Smart Farm – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Fri, 19 Jan 2024 07:40:04 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png Smart Farm – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 ผลงานเนคเทค โชว์นวัตกรรมด้านเกษตรในงานเกษตรสุรนารี 67 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/saf2024.html Wed, 17 Jan 2024 07:21:44 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=35132

12 – 17 มกราคม 2567 งานเกษตรสุรนารี’67 และมหกรรมมันสำปะหลังฯ มหกรรมสินค้านวัตกรรม เทคโนโลยี เครื่องจักรกลการเกษตร :Thailand Tapioca Expo 2024 ภายใต้แนวคิด “เกษตรสร้างสรรค์ นวัตกรรมก้าวหน้า สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน” ณ อาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) งานนี้จัดขึ้นเพิ่อให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเชื่อมโยงผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการเกษตร ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเผยแพร่ความรู้ต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการด้านการเกษตร และประชาชนที่สนใจ เพิ่มมูลค่าทางการเกษตร ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกรียติจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใเป็นประธานเปิดงาน โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ รศ.ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ

เนคเทค สวทช.โดย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล(DAT) ได้นำผลงานนวัตกรรมด้านการเกษตรเพื่อให้เกษตรกร และประชาชน สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย จำนวน 3 ผลงาน

LineBot โรคข้าว และสตอเบอรี่ ของกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) เป็นนวัตกรรมยุคใหม่เกษตรกรสามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยากผ่านโปรแกรมไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอยู่แล้วทุกคน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึงของเกษตรกรในการวินิจฉัยโรคข้าวได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ถ่ายภาพและส่งเข้าไปในกลุ่มก็จะได้คำตอบ พร้อมแนวทางการแก้ไขโรค จากนักวิชาการด้านการเกษตร เพียงเท่านี้ชาวนาไทยก็จะปลอดภัยจากโรคข้าว

ระบบตรวจวัดนาข้าวแบบเปียกสลับแห้ง หรืออีกชื่อ Wet & Dry เป็นการทำนาแบบไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำเนื่องจากตัวนวัตกรรมนี้จะคอยตวบคุมระดับน้ำเข้าและออก ในแปลงนาให้เหมาะสมตามช่วงเวลา เพื่อกระตุ้นรากและลำค้นของข้าวให้แข็งแรงขึ้น เนื่องจากดินและรากได้รับอากาศทำให้สามารถดูดปุ๋ยได้ดีขึ้น ลดการใช้ปุ๋ย เมื่อต้นข้าวแข็งแรงก็จะแตกกอมากขึ้น รวงข้าวสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มผลผลิด ลดการระบาดของโรคและแมลง ลดการใช้สารเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงไปด้วย

HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ เป็นการผนวกเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมทางการเกษตร และอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things) อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยต่อการเจริญเติบโตของพืชผล ตั้งแต่การปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ การให้ปุ๋ย การป้องกันแมลง รวมทั้งการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณแสง อีกด้วยและระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติ เข้าด้วยกัน สามารถดูสถานะค่าต่างผ่าน dashboard บน web applicationพร้อมออกแบบให้ใช้งานง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม

ในงานนี้ยังมีผลงานของศูนย์อื่นๆ เข้าร่วมจัดแสดงด้วย อาทิ

ศูนย์พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
ผลงาน ชุดตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลัง

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
ผลงาน
1.ถุงปลูกและถุงห่อ (Magik Growth)
2.แป้งพิมพ์สีธรรมชาติ
3.ผลงาน พลาสติก lidding film
4.ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ ActivePAK และ ActivePAK Ultra
5.ผลงานแพลตฟอร์มหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติทางการเกษตรสำหรับการควบคุมวัชพืชในไร่อ้อย (Terra)
6.ฟิล์มคลุมโรงเรือน MultiTech และ MultiTech-Ultra

]]>
เนคเทคจัดแสดงนวัตกรรมเกษตร ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก 2566 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/thairice2023.html Tue, 12 Dec 2023 09:02:30 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=34731

เนคเทคจัดแสดงผลงาน Line bot โรคข้าว/สตรอว์เบอร์รี และระบบตรวจวัดนาข้าวแบบเปียกสลับแห้ง นวัตกรรมไทยสู้โรค และภัยแล้ง ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก 2566

งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก (มหกรรมเกษตรยั่งยืน) ครั้งที่ 23 ในปีนี้จัดขึ้นที่บึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 11-13 ธ.ค. 2566 นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในกระบวนการผลิตที่เหมาะสมกับพื้นที่ สู่การทำเกษตรสร้างมูลค่า เพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงตลาด ระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้รับซื้อข้าวทั้งในและต่างประเทศ ให้มีช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยอาศัยความร่วมมือภาครัฐและเอกชนด้านการเกษตรเป็นกำลังสำคัญ ซึ่งจะเป็นอีกพลังที่เข้มแข็งในการพัฒนาความร่วมมือด้านการเกษตร ตลอดจนสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้โดยใช้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อยกระดับภาคเกษตร และช่วยเหลือเกษตรกรไทย ให้กินดีอยู่ดี โดยได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ องค์กรภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมจังหวัดร้อยเอ็ด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด ชมรมโรงสีข้าวจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้แทนกลุ่มองค์กรเกษตรกร และผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ

สวทช. เล็งเห็นความสำคัญในด้านการเกษตรซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ BCG ได้นำผลงานนวัตกรรมสำหรับพี่น้องชาวเกษตรแบบใช้งานง่ายและได้ประสิทธิภาพของศูนย์ฯ แห่งชาติ จัดแสดงในโซนนิทรรศการ เรื่องการพัฒนาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาด้วยการวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาทิ

  • ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นำเสนอผลงาน
    – LineBot โรคข้าว/สตรอว์เบอร์รี เป็นนวัตกรรมยุคใหม่เกษตรกรสามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยากผ่านโปรแกรมไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอยู่แล้วทุกคน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึงของเกษตรกรในการวินิจฉัยโรคข้าวได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ถ่ายภาพและส่งเข้าไปในกลุ่มก็จะได้คำตอบ พร้อมแนวทางการแก้ไขโรคโดยการเรียนรู้เชิงลึกจากนักวิชาการด้านการเกษตร เพียงเท่านี้ชาวนาไทยก็จะปลอดภัยจากโรคข้าว
    – ระบบตรวจวัดนาข้าวแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wet & Dry) เป็นการทำนาแบบไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำเนื่องจากตัวนวัตกรรมนี้จะคอยตวบคุมระดับน้ำเข้าและออก ในแปลงนาให้เหมาะสมตามช่วงเวลา เพื่อกระตุ้นรากและลำต้นของข้าวให้แข็งแรงขึ้น เนื่องจากดินและรากได้รับอากาศทำให้สามารถดูดปุ๋ยได้ดีขึ้น ลดการใช้ปุ๋ย เมื่อต้นข้าวแข็งแรงก็จะแตกกอมากขึ้น รวงข้าวสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มผลผลิด ลดการระบาดของโรคและแมลง ลดการใช้สารเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงไปด้วย
  • ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) นำเสนอผลงาน “BCG การพัฒนาพันธุ์ข้าว”
  • ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ นำเสนอผลงาน “เครื่องวัดความหอมข้าวด้วยนวัตกรรมจมูกอัจฉริยะ”
  • สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) นำเสนอตัวอย่างสายพันธุ์ข้าวที่พัฒนาขึ้น สารชีวภัณฑ์ พืชหลังนา (ถั่วเขียว) สารชีวภัณฑ์ อาหารโค TMR การแปรรูปข้าว สิ่งทอ นอกจากนี้ยังนำเสนอตัวอย่างกลุ่มเกษตรกรในเครือข่าย สท. ที่เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว อีกด้วย
]]>
Alternate Wet&Dry ระบบตรวจวัดในนาข้าวแบบเปียกสลับแห้ง https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-hardware-electronics/alternate-wet-dry.html Wed, 06 Sep 2023 07:38:05 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33947

เครื่องมือช่วยในการบริหารจัดการการปล่อยน้ำเข้าและออกจากแปลงนา

การปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง   เป็นการทำนาโดยควบคุมระดับน้ำในแปลงนาให้มีช่วงน้ำขัง สลับกับช่วงน้ำแห้ง สลับกันไป ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อความต้องการของข้าว การที่มีช่วงน้ำแห้ง ทำให้รากของต้นข้าวดูดซับอากาศและอาหารได้ดีขึ้น กระตุ้นให้รากและลำต้นของต้นข้าวแข็งแรงขึ้น สามารถดูดซับสารอาหารได้ดีขึ้น ทำให้ใช้ปุ๋ยลดลง ต้นข้าวที่แข็งแรงทนต่อการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ทำให้ใช้สารเคมีเพื่อป้องกันและกำจัดศัตรูพืชลดลง ต้นข้าวที่แข็งแรงจะแตกกอได้มากขึ้น รวงข้าวสมบูรณ์ ผลผลิตที่ได้รับก็เพิ่มขึ้น

การปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งนี้ เหมาะกับการปลูกข้าวในเขตชลประทาน ในบางพื้นที่ จะใช้ปริมาณน้ำในการปลูกน้อยกว่าวิธีปลูกข้าวนาน้ำขังแบบเดิมมากกว่า 50% โดยจะใช้ท่อดูน้ำ ซึ่งทำจากท่อ PVC ความสูง 25 cm ติดตั้งในแปลงนา โดยให้ปากท่ออยู่เหนือผิวดิน 5 ซม. (ดังรูป) เมื่อถึงช่วงต้องการขังน้ำ เกษตรกรจะสูบน้ำเข้าแปลงนาให้สูงจากผิวดินประมาณ 5 ซม ท่วมปากท่อ หรืออาจจะมากกว่านั้น และจะปล่อยให้น้ำแห้งจนต่ำกว่าผิวดิน 15 ซม. หลังจากนั้นจึงสูบน้ำเข้าไปแปลงสลับกันไปการปลูกข้าวในลักษณะนี้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากการย่อยสลายอินทรียวัตถุแบบไร้อากาศเมื่อปลูกข้าวแบบขังน้ำเป็นเวลานาน

การทำงานของ Alternate Wet&Dry

  • Alternate Wet&Dry เป็นระบบช่วยในการบริหารจัดการการปล่อยน้ำเข้า และออกจากแปลงนา ประกอบไปด้วยสถานีวัดอากาศ และสถานีตรวจวัด โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์
  • ตรวจวัดสภาพแวดล้อมในแปลงนา โดยวัดระดับน้ำในแปลงนา ความชื้นดิน อุณหภูมิดิน และสภาพอากาศ ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน, อุณหภูมิ/ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ความเข้มแสงอาทิตย์ความเร็วและทิศทางลม นอกจากนี้ยังช่วยประเมินสภาพอากาศได้
  • ระบบจะส่งข้อมูลตรวจวัดไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 

ปัจจุบันระบบนี้ได้ติดตั้งทดสอบที่ สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ จ.สุพรรณบุรี และประเทศบรูไน 

จุดเด่นของเทคโนโลยี

  • ช่วยเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมในแปลงปลูก
  • ช่วยคำนวณการใช้น้ำของแปลงปลูกข้าว จากความสูงของระดับน้ำในแปลงนา
  • ช่วยคำนวณการปล่อยก๊าซมีเทนของแปลงปลูกข้าว จากการควบคุมระดับน้ำในแปลงนา

กลุ่มเป้าหมาย

  • กลุ่มชาวนาที่เน้นการปลูกข้าวที่เน้นการลดคาร์บอนเครดิต
  • กลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตร

ผู้วิจัยและพัฒนา

ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT)
ด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบและเครือข่ายอัจฉริยะ (ITSN)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (SPE)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธิน
ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
เบอร์โทรศัพท์:: 0 2564 6900
E-mail: business[at]nectec.or.th

]]>
HandySense จัดอบรมเพิ่มทักษะเสริมแกร่งเกษตรกรฉะเชิงเทรา https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/handysense-training2023.html Tue, 18 Jul 2023 03:25:52 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33686

เนคเทค สวทช. ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา และสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดโครงการส่งเสริมอาชีพตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ “หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้เกษตรกรต้นแบบด้วยระบบ HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ” เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เกษตรไทย ได้รับเกียรติจาก คุณธนพัฒน์ เจียรสถิตย์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณสุภัสสร รังสินธุ์ หัวหน้าสำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้กล่าวรายงาน ทั้งนี้มีคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธีเปิด ณ ห้องประชุมบางแก้ว องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566

โครงการดังกล่าวมีกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 55 คน เข้าร่วมอบรมระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมส่งเสริมพัฒนาเพิ่มทักษะให้กับเกษตรกรให้มีองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีด้วยระบบ HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ไปประยุกต์ใช้การทำการเกษตรให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ โดยใช้ระบบอัตโนมัติและเซ็นเซอร์อัจฉริยะติดตามการเปลี่ยนแปลงทั้งความชื้น แสง อุณหภูมิภายในฟาร์ม ทำให้ได้ผลผลิตตามความต้องการและสามารถวางแผนระบบการตลาดในอนาคตได้ พร้อมทั้งยังขยายขีดความสามารถให้กับเกษตรกรในการผลิตสินค้าทางการเกษตร โดยลดระยะเวลาและต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกิดเกษตรกรต้นแบบที่สามารถนำองค์ความรู้ความสามารถไปถ่ายทอดให้กับผู้สนใจได้ ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอาชีพเกษตรกรรมด้วยเทคโนโลยี สมัยใหม่แบบยั่งยืน

]]>
HandySense เปิดเวทีอุตสาหกรรมรับฟังฟีดแบคผลงาน พัฒนาระบบนิเวศส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยีเกษตร https://www.nectec.or.th/news/news-article/handysense-forum-2022.html Thu, 10 Nov 2022 14:01:59 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32589
เนคเทค สวทช. จัดเวทีอุตสาหกรรม HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ การส่งเสริมพัฒนาระบบนิเวศและหุ้นส่วนความร่วมมือ ชวนผู้ใช้งาน 3 กลุ่มหลักได้แก่ กลุ่มผู้ผลิต จำหน่าย ติดตั้ง และบำรุงรักษา กลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมและผลักดันภาคการเกษตรแม่นยำ และกลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจเทคโนโลยี ร่วมอภิปรายฟีดแบคผลงาน และแนวทางการส่งเสริมและพัฒนา Ecosystem ของการเป็นเกษตรแม่นยำ หวังเป็นตัวกลางสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคเกษตร และการวิจัยพัฒนา ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ ในการจัดการการเกษตรแบบแม่นยำ ณ SYNHUB Digi-Tech Community จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา
 
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาปีหลายที่ผ่านมา เนคเทค ได้ทำการวิจัยและพัฒนาระบบเกษตรอัจฉริยะมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี HandySense เป็นหนึ่งในผลงานวิจัยและพัฒนาที่มีการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) ร่วมกับระบบเกษตรอัจฉริยะ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับการเติบโตของพืช และที่ผ่านมามีเกษตรกรให้ความสนใจและติดตั้งใช้งานจริงแล้วเป็นจำนวนมาก และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานที่สะดวกสำหรับเกษตรกร เนคเทค สวทช. จึงได้พัฒนาฟังก์ชันการควบคุมและสั่งการอุปกรณ์ของ HandySense อีก 2 รุ่น ได้แก่ HandySense Pro และ HandySense Pro Max เพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้มีความเหมาะสมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นฟาร์มขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และนอกจากนี้ ผลงาน HandySense รุ่นใหม่ ได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งสำหรับระบบเกษตรอัจฉริยะเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อที่จะเพิ่มให้ผลงานมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความทนทานของอุปกรณ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านการเกษตรและการจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
 
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยเรื่องราวผลงานวิจัยด้านเกษตรอัจฉริยะของเนคเทค สวทช. โดย ดร.ธีระ ภัทราพรนันท์ หัวหน้าทีมวิจัยระบบเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. ได้เล่าถึงภาพรวมงานวิจัยและบริการด้านการเกษตร ภายใต้ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ได้แก่
 
1. Low-Cost Irrigation Platforms เช่น HandySense ระบบเกษตรแม่นยำฟาร์มอัจฉริยะ กล่องควบคุมวาวล์ให้น้ำ เครื่องตรวจวัดเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เครื่องตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว ชาวเกษตร – Mobile Application
 
2. บริการวิจัยพัฒนาตามความต้องการเฉพาะด้าน เช่น ระบบตรวจวัดและระบบควบคุมด้านการเกษตร ระบบตรวจวัดการเจริญเติบโตของพืช ระบบตรวจวัดการเจริญเติบโตของพืช
 
3.บริการเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ทดสอบ เช่น การอบสมุนไพรด้วยสเปกตรัมแสงเพื่อเพิ่มสารสำคัญ
 
4.บริการให้คำปรึกษา แหล่งทุน และสิทธิประโยชน์ในการใช้งานเทคโนโลยีเกษตร
 
5. บริการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ที่เนคเทคและหน่วยงานพันธมิตรจัดการอบรมด้านนวัตกรรมเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนเข้าสู่การอภิปรายความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้ง 3 กลุ่ม คุณนริชพันธ์ เป็นผลดี ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยระบบเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. ได้เล่าถึงภาพรวมการพัฒนา HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น รวมถึงเวอร์ชันใหม่ HandySense Pro และ HandySense Pro Max โดยกล่าวถึงเป้าหมายในการพัฒนา HandSense ว่า “HandySense เป็นนวัตกรรมแบบเปิดเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึง และ ร่วมมือกัน พัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะได้ โดยมุ่งเน้นให้เกิดความยั่งยืนของเทคโนโลยี โดยการขับเคลื่อน Ecosystem ให้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดการยกระดับการใช้เทคโนโลยีด้านการเกษตรของประเทศไทย” สำหรับรายละเอียดเวอร์ชันใหม่ของ HandySense นั้นเตรียมติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พ.ย. นี้ ในรูปแบบออนไลน์
 
สำหรับความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถแบ่งได้เป็น 4 ส่วนได้แก่
 
ด้านการวิจัยและพัฒนา: ผลงานวิจัยควรมีการจัดทำ Knowlage Manatement ข้อมูลพื้นฐานจำเป็นเกี่ยวกับผลงานที่เกษตรกร หรือ ผู้ใช้งานสาามารถเข้าถึงได้โดยง่าย รวมถึงการสร้างกระบวนการจัดการข้อมูลที่อุปกรณ์จัดเก็บไปสู่ Big Data หรือ เชื่อมโยงกับฐานข้อมูล แอปพลิเคชันอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์การเพาะปลูกได้หลากหลายและละเอียดยิ่งขึ้น
 
ด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์: คุณภาพของเทคโนโลยีด้านการเกษตรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนให้เกษตรกรใช้งานเทคโนโลยี สำหรับ HandySense ได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสาขาอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งสำหรับเกษตรอัจฉริยะเรียบร้อยแล้ว โดย Depa ยังได้นำมาตรฐานดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติในการรับเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี dSURE (ดีชัวร์) อีกด้วย
 
การพัฒนาบุคลากร: การพัฒนาบุคคลากรต้องครอบคลุมทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานเทคโนโลยีด้านการเกษตร เพราะนอกจากสิ่งสนันสนุนอื่น ๆ เช่น เงินทุน อุปกรณ์ เทคโนโลยี แล้ว องค์ความรู้ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยี รวมถึงความรู้พื้นฐานด้านการเพาะปลูก ย่อมสำคัญต่อความยั่งยืนในการใช้งานเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งปัจจุบัน HandySense ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้จัดทำหลักสูตรในการถ่ายทอดองค์ความรู้พัฒนาบุคคลกรทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปมากกว่า 4,000 คน รวมถึงศูนยการเรียนรู้ของกรมส่งเสริมการเกษตร และ ธ.ก.ส. อีก 16 จุดทั่วประเทศ
 
การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ: ชุมชน HandySense Community ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขยายตัวของความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยีการเกษตรระหว่างภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และภาคประชาชน
เมื่อระบบนิเวศ (Ecosystem) ในการขับเคลื่อน HandySense ครบวงจร ทั้งการวิจัยและพัฒนา การพัฒนามาตรฐานอุปกรณ์ไอโอทีด้านการเกษตร การสนับสนุนให้เกิดผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่าย เกิดช่องทางการจัดจำหน่ายที่เกษตรกรเข้าถึงได้โดยง่าย การสนับสนุนแหล่งเงินทุนและสิทธิประโยชน์ในการใช้งานเทคโนโลยีเกษตร ประกอบกับการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ระบบนิเวศที่สมบูรณ์นี้จะทำให้เกิดความต้องการจริงของการใช้งานเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ และทำให้ระบบนิเวศการขับเคลื่อนนี้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน
 
นอกจากนี้ในช่วงท้ายของกิจกรรมยังได้มีการนำเสนอบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยีด้านการเกษตรเพื่อขยายผลการใช้งานไปสู่แต่ละภูมิภาค โดย คุณนริชพันธ์ เป็นผลดี ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. และ ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายกลยุทธ์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี เนคเทค สวทช. ร่วมดำเนินรายการ
 
ดร.สุรางค์ศรี วาเพชร ผู้อำนวยการกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมด้านการเกษตร กองวิจัยพัฒนางานส่งเสริมการการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล่าถึงนโยบายการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะของกรมส่งเสริมการเกษตร รวมถึงแนวทางการพัฒนาต่อยอดการส่งเสริมประยุกต์ใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะ HandySense พร้อมกล่าวถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับผลงานว่า “HandySense เป็นการส่งเสริมเทคโนโลยีต้นน้ำเท่านั้น ยังไม่ครบห่วงโซ่การผลิต และยังใช้งานไม่เต็มศักยภาพของผลงาน ที่สามารถเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลของการตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability Digital Platform) หากสามารถนำข้อมูลเรียลไทม์ที่ได้ถือเป็นชุด Big Data ที่สามารถนำ มาวิเคราะห์เพื่อหาปริมาณความต้องการน้ำ ที่ถูกต้องของพืชนั้น ๆ พร้อมกับการสร้างโมเดลการพยากรณ์การผลิตและผลผลิตต่อไปได้”
 
โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จในการขับเคลื่อนการส่งเสริมใช้ HandySense ของเกษตรกร คือ 1) ความร่วมมือของทุกหน่วยงานพันธมิตร ทำงานในบทบาทของตนเองอย่างเต็มที่ และทำทันที มีการบูรณาการแผนปฏิบัติงานร่วมกันทั้งในด้านบุคลากร งาน และงบประมาณ 2) เกษตรกรต้องสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และคำปรึกษาการใช้งานได้ง่าย หลายช่องทาง ของทุกหน่วยงานพันธมิตรสามารถซื้อหาชุดอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในราคาที่เอื้อมถึงและมีบริการหลังการขาย 3) มีผู้ใช้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและงบประมาณการลงทุนเพื่อให้เกษตรกรกล้าลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่
 
คุณปิยะ บุญมาประเสริฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักพัฒนา SME และ Startup ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวถึงบทบาทของ ธ.ก.ส. ที่ไม่เพียงแต่สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับเกษตรกรเท่านั้น แต่ ธ.ก.ส. ยังสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตร ค้นหาเกษตรกร New Gen ในพื้นที่ และเสริมสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลการใช้งานเทคโนโลยีด้านการเกษตรไปในวงกว้าง
 
ด้าน คุณวิศิษฏ์ ไหมเพ็ชร หัวหน้างานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวถึง เสริมสร้างและยกระดับทักษะบุคลากรครูผู้สอนระดับอาชีวศึกษา ด้านเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) โดยใช้นวัตกรรมแบบเปิด HandySense การสนับสนุนคูปองดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการเกษตร โดยต้องช่วยลดต้นทุน หรือ เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
 
ในช่วงท้ายของกิจกรรม คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์ยี เทคโนโลยี จำกัด ได้นำชมพื้นที่ SYNHUB Digi-Tech Community ซึ่งเป็นชุมชนคนนวัตกรรมและแหล่งบ่มเพาะ Startups ผ่านความคิดสร้างสรรค์เพื่อดึงศักยภาพด้าน IoT ให้เกิดเป็นผลงานและออกสู่ตลาดพร้อมนำกลับมาสร้าง New Ecosystem สำหรับต้นแบบ Smart City เมืองอัจฉริยะแห่งอนาคตผ่าน Lifestyle และ Digital Solution ที่ง่าย สะดวก รวดเร็วและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเรียนรู้และมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
]]>
เนคเทคร่วมจัดแสดง WiMaRC ในงานเปิดตัวศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/wimarc-5g-a-zcenter.html Wed, 28 Sep 2022 07:19:26 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=29896

WiMaRC เทคโนโลยีไร้สายเพื่อติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูก ร่วมจัดแสดงในงานเปิดตัวศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center

คุณมนตรี แสนละมูล นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT) นำเสนอผลงาน WiMaRC เทคโนโลยีไร้สายเพื่อติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูก ณ บูธของ GRAVITECHTHAI ร่วมกับ คุณชวัล เตชะเสน ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท กราวิเทคไทย (ไทยแลนด์) จำกัด หนึ่งบริษัทที่ร่วมอบรมการพัฒนาผู้ประกอบการผลิตแพลตฟอร์มไวมาก (Agricultural System Integrator) ในงานเปิดตัวศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center โดยความร่วมมือของ AIS และ ZTE Corporation วันที่ 27 กันยายน 2565 ณ อาคารทิปโก้ทาวเวอร์ 2 กรุงเทพฯ

WiMaRC หรือ ไวมาก คือ เทคโนโลยีไร้สายเพื่อติดตามสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการทำการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบข้อมูล วางแผนการเพาะปลูก และสั่งการทำงานอุปกรณ์ IoT ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมได้ง่ายๆ จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน สามารถติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูกด้วย 8 เซนเซอร์ สำหรับตรวจวัดความเข้มแสง ความชื้นอากาศ อุณหภูมิอากาศ ทิศทางลม ความเร็วลม ปริมาณน้ำ ฝน ความชื้นดิน และอุณหภูมิดิน ทำงานควบคู่กับ Webcam ที่ทำหน้าที่เก็บภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตสำหรับใช้วิเคราะห์และบริหารจัดการแปลง

ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมของพื้นที่เพาะปลูกได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน ควบคุมและสั่งการอุปกรณ์ IoT ได้จากทางไกล สามารถนำฐานข้อมูลมาพัฒนาและวางแผนการทำเกษตรแม่นยำ และประยุกต์ใช้งานได้กับหลายพื้นที่ ปัจจุบันทีมวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ที่สนใจแล้ว

ด้านกราวิเทคไทยจัดแสดง AIS 4G Board บอร์ดพัฒนาที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน 4G มาพร้อมกับไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32-WROOM-32 และโมดูลสื่อสาร SIM7600E-H1C รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกผ่าน GPIO ทั้ง ESP32 และ SIM7600 นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ I2C/RS485/SPI/I2S/UART อีกด้วย

คุณมนตรี อธิบายว่า AIS 4G Board สามารถใช้เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างบอร์ดไวมาก และกล้อง เพื่อส่งข้อมูลสู่คลาวด์เซิฟเวอร์ นอกจากนี้จากการอบรมการพัฒนาผู้ประกอบการผลิตแพลตฟอร์มไวมาก (Agricultural System Integrator) ทำให้เนคเทค สวทช.และกราวิเทคไทยมีแนวทางการพัฒนาบอร์ดไวมากในอนาคต ให้รองรับเครือข่าย 5G ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพความรวดเร็ว แม่นยำ และคุณภาพของสร้างเครือข่ายรูปภาพผลผลิตทางการเกษตร และการจัดการทางด้านการเกษตร ปัจจุบันไวมากยังคงเดินหน้าขยายผลสู่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องผ่านการสนับสนุนจากสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) อีกทั้งยังมุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศการใช้งานไวมากผ่านแนวคิดนวัตกรรมแบบเปิดโดยเปิดข้อมูลการพัฒนาผลในสู่ Open Innovation และการพัฒนาผู้ประกอบการผลิตแพลตฟอร์มไวมาก (Agricultural System Integrator)

ศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ AIS และ ZTE Corporation ในการเปิดตัวศูนย์นวัตกรรม 5G แห่งแรกในประเทศไทย ลงนามข้อตกลงพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G วางเป้าส่งเสริมการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของดิจิทัลเทคโนโลยีให้มีความแข็งแกร่ง สร้างโซลูชั่นสนุนการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและโซลูชันทั้งการติดตั้งสถานีฐานทุกย่านความถี่เพื่อการทดลองทดสอบ พร้อมเทคโนโลยีเครือข่ายต้นแบบที่จะพลิกโฉมการพัฒนาเครือข่าย 5G ในประเทศไทย, โซลูชันต้นแบบเพื่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ (5G vertical industry applications), อุปกรณ์สื่อสารปลายทาง (Smart Terminal) ที่จะมีการหมุนเวียนมาทดสอบและจัดแสดง

]]>
เนคเทค สวทช. ร่วมพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ มาตรฐานนวัตกรรมแบบเปิด HandySense https://www.nectec.or.th/news/news-article/handysense-standard.html Fri, 26 Aug 2022 08:48:52 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=28643

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ร่วมฉายภาพแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรด้วยมาตรฐาน IoT ในเสวนาหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ มาตรฐานนวัตกรรมแบบเปิด HandySense” ภายใต้พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง ดีป้า และ กรมส่งเสริมการเกษตร ที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งเสริม สนับสนุนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลดิจิทัลในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแก่เกษตรกร และบุคลากรภาคการเกษตรของประเทศ พร้อมยกระดับประสิทธิภาพภาคการเกษตรของไทยสู่ ‘เกษตรอัจฉริยะ’

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พร้อมด้วย นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสนับสนุนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการเกษตร โดยมี ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่ และ ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า รวมถึง นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ และนายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมเป็นสักขีพยาน

ภายในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือยังมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ มาตรฐานนวัตกรรมแบบเปิด HandySense” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานพันธมิตรที่มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ ได้แก่ นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร  ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า นายจิรศักดิ์ สุยาคำ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. และคุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที ดำเนินรายการเสวนาโดย ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า

2 หน่วยงานส่งเสริม กับการพัฒนาภาคเกษตรไทย

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึง การพัฒนากลุ่ม Young Smart Farmer ต้องพัฒนาในมุมของผู้ประกอบการด้านการเกษตรด้วย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ พร้อมเฟ้นหา Young Smart Farmer ที่มีความสามารถโดดเด่นถ่ายทอดความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ต่อไป สำหรับแนวทางการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ด้วย HandySense นั้น กรมส่งเสริมการเกษตร เนคเทค และ ธ.ก.ส. ได้เริ่มดำเนินการมีทั้งการพัฒนาความรู้และทักษะบุคลากรด้านการเกษตรทั้งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรมากกว่า 3,000 คน เพื่อสร้างการรับรู้ ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ HandySense ที่สำคัญได้สร้างแปลงเรียนรู้ต้นแบบระบบบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ HandySense พร้อมกับวิทยากรประจำแปลงเรียนรู้ รวมจำนวน 16 จุด ประกอบด้วยแปลงเรียนรู้ของศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 6 และ 10 จุด ซึ่งในปี 2566 กรมส่งเสริมการเกษตรจะสร้างแปลงเรียนรู้ต้นแบบเพิ่มเติมอีก 29 จุด รวมเป็น 45 จุด ทั่วประเทศ

ด้านสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวถึง แนวทางการทำงานของ depa ในการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมเกษตรใน 3 มิติ ได้แก่ มิติแรก การให้ความรู้ โดยมีเกษตรกรเป็นเป้าหมายแรก ตั้งแต่ระบบผู้บริหารผ่านหลักสูตร CDA เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ สนับสนุนซึ่งกันและกัน ต่อยอดไปสู่โครงการพัฒนาการเกษตรร่วมกัน รวมไปถึงการส่งเสริมความรู้ทักษะของผู้ประกอบการ (SI) ทำอย่างไรให้มีคุณภาพการผลิตเทียบเท่าสากล เกษตรกรกล้าซื้อกล้าใช้เทคโนโลยีเกษตร ส่งเสริมให้ได้รับ ISO ส่งเสริมให้ใช้งานเทคโนโลยีเกษตรที่ได้มาตรฐาน ยกตัวอย่าง HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ รวมถึงการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการส่งเสริมความน่าเชื่อถือในการให้บริการ

มิติที่สอง คือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้เทคโลยีดิจิทัลเพิ่มมูลค่าและปริมาณผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต และ มิติสุดท้าย คือ การให้ความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวของด้านการเกษตรทั้งหมด เพื่อวิเคราะห์และสร้างแนวทางส่งเสริมให้ภาคการเกษตรประสบความสำเร็จ ผ่านการพัฒนากำลังคน ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนให้ใช้งานเทคโนโลยี การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลด้านการเกษตร เป็นต้น

โดยในปี 2566 depa ได้จัดทำโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีผ่านคูปองสนับสนุน 10,000 บาท ร่วมกับกรงส่งเสริมการเกษตร และ HandySense เพื่อให้เกษตรกรมีทุนในการจัดหาเทคโนโลยีดิจิทัลมาทดลองใช้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการขยายผลต่อไป

ธกส. เพิ่มบทบาทการสนับสนุนงานวิจัยด้านการเกษตร

นายจิรศักดิ์ สุยาคำ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนภาคเกษตรไทย ทั้งในบทบาทหลักของสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อเกษตรกรมากว่า 50 ปี และการสนับสนุนทุนเพื่อการวิจัยทั้งในส่วนของภาครัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชนที่มีความสนใจเพื่อค้นหางานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกร พร้อมการต่อยอดขยายผลในงานนวัตกรรมต่าง ๆ ที่แต่ละส่วนงานพัฒนา เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ไปสู่เกษตรกรได้ใช้จริง

เนคเทคร่วมสร้างมาตรฐานส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยีเกษตร

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวถึง เนคเทค สวทช. ให้ความสำคัญและมีความพยายามดำเนินงานผลักดันงานวิจัย/เทคโนโลยีเพื่อภาคการเกษตรมากว่า 10 ปี และยังเป็นหนึ่งใน 8 กลยุทธ์การดำเนินงานแบบมุ่งเป้าที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน นั่นคือ ระบบเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) แต่เทคโนโลยีด้านเกษตรยังไม่ถูกใช้งานอย่างกว้างขวาง นำมาสู่การขยายผลในแนวทางเทคโนโลยีแบบเปิด หรือ Open Innovation โดยเริ่มต้นที่ผลงาน HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ที่เปิดเผยพิมพ์เขียวผลงานวิจัยให้สาธารณะได้นำไปใช้งาน และผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ทำให้เกิดความหลากหลายของการผลิตมากขึ้น แน่นอนว่าผู้ใช้มักต้องการอุปกรณ์ที่ “ถูกและดี” แต่ส่วนใหญ่กลับใช้ได้ไม่ทนทาน เกิดการชำรุดเสียหายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุปกรณ์ IoT ด้านการเกษตรไม่ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่มีผู้ใช้งาน ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถขายสินค้าหรือบริการได้ ส่งผลต่อการขยายผลและการพัฒนาในอุตสาหกรรม เนคเทค สวทช. และพันธมิตรจึงได้ การจัดทำมาตรฐานอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งสำหรับเกษตรอัจฉริยะ เพื่อช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ depa ในการการออกตราสัญลักษณ์ dSURE ให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลที่ผ่านการวิเคราะห์ตรวจสอบ และคัดกรองแล้วว่าได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล

'สมาคมไทยไอโอที' พร้อมเป็นหนึ่งเครื่องมือพัฒนาภาคเกษตรของประเทศ

คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที กล่าวว่า การทำงานวิจัยด้านเกษตรในลักษณะ Open Innovation เป็นสิ่งที่ภาครัฐควรทำเพื่อสร้างเครื่องมือช่วยเหลือเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น สำหรับ HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ที่มีมาตรฐานอุปกรณ์ IoT เข้ามารองรับจะช่วยให้เทคโนโลยีภาคเกษตรเกิดการพัฒนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะในมุมของผู้ประกอบการ หากไม่ได้รับมาตรฐานแน่นอนว่าจะไม่ได้รับเชื่อถือจากผู้บริโภค และจะเกิดการแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องมุ่งเข้าสู่การมีมาตรฐานในที่สุด ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง ในขณะที่คุณภาพเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น สำหรับสมาคมไทยไอโอทีพร้อมเป็นเครื่องมือสนับสนุนด้าน System Integrator (SI) ให้คำแนะนำช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการในเรื่องการออกแบบและการเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ รวมการนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง โดยต้องอาศัยการทำงานร่วมกับเกษตรกรและภาครัฐทั้งกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น เพราะ “ข้อมูลภาคการเกษตร” ที่มีตัวแปรมหาศาลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำนั้นสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การใช้งานภาคการเกษตรมากที่สุด หรือ นำไปสร้างสรรค์ให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับภาคการเกษตรไทยได้อีกมาก ทั้งนี้ในเรื่องของการพัฒนากำลังคน สมาคมไทยไอโอทีกำลังมีความร่วมมือกับสถาบันอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง เพื่อนำ HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรเพื่อสร้างพื้นที่รองรับการทำงานให้กับกลุ่มอาชีวศึกษาต่อไป

]]>
1 นาทีกับ BCG model | Aqua-IoT นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อฟาร์มสัตว์น้ำ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/1minbcg-aqua-iot.html Wed, 20 Jul 2022 04:28:41 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=28005

เนคเทค สวทช. พัฒนาระบบ Aqua-IoT นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อฟาร์มสัตว์น้ำ ซึ่งประกอบด้วย ระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำ ระบบตรวจวัดสภาพอากาศเหนือบ่อเพาะเลี้ยง ระบบอ่านค่าสารเคมีภายในน้ำ ระบบตรวจ ติดตามการเติบโตของแบคทีเรียก่อโรค EMS และการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้เกษตรกรหรือผู้ดูแลฟาร์มเข้าถึงเทคโนโลยี

จุดเด่นของ Aqua-IoT

ดูแลง่าย เติบโตดี ปลอดภัย…คือจุดเด่นของระบบ Aqua-IoT นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อฟาร์มสัตว์น้ำ

ยกระดับคุณภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถบริหารจัดการ รวมถึงการปรับปรุงการเลี้ยง และรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาได้ทันท่วงที และยังสามารถใช้เป็นระบบตรวจคุณภาพน้ำ เพื่อบริหารจัดการให้เป็นน้ำดีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG economy model)

BCG หนุนเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน

ขอขอบคุณ
คุณอุดร ส่งเสริม
วศิน ฟาร์ม จ.ระยอง

]]>
เนคเทค สวทช. X SYNTECH หารือความร่วมมืองานวิจัยโรงงานอัจฉริยะ และ สมาร์ตฟาร์ม https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nectec-syntech.html Mon, 02 May 2022 03:48:48 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=26333
เนคเทค สวทช. นำโดย ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ พร้อมด้วยทีมนักวิจัย เข้าเยี่ยมชมและหารือความร่วมมือกับบริษัท Synergy Technology หรือ SYNTECH โดยมี คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที และ CEO Synergy Technology Co., Ltd และคุณรัศมี สืบชมภู CEO Synergy Innovation ให้เกียรติต้อนรับ ณ SYNHUB Digi-Tech Community จ.ปทุมธานี ในวันที่ 28 เมษายน 65
โดยคุณนิติ และ คุณรัศมี ได้นำเสนอเรื่องราวของบริษัท Synergy Technology ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการโซลูชั่นสมาร์ตเทคโนโลยี (Smart Solution Provider) ในหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพ พลังงาน เกษตรอัจฉริยะ หุ่นยนต์ การอยู่อาศัย พร้อมให้บริการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการทดสอบและผลิตทั้งแบบ ODM และ OEM Manufacturing
เนคเทค สวทช. เห็นโอกาสในการบูรณาการความร่วมมือใน 2 ด้าน ได้แก่ โรงงานอัจฉริยะ และ เกษตรอัจฉริยะ โดย ดร.พิเชษฐ์ บุญหนุน นักวิจัย ทีมวิจัยสมองกลอัจฉริยะและความจริงเสมือน (SMR) เนคเทค สวทช. ได้นำเสนองานวิจัยด้าน Visual Inspection สำหรับใช้งานตรวจสอบสายการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ พร้อมยกตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ทีมวิจัย SMR พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและเทรนด์โมเดลโดยไม่จำเป็นต้อง coding
สำหรับงานด้านเกษตรอัจฉริยะ คุณนริชพันธ์ เป็นผลดี ผู้ช่วยวิจัยอาสุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT) เนคเทค สวทช. ได้หารือโอกาสในการต่อยอดโครงการส่งเสริมสวนเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียนยุคปกใหม่ด้วย HandySense ไปยังโรงเรียนในพื้นที่ภาคอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงการส่งเสริมการใช้งานมาตรฐานอุปกรณ์ไอโอทีสำหรับเกษตรอัจฉริยะอีกด้วย ซึ่งสมาคมไทยไอโอที และ Synergy Technology มีความพร้อมที่จะสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์สาธารณะ 
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ ได้กล่าวเสริมในส่วนบริการของศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ที่มีผลงานวิจัยและบริการที่สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
 
ในช่วงท้ายคุณนิติ คุณรัชนี พร้อมด้วยทีม SYNTECH ได้ให้เกียรตินำชมพื้นที่โดยรอบของ SYNHUB Digi-Tech Community ไม่ว่าจะเป็นแปลงเพาะปลูกสำหรับทดสอบผลงานด้านสมาร์ตฟาร์ม ที่ปัจจุบันได้มีการติดตั้งระบบ HandySense ส่วนการผลิตของโรงงาน ไปจนถึงโซน Smart Office, Co-working space, Meeting room, Kusto cafe ที่ปัจจุบันได้เปิดให้บริการเป็น Digi-Tech Community ที่ตอบโจทย์ทุกการทำงาน
]]>
การเคหะแห่งชาติ จับมือ “เนคเทค สวทช.” เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการเกษตรและ ปศุสัตว์ ในโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยในชุมชน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nectec-nha-mou-2022.html Thu, 28 Apr 2022 11:42:56 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=25768

การเคหะแห่งชาติ ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ เนคเทค  สวทช.จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการจากการพัฒนาเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมทางการเกษตรและปศุสัตว์เพื่อใช้ในโครงการบ้านเคหะสุขประชา ระหว่าง นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมลงนามในครั้งนี้ โดยมี ดร.จเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการ การเคหะแห่งชาติ กล่าวแสดงความยินดีกับทั้งสองหน่วยงาน เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 5 สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนพัฒนาชุมชนของการเคหะแห่งชาติให้มีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงฟื้นฟูชุมชนเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี และพัฒนาเมืองใหม่ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมือง ประกอบกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้มอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติ ดำเนินโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย “บ้านเคหะสุขประชา” ในรูปแบบบ้านเช่าพร้อมอาชีพ เพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจครัวเรือน โดยการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนแบบครบวงจรตามบริบทสังคมและศักยภาพเชิงพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจสุขประชา” ผ่านการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และปศุสัตว์ เป็นต้น

ความร่วมมือทางวิชาการจากการวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาด้านเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ส่งเสริมการบูรณาการองค์ความรู้ในด้านการเกษตรและปศุสัตว์ และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน ในโครงการเศรษฐกิจสุขประชา ภายใต้โครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” รวมถึงเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาและถ่ายทอดต่อไป โดยความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือทั้งด้านระดับนโยบาย กลยุทธ์และระดับปฏิบัติการ เพื่อสานพลังเชิงบวกสู่เป้าหมายในทิศทางเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า ในส่วนของเนคเทคจะให้การส่งเสริมสนับสนุนเทคโนโลยีหรือระบบเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตให้กับประชาชนในโครงการเศรษฐกิจสุขประชา ภายใต้โครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” ตลอดจนความร่วมมือด้านอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายเชิงนโยบายระหว่าง 2 หน่วยงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคม เพื่อความสำเร็จและมีประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

ในระยะแรกเนคเทค สวทช.ได้นำผลงานวิจัยหลักที่นำมาร่วมกับโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา”ได้แก่

1.HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ผนวกเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายทนทานต่อสภาพแวดล้อม

2.ชาวเกษตร โมบายแอปพลิเคชั่นที่แนะนำวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้องตามกรอบเวลา (crop calendar) และวิธีปฏิบัติงานในแปลงอย่างถูกต้องและเหมาะสมแก่เกษตรกร อาทิ การบริหารจัดการน้ำ ปุ๋ยหรือยารักษาโรคพืช การบันทึกพิกัดแปลง การจดบันทึกบัญชีฟาร์ม การแจ้งเตือนภัยโรคและศัตรูพืช เฝ้าดูสภาพภูมิอากาศใกล้เคียง การแจ้งราคาตลาดรับซื้อสินค้าเกษตรใกล้ตําแหน่งแปลงเพาะปลูก

และ 3) Farm To School ระบบเชื่อมโยงผลผลิตเพื่ออาหารกลางวัน ตอบโจทย์ข้อจำกัดของการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนหรือหน่วยงาน เหมาะสำหรับโรงเรียน เครือข่ายเกษตรกร และผู้จัดหาผลผลิต ระบบถูกออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ สนับสนุนให้เกิดการซื้อขายผลผลิตและวางแผนการผลิตแบบล่วงหน้าระหว่างโรงเรียนหรือหน่วยงาน และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ ร่วมกับความสามารถของระบบในการเชื่อมโยงข้อมูลความต้องการผลผลิตของโรงเรียน/หน่วยงานแบบอัตโนมัติจากระบบ Thai School Lunch และการจัดสรรผลผลิตเพื่อป้อนให้กับโรงเรียน/หน่วยงานตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ต่อยอดใช้ในครัวเรือนและชุมชน ในโครงการบ้านเคหะสุขประชาได้ 

โดยบูรณาการงานวิจัย 3 เรื่องข้างต้นเพื่อพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงความต้องการของผู้บริโภค/ผู้ค้า กับความสามารถในการผลิตของเกษตรกร รวมถึงบริหารจัดการ market place และ logistics เพื่อให้เป็นเครื่องมือในการสร้างอาชีพและรายได้ ให้กับผู้เช่า รวมถึงวิสาหกิจชุมชน ในโครงการเคหะสุขประชา เพื่อส่งเสริมการทำการเกษตร ยกระดับผลผลิต ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร คุณภาพชีวิต และรายได้ แก่ผู้เช่าในโครงการฯ เกษตรกร และผู้ประกอบการเทคโนโลยีการเกษตรไทยได้อย่างยั่งยืน  รวมทั้งการนำ Aqua IoT – นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อฟาร์มสัตว์น้ำ และ Eco Plant factory – โรงงานผลิตพืช ยกระดับการปลูกพืชสู่เกษตรแม่นยำ มาร่วมโครงการในระยะต่อไปด้วย

และในอนาคตมีแนวคิดนำ Eco Plant factory นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตลอดจนแพลตฟอร์มบริหารจัดการเมืองและชุมชน  มาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ในโครงการบ้านเคหะสุขประชา ด้วย

สำหรับ “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” การเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายจัดสร้าง 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2564 – 2568) กำหนดส่งมอบปีละประมาณ 20,000 หน่วย ด้วยแนวคิดการจัดสร้างที่อยู่อาศัยประเภทเช่าให้กับผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะ อัตราค่าเช่าประมาณ 1,500 – 3,000 บาทต่อเดือน พร้อมทั้งส่งเสริม “เศรษฐกิจสุขประชา” 6 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการ ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้า ปลีก – ส่ง โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับผู้อยู่อาศัยตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 โครงการ จำนวน 572 หน่วย ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้ง บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49% ที่เหลือเป็นเงินลงทุนจากภาคเอกชน โดยเป็นธุรกิจอื่น
อีก 7 กลุ่มถือหุ้นในสัดส่วนรวมกัน 51% อาทิ ธุรกิจค้าปลีก เกษตร เฮลท์แคร์ ประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละรายจะถือหุ้นได้ในสัดส่วนไม่เกิน 15%

]]>