมือติดตามตัวอื่นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามพฤติกรรมการอ่าน pdf การดู vdo หรือ การใช้งาน simulator แล้วยังเรื่อง coding วิทยาการข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเน้นทักษะการลงมือปฏิบัติก็ยังไม่มี ที่สำคัญยังไม่สนับสนุนให้สร้างเนื้อหาที่มีการติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ได้ แต่เราจะสร้างเครื่องมือ และเปิดโอกาสให้คนอื่น ๆ สามารถนำเครื่องมือไปใช้ติดตามพฤติกรรมบน e-Learning ที่มีอยู่ได้

โครงสร้างของระบบ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  1. ส่วนจัดการเนื้อหา Learning Management System, LMS
  2. ส่วนเครื่องมือ Adaptive Education Components, AE
  3. ส่วนโครงสร้างพื้นฐานAdaptive Infrastructure

Learning Management System, LMS ระบบแนะนำเนื้อหาการเรียนรู้เฉพาะบุคคล ที่เหมาะสมสำหรับผู้เรียน โดยใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินศักยภาพการเรียนรายวิชา เพื่อแนะนำเนื้อหาที่สอดคล้องและเหมาะสมสำหรับผู้เรียนเฉพาะบุคคล สำหรับหน่วยงานที่มีระบบการเรียน e-Learning เป็นของตนเอง หน่วยงานสามารถเลือกใช้เครื่องมือตามรูปแบบเนื้อหาที่ต้องการ แยกส่วนการวิเคราะห์ และแสดงผลนั้นได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันทั้งหมดก็ได้

Adaptive Education Components, AE ระบบติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย เครื่องมือติดตามพฤติกรรม 3 รูปแบบ

  1. เครื่องมือติดตามพฤติกรรมการอ่าน PDF ซึ่งจะวิเคราะห์พฤติกรรมการอ่าน โดยวัดจากความสนใจ ระยะเวลาที่อยู่กับเนื้อหาของผู้เรียน ระบบสามารถบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ผ่านการพลิกหน้า การจดบันทึก การทำไฮไลต์ ขณะที่ผู้เรียน ๆ ผ่าน e-book ระบบจะวิเคราะห์การเรียนรู้จาก PDF และนำมาแสดงผลการติดตาม
  2. Coding Simulator ติดตามพฤติกรรม การเขียนคำสั่งโดยการลากและวาง Block บนบอร์ดจำลองเพื่อดูความเข้าใจ ความถูกต้อง และนำไปวิเคราะห์การและติดตามผู้เรียน
  3. Chatbot ช่วยในส่วนคำถามคำตอบ โดย chatbot จะส่งคำถามให้ผู้เรียนหลายระดับ ถ้าผู้เรียนสามารถตอบคำถามระดับใดได้ดี Chatbot ก็จะคัดเลือกคำถามที่เหมาะสมให้กับผู้เรียน

Adaptive Infrastructure ออกแบบโครงสร้างให้รองรับการเพิ่มเครื่องมือติดตามพฤติกรรม และจะมีการส่งผลการวิเคราะห์ของเครื่องมือนั้นไปที่ Adaptive analytics เพื่อประมวลผลรวม ซึ่งเก็บอยู่บนอยู่บน MECA แพลตฟอร์มคลาวด์เซอร์วิส ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่

การใช้งาน

  • สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ใช้ Book Roll เครื่องมือในการติดตามการอ่าน PDF
  • เนคเทค ใช้ PDF, Coding Simulator กับหลักสูตรที่อบรมด้านการพัฒนากำลังคน
  • สำนักการศึกษา กทม. ออกแบบร่วมกับเนคเทคในการทำหลักสูตรทุกช่วงชั้น
  • ร่วมกับด้านการแพทย์ ส่งเสริม 3A Learning Platform ในกลุ่มผู้บกพร่องด้านการเรียนรู้

การขยายผล

มีการขยายผลไปสู่หน่วยงานด้านการศึกษา ได้แก่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และขยายผลการใช้งานในโรงเรียนเขตพื้นที่ EEC

ในการพัฒนาระบบนั้นอาศัยความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยหลายส่วน อาทิ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ทีมวิจัยเทคโนโลยีภาษาธรรมชาติและความหมาย ทีมวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์ กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ และทีมวิจัยการเข้าใจเสียงและข้อความ งานแพลตฟอร์มบริการและนวัตกรรมอินเทอร์เน็ต ในการเป็นแนวร่วมในการพัฒนา โดยในปี 2567 ผู้พัฒนาได้ส่งมอบ

  • ระบบ Adaptive Education ที่แล้วเสร็จ โดยมีเนื้อหาเบื้องต้นเป็นวิชาวิทยาการคำนวณ ช่วงชั้น ป .4 – ม.4
  • ระบบติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ผ่านเครื่องมือ BookRoll, KidBright Simulator และ Chatbot
  • ส่วนวิเคราะห์การเรียนรู้จากการนำผลการติดตามพฤติกรรมของแต่ละเครื่องมือมาประมวลผลร่วมกัน
  • ระบบแสดงผลการการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
  • นำร่องอบรมการใช้งานระบบให้แก่คุณครูและนักเรียน 600 คน

เปิดให้บริการติดตั้งแพลตฟอร์ม Adaptive Education และ Maintenance แก่หน่วยงานที่ต้องการ (Private service) ติดต่อสอบถามได้ที่ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา หรือ info@nectec.or.th

]]>
กระทรวง ศธ. และ อว. ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรด้านการศึกษา พัฒนาผู้เรียน ผู้สอน เติมทักษะด้าน AI ควบคู่จริยธรรมการนำไปใช้ประโยชน์จาก AI https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mhesi-moe-ai.html Sat, 06 Jul 2024 11:12:48 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37074

(วันที่ 4 กรกฎาคม 2567) ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบัน การศึกษา” เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AI มีความเข้าใจและตระหนัก เรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ (ethical considerations) เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โอกาสนี้ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้กล่าวแสดงความยินดีและมอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา เพราะโลกการศึกษาในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นประเด็นความท้าทายด้านการศึกษาของประเทศไทย การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงระบบดิจิทัลเข้ามาใช้พัฒนาผู้เรียน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาได้ โดยเฉพาะผู้เรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล หรือโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูผู้สอนไม่ครบชั้น ขาดแคลนสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยทุกวันนี้ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันการทำงานและการศึกษา ดังนั้น นักเรียน นักศึกษาจะต้องได้รับทักษะใหม่ ๆ เช่น ทักษะในการคิด การวิเคราะห์ การตัดสินใจ การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ คาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำไปปรับใช้เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการจัดการศึกษาในโลกอนาคตที่สอดคล้องกับเด็กไทย เราต้องมาร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียนทุกช่วงวัยตามนโยบายการทำงาน “การจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” ส่งต่อจากระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา สู่ระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพ

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการศึกษามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กไทย ให้นักเรียนทุกคนมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการใช้ AI  เข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยง รวมไปถึงจริยธรรมในการใช้งาน ซึ่ง “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา” เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของ “อว. for AI” ที่เน้นการพัฒนาทักษะและสร้างบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับนักเรียนไทยตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา และขอแสดงความยินดีกับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทยให้ตอบสนองกับความต้องการของศตวรรษที่ 21

สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) หรือ National AI Strategy สนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากำลังคน AI ระดับต้น (Beginner) ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นในการใช้ AI  เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความคาดหวังจากความร่วมมือโครงการฯ นอกเหนือจากที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่แล้ว การดำเนินโครงการยังมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของการเปิดให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา มีการวัดผลการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Adaptive Education) ที่สามารถติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ (Micro-Credentials) รวมถึงสะสมเครดิตการเรียนรู้ผ่านระบบธนาคารเครดิต การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับนโยบาย “ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง” ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นรูปธรรม

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 4 หน่วยงานได้ผนึกกำลังทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น โดยในการขับเคลื่อนให้เกิดการสอนเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถานศึกษาทั่วประเทศ หน่วยงานพันธมิตรสำคัญที่ได้ลงนามความร่วมมือกับ สวทช. ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รศ.ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และล่าสุด สวทช. เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรไทยให้มีความพร้อมในการใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐานในโรงเรียนไปถึงระดับมหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมกับพันธมิตรในการเตรียมวางแผนการขับเคลื่อนความรู้ความเข้าใจด้านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในระดับต้นร่วมกัน เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AI มีความเข้าใจและตระหนักเรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ (ethical considerations) เป็นการเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยมีกรอบการดำเนินงาน ได้แก่

1. สร้างหลักสูตร AI ที่มีความเหมาะสมของผู้เรียน และผู้สอน ให้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น
2. สร้างครูผู้สอนให้มีความรู้ทางด้าน AI และการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมของการสอนแต่ละช่วงชั้น
3.สร้างมาตรฐานหลักสูตร AI เพื่อนำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ (Micro-Credentials)
4. พัฒนาโครงการนำร่อง ก่อนส่งเสริมให้เกิดการสอนเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
5. แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ รวมทั้งจัดฝึกอบรม และสัมมนาระหว่างบุคลากรของทั้งสองฝ่าย และดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน

]]>
เนคเทค สวทช. จัดรวมพลคน KidBright ครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด Edge AI หนุน ‘นักนวัตกร’ เรียนรู้ตลอดชีวิต ขับเคลื่อนประเทศสู่ความยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/kdc2024.html Tue, 21 May 2024 07:57:16 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=36821

(วันที่ 20 พฤษภาคม 2567) ณ ห้อง SD-601 ชั้น 6 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี: สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดงาน “รวมพลคน KidBright” KidBright Developer Conference 2024 (KDC24) ครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด: Edge AI การผสมผสานความสามารถของการประมวลผล Edge Computing กับปัญญาประดิษฐ์เข้าด้วยกัน โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ร่วมด้วย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.  ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เนคเทค สวทช. เข้าร่วมกิจกรรม

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และได้รับเกียรติจาก สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC). ศูนย์ประสานงานเครือค่าย KidBright ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปกร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ร่วมประสานเครือข่ายโรงเรียน ครู นักเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า KidBright Education Platform เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสอนเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนากระบวนการคิดเชิงตรรกะ การคิดเชิงวิเคราะห์ ร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดสู่การเป็นนวัตกร ซึ่ง สวทช. โดยทีมวิจัยเนคเทค ไม่เคยหยุดการพัฒนาและต่อยอดผลงานวิจัยจนมาเป็น บอร์ด“KidBright μAI” (คิดไบร์ทไมโครเอไอ)  ซึ่งเป็นบอร์ดที่ตอบโจทย์สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะการนำเทคโนโลยีไปใช้แก้ปัญหาโจทย์จริงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนากระบวนการคิดต่าง ๆ อันได้แก่ การคิดเชิงระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญแห่งอนาคต ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการ “สานพลังการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย พลิกโฉมให้ประเทศมีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่า และพร้อมก้าวสู่อนาคต” และตอบโจทย์แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565-2570) ที่มีกระทรวง อว. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นเลขานุการฯ ของคณะกรรมการแผนปฏิบัติการนี้ 

“ KidBright Education Platform ภายใต้ concept อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ผ่าน KidBright Platform ที่ออกแบบให้สามารถเรียนรู้ได้ทั้งแบบ Online และ Onsite  ทำให้มีนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ เข้ามาใช้ KidBright Education Platform ไม่ต่ำ 6,000 แห่ง สร้างครูผู้สอนไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ซึ่งครูผู้สอนเหล่านั้นได้นำ KidBright Simulator ไปใช้เป็นเครื่องมือสอนโค้ดดิ้งให้กับนักเรียน เกิดการเข้าใช้งาน KidBright Simulator ไม่ต่ำกว่า 60,000 แอคเซส สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท”

ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สำหรับในปี 2567 ทีมวิจัยได้ให้ความสำคัญกับการสอนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แก่เยาวชนในโรงเรียน โดยเฉพาะเทคโนโลยี Edge AI ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างปัญญาประดิษฐ์ และการประมวลผลร่วมกับอุปกรณ์เอดจ์ เช่น สมาร์ทโฟน เซนเซอร์ และอุปกรณ์ IoT ทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาอุปกรณ์สำหรับสนับสนุนให้นักเรียนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Edge AI ผ่าน บอร์ด“KidBright μAI” (คิดไบร์ทไมโครเอไอ)  ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับส่งเสริมการเรียนรู้โค้ดดิ้ง อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง และปัญญาประดิษฐ์ ในรูปแบบสะเต็มศึกษา บนบอร์ดได้ติดตั้งจอแสดงผล ไมโครโฟน เซนเซอร์ต่าง ๆ รวมถึงสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกผ่านการสื่อสารไร้สาย หรือ WiFi ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงชุดคำสั่งแบบบล็อกเพื่อควบคุมการทำงานของบอร์ดผ่าน KidBright μAI IDE (คิดไบร์ทไมโครไอดีอี) ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นระบบอัตโนมัติที่มีการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์แบบเรียลไทม์ได้

อย่างไรก็ดี KidBright Education Platform ถือเป็นการส่งเสริมการให้บริการทางการศึกษาในรูปแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในการส่งเสริมการเรียนเทคโนโลยีสมัยใหม่ในโรงเรียนด้วยนวัตกรรม ที่พัฒนาโดย สวทช. แสดงให้เห็นถึงการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นไปใช้ประโยชน์จริงในการพัฒนาการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับทุกช่วงการศึกษาตั้งแต่ในระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา รวมถึงกลุ่มอาชีวะ ที่สำคัญเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพแห่งอนาคต ผ่านกิจกรรมความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งนักพัฒนาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับรูปแบบการเรียนให้ทันสมัย เกิดการพัฒนาและสร้างนักนวัตกรที่มีความเชี่ยวชาญในทักษะที่จำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนต่อไป

ด้าน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน STEM Education เป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนรู้ยุคใหม่ เพราะดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้เร็วมาก ซึ่ง KidBright μAI” (คิดไบร์ทไมโครเอไอ) ถือเป็นเครื่องมือส่งเสริมการเรียนรู้ Coding และ AI ในรูปแบบสะเต็มศึกษา โดยจุดเด่นของ KidBright μAI อาทิ มีเซนเซอร์หลายชนิด สามารถใส่โค้ดอีกหลายชนิดเข้าไปได้ เป็นต้น ดังนั้นความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์มีหลายด้านอยู่ที่ผู้เรียนจะจินตนาการเพิ่มเพิ่มความสามารถของบอร์ดเข้าไป เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจการนำเทคโนโลยีไปใช้แก้ปัญหาโจทย์จริงในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือเป็นการช่วยเสริม การคิดเชิงระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์ให้กับนักนวัตกรไทย

]]>
เนคเทค สวทช. ผนึกกำลังเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีลงนามความร่วมมือพัฒนาทักษะนักวิทย์ฯ ด้วย KidBright Education Platform https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-kidbright-suratthani.html Wed, 08 May 2024 10:30:39 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=36772

วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาแนวทางการเรียนการสอน โปรแกรมสนับสนุน การใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องการใช้แพลตฟอร์ม KidBright Education Platform โดยมี ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) และ  นายประเสริฐ  บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี เป็นประธานร่วมลงนาม

โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร ทางด้านทักษะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ผ่านการสร้างนวัตกรรมโครงงาน ด้วยแพลตฟอร์ม KidBright Education Platform และร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ การอบรมในการสร้างนวัตกรรมโครงงานด้านทักษะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite ตลอดจนกิจกรรมการแข่งขันทางวิชาการ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้าน Coding ให้แก่นักเรียน

นายประเสริฐ  บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการที่บุคลากรของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้มีโอกาสศึกษาดูงานเกี่ยวกับบอร์ด KidBright เกิดความสนใจที่จะนำ KidBright ไปจัดการเรียนการสอนด้าน Coding โดยมีโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) เป็นโรงเรียนนำร่องในการจัดการเรียนการสอน Coding ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 ต่อมาปลายปี 2566 เนคเทค สวทช. ได้จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรให้กับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีทั้ง 5 โรง เรื่อง การใช้ KidBright Coding Simulator และการใช้งาน KidBright AI Simulator เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถนำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดแก่นักเรียน

ทั้งนี้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐาน ก้าวทันเทคโนโลยีด้วยการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและบริบทของสถานศึกษา จากการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะและความสามารถเฉพาะด้าน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ไปสู่สถานศึกษาและชุมชนให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มีนโยบายที่จะดำเนินการต่อยอดความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียนและชุมชน โดยหวังว่าการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะพัฒนาไปสู่  “Suratthani Model , บอร์ด KidBright”

ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า  ภายใต้ความร่วมมือและทิศทางการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นร่วมกันนี้ สอดรับ Education Trends in 2024 โดยเฉพาะในเรื่อง STEM and STEAM Education ที่เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ และการลงมือปฏิบัติ Project-based learning เพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน Critical Thinking Problem-solving and Creativity โดยมีแพลตฟอร์ม KidBright Education Platform เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยผลักดัน โดยในปัจจุบัน บอร์ด KidBright ได้กระจายไปยังกลุ่มโรงเรียนที่สนใจแล้วกว่า 2,000 โรงเรียนทั่วประเทศ

KidBright ได้ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน โดยเริ่มจากโครงการ Coding at School ที่พัฒนาบอร์ด KidBright และ Coding Simulator ต่อมาในช่วงปี 2563 ดำเนินโครงการ AI at School มีการนำ AI bot เข้ามาใช้ ต่อมาจัดทำโครงการ Data Science at School ในปี 2564 เกิดสถานีอุตุน้อย และ Playground จนกระทั่งในปี 2565-2566 KidBright พัฒนาเข้าสู่ช่วง KidBright at Home ล่าสุดมีการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของ KidBright ในงาน รวมพลคน KidBright ครั้งที่ 5 หรือ KidBright Developer Conference (KDC5) ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ภายใต้แนวคิด Edge AI

โอกาสนี้ คณะผู้บริหารเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีพร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษา ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน KidBright ที่อาคารเนคเทค และเยี่ยมชมโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม Fabrication Lab (FabLab) ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อีกด้วย

]]>
KidBright เปิดพื้นที่ให้น้องๆ เรียนรู้ สนุกคิด ฝึกทักษะอย่างสร้างสรรค์ พร้อมสำหรับศตวรรษ21 @อว. https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/kidbright-kids2024.html Sun, 14 Jan 2024 04:43:30 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=35157
เนคเทค สวทช. โดย ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EDT) นำผลงาน KidBright Education platform แพลตฟอร์มการศึกษาของประเทศที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการเรียนการสอนของเด็กไทย ในการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 ทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็น ทั้งในด้านการเขียนโค้ดดิ้ง ทักษะด้านวิทยาการข้อมูล วิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูล ทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ และทักษะที่จำเป็นอื่น ๆ
 
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขัน KidBight Formula Kids ซึ่งเป็นการแข่งขันควบคุมทิศทางของรถ KidBright ผ่านระบบ ESP-now ซึ่งเป็นระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายโดยตรงระหว่างบอร์ด KidBright ทั้ง 2 บอร์ด บน Remote controller และตัวรถ เพื่อให้น้องๆ เยาวชนเกิดการเรียนรู้การคิดเชิงระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์และการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ผ่านการเรียนรู้แบบ Learn and Play โดยกิจกรรมการแข่งขันจะมีวันละ 2 รอบ (รอบที่ 1:11.30-12.00 , รอบที่ 2:14.30-15.00) แต่น้องๆ สามารถเล่นบังคับรถเพื่อฝึกทักษะ ณ บูทกิจกรรมได้ตลอดทั้ง 2 วัน
 
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12-13 มกราคม 2567 ณ บริเวณลานพระรูปรัชกาลที่ 4 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (โยธี) ถนน พระรามที่หก
]]>
KidBright Net โครงข่ายการสื่อสารเพื่อการศึกษา https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-hardware-electronics/kidbrightnet.html Tue, 24 Oct 2023 10:52:58 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=34357

KidBright ได้ก้าวไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มการศึกษา (Education Platform) ในการพัฒนาทักษะของเด็กไทยทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็น ทั้งในด้านการเขียนโค้ดดิ้ง ทักษะด้านวิทยากรข้อมูล วิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูล ทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ และทักษะที่จำเป็นอื่นๆ  การต่อยอดให้ KidBright เป็นเครื่องมือในการสอน Internet of Things และ Big Data ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนทุกคนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ สามารถเข้ามาเรียนรู้ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสในการเข้าถึงความรู้ เรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองได้อย่างเท่าเทียม

การพัฒนา KidBright  Net โครงข่ายการสื่อสารเพื่อการศึกษา เป็นการสร้างองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูล  และวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาการข้อมูลให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้โรงเรียนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งองค์ความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนวิทยาศาสตร์ข้อมูล และองค์ความรู้ในการสร้างโครงข่ายการ สื่อสารขึ้นใช้งานเอง ก่อให้เกิดเป็น Education Community

คุณลักษณะ

KidBright Net ประกอบด้วย ส่วน KidBright Net Gateway และสถานีอุตุน้อย LoRa ทั้งสองส่วนมีการส่งข้อมูลระหว่างกันโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายด้วยคลื่นวิทยุสามารถรับส่งข้อมูลได้ในระยะไกล ความเร็วการรับส่งข้อมูลไม่สูง ใช้พลังงานต่ำ ที่ย่านความถี่ AS923 (920 ถึง 925 MHz) ที่เรียกว่า LoRa (Long Range Network) ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้งานกับการส่งข้อมูลของ IoT devices

สถานีอุตุน้อย LoRa เป็นสถานีวัดสภาพอากาศ ซึ่งติดตั้งเซนเซอร์ วัดสภาพอากาศ ได้แก่ ทิศทางลม ความเร็วลม ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ และความชื้น และ KidBright Net Gateway ทำหน้าที่รับข้อมูลจากสถานีอุตุน้อย LoRa (หลายตัว) เพื่อนำส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์

KidBright Net มีแอปพลิเคชันรองรับการแสดงผลข้อมูลที่ส่งขึ้นคลาวด์ รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ การส่งข้อมูล การแสดงผล และการวิเคราะห์ผล ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน WATCH และ PLAYGROUND

จุดเด่น

  1. เป็นเครื่องมือสอนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูล  และวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล ได้แก่โครงข่ายการสื่อสารไร้สาย อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IoT) วิทยาการข้อมูล และระบบสมองกลฝังตัว
  2. สามารถ Download ส่วนบริหารจัดการที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
  3. ราคาในการดูแลโครงข่ายมีค่าใช้จ่ายต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเชิงพาณิชย์

กลุ่มผู้ใช้งาน

  1. นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศ
  2. โรงเรียนที่สอนในระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ

เครือข่าย KidBright Net ได้รับทุนสนับสนุนจากจากเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)  ติดตั้งใช้งานในโรงเรียนนำร่อง 30 แห่งทั่วประเทศ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

วิจัยและพัฒนาโดย

ทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย

Facebook : KidBright

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (SPE)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธิน
ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
เบอร์โทรศัพท์:: 0 2564 6900
E-mail: business[at]nectec.or.th

]]>
“KidBright” 1 ใน 5 เทคโนโลยีด้านการศึกษาที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจ APEC https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/2023kidbright-top5.html Thu, 08 Jun 2023 08:54:02 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33283

วันที่ 23 และ 25 พฤษภาคม 2566 ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เป็นตัวแทนทีม KidBright เข้าร่วมนำเสนอผลงาน KidBright ในงาน APEC Webinar: Digital Innovation and Educational Opportunities ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ APEC PPSTI 01 2021 Digital Innovation and Educational Opportunities ดำเนินการโดย National Agency for Research and Development ประเทศชิลี โดยโครงการฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนและผลักดันการใช้เทคโนโลยีด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กในกลุ่มเศรษฐกิจ APEC โดยเฉพาะการพัฒนาการศึกษาหลังช่วงการระบาดของ Covid-19 พร้อมเน้นการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ผู้หญิงมีบทบาทในการร่วมพัฒนา ซึ่ง KidBright ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 5 เทคโนโลยีด้านการศึกษาที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจ APEC ที่มีความเหมาะสมต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กระดับ K-12

ซึ่งภายในงานฯ ดังกล่าว ได้มีการแนะนำข้อมูล KidBright ผ่านทางวิดีโอที่ทีมงานจากประเทศชิลีเป็นผู้ดำเนินการจัดทำให้ ( รับชมวิดีโอดังกล่าว ) โดยมีดร.เสาวลักษณ์ ร่วมนำเสนอข้อมูลในมุมการดำเนินงาน อุปสรรคและความท้าทายในการนำ KidBright ไปใช้ประกอบการเรียนการสอนในโรงเรียน รวมถึงแผนในอนาคต

]]>
เนคเทค สวทช. โชว์นวัตกรรม ร่วมผลักดันการศึกษาไทยสู่ยุคโค้ดดิ้ง ในงาน “CODING ERA” The Next Wave of Thailand’s Education https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/coding-era.html Tue, 21 Mar 2023 04:10:21 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32288
เนคเทค สวทช. ร่วมจัดแสดงผลงานและเสวนาพิเศษในงาน CODING ERA: NEXT WAVE OF THAILAND’S EDUCATION ยุคโค้ดดิ้ง: คลื่นลูกใหม่แห่งการศึกษาไทย มหกรรมการเรียนรู้ด้าน Coding และโซลูชั่นครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อการเรียนรู้แบบ Coding Edutainment จากแพลตฟอร์มเว็บเบสโค้ดดิ้งเกม “CodeComba” ส่งเสริมให้เด็กไทยเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ Coding พร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาทักษะ Coding สร้างบุคลากรตรงตามความต้องการตลาดแรงงานแห่งอนาคต โดยได้รับเกียรติจาก ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ อว. เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การพัฒนากำลังคนด้านโค้ดดิ้งและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย” พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และคุณศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมงาน
 
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. นำทีมคณะนักวิจัยจัดแสดงผลงานที่ช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ Coding ของเยาวชนไทย ได้แก่


KidBright บอร์ดสมองกลฝังตัวอัจฉริยะ ผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่พัฒนาโดย เนคเทค สวทช. ซึ่งได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้น ด้วยความมุ่งหวังอยากให้เด็กไทยมีอุปกรณ์การเรียนโค้ดดิ้งอย่างง่าย โดยไม่ต้องพึ่งพาหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ล่าสุดได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม KidBright Series at Home ที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้โรงเรียน คุณครู นักเรียน และผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้จากทุกที่ทุกเวลา ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน และไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ ก็สามารถเรียนรู้ได้

HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ นวัตกรรมที่ผนวกเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ในราคาที่จับต้องได้ โดยล่าสุด HandySense จัดโครงการ ปลูกฝัน ปั้นนวัตกรน้อย ด้านเกษตรอัจฉริยะ ! เปิดรับสมัครโครงการการประยุกต์ใช้ระบบ HandySense ในโรงเรียน เพื่อปลูกฝังแนวคิด ส่งเสริม ให้เกิดการนำเทคโนโลยีด้านการเกษตรไปประยุกต์ใช้ โดยเริ่มตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตอนปลายอีกด้วย

นอกจากนี้ คณะนักวิจัยเนคเทค สวทช. ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนานวัตกรรม ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากไทยและต่างประเทศด้านการโค้ดดิ้ง ได้แก่
 ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เนคเทค สวทช. นำเสนอผลงานที่ได้รับทุนจากโครงการพัฒนาเพิ่มผู้มีความสามารถพิเศษระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาและเครือข่ายด้าน Robotics, AI, Coding (RAC) โดยความร่วมมือกันของ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เนคเทค สวทช. และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบและเนื้อหาด้าน Robotics, AI, Coding การพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา (Train the Trainer) โดยผลักดันการใช้โจทย์จริงจากภาคอุตสาหกรรมมาให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งจะนำมาสู่มีโอกาสในการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ ของผู้เรียน ได้แก่ การแข่งขันที่เกี่ยวข้องทั้งระบบชาติและนาชาติ การศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จากสถาบันชั้นนำ การปฏิบัติงานกับนักวิจัยและบริษัทชั้นนำทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเนคเทค สวทช. จะนำความเข้มแข็งของแต่ละหน่วยงานในโครงการมาร่วมกันพัฒนาด้าน AI and Data Science และโมเดลด้านปัญญาประดิษฐ์
คุณนริชพันธ์ เป็นผลดี ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT) เนคเทค สวทช. นำเสนอ เทคโนโลยีแบบเปิด นวัตกรรมระบบเกษตรอัจฉริยะ (HandySense) เป็นอุปกรณ์ไอโอทีที่ช่วยในกระบวนการเพาะปลูกและการจัดการฟาร์ม ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตรที่ผลิตสินค้ามูลค่าสูง กลุ่มเกษตรในสังกัดธุรกิจฟาร์ม และกลุ่มการเกษตรกรยุคใหม่ เป็นระบบที่ ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน โดย เนคเทค สวทช. ได้พัฒนา HandySense สร้างพิมพ์เขียวส่งต่อเทคโนโลยีให้กลุ่มผู้พัฒนาสามารถ นำไปขยายผลการใช้งาน เกิดเครือข่ายแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และเรียนรู้การใช้งานร่วมกัน เพื่อประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกในแต่ละแปลง
 

งาน CODING ERA: NEXT WAVE OF THAILAND’S EDUCATION ยุคโค้ดดิ้ง: คลื่นลูกใหม่แห่งการศึกษาไทย จัดโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ร่วมกับพันธมิตร บริษัท โค้ด คอมแบท (เอสอีเอ) จำกัด พร้อมผู้สนับสนุน และเครือข่ายนักวิจัยทั่วประเทศไทย ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันที่ 17-18 มี.ค. 2566

]]>