MOU – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Sun, 20 Apr 2025 16:51:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png MOU – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 กสทช. – สวทช. ลงนามความร่วมมือ ผลักดันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/2025mou-nbtc.html Sun, 20 Apr 2025 11:49:48 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39690

กสทช. และ สวทช. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ พร้อมจัดสัมมนาวิชาการ มุ่งใช้เทคโนโลยีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

วันที่ 17 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อร่วมกันผลักดันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งจัดงานสัมมนาวิชาการหัวข้อ “Digital Connectivity: New Path for Growth” เปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง ณ ห้องประชุมสายลม 5021 สำนักงาน กสทช. โดยมี นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช.  ร่วมเป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ

ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ให้เกียรติเข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Digital Connectivity : New Path for Growth” โดย กล่าวเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลอย่างสำนักงาน กสทช. กับหน่วยงานวิจัยชั้นนำของประเทศอย่าง สวทช. ว่า “กสทช. มีหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ให้คนเข้าถึง Digital Connectivity ได้ทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่านระบบโทรคมนาคม ผ่านระบบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมแก่คนทุกระดับ การลงนามความร่วมมือกับ สวทช. ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลกิจการสื่อสารกับหน่วยงานวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”

ด้าน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า “การจัดทำความร่วมมือในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อีกทั้งเนคเทคมีแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับนโยบาย ของสำนักงาน กสทช. ใน ๕ ด้าน ได้แก่ การลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การพัฒนา AI เทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม และการมีส่วนร่วมทางสังคม โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นเจ้าของเทคโนโลยี (Technology Sovereignty) โดยเฉพาะด้านข้อมูล เพื่อให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น รวมไปถึงทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ทุกคนเข้าถึงได้”

การจัดทำความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง สำนักงาน กสทช. กับ สวทช. และเสริมสร้างศักยภาพในการผลิตผลงานวิจัยให้กับบุคลากรของสำนักงานโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี เนื่องจาก สวทช. เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง หรือเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่การเป็นสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง

ในช่วงสัมมนาวิชาการ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ผลงานวิจัยของ สวทช. และโอกาสในความร่วมมือทางวิชาการ” ซึ่งนำเสนอผลงานวิจัยที่มีศักยภาพในการประยุกต์ใช้กับภารกิจของ กสทช. ตามด้วยการบรรยายจากนักวิจัยเนคเทค สวทช. ในหัวข้อ “Recent Trends toward 6G Wireless Connectivity” โดย ดร.กมล เขมะรังษี และหัวข้อ “การใช้เทคโนโลยี Large Language Model (LLM) และผลงานวิจัย DocChat ในการวิเคราะห์งานเอกสาร” โดย ดร.ศราวุธ คงยัง

]]>
University of Luxembourg x NECTEC เดินหน้าขยายความร่วมมือการวิจัยด้าน Electronics, Computer, Telecommunications และ Information Technologies https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-luxembourg.html Wed, 26 Feb 2025 04:58:45 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39140

21 กุมภาพันธ์ 2568 H.E. Mr. Patrick Hemmer เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนาด้าน Electronics, Computer, Telecommunications และ Information Technologies ระหว่าง University of Luxembourg และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องบุษกร อาคารเนคเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โดยมี Professor Marie – Hélène Jobin, Vice Rector for Partnerships and International Relations และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้ร่วมในพิธีลงนามในข้อตกลง พร้อมด้วย Professor Pascal Bouvry, Dean of the Faculty of Science, Technology and Medicine (FSTM) และ ดร.ปิยวุฒิ ศรีชัยกุล รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

โดย MOU ฉบับนี้เป็นการสานต่อความร่วมมือระหว่างเนคเทค สวทช. และ University of Luxembourg ซึ่งได้เริ่มต้นความร่วมมือในด้าน High-Performance Computing และ Cloud Computing ตั้งแต่ปี 2561 และครั้งนี้เป็นการลงนามเพื่อขยายกรอบความร่วมมือของ MOU ให้กว้างขึ้นให้ครอบคลุมในด้าน Electronics, Computer, Telecommunications และ Information Technologies เพื่อพัฒนางานวิจัยร่วมกันและแลกเปลี่ยนความรู้ บุคลากร รวมถึงการจัดฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เป้าหมายสำคัญของความร่วมมือนี้คือการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย การบริหารจัดการเทคโนโลยี และการวิจัยร่วมกันในระยะยาว เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือประเทศทั้งสองฝ่ายในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

นอกจากนี้ยังมีแถลงผลงานที่ผ่านมา ผลลัพธ์จากการประชุมเชิงปฏิบัติ และทิศทางในอนาคตสำหรับโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ ในด้าน AI, Big data, HPC และ Security เป็นต้น รวมถึงการแนะนำทุนสนับสนุนจากยุโรปที่สามารถยื่นขอร่วมกันได้ (โดยวิทยากร Dr. K.R.M.H. Tatas H.P. Brotosudarmo, EURAXESS Worldwide Representative for ASEAN) ตลอดจนการอภิปรายเพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการทำงานร่วมกัน

พิธีลงนามและการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง University of Luxembourg และ เนคเทค เพื่อขยายขอบเขตการวิจัยและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสากลต่อไป

]]>
กระทรวง ศธ. และ อว. ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรด้านการศึกษา พัฒนาผู้เรียน ผู้สอน เติมทักษะด้าน AI ควบคู่จริยธรรมการนำไปใช้ประโยชน์จาก AI https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mhesi-moe-ai.html Sat, 06 Jul 2024 11:12:48 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37074

(วันที่ 4 กรกฎาคม 2567) ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบัน การศึกษา” เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AI มีความเข้าใจและตระหนัก เรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ (ethical considerations) เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โอกาสนี้ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้กล่าวแสดงความยินดีและมอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา เพราะโลกการศึกษาในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นประเด็นความท้าทายด้านการศึกษาของประเทศไทย การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงระบบดิจิทัลเข้ามาใช้พัฒนาผู้เรียน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาได้ โดยเฉพาะผู้เรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล หรือโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูผู้สอนไม่ครบชั้น ขาดแคลนสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยทุกวันนี้ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันการทำงานและการศึกษา ดังนั้น นักเรียน นักศึกษาจะต้องได้รับทักษะใหม่ ๆ เช่น ทักษะในการคิด การวิเคราะห์ การตัดสินใจ การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ คาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำไปปรับใช้เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการจัดการศึกษาในโลกอนาคตที่สอดคล้องกับเด็กไทย เราต้องมาร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียนทุกช่วงวัยตามนโยบายการทำงาน “การจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” ส่งต่อจากระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา สู่ระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพ

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการศึกษามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กไทย ให้นักเรียนทุกคนมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการใช้ AI  เข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยง รวมไปถึงจริยธรรมในการใช้งาน ซึ่ง “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา” เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของ “อว. for AI” ที่เน้นการพัฒนาทักษะและสร้างบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับนักเรียนไทยตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา และขอแสดงความยินดีกับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทยให้ตอบสนองกับความต้องการของศตวรรษที่ 21

สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) หรือ National AI Strategy สนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากำลังคน AI ระดับต้น (Beginner) ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นในการใช้ AI  เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความคาดหวังจากความร่วมมือโครงการฯ นอกเหนือจากที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่แล้ว การดำเนินโครงการยังมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของการเปิดให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา มีการวัดผลการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Adaptive Education) ที่สามารถติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ (Micro-Credentials) รวมถึงสะสมเครดิตการเรียนรู้ผ่านระบบธนาคารเครดิต การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับนโยบาย “ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง” ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นรูปธรรม

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 4 หน่วยงานได้ผนึกกำลังทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น โดยในการขับเคลื่อนให้เกิดการสอนเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถานศึกษาทั่วประเทศ หน่วยงานพันธมิตรสำคัญที่ได้ลงนามความร่วมมือกับ สวทช. ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รศ.ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และล่าสุด สวทช. เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรไทยให้มีความพร้อมในการใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐานในโรงเรียนไปถึงระดับมหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมกับพันธมิตรในการเตรียมวางแผนการขับเคลื่อนความรู้ความเข้าใจด้านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในระดับต้นร่วมกัน เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AI มีความเข้าใจและตระหนักเรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ (ethical considerations) เป็นการเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยมีกรอบการดำเนินงาน ได้แก่

1. สร้างหลักสูตร AI ที่มีความเหมาะสมของผู้เรียน และผู้สอน ให้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น
2. สร้างครูผู้สอนให้มีความรู้ทางด้าน AI และการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมของการสอนแต่ละช่วงชั้น
3.สร้างมาตรฐานหลักสูตร AI เพื่อนำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ (Micro-Credentials)
4. พัฒนาโครงการนำร่อง ก่อนส่งเสริมให้เกิดการสอนเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
5. แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ รวมทั้งจัดฝึกอบรม และสัมมนาระหว่างบุคลากรของทั้งสองฝ่าย และดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน

]]>
เนคเทค สวทช. ผนึกกำลังเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีลงนามความร่วมมือพัฒนาทักษะนักวิทย์ฯ ด้วย KidBright Education Platform https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-kidbright-suratthani.html Wed, 08 May 2024 10:30:39 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=36772

วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาแนวทางการเรียนการสอน โปรแกรมสนับสนุน การใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องการใช้แพลตฟอร์ม KidBright Education Platform โดยมี ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) และ  นายประเสริฐ  บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี เป็นประธานร่วมลงนาม

โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร ทางด้านทักษะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ผ่านการสร้างนวัตกรรมโครงงาน ด้วยแพลตฟอร์ม KidBright Education Platform และร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ การอบรมในการสร้างนวัตกรรมโครงงานด้านทักษะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite ตลอดจนกิจกรรมการแข่งขันทางวิชาการ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้าน Coding ให้แก่นักเรียน

นายประเสริฐ  บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการที่บุคลากรของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้มีโอกาสศึกษาดูงานเกี่ยวกับบอร์ด KidBright เกิดความสนใจที่จะนำ KidBright ไปจัดการเรียนการสอนด้าน Coding โดยมีโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) เป็นโรงเรียนนำร่องในการจัดการเรียนการสอน Coding ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 ต่อมาปลายปี 2566 เนคเทค สวทช. ได้จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรให้กับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีทั้ง 5 โรง เรื่อง การใช้ KidBright Coding Simulator และการใช้งาน KidBright AI Simulator เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถนำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดแก่นักเรียน

ทั้งนี้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐาน ก้าวทันเทคโนโลยีด้วยการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและบริบทของสถานศึกษา จากการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะและความสามารถเฉพาะด้าน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ไปสู่สถานศึกษาและชุมชนให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มีนโยบายที่จะดำเนินการต่อยอดความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียนและชุมชน โดยหวังว่าการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะพัฒนาไปสู่  “Suratthani Model , บอร์ด KidBright”

ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า  ภายใต้ความร่วมมือและทิศทางการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นร่วมกันนี้ สอดรับ Education Trends in 2024 โดยเฉพาะในเรื่อง STEM and STEAM Education ที่เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ และการลงมือปฏิบัติ Project-based learning เพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน Critical Thinking Problem-solving and Creativity โดยมีแพลตฟอร์ม KidBright Education Platform เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยผลักดัน โดยในปัจจุบัน บอร์ด KidBright ได้กระจายไปยังกลุ่มโรงเรียนที่สนใจแล้วกว่า 2,000 โรงเรียนทั่วประเทศ

KidBright ได้ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน โดยเริ่มจากโครงการ Coding at School ที่พัฒนาบอร์ด KidBright และ Coding Simulator ต่อมาในช่วงปี 2563 ดำเนินโครงการ AI at School มีการนำ AI bot เข้ามาใช้ ต่อมาจัดทำโครงการ Data Science at School ในปี 2564 เกิดสถานีอุตุน้อย และ Playground จนกระทั่งในปี 2565-2566 KidBright พัฒนาเข้าสู่ช่วง KidBright at Home ล่าสุดมีการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของ KidBright ในงาน รวมพลคน KidBright ครั้งที่ 5 หรือ KidBright Developer Conference (KDC5) ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ภายใต้แนวคิด Edge AI

โอกาสนี้ คณะผู้บริหารเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีพร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษา ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน KidBright ที่อาคารเนคเทค และเยี่ยมชมโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม Fabrication Lab (FabLab) ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อีกด้วย

]]>
เนคเทค สวทช. MOU คณะเศรษฐศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาลัยสหวิทยาการ มธ. https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/2023mou-tu.html Tue, 07 Nov 2023 10:27:12 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=34416

เนคเทค สวทช. ลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ในฐานะปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการ สวทช. ลงนามในลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.ทพญ. ศิริวรรณ สืบนุการณ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ให้เกียรติเป็นประธาน ซึ่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ลงนามโดย เนคเทค สวทช. และมหาวิทยาธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ผศ.ดร.ภาสพงศ์ ศรีพิจารณ์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ และ รศ.ดร.สายฝน สุเอียนทรเมธี คณบดีวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566

บันทึกข้อตกลงดังกล่าวนับว่าเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินงานทางด้านการวิจัย การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน การบริการวิชาการแก่สังคม รวมไปถึงการจัดโครงการศึกษา การฝึกอบรม และความร่วมมือด้านอื่น ๆ ร่วมกัน ซึ่งจะกลายเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนานักวิจัย นักศึกษาและบุคลากรที่ยั่งยืนต่อไป

โดยที่ผ่านมา เนคเทค สวทช. ได้มีความร่วมมือกันในการดำเนินงานกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหลายๆ ด้านทั้งในด้านงานวิจัยและพัฒนา การให้บริการทางวิชาการ รวมถึงกิจกรรมการพัฒนานักศึกษา ได้แก่

1. งานด้านกำกับข้อมูลทางภาษาลงในคลังข้อมูลภาษาในโซเชียลมีเดีย (ทวิตเตอร์) กำกับอารมณ์ของผู้โพสต์และคำกระตุ้นอารมณ์ลงไปในแต่ละทวีต แล้วเทรนโมเดลเพื่อจับอารมณ์ในข้อความ โดยใช้แพลตฟอร์ม Corpus Editor กำกับข้อมูล ส่วนความร่วมมือในอนาคตจะเป็นการกำกับข้อมูลภาษาไทย ที่จำเป็นต้องใช้นักภาษาศาสตร์จากภาควิชาภาษาไทยและภาคภาษาศาสตร์มาช่วย

2. การสร้างคลังข้อมูลคู่คำแปล โดยใช้แพลตฟอร์ม Translation Memory (TM) ช่วยดึงคำแปลที่เคยมีมาก่อนมาเป็นตัวอย่างให้นักแปลได้เทียบเคียงคำแปล และระบบจะช่วยแปลบางส่วนให้ ในอนาคตภาคการแปลจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างคลังข้อมูลคำแปลเพื่อระบบ Machine Translation (MT) ของเนคเทค

3. ด้านการพัฒนานักศึกษาได้ร่วมมือกับวิทยาลัยสหวิทยาการ โดยได้นำ CKAN Open-D ไปสอนนักศึกษาและทำโครงงานในวิชา Data Governance รวมถึงการรับนักศึกษาฝึกงานระดับปริญญาตรีมาร่วมฝึกงานกับทีมวิจัย นอกจากนี้อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ยังได้ใช้ข้อมูลจาก TPMAP ในการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ เรื่องความยากจน และเขียนบทความตีพิมพ์

]]>
5 หน่วยงาน MOU พัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมบูรณาการระบบการผลิต (Manufacturing System Integration Engineer) จัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-engineering-program.html Fri, 09 Jun 2023 09:56:17 +0000 https://nectec.or.th/?p=33352
สวทช. ร่วมลงนามความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมบูรณาการระบบการผลิต (Manufacturing System Integration Engineer) กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยศิลปากร และสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย โดยมี ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. เป็นผู้แทนในนาม สวทช. เข้าร่วม เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม
วัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมบูรณาการระบบการผลิต ในลักษณะ Sandbox และพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ที่สามารถรองรับความต้องการในการผลิตบุคลากรที่ความรู้ความสามารถตรงตามความต้องการของหลักสูตร
]]>
เบทาโกร จับมือ เนคเทค สวทช. นำดิจิทัลเทคโนโลยี หนุน R&D เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nectec-mou-betagro.html Wed, 05 Apr 2023 00:00:40 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32149

1 มีนาคม 2566 ณ อาคารเบทาโกรทาวเวอร์ กรุงเทพฯ: บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดพิธีลงนามความร่วมมือด้านโครงการวิจัย พัฒนา และวิชาการ เกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ด้วยนวัตกรรมการผลิตสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตของเบทาโกร เสริมศักยภาพยกระดับขีดความสามารถของการบริหารจัดการโรงงาน มุ่งสู่ Industry 4.0 โดยมีคุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จํากัด (มหาชน) และดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. เป็นประธานร่วมลงนาม

คุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า เบทาโกรในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับสากลของไทย ดำเนินธุรกิจอยู่บนความพร้อมในการปรับตัวให้ทันต่อ “ความเปลี่ยนแปลง” อยู่ตลอดเวลา โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง ด้วยการริเริ่มก่อตั้ง ศูนย์วิทยาศาสตร์เบทาโกร ในปี พ.ศ. 2546  เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เทคโนโลยีการผลิต และพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ในการวิจัยและพัฒนา โดยมีเป้าหมายสร้างความมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารมาโดยตลอด ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ เบทาโกรมีความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จากความร่วมมือ และสนับสนุนทั้งในด้านองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเบทาโกร และเนคเทค สวทช.  สู่ผลลัพธ์ของการพัฒนาให้เกิด Smart Factory , Smart Farm  และ Smart Operation เป็นพื้นฐานเพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชม เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. กล่าวว่า เนคเทคในฐานะองค์กรวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างฐานรากสำคัญด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ การเตรียมความพร้อมด้านงานวิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต รวมถึงยังได้ให้ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้  ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้เข้ามามีส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนสำคัญของเบทาโกร เพื่อปรับตัวมุ่งเป้าสู่ Digital Transformation ให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความท้าทายใหม่ ๆ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้เกิดขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ ควบคุมคุณภาพการผลิตในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

โดยมีตัวอย่างงานวิจัยของเนคเทคที่สามารถสนับสนุนการดำเนินงานได้ อาทิ แก๊สเซนเซอร์สำหรับตรวจจับระดับกลิ่น, ระบบเพื่อตรวจสอบสุขภาพของสุกร, Image Processing เพื่อตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์

รวมถึงเนคเทค สวทช. โดยศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC มีผลงานวิจัย ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพ ยกระดับขีดความสามารถของโรงงานภายในเครือบริษัท เบทาโกร ให้ขับเคลื่อนสู่ Industry 4.0 ทั้งทางด้าน Smart Warehouse, การบริหารจัดการโรงงานด้วยฐานข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำ และยังมีบริการ ให้คำแนะนำต่าง ๆ อาทิ การตรวจประเมินระดับความพร้อมของโรงงานด้วยดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับประเทศไทย (Thailand i4.0 Index), การใช้งานแพลตฟอร์มไอโอทีและระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม (IDA Platform) เป็นต้น

ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ไปสู่การประยุกต์ใช้ได้จริงทางด้าน Smart Food Factory 4.0 & AgriTech Excellence และยังรวมไปถึงโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญจากบุคลากรทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อต่อยอดสู่การผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นภายในประเทศ ลดการพึ่งพานำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศได้อย่างยั่งยืน

]]>
สวทช. ผนึกกำลัง มข. ลงนามความร่วมมือเสริมแกร่งทางวิชาการเดินหน้าวิจัย สร้าง และขยายนวัตกรรมการตรวจโรควัณโรค https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nstda-mou-kku-tb.html Mon, 27 Mar 2023 05:03:07 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32392

24 มีนาคม 2566 : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  มุ่งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมเสริมทัพนวัตกรรมสมัยใหม่ ช่วยในการขับเคลื่อนประเทศ ในหลากลายมิติ

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า จากเดิมที่ผ่านมาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและสวทช.มีความร่วมมือระหว่างอาจารย์นักวิจัย อยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้น และเป็นการยกระดับบรรยากาศในการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นภายในประเทศ

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง 2 หน่วยงานในครั้งนี้มีขึ้น โดยมุ่งหวังให้งานวิจัยและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถนำไปสู่ผลกระทบต่อสังคม ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ต่อสังคมทุกภาคส่วน และเพื่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมการทำงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมร่วมกัน และนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัยระดับบัณฑิต ศึกษา เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสูงตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเชิงพื้นที่ รวมไปถึงการขับเคลื่อนประเทศในมิติการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระดับประเทศและภูมิภาค ที่ผ่านมามีความร่วมมือในด้านการนำเทคโนโลยีทางนาโนจาก สวทช. มาช่วยพัฒนานวัตกรรมตรวจวัดตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ และนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจหาโปรตีนบ่งชี้มะเร็งท่อน้ำดีเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงระยะเริ่มแรกที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมสนับสนุนให้เกิดการขยายความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมผลงานวิจัย ตลอดจนผนึกกำลัง อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา ในการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนวิจัยจากภายในประเทศและต่างประเทศ บูรณาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบองค์รวมทั้ง 2 หน่วยงาน รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาสนับสนุนนักศึกษาเพื่อปฏิบัติงานวิจัยและเพิ่มทักษะโดยใช้งานวิจัยเป็นฐานอีกด้วย

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ในการทำงานร่วมกับพันธมิตร ซี่งเป็นเจ้าของโจทย์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย  สวทช. พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเสริมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจต่างๆ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อสร้างเครือข่าย ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการวิจัย โดยมีกรอบความร่วมมือครอบคลุม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์(AI) นวัตกรรมด้านการเกษตรและอาหาร นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ นวัตกรรม ด้านวัสดุศาสตร์และพลังงาน เป็นต้น การลงนามระหว่าง 2 หน่วยงาน มหาวิทยาลัยขอแก่นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์บริการประชาชนและโรคประจำถิ่น  ผนวกกับความเชี่ยวชาญของเนคเทค สวทช. ในเรื่องของเทคโนโลยีขึ้นสูง

ในส่วนการพัฒนานวัตกรรการป้องกันดูแลรักษาวัณโรค ได้มีความร่วมมือกันระหว่าง ศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง พื้นผิวขยายสัญญาณ Raman ที่วิจัยพัฒนาโดย เนคเทค สวทช. มีชื่อว่า “ONSPEC” มาร่วมกันวิจัยเพื่อสร้างเป็นเครื่องมือ ที่มี ประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรอง วัณโรคทั้งแบบแสดงอาการและวัณโรคระยะแฝงได้อย่างรวดเร็ว (ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม จากเดิม 1-2 วัน) พร้อมทั้งร่วมกันพัฒนายื่นข้อเสนอขอทุนวิจัยไปยังองค์กรต่างประเทศ (On process 80 %) ซึ่งมีเครือข่ายในการนำผลงานไปขยายผลทั่วโลก อันจะเป็นผลในการเพิ่มประสิทธิภาพสู่การยุติอุบัติการณ์ของวัณโรคตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก เพื่อยุติการแพร่ระบาดของวัณโรค ในปี 2035 อีกทั้งยังยกระดับอุตสาหกรรมผลิตเซนเซอร์และการบริการตรวจวัดของประเทศไทยไปสู่ตลาดสากลต่อไป

เนื่องในวัน World TB Day 2023 เนคเทคได้จัดกิจกรรมสัมมนาทางวิชาการเรื่องเทคโนโลยีและการวิจัยเพื่อยุติวัณโรค โดย ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ(สวทช.) สายบริหารการวิจัยและพัฒนา กล่าวเปิดกิจกรรม โดยกล่าวถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรม และ World TB Day 2023 ที่สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ กำหนดให้ 24 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันวัณโรคสากล” (World TB Day) และกำหนดหัวข้อรณรงค์ คือ “Unite to End TB” ภาษาไทย คือ“ รวมพลัง ยุติวัณโรค” หมายความว่า “ร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อจะยุติปัญหาวัณโรค”

รองศาสตราจารย์เกียรติไชย ฟักศรี คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงการประยุกต์เทคโนโลยีขั้นสูง และร่าง Guideline ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยุติวัณโรค

ดร.นพดล นันทวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ เนคเทค สวทช. กล่าวถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Raman scattering และ surface-enhanced Raman scattering ในการตรวจวินิจฉัยวัณโรค

แพทย์หญิงผลิน กมลวัทน์ ผู้อำนวยการกองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนยุติวัณโรค (End-TB) ในประเทศไทย พร้อมเชิญแขกพิเศษ Dr.Nobuyuki Nishikiori , Medical Officer จาก World Health Organization (WHO) ร่วมแชร์ และอภิปรายแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น

จากนั้นเป็นการแถลงการเริ่มดำเนินการวิจัยที่ยื่นขอการสนับสนุนจาก Open Philanthropy Foundation เรื่อง Development of Raman spectroscopy (RS) and Surface Enhanced Raman Scattering (SERS) based test for diagnosis of active tuberculosis and latent tuberculosis infection supporting mass screening in the community โดย รองศาสตราจารย์เกียรติไชย ฟักศรี คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ ดร.นพดล นันทวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ เนคเทค สวทช.

]]>
ผนึกกำลัง 4 หน่วยงาน จับมือร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP หวังยกระดับสินค้าเกษตรไทย สร้างรายได้ ขยายตลาด ด้วยฐานข้อมูล https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-market-organization.html Tue, 14 Feb 2023 18:31:17 +0000 https://nectec.or.th/?p=32022

14 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไทย โดย องค์การตลาด และกรมพัฒนาชุมชน  ร่วมด้วย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บริษัท ดาร์วินเทค โซลลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP มุ่งยกระดับสินค้าเกษตรของไทย ผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าโอทอป ผลผลิตทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ประชาชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกษตรกร สถาบันการเกษตร สหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเปราะบาง ด้วยฐานข้อมูลทางการเกษตร และฐานข้อมูลการตลาดจากความต้องการซื้อขายสินค้าเกษตร  โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี

นายภาณุพล  รัตนกาญจนภัทร รองประธานกรรมการองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามกลุ่มเป้าหมาย SDGs เพื่อให้ประชาชน กลุ่มเกษตรกร กลุ่มเปราะบาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการรายย่อยมีรากฐานการดำรงชีวิตและพัฒนาสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง จึงเป็นที่มาของแนวทางความร่วมมือร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงาน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจำหน่ายสินค้า การกระจายสินค้าเกษตร เพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ โดยระบบดังกล่าว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลความต้องการผลผลิตจากโรงเรียน และข้อมูลผลผลิตทางการเกษตร/ เกษตรกร พร้อมด้วยระบบ Logistic ในการติดตามสินค้า ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการซื้อขายในพื้นที่ต่าง ๆ  เพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสจำหน่ายผลผลิตในราคายุติธรรม ช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สินค้าล้นตลาด และมุ่งพัฒนาตลาดขององค์การตลาดให้เป็น Marketing and Trading ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรเครือข่าย เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ให้เป็นคนดี คนเก่ง ประกอบอาชีพสุจริต สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

ดร.ชัย วุฒิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวถึงความร่วมมือ ในฐานะหน่วยงานที่พร้อมเป็นฐานรากทางด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ ที่ได้สะสมองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลโภชนาการและสุขภาพของเด็กและเยาวชน รวมทั้งการทำ Demand-supply matching ของโรงเรียนและหน่วยบริการของรัฐ กับผู้ให้บริการเกษตร อาหารและขนส่ง ในความร่วมมือครั้งนี้ เนคเทค สวทช. ได้ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อยกระดับศักยภาพการบริการดิจิทัลของหน่วยงานพันธมิตร ด้วยการต่อยอดนวัตกรรมพร้อมใช้ 3 ผลงาน โรงเรียน สู่การพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP ได้แก่ Thai School lunch หรือ ระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้โรงเรียนสามารถจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ สามารถประมาณการค่าใช่จ่ายและวัตถุดิบล่วงหน้า ซึ่งระบบนี้จะเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบ KidDiary ที่ครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลภาวะทางโภชนาการ และพัฒนาการของเด็ก ๆ

รวมถึงการเชื่อมโยงร่วมกับระบบ Farm to School เพื่อจับคู่ความต้องการสินค้าทางการเกษตรของโรงเรียนกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ และกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับที่ได้มาตรฐานเพื่อบริหารจัดการผลผลิต โดยร่วมขับเคลื่อน 2 กลไก คือ 1) การวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อติดตามและส่งเสริมการมีสุขภาพดีของคนไทยด้วยการใช้ข้อมูลและนวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อมูล โดย ทีมวิจัยการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ (HBA) กลุ่มวิจัยวิทยาการข้อมูลและการวิเคราะห์ (DSARG) และ 2) การพัฒนาให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มสู่การใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะ โดย บริษัท ดาร์วินเทค โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็น NECTEC Start up ล่าสุด ที่มีความเชี่่ยวชาญเรื่อง AI และ Big Data Analytics ในการดูแลสุขภาพของคนไทย

นายพงษ์ศักดิ์ ติยานันทิ กรรมการบริษัท ดาร์วินเทค โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในฐานะบริษัท Start up ที่นำผลงานวิจัยศักยภาพสูงของเนคเทค มาขยายผลสู่เชิงพาณิชย์สู่การใช้งานจริง พร้อมเป็นพันธมิตรร่วมทำงานกับทั้ง
3 หน่วยงาน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของความร่วมมือ โดยมุ่งพัฒนาใน 2 ส่วน ประกอบด้วย

1) การเชื่อมโยงข้อมูล  ได้แก่ ข้อมูลความต้องการของลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มโรงเรียนที่ต้องการวัตถุดิบเพื่อตอบโจทย์อาหารกลางวันในโรงเรียน, กลุ่มลูกค้าเดิมขององค์การตลาด เช่น กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลกลุ่มลูกค้าทั่วไป และการลงทะเบียนเกษตรกร ผู้ประกอบการและเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP  ที่ เป็นคู่ค้าขององค์การตลาด (อต.) และกรมการพัฒนาชุมชน (พช.)

2) Platform พร้อมจ่าย ได้แก่ 

ฝั่งผู้ซื้อ : จะเป็นรูปแบบเว็บไซต์ และ รูปแบบ Mobile Application สำหรับสั่งซื้อสินค้า รองรับการเชื่อมโยงบัญชีผู้ใช้งานบุคคลทั่วไป และลูกค้าหน่วยงาน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ผู้ประกอบการรับจัดอาหาร

ฝั่งผู้ขาย : (คู่ค้าของ อต.และผู้จำหน่ายสินค้า OTOP จากกรมการพัฒนาชุมชน) : มีการลงทะเบียนสินค้าที่จะขายใน platform โดยหากเป็นผลผลิตทางการเกษตรจะมีลงทะเบียนยืนยันตัวตน เพื่อจัดเก็บตำแหน่งที่ตั้งแปลงเกษตรและมาตรฐานการผลิต เพื่อรองรับกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ

ฝั่งผู้บริหารจัดการตลาด : สามารถบริหารจัดการการขาย อาทิ จัดการคู่ค้า จัดการราคา จัดการ stock สินค้า จัดการการจัดส่งสินค้า การชำระเงิน ส่งเสริมการขาย กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)

เป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งหวังพัฒนาให้แพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลที่สำคัญของประเทศ ในการยกระดับเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร และสินค้าเกษตรของไทย รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมที่เกิดจากข้อมูล ผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ของการเชื่อมโยงข้อมูลที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงได้อย่างครบวงจร ที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาบริการดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐที่ช่วยตอบโจทย์ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งในด้านสร้างการมูลค่าเพิ่มของสินค้า สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง

]]>
เนคเทค สวทช. จับมือ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ร่วมวิจัยพัฒนานำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มศักยภาพสำนักงานฯ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/mou-orst-2022.html Mon, 28 Nov 2022 10:03:12 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=30958

พิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มศักยภาพงานตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติกับสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเพื่อร่วมกันดำเนินงานวิชาการที่มีความก้าวหน้าและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลทางวิชาการของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้โดยสะดวก

ในโอกาสนี้ นายศานติ  ภักดีคำ รองเลขาธิการ รักษาราชการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา และดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ลงนาม พร้อมด้วย นางนฤมล กรีพร ผู้อำนวยการกองศิลปกรรม และดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ณ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

นายศานติ  ภักดีคำ รองเลขาธิการ รักษาราชการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า นับแต่ปีพุทธศักราช 2559 จนถึงปัจจุบัน สำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้รับความร่วมมือจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ด้วยดีมาโดยตลอดจนทำให้สามารถผลิตงานวิชาการในรูปแบบที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เป็นอย่างดี งานวิชาการดังกล่าว ได้แก่ 

1) แอปพลิเคชันพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 
2) แอปพลิเคชันอ่านอย่างไรเขียนอย่างไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 
3) แอปพลิเคชันชื่อบ้านนามเมือง 
4) ระบบพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช 2554 ออนไลน์ 
5) ระบบศัพท์บัญญัติออนไลน์

นอกจากนี้ยังมีการจัดทำระบบฐานข้อมูลงานวิชาการอื่น ๆ ตามภารกิจของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เช่น งานอักขรานุกรม อนุกรมวิธาน สารานุกรมเพื่อรองรับและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบสำหรับเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการในอนาคต รวมทั้งได้มีการจัดทำระบบสืบค้นเอกสารในหน่วยเก็บถาวรดิจิทัลและระบบบูรณาการเพื่อสร้างงานวิชาการของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาอีกด้วยในโอกาสที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาครบรอบการสถาปนา 100 ปีในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2569 สำนักงานราชบัณฑิตยสภาหวังว่าจะสามารถพัฒนางานวิชาการที่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้ประชาชนสามารถนำข้อมูลองค์ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาไปใช้ประโยชน์ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า เนคเทค สวทช. และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา มีความร่วมมือทางวิชาการมาอย่างต่อเนื่องหลายปี และเป็นที่ทราบกันดีว่าตลอดระยะเวลามากกว่า 90 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเป็นหน่วยงานหลักของประเทศในการกำหนดมาตรฐานการใช้ภาษาไทย การสร้างองค์ความรู้ในศาสตร์สาขาต่าง ๆ อีกทั้งยังได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนางานวิชาการและงานบริการตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมาเป็นลำดับ

สำหรับเนคเทค สวทช. เรามีนักวิจัยทางด้านการประมวลผลภาษาไม่ต่ำกว่า 40 คน ผลิตผลงานตั้งแต่พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์รุ่นแรก ๆ หรือ LEXiTRON เมื่อ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จนถึงเครื่องมือประมวลผลภาษาไทยอัตโนมัติด้วยปัญญาประดิษฐ์ ตั้งแต่พื้นฐาน เช่น เครื่องมือแบบคำ เครื่องมือวิเคราะห์ไวยากรณ์ เครื่องมือวิเคราะห์คำอ่าน ไปจนถึงเครื่องมือการประมวลผลที่ซับซ้อน และยังคงพัฒนาต่อเนื่องในปัจจุบัน เช่น เครื่องมือแปลภาษา เครื่องมือสังเคราะห์เสียงพูดเป็นข้อความ เครื่องมือถอดความเสียงพูดภาษาไทย เป็นต้น และเนคเทค สวทช. ได้เปิดเผยเครื่องมือเหล่านี้เพื่อให้สังคมได้มีโอกาสทดลองใช้งานอยู่บนเว็บไซต์ AI for Thai 

สิ่งที่เนคเทค สวทช. กำลังทำมาคงไม่สำคัญเท่ากับที่เราได้รับความเชื่อมั่นจากสำนักงานราชบัณฑิตยสภาที่ให้โอกาสเนคเทค สวทช.ได้พัฒนาผลงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้การพัฒนาระบบฐานข้อมูลศัพท์บัญญัติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภาออนไลน์ ระยะที่ 2 คงไม่จำกัดแค่เรื่องข้อมูลศัพท์บัญญัติเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายมุมมองที่สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปประยุกต์ใช้ เช่น การสืบค้นข้อมูลมหาศาลในพจนานุกรม หรือ การทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลของราชบัณฑิตยสภาได้โดยง่าย รวมถึงการบริหารจัดการภายในสำนักงานให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ 

เนคเทค สวทช. หวังอย่างยิ่งว่าจะได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญผลงานวิจัยจากทีมวิจัยด้านภาษาธรรมชาติและความหมายมาช่วยต่อยอดงานของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาให้เกิดเป็นรูปธรรมและสอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของเนคเทค สวทช. ในการเป็นรากฐานสำคัญด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ ดร.ชัย กล่าวทิ้งท้าย 

]]>