Metaverse – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Tue, 04 Oct 2022 10:55:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png Metaverse – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 ทรู ดิจิทัล โซลูชัน x เนคเทค สวทช. พร้อมหน่วยงานพันธมิตร ขอเชิญร่วมงาน “Metaverse & Digital Solutions (MDS) Thailand 2022” https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mds2022-metaverse.html Tue, 12 Apr 2022 09:37:49 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=25529

ประเทศไทยพร้อมหรือยังที่จะนำ Metaverse มาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมด้าน อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และหุ่นยนต์

ทรู ดิจิทัล โซลูชัน x เนคเทค สวทช. พร้อมหน่วยงานพันธมิตร ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมงาน “Metaverse & Digital Solutions (MDS) Thailand 2022” งานสัมมนาออนไลน์ด้าน Metaverse และ Digital Solutions พบกูรูผู้เชี่ยวชาญกว่า 14 ท่าน ในด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse และ Digital Solutions ในอุตสาหกรรมหลัก อาทิ อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และหุ่นยนต์ ที่จะมาแชร์มุมมองและวิสัยทัศน์ พร้อมอัพเดทเทรนด์ดิจิทัลล่าสุด

โดย ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) เนคเทค สวทช. จะร่วมเสวนาในหัวข้อ “Robotics” ในเวลา 15.30 – 16.30 น.

วันที่ 26 เมษายน 2565 เวลา 13:00-17:00 น.
@ True Digital Solutions Facebook LIVE Event
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่  https://bit.ly/3Liw3pY (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ ทีมงาน True Digital Solutions
https://www.facebook.com/truedigitalso

กำหนดการ
13:00-13:10 OPENING SESSION
13:15-13:35 METAVERSE
What is Metaverse? How does Metaverse relate to cryptocurrencies?
13:40-14:30 HEALTHCARE
Metaverse & Healthcare: the Rise of Metaverse in Healthcare. Is healthcare in Thailand ready for Metaverse?
14:35-15:25 REAL ESTATE
Metaverse & Real Estate: How Does Metaverse Transform Real Estate Industry? What does real estate look like in Metaverse?
15:30-16:20 ROBOTICS
Metaverse & Robotics: Is There a Difference between AI Robot and Metaverse? What role does Metaverse serve robot industry?

MDS2022-poster
]]>
การศึกษาไทยจะเป็นอย่างไร ? ในจักรวาล Metaverse https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/metaverse-ep2.html Thu, 17 Mar 2022 10:14:02 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=30084
เนคเทค สวทช. จัดเวทีทอล์คแห่งปีนำเสนอเรื่องราวเทคโนโลยี Metaverse ในหลากมุมมอง หลายมิติ กับ Metaverse in Action Ep.2 Jupiter : Education x Metaverse การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ Metaverse กับวงการการศึกษาไทย รวมถึงเทคโนโลยีด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 17 มี.ค 65
โดยสรุป เทคโนโลยีบน Metaverse สามารถนำมาปรับใช้ออกแบบกระบวนการการเรียนรู้ให้เข้ากับธรรมชาติเด็กในปัจจุบันที่เกิดมารายล้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ ทลายข้อจำกัดในการเรียนแบบออนไลน์ สร้างปฏิสัมพันธ์ที่เหมือนการเรียนในห้องเรียนมากขึ้น สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่ส่งเสริม Active Learning เช่น การเรียนประวัติศาสตร์ในสถานที่จริงบนโลกเสมือน การฉายภาพการทำงานของร่างกาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการนำ Metaverse เข้ามาปรับใช้กับการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย อาจจะทวีช่องว่าง หรือ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เพิ่มมากขึ้น เป็นความท้าทายต่อไปว่า ประเทศจะทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง สิ่งสำคัญถัดมา คือ การอัปสกิลผู้สอนให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการสอน สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียนที่เป็นศูนย์กลาง กระตุ้นให้เกิดการคิด และ ลงมือปฏิบัติ
โดย KidBright เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เนคเทค สวทช. มีเป้าหมายพัฒนากระบวนการคิดของเยาวชนไทยผ่านการ Coding ซึ่งปัจจุบัน KidBright ได้พัฒนาผนวก AI, Robot, รวมถึงเทคโนโลยี AR / VR เพื่อสร้างสื่อการเรียนรู้ทางเทคโนโลยี ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เริ่มต้น ทดลองเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี สู่ นวัตกร ต่อไป
]]>
9 เรื่องควรรู้ กับ Metaverse โลกเสมือนแห่งอนาคต https://www.nectec.or.th/news/news-article/9about-metaverse.html Tue, 22 Feb 2022 04:41:40 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=24731

เรียบเรียง : ภาวิณี อุปถานา
ภาพประกอบ : ภาวิณี อุปถานา
Background vector : pikisuperstar 

โลกกำลังก้าวเข้าสู่ Metaverse ในไม่ช้า ซึ่งเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงมีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจอย่างหลากหลาย ทั้งธุรกิจสื่อ ความบันเทิง การทำงาน การศึกษา การค้า การลงทุน หรือกระทั่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชวนทุกคนมาทำความรู้จัก Metaverse ในหลากมิติหลายมุมมอง ถึงความสำคัญ ความเป็นไปได้ และโอกาสที่มาพร้อมกับโลกเสมือนจริงครั้งนี้

ที่มาของคำว่า “Metaverse”

คำว่า “Metaverse” เป็นการนำคำว่า Meta รวมกับ Verse ได้ความหมายว่าเป็น “จักรวาลนฤมิต” ตามราชบัณฑิตยสภา [1] ปรากฏครั้งแรกในนิยายแนวไซไฟ เรื่อง Snow Crash แต่งโดยนีล สตีเฟนสัน ในปี 1992 ซึ่งโลก Metaverse ในหนังสือของนีลเป็นโลกเสมือนจริง 3 มิติ ที่ผู้คนสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้ในรูปแบบของอวตาร (Avatar) [2] 

Metaverse คืออะไร

Metaverse เป็นการผสานเทคโนโลยีแห่งโลกเสมือน ที่สร้างสิ่งแวดล้อมของโลกจริง ๆ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์และทำกิจกรรมร่วมกัน ผ่านตัวตนที่เป็นอวตาร (Avatar) ในรูปแบบกราฟิก 3 มิติ แทนเราในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนชีวิตจริงมากกว่าโซเชียลมีเดียที่ใช้ในปัจจุบัน 

Metaverse เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอะไรบ้าง

AR (Augmented Reality)  VR (Virtual Reality) และ ​​XR (Extended Reality) เป็นเทคโนโลยีสำคัญในการที่จะช่วยให้สภาพแวดล้อมโลกความเป็นจริงเข้ากับกิจกรรมในโลกเสมือน แบบ 360 องศา โดยอุปกรณ์สำคัญ คือแว่นตา VR ผ่านการรับรู้ของเราไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น เสียง การสัมผัส และทำให้สามารถใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริงได้ เช่น การซื้อที่ดินบนโลกเสมือนจริง เล่นเกม การเข้าร่วมคอนเสิร์ต การซื้อสินค้าโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล

Metaverse สำคัญอย่างไร

การเข้ามาของ Metaverse เรียกได้ว่าทำให้ชีวิตประจำวันของเราเปลี่ยนไป ทั้งการติดต่อสื่อสาร การทำงาน หรือแม้กระทั่งการโฆษณา หากเรายังเมินเฉย ไม่สนใจ ตัวเราเอง และธุรกิจของเราอาจจะเสียเปรียบได้ในอนาคต อย่างที่ผ่านมา อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ที่มีผลต่อชีวิตของเราในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม [2] 

Metaverse กับโอกาสทางธุรกิจ

ธุรกิจบันเทิง : สามารถจัดงานอีเวนต์ นิทรรศการ คอนเสิร์ตในโลกเสมือนจริงที่ไร้ขีดจำกัด สามารถเปลี่ยนชุดได้ทันที หรือสร้างสรรค์เวทีให้ล้ำเหนือจิตนาการอย่างไรก็ได้ 

ธุรกิจแฟชั่น : เป็นการเปิดมิติใหม่ในการช้อปปิ้ง และเริ่มมีแบรนด์ระดับโลก เข้ามาขายเสื้อผ้าดิจิทัลสำหรับอวาตาร ในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ ๆ ในวงการแฟชั่น

ธุรกิจการลงทุนรูปแบบใหม่ : ผู้เล่นในโลกเสมือนจริงสามารถลงทุนลงทุนได้จริง เช่น การลงทุนสินทรัพทย์ การลงทุนที่ดิน และการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล

ธุรกิจอุตสาหกรรม : ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรคมนาคม 5G – 6G และสินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้ประโยชน์และเกิดการขยายตัวสูงขึ้น

Metaverse และการแพทย์

การเข้ารับการรักษาทางออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR เพื่อพัฒนาด้านการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม เช่น การซ้อมผ่าตัดเสมือนจริง การบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวช นอกจากนั้นยังใช้รักษาอาการ PTSD (Post-traumatic stress disorder คือ  อาการผิดปกติทางจิตใจหลังประสบเหตุการณ์รุนแรงในอดีต) อีกด้วย

Metaverse และการลงทุน

Metaverse ทำให้เกิดรูปแบบการลงทุนแบบใหม่ๆ แม้ว่าบางโปรเจ็คจะยังมีความคลุมเครือ ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ยังมีโอกาสที่เราจะลงทุนทางอ้อมได้ และนี่คือ 4 ตัวอย่างช่องทางการลงทุนใน Metaverse [4] 

1. หุ้น Metaverse สิ่งแรกที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้ คือการซื้อหุ้น metaverse ซึ่งเป็นหุ้นในบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และเกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้าน Metaverse 

2. กองทุน ETFs ที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse อีกวิธีหนึ่งที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้คือ การซื้อกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse กองทุน ETF คือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับหุ้นกองทุน ETF ของหุ้น Metaverse จะช่วยให้ผู้คนลงทุนในบริษัทที่พัฒนา Metaverse ได้

3. Virtual World Tokens หรือ โทเค็นโลกเสมือน เป็นโทเค็นดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเสมือนจริง ซึ่งในโลกเสมือนจริง ผู้คนสามารถใช้โทเค็นโลกเสมือน เพื่อซื้อที่ดิน ตัวละคร งานศิลปะและของสะสมในเกมได้

4. Metaverse NFTs ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อคเชนมีแนวโน้มที่จะใช้ NFT และสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการนำ Metaverse มาใช้ เนื่องจาก Metaverse ที่ใช้งานต้องมีความสามารถในให้ผู้ใช้เคลื่อนย้าย Avatar และสินทรัพย์เสมือนจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งได้

ประโยชน์ของ Metaverse

ด้านการแพทย์ : สามารถใช้  Metaverse ในการผ่าตัดจากระยะไกล และช่วยในเรื่องการจำลองการฝึกผ่าตัดในโลกเสมือนให้มีความชำนาญมากขึ้น

ด้านการเรียนรู้ : หลายคนอาจจะมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่เท่าเทียม และหลากหลายมากยิ่งขึ้น รูปแบบของการศึกษานั้นจะเปลี่ยนไป เช่น  การเรียนรู้เรื่องภาษา วัฒนธรรม การเรียน [3] 

ด้านการทำงาน : การมาของ Metaverse อาจจะทำให้เกิดวิธีการใหม่ ๆ ทั้งในด้านการทำงาน บริการ ตำแหน่งงาน ที่จะทำให้การปฏิสัมพันธ์กันตอนทำงานเหมือนจริงกันมากขึ้น [3] 

ด้านการใช้ชีวิต : ในอนาคตมนุษย์เราที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือน ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เป็นในสิ่งที่อยากจะเป็น เช่น การท่องเที่ยวยังสถานที่ที่ไม่มีโอกาสจะได้ไป 

อีกด้านหนึ่งของ Metaverse

การมาถึงของเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน เมื่อมีการใช้งานจนเกิดประโยชน์ย่อมมีอีกด้านหนึ่งที่อาจจะเกิดปัญหาได้ในระยะยาว  ซึ่งปัญหาที่หลายคนกังวลว่าจะมาพร้อมกับ Metaverse ได้แก่ ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy) ด้านความปลอดภัย ด้านสุขภาพจิต รวมไปถึงการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นบนโลกเสมือนจริง ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นประเด็นที่คนถกเถียงกัน ตั้งแต่โซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, YouTube และอื่น ๆ เคยถูกตั้งคำถาม และเรียกร้องให้ออกมาแถลงการณ์เรื่องเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ที่แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

]]>
จับกระแสจักรวาล Metaverse เริ่มต้นอย่างไร โอกาสไปได้ไกลแค่ไหน ไปกับเนคเทค สวทช. Velaverse และ Metaverse XR https://www.nectec.or.th/news/news-article/metaverse-ep1.html Fri, 11 Feb 2022 15:29:49 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=30066
เนคเทค สวทช. จัดเวทีออนไลน์อาสาพาทุกท่านเดินทางท่องไปในดินแดน Metaverse ในหลากมิติ หลายมุมมอง ประเดิม EP แรก Metaverse in Action Series Ep.1 Earth : Metaverse in Action…จากแนวคิด สู่การปฏิบัติ โดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. คุณเสถียร บุญมานันท์ CEO&Founder บริษัท Metaverse XR คุณมารุต ชุ่มขุนทด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คลาส คอฟฟี่ จำกัด และ Velaverse ดำเนินรายการ โดย ดร.สรรพฤทธิ์ มฤคทัต นักวิจัยอาวุโส กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช.

เทคโนโลยีบน Metaverse ไม่ใช่เรื่องใหม่

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้เล่าถึง ความท้าทายของเทคโนโลยีที่มีส่วนในการพัฒนา Metaverse ที่อาจส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโลกของ Metaverse นั่นคือ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต (Network Latency) ที่ต้องอยู่ในระดับ 20 ms ที่พร้อมในพื้นที่เมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยเทคโนโลยี Edge computing จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีใน Metaverse ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนคเทค สวทช. พัฒนามาเทคโนโลยีเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้มาควบรวม หรือ บรรจบกันเพื่อ Metaverse ทั้งในด้าน เทคโนโลยี และ ระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็น Avatar, Human Computer Interaction โดยเน้นเรื่องการสื่อสารภาษาธรรมชาติระหว่างมนุษย์กับ Machine , “LUNAR” โดยใช้เทคโนโลยี Lidar ประกอบกับ Ultrawideband สร้างระบบนำทางภายในอาคารและแบบแปลนสามมิติ (Indoor navigation & 3D floor plan) การประมวลผลสัญญาณสมองเพื่อควบคุมคอมพิวเตอร์ , AI for Thai บริการด้านปัญญาประดิษฐ์, NETPIE IoT Platform ที่สามารถของรับอุปกรณ์ Edge Device ต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ Metaverse , เทคโนโลยีโลกเสมือน VR/AR Simulation เป็นต้น โดยเนคเทค สวทช.มีแผนจะสร้างสิ่งใหม่เพื่อรองรับ Metaverse ในโลกของการศึกษา (Innovative Education) และ การท่องเที่ยว เช่น การนำเทคโนโลยี Metaverse มาต่อยอดใช้กับพิพิธภัณฑ์
โดยเนคเทค สวทช. จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศนี้ มุ่งสนับสนุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของไทย ไปพร้อมกับการพัฒนาบุคลากร และเป็นกลไกสนับสนุนการสร้างจริยธรรมในโลก Metaverse ต่อไป
ด้านดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา นักวิจัย ศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (ThaiSC) สวทช.ได้เล่าถึง วิถีที่เปลี่ยนไปในช่วง COVID-19 ทำให้ผู้คนรับรู้อีกแง่มุมหนึ่งในโลกออนไลน์สามารถทำกิจกรรมได้ในหลาย ๆ บริบท เช่น ซื้อของกินของใช้ การพบแพทย์ ทำธุรกรรมต่าง ๆ สำหรับโลกของ Metaverse ขีดจำกัดต่าง ๆ จะหมดไป ถึงแม้ในปัจจุบันเทคโนโลยีสำหรับ Metaverse อาจจะยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะเทคโนโลยีที่ล้ำไปมากกว่านี้ยังมีราคาสูง ไม่คุ้มกับการใช้งาน
ในมุมมองของ ดร.รัฐภูมิ ความแตกต่างของ Second Life และ Metaverse แบ่ง 3 ส่วน ได้แก่ Social Context ซึ่งผู้คนในปัจจุบันจะมีความคุ้นชินกับโลกออนไลน์มากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีบริบทของโควิด ที่ทำให้เกิดวิถีชีวิตปกติใหม่ หรือ New Normal 2)Technology Context ที่มีกราฟฟิคดีกว่า input และ โครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของบล็อกเชน และ web 3.0 ที่สามารถ อ่าน เขียน เป็นเจ้าของ และนำไปสู่การสร้างรายได้ 3) Business Context โอกาสของการทำรายได้ใน Web 3.0

Metaverse คือ โอกาสล้างไพ่

Metaverse ในมุมมองของ Metaverse XR คือ คือ เจนเนอร์เนชันใหม่ของโซเชียลมีเดีย (Social media next generation) โดยคุณเสถียร บุญมานันท์ CEO&Founder บริษัท Metaverse XR ได้เล่าถึงโอกาสบนโลก Metaverse ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยีที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้นับหนึ่งใหม่พร้อมกับทุกคนในโลก และคนที่ใช้ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่ดีที่สุด คือ ผู้ชนะ คุณเสถียรยังได้นำเสนอภาพความพร้อมด้านเทคโนโลยีสำหรับ Metaverse ในหลายด้าน เช่น เกม การซื้อขาย อีเวนท์ การศึกษา สุขภาพ เป็นต้น

Metaverse โลกเสมือนที่ยังยั่งยืน

“ชุมชน หรือ Comunity” คือ ปัจจัยสำคัญในการสร้างและขับเคลื่อน Metaverse ในมุมมองของคุณมารุต ชุ่มขุนทด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คลาส คอฟฟี่ จำกัด และ Velaverse ซึ่ง CLASS Café สร้างเครือข่ายร่วมกับกับชุมชนมหาวิทยาลัยชั้นนำมาโดยตลอด และล่าสุดได้สร้างโปรเจค Velaverse แพลตฟอร์มสำหรับเมืองโลกเสมือนขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นหลักในการพัฒนา ซึ่งผู้คนสามารถเข้าไปจับจองที่ดิน ซื้อบ้าน โดยใช้จ่ายผ่าน Class Coin
คุณมารุต กล่าวว่า เทคโนโลยีใน Metaverse ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความยั่งยืน การมีส่วนร่วมกับชุมชน และ การกระจายอำนาจสู่ทุกคนไปพร้อม ๆ กัน (Decentralized) ซึ่ง Velaverse ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยการโลกเสมือนไปพร้อมกับการพัฒนาเมือง ทั้งด้านการพัฒนาคน โดยการจัด Hackathon สนับสนุนนักศึกษาในพื้นที้มาอัปสกิลเทคโนโลยีและเครื่องมือด้าน Metaverse เพื่อสร้างแรงงาน สร้างคนสู่โลก Metaverse ต่อไป รวมถึงด้านการท่องเที่ยว สนับสนุนให้เกิดอีเวนท์ระดับประเทศ หรือ ระดับโลก บน Metaverse เป็นต้น
]]>
เทคโนโลยีสำหรับ Metaverse จะ disrupt โลกภายในปีไหน? และคนทั่วไปกับธุรกิจจะเตรียมตัวอย่างไรดี https://www.nectec.or.th/news/news-article/metaverse-article.html Fri, 05 Nov 2021 13:34:09 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=23263
โดย ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา
นักวิจัยทีมโครงสร้างพื้นฐานซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (SCO)
ศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (ThaiSC)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

เมื่อพูดถึง Metaverse คนมักจะนึกถึง Ready Player One ซึ่งมันเหมือนจริงมาก ได้มีการทำนายไว้ว่า ภายในช่วงปี 2030-2039 (9-19 ปี) เทคโนโลยีโลกเสมือน ผู้เล่นจะเห็น สัมผัส ได้กลิ่น ได้ยิน ไม่ต่างจากการใช้ชีวิตในโลกจริง

หากลองนึกถึง Implication  ถ้าโลกเสมือนไม่แตกต่างจากโลกแห่งความจริงจะอย่างไร ในบางมุมอาจจะดีกว่าโลกแห่งความจริง เพราะน้ำหนักไม่ต้องลดก็ดูผอมได้ หน้าตาไม่สวยก็สวยได้ มีการมองกันว่า เมื่อถึงเวลานั้น คนบางส่วนอาจจะเลือกที่อยู่ในโลกเสมือนโดยไม่ออกมาในโลกแห่งความจริงอีกเลย เพราะว่ามันดีกว่าความเป็นจริง ลองนึกถึงซีนใน Matrix ที่ Cypher นั่งกินสเต๊กดูคงพอเห็นภาพ

The future is closer than you think 

กระแสการ Disrupt ที่ผ่านมาส่งผลกระทบให้กับหลายชีวิต และ หลายบริษัทอย่างมากมาย Metaverse เมื่อทำเทคโนโลยีได้เสมือนจริงมาก (หรือใกล้มากๆ) ก็จะส่งผลกระทบกับคนหนักว่าการดิสรับที่ผ่านมาเสียอีก ซึ่งคำถามคือแล้วมันจะเป็นไปถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?

นอสตราดามุนสายเทค

ในสายเทคโนโลยีคนที่ได้การยอมรับว่าเป็นนอสตราดามุสของสายเทคโนโลยี ถึงขนาดที่ Bill Gate พูดว่า “เขาคือคนที่มองอนาคตได้แม่นที่สุดด้าน AI” 

เขาคนนั้น คือ Ray Kurzweil ปัจจุบันเป็น Director of Engineering ที่ Google ตั้งแต่ปี 1990 เขาทำนายประมาณ ​147 เรื่อง ถูกประมาณ 86% ซึ่งถือว่าสูงมาก

เช่น เขาทำนายถูกว่าจะมีคอมพิวเตอร์เล่นชนะหมากรุกคนภายในปี 1998 (ปี 1997 IBM Deep Blue ชนะ Garry Kasparov) ทำนายการเกิดขึ้นของ search engine (Google), Wireless Network, Exoskeleton, Apple Siri, AR บนแว่นตา ซึ่งแม่นมาก เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเวลาที่เขาบอก

แนวทางการทำนายของ Ray Kurzweil

Kurzweil ใช้ Moore’s Law [3] เป็นหนึ่งองค์ประกอบของการทำนาย ส่วนวิธีทำนายแบบลึกๆ นั้นไม่น่าจะมีเปิดเผย แต่ Moore’s Law กล่าวไว้ว่า จำนวนทรานซิสเตอร์ในชิพจะเพิ่มขึ้นสองเท่า ในทุกสองปี ในขณะที่ราคาถูกลงสองเท่า ซึ่งจำนวนทรานซิสเตอร์ที่เพิ่มขึ้นหมายถึง พลังการคำนวณที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อพลังคำนวณถึงในแต่ละระดับ ปัญหาทางเทคนิคที่เคยทำไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้

เปิดคำทำนายในอนาคต

จากสถิติการทำนายที่ผ่านมา ทำให้คำทำนายในอนาคตของ Ray ถูกจับตามอง ซึ่งคำทำนายเขาล้ำอยู่เหมือนกัน เราอาจจะมองว่ามันเป็นไปได้หรือ แต่อย่าลืมว่า technology ไปเร็วแบบ Exponential คนเรามักจะนึกไม่ถึง อย่างเรื่องกล้องดิจิทัลกับโกดักเป็นต้น มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

 
ภายในปี 2030
  1. โรคส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะรักษาได้ด้วย nanobots
  2. การกินอาหารแบบปกติจะเปลี่ยนไปโดยใช้ระบบ nano เข้ามาแทน
  3. รถขับอัตโนมัติจะถูกใช้อย่างแพร่หลาย คนทั่วไปอาจะไม่ถูกอนุญาตให้ขับรถเองได้
  4. AI จะฉลาดกว่ามนุษย์

ภายในปี 2040

  1. Virtual Reality อย่างที่บอกไปแล้วจะเหมือนจริงมาก
  2. สามารถ Upload จิตใต้สำนึกไปเก็บไว้ได้ (แบบ Altered Carbon) มนุษย์จะ ‘ไม่แก่ตาย’ อีกต่อไป
  3. AI จะเก่งกว่าเราเป็นพันล้านเท่า 
  4. Nanobots จะสามารถสร้างอาหารจากอากาศ และ สามารถสร้างวัสดุขึ้นมา (อารมณ์เหมือน 3D printing ในอากาศ) ได้อย่างรวดเร็ว

ภายในปี 2045

  1. มนุษย์จะเพิ่มศักยภาพตัวเองโดยการ ‘เชื่อมต่อเข้ากับ network ของระบบคำนวณทำให้ เราสามารถใช้ทรัพยากรคำนวณได้เหมือน AI
  2. ทั้งโลกจะเป็น Computer เครื่องใหญ่ (อย่าลืมว่า Nanobots สามารถสร้างอะไรได้อย่างรวดเร็ว)

ภายในปี 2099

เครื่องจักรจะสร้างคอมพิวเตอร์ใหญ่ขนาด ดาวเคราะห์ อีกมากมาย

ในระยะ 10-20 ปี อะไรจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง | Thought_Experiment

ปี 2045 นี่คนอ่านส่วนใหญ่น่าจะยังมีชีวิตอยู่ จะสังเกตว่า Technology จะ Converge เข้ามาแบบเร็วมาก ทำให้เป็นทั้งเรื่องที่น่าตื่นเต้น และ น่ากังวลในขณะเดียวกัน ตอนนี้เรามีเวลามอง คิด และ เตรียมการซักประมาณ 10 ปีจึงเป็นเรื่องน่าคิดว่า จะทำอะไร ธุรกิจอะไรจะอยู่ อะไรจะไป ลูกจะเรียนอะไรดี

มาลองกาวเล่นๆ กันว่า ในระยะ 10-20 ปี อะไรจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

#Thought_Experiment

1. คนที่ทำวิจัยด้านการแพทย์น่าจะพอไปได้ (Medical Research) ส่วนการให้บริการทางการแพทย์ (Medical Service) จะลดความสำคัญลงไปมาก (หมอตกงาน) มีปัญหาก็ไปฉีด nanobots

2. อุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง เพราะคนต่อท่ออยู่เป็นผักในบ้าน  Uber แบบไร้คนขับจะมีให้บริการทั่วไป ดังนั้นจำนวนรถจะลดลง

3. อุตสาหกรรมอาหาร พวกร้านอาหาร เลี้ยงสัตว์ ประมง อาจจะต้องนับถอยหลัง ไปนั่งกินใน Metaverse เอารสชาติสเต๊กอร่อยๆ ดีกว่า  มีnano systemให้อาการกับร่างกาย แต่สัญญาณประสาทตีความเป็นของกินที่อร่อยกว่า

4. อุตสาหกรรมเสื้อผ้า เสริมสวย … ไม่ออกจากบ้าน คงไม่ต้องสวยเท่าไหร่ละ ถ้าจะรุ่งต้องไปออก collection ใน Metaverse

5. ที่ดิน บ้าน อาจจะลดความสำคัญลงในแง่ asset เพราะอยู่ที่ไหนก็ได้

6. สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม อุตสาหกรรมการบิน ตามมา จ่ายตังค์คืนละสองหมื่นนอนโรงแรมทำไม ในเมื่อความรู้สึกประสบการณ์ใน Metaverse ถูกกว่า ดีกว่า

7. AI มีความสามารถเหนือคน พวก customer service, sales ไปหมด

8. อะไรที่ใช้ creativity ในแนวศิลปะ น่าจะพอไหว อย่างการออกแบบ graphics เสื้อผ้าหน้าผม อุปกรณ์ใน Metaverse พวก brand จะไปขายใน Metaverse แทน

9. Hacker ก็ยังคงป่วนระบบได้ตลอด อาชีพนี้น่าจะอยู่ได้อีกนาน

10. น้ำมัน ใครจะต้องการน้ำมันอีก?

11. Rare Earth Material อันนี้จะสำคัญเพราะใช้ผลิตอุปกรณ์ทั้งหลาย ซึ่งพี่จีนก็ไปกว้านซื้อที่ดินและสร้างอิทธิพลในหลายทวีปเรียบร้อยแล้ว

12. สุดท้ายอาจจะต้องไป mine material กันนอกโลก

13. สันดานมนุษย์ยังเหมือนเดิม คือมีความเหลื่อมล้ำ เช่นบางคนอาจจะมีตัวช่วย หรือ โมดูล AI ช่วยคำนวณที่เหนือกว่า ทำให้เก่งกว่า ฉลาดกว่า

14. UBI อาจจะมา แต่มาพร้อมกับ Work Assignment คือมีงานให้ทำ เพื่อที่จะเป็นรูปแบบของการควบคุมมนุษย์ ไม่งั้นปล่อยให้เวลาว่างเยอะ เดี๋ยวมีปัญหา unrest

แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไรดี?

จริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดเอาไว้เลย จนพอมีข่าวเรื่อง Metaverse เลยงัดคำทำนายของ Kurzweil มานั่งดู  มันใกล้เหมือนกันนะ ด้วยที่มีลูกอายุยังน้อย เลยคิดว่าต้องคิดๆ เผื่อไว้เหมือนกันละ เพราะ 10 ปีนี้เตรียมตัวทัน ผมจะเริ่มที่ Guiding Principle ก่อนดังนี้

1. คำทำนายเหล่านั้น พูดถึง Tech capability ไม่ใช่ Tech Adoption ต้องเข้าใจข้อแตกต่างตรงนี้ก่อน เทคโนโลยีทำได้ ไม่ได้หมายความว่าจะแพร่หลาย เพราะ มันมีปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ถ้าคนเรา upload ตัวเองได้ คิดหรือว่าคนทั่วไปจะได้ใช้ก่อน สันดานมนุษย์ที่ต้องการสร้าง status เหนือคนอื่นมีมาให้เห็นในประวัติศาสตร์ คนรวย หรือ คนที่มีอำนาจ จะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ก่อน เสมอ ยังไม่นับเหตุการณ์อื่นๆนอกเหนือจากเทคโนโลยีด้าน AI เช่น Climate Change, ปัญหาระหว่างอเมริกากับจีน

2. สิ่งที่ทำนายเป็น Possibility พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราอาจจะเห็นความเป็นไปได้มากขึ้น อันนี้เรียกว่า “Weak Signals” จึงเริ่มระวังตัวได้ เมื่อถึงจุดที่เป็น “Inflection Points” เมื่อไหร่ เราถึงจะเคลื่อนตัวเดินแผน 2 ยกตัวอย่างง่ายๆ Netflix เริ่มขยายตัวได้เร็ว เมื่อราคาเครื่องเล่น DVD ตกมาเหลือเครื่องละ 300-400 เหรียญ อันนั้นคือจุด Inflection Point

5. เนื่องจากอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ดังนั้นแนวคิดอย่างหนึ่งคือ ไม่โฟกัสสิ่งที่จะเปลี่ยน แต่มาดูดีกว่า ว่าอะไรที่มันไม่เปลี่ยนแน่ๆ

การเตรียมตัว 

1. ในะระยะสั้น ก็ยังเป็น Business as usual อย่างที่ดินก็คงยังราคาขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจ (และคน) ก็ควรที่จะ accumulate wealth เป็นกระสุนสำรองไว้ มีการทำ Scenario Planning และกำหนด policy ไว้ว่าถ้าถึงจุดที่เป็น Inflection point จะต้องเริ่มผ่องถ่าย กิจกรรมหรือ diversify asset ไปลงส่วนที่เป็นอนาคตมากขึ้น ที่ยากที่สุดของธุรกิจคือ การปรับ mindset คน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จแล้วจะติดกับดักตัวเอง คิดว่าเก่ง มองเห็นมองขาด ส่วนใหญ่จะไม่รอด เพราะที่ผ่านมาเคยประสบความสำเร็จตลอด ยกตัวอย่าง CEO Blackberry นี่เก่งมากเลยนะ แต่ดื้อสุดท้ายแล้วก็อย่างที่เห็น … 

ถ้าให้พูดสั้นๆ คือ การทำ BCP (แบบมอง Inflection Points) + Mindset Transformation ซึ่งไม่เหมือนกับ Digital Transformation หรือ การสร้าง Culture

ที่ผ่านมาแทบไม่ค่อยเจอ CEO ที่ nimble, flexible เลย ego through the roof ทั้งนั้น ในไทยมีเจ้าสัว CP ที่แกชอบเรียนรู้จากคนสมัยใหม่ๆ อยู่ตลอด (คุณศุภชัยผมว่ามี DNA ในตรงนี้อยู่บ้าง) จึงจะเห็นว่า CP เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างคน เปิด Academy แต่ Vision อย่างหนึ่ง Execution ก็อีกอย่าง เพราะคนรุ่นเก่าผมว่า fixed mindset ไปแล้ว เปลี่ยนขวดเหล้า แต่เหล้ายังเหมือนเดิม น่าจะลำบากอยู่เหมือนกัน บริษัทใหญ่อื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง

2. สำหรับประเทศไทยเองคน Gen X, Y อย่างผมอาจจะไม่ต้องห่วงมาก ส่วนตัวไม่ได้อยากอยู่ค้ำฟ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องสนใจแล้วว่าคนอื่นเขาจะทำอย่างไร อย่างน้อย ๆ คือ มีที่ดินต่างจังหวัดที่ไม่น้ำท่วม อากาศดี ปลูกผัก เลี้ยงอะไรไป ก็น่าจะพอไหวอยู่ นี่ก็เห็นเพื่อนหลายคนซื้อที่ต่างจังหวัดกันเยอะแยะ

3. สำหรับ Gen อื่น หรือถ้าplanสำหรับลูกตัวเอง ภาพใหญ่คงมองว่า ‘จะ position ลูกตัวเอง’ ให้พร้อมที่จะกระโดดขี่คลื่น เมื่อเวลานั้นมาถึงอย่างไร เริ่มจาก คงเน้นให้เรียนในสิ่งที่ชอบ แต่ไม่เน้นพวกท่องจำ (จะท่องทำไม ถาม AI ก็ได้) แต่ต้องมี foundation skills ที่ทำได้หลากหลาย (คร่าวๆ น่าจะประมาณนี้ ส่วนละเอียดก็สูตรใครสูตรมัน ตาม resource ที่แต่ละคนมี)

  • Critical & Analytical Thinking: มองโลกเป็น อ่านเกมส์ออก เห็น inflection point
  • Creativity: ในระยะแรก ต่อให้ AI คิดเก่งกว่าคนแต่ Creativity โดยเฉพาะในแง่ศิลปะเป็นเรื่อง subjective ดังนั้นน่าจะยังไปได้อยู่
  • Coding/Art: พวก Programming หรือการสร้าง 3D Model ควรจะทำเป็นบ้าง
  • Communication: การอยู่รวมกับคน
  • Selling: ขายของเป็น
  • Financial Planning: ใช้เงินเป็น วางแผนการเงินได้ ปิดโอกาสจนทิ้งซะ (ไม่ได้หมายความว่าจะรวยนะ แต่อย่างน้อยต้องไม่จน)

ส่วนตัวผมเองก็ต้องเร่งสร้าง Network ไว้เมื่อพอเห็นโอกาส จะได้มี ‘จำนวนประตู’ ที่จะเปิดให้ลูกได้ลองมากพอเหมือนกัน ใครอยากมาสร้าง Network Alliance ร่วมกันก็มาคุยกันได้ครับ

References

]]>