SMC Academy – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Thu, 24 Apr 2025 04:08:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png SMC Academy – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 ปิดฉากอย่างเป็นทางการ! อบรมชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ รุ่นที่ 1 (Industry 4.0 & Smart Manufacturing Bootcamp) https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-bootcamp1.html Tue, 01 Apr 2025 09:06:25 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39656

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เนคเทค – SMC ได้ดำเนินการจัดอบรม ชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Industry 4.0 & Smart Manufacturing Bootcamp) รุ่นที่ 1 ภายใต้โครงการ SMC Academy ซึ่งจัดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2568 รวมระยะเวลาการอบรมทั้งสิ้น 23 วัน โดยหลักสูตรนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และศักยภาพของบุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Industry 4.0 และงานวิจัยของเนคเทค เพื่อการใช้งานจริงอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

การอบรมประกอบด้วย 2 กลุ่มหลักสูตรสำคัญ ได้แก่

  • กลุ่มพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม 4.0 (4 กลุ่มหลักสูตร)

1. พื้นฐานเทคโนโลยีและการบูรณาการอุตสาหกรรม Industry 4.0 (1 วัน)
2. พื้นฐานเครื่องจักร และการพัฒนาระบบอัตโนมัติ (4 วัน)
3. การพัฒนาเครื่องจักรอุตสาหกรรม และระบบ Industrial IoT (3 วัน)
4. พื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Preprocessing สำหรับอุตสาหกรรม 4.0 (3 วัน)

  • กลุ่มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิจัยจากเนคเทค (6 เทคโนโลยีวิจัย)
    1. การพัฒนาแอปพลิเคชัน AIoT สำหรับอุปกรณ์ Edge Computing ด้วยแพลตฟอร์ม Daysie (2 วัน)
    2. การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ด้วย NOMADML ร่วมกับ Computer Vision ในงานอุตสาหกรรม (2 วัน)
    3. การประยุกต์ใช้ระบบระบุตำแหน่ง (UNAI) ในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (2 วัน)
    4. การพัฒนาระบบดัชนีวัดประสิทธิภาพการผลิต (OEE) ด้วย SMART OEE (2 วัน)
    5. การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรแบบเรียลไทม์ด้วย ACAMP (2 วัน)
    6. แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม (IDA) (1 วัน)

ผู้เข้าอบรมในรุ่นที่ 1 เป็นวิศวกรจากโรงงานอุตสาหกรรม 33 คน ผู้จัดการหรือเจ้าของกิจการ 13 คน รวมทั้งสิ้น 46 คน จาก 11 บริษัทชั้นนำของประเทศ โดยมีผู้เข้าอบรมจากหลายภาคส่วน เช่น ฝ่าย IT, ฝ่ายผลิต, ฝ่ายซ่อมบำรุง และฝ่าย Facility

สะท้อนให้เห็นว่า การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะให้ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องเริ่มจาก “การพัฒนาคน” ให้เข้าใจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ทั้งระบบอัตโนมัติ ระบบ IoT และ AI เพื่อให้สามารถต่อยอด ปรับใช้ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

พบกันใหม่! รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัคร พฤษภาคม 2568

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วม อบรมชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ รุ่นที่ 2 สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดได้ทาง Facebook: SMC

]]>
SMC จับมือพันธมิตร จัด “SMC Academy Day” ก้าวสู่อนาคตด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-academy-day2025.html Tue, 11 Feb 2025 07:36:22 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=38907

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 – ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ภายใต้เนคเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดงานสัมมนา “SMC Academy Day” ณ โรงแรม Maple Hotel บางนา กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก คุณอุดม ลิ่วลมไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม เนคเทค กล่าวต้อนรับและแนะนำภารกิจของศูนย์ฯ

เป้าหมายหลักของ SMC ในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุค Industry 4.0 ผ่านการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมทั้งแนะนำบริการต่างๆ ของศูนย์ฯ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ 

  1. บริการตรวจประเมินระดับความพร้อมของโรงงาน 
  2. บริการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร 
  3. บริการให้คำปรึกษาทางเทคนิคและคำปรึกษาเกี่ยวกับแหล่งทุนและสิทธิประโยชน์ 
  4. บริการพัฒนาระบบตามความต้องการของอุตสาหกรรม
  5. บริการเครื่องมือสำหรับทดสอบและเรียนรู้ภายในงาน

คุณปิยวัฒน์ จอมสถาน หัวหน้าโครงการ SMC Academy กล่าวถึงพันธกิจหลักของ SMC Academy ในการยกระดับศักยภาพของบุคลากรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการผลิตอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นผู้นำด้านการฝึกอบรม Manufacturing & Factory 4.0 ในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) โดยมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาทักษะของบุคลากรภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถปรับตัวเข้าสู่ ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) SMC Academy ให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ผ่านหลักสูตรที่ครอบคลุมสาขาต่างๆ เช่น Automation & Robotics, Internet of Things (IoT), OT Security หลักสูตรเหล่านี้ออกแบบให้มีทั้งภาคทฤษฎี (Seminar) และภาคปฏิบัติ (Workshop) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยการเรียนการสอนดำเนินการโดยนักวิจัยจาก SMC ซึ่งนำผลงานวิจัยมาปรับเป็นหลักสูตรฝึกอบรม ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา SMC Academy ได้ฝึกอบรมบุคลากรไปแล้วกว่า 5,000 คน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้และพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง ซึ่ง SMC Academy ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์อบรม แต่เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและงานวิจัยเข้ากับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคอุตสาหกรรม สามารถเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง

พัฒนาบุคลากรสู่ความพร้อม Industry 4.0 ให้เหมาะสมกับองค์กร

งานสัมมนาครั้งนี้นำเสนอเนื้อหาที่ครอบคลุมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยเนคเทค สวทช. ร่วมบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ:

  • การพัฒนาบุคลากรสู่ความพร้อมในยุค Industry 4.0
    โดย คุณปิยวัฒน์ จอมสถาน หัวหน้าโครงการ SMC Academy  ซึ่งเน้นถึงกลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการผลิตอัจฉริยะ
  • Smart Electronics Design & Development for Factory & Agriculture
    โดยคุณนริชพันธ์ เป็นผลดี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล กล่าวถึงการนำอิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์อัจฉริยะมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเกษตรกรรม
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G และคลังสินค้าอัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Smart Warehouse)
    โดย ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัย ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เจาะลึกแนวทางการปรับใช้ 5G ในระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการดำเนินงาน
  • การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์
    โดย ดร.อัมพร โพธิ์ใย หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน ได้ให้แนวทางและเครื่องมือในการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เทคโนโลยีพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ

นอกจากการสัมมนาแล้ว ภายในงานยังมีการจัดแสดง 14 ผลงานนวัตกรรมการผลิต พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมสามารถเยี่ยมชมบูธแสดงผลงานจากองค์กรชั้นนำหลากหลายแห่ง ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีสำคัญและหลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ ได้แก่

กลุ่มหลักสูตร Industrial & Manufacturing

  • พื้นฐานเทคโนโลยี และการบูรณาการอุตสาหกรรม Industry 4.0
  • Automation & Robotics ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • Internet of Things (IoT) & Edge Computing เทคโนโลยีที่ช่วยให้การเชื่อมต่อและประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • AI & Data Technology การใช้ปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
  • Lean Management & Smart Manufacturing ระบบการบริหารจัดการที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • Smart Agriculture เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดของเสียทางการเกษตร

กลุ่มหลักสูตรเทคโนโลยีงานวิจัยของ NECTEC

  • UNAI การพัฒนาเทคโนโลยีระบุตำแหน่งใช้ในดรงงานอุตสาหกรรม
  •  NomadML การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับ Computer Vision
  •  Daysie พัฒนาแอปพลิเคชัน AIoT สำหรับ Edge Computing
  • Acamp การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์แบบเรียลไทม์
  • iSmart OEE การพัฒนาระบบดัชนีวัดประสิทธิภาพการผลิต
  • iDA พัฒนาระบบ IoT และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม

ในปี 2568 SMC Academy จะขยายการจัดกิจกรรมและหลักสูตรอบรมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 10 เทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่ Automation & Robotics, Internet of Things (IoT) & Edge Computing, AI & Data Technology, Lean Management & Smart Manufacturing, OT/IT Security, Factory Management, Smart Factory Executive Program, Power/Energy Management, Modern Automotive Innovation, Smart Agriculture

เทคโนโลยีทั้ง 10 ด้านนี้จะถูกพัฒนาเป็นหลักสูตรอบรมมากกว่า 25 หลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกอนาคต

การสัมมนา SMC Academy Day ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมกว่า 150 ท่าน ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง นักอุตสาหกรรม ฝ่ายบุคคล และนักวิชาการ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นให้ความรู้และนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมในอนาคตได้ที่ www.facebook.com/smc-eeci

]]>
SMC Academy “Shared Knowledge and Experience” ประสบการณ์จากกูรูตัวจริงสายอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 https://www.nectec.or.th/news/news-article/smcacademy-intermach2024.html Fri, 05 Jul 2024 09:22:24 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37047

การพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 เป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อการทำงานและความรู้ของบุคลากร การพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับยุคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องใส่ใจอย่างมากในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การฝึกอบรมออนไลน์ Reskill/ Upskill/Deskill การใช้ระบบประเมินผลงานแบบอัตโนมัติ และการสร้างชุมชนการแบ่งปันความรู้ก็สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรก้าวทันสมัยอยู่ตลอด

เนคเทค สวทช. โดยศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ได้สรุปสาระสำคัญของการเสวนาการพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคอุตสาหกรรม ถ่ายทอดมุมมอง แนวคิด ประสบการณ์ในการพัฒนากำลังคนของตนอย่างไร จากการเปิดตัว ศูนย์ฝึกอบรม SMC ACADEMY โดย ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)  ภายในงาน INTERMACH ครั้งที่ 18 ประจำปี 2024

คุณกมลทิพย์ เตชนันท์
องผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหาร ส่วนงานพัฒนาระบบดิจิตอลและเทคโนโลยีสนับสนุนการผลิต บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด (STM) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ทั้งดีเซลและแก๊สโซลีนให้กับบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ดูแลงานด้าน Digital Development มีหน้าที่ในการพัฒนาดิจิตอลให้กับโรงงาน และทำเทคโนโลยีสนับสนุนการผลิต อยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล คือนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาที่เกิดขึ้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัททั้งในสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงาน ลดงานที่ไม่จำเป็นในโรงงานแทนที่คน  นอกจากนี้ยังรับผิดชอบเรื่อง infrastructure และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม เพื่อให้ผู้บริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดูข้อมูลเป็นเรียลไทม์ ประกอบการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการสนับสนุน Productivity Quality Cost อีกด้วย

คุณโฆสิต หนูฤทธิ์
ผู้จัดการฝ่าย Engineering & Technical บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด (NPI) เป็นบริษัทในเครือเอสซีจีซี (SCGC)  หรือ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)  ผู้นำวัตถุดิบพลาสติก เช่น PVC, PC, PE นำมาขึ้นรูปเป็นสินค้า เชื่อว่าแทบทุกหลังคาเรือนต้องมีสินค้าพลาสติกของ NPI อยู่ เช่น ข้อต่อ, วาล์น้ำ, ท่อระบบร้อยสายไฟ หรือท่อในแปลงเกษตร รวมถึงสินค้าตกแต่งบ้านต่างๆ VINYL ภายใต้แบรนด์ WINDSOR มีโรงงานผลิตทั้งไทยและต่างประเทศในรอบภูมิภาคอาเซียน ประสบการณ์เคยดูแลงานด้าน operational productivity improvement มีหน้าที่หลักรับผิดคือชอบการเปลี่ยน (Transform) ทางธุรกิจ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดการพึ่งพาแรงงานในโรงงาน เช่น กระบวนการในการฉีดการรีดพลาสติก ที่ต้องใช้แรงงานต่อคน/เครื่อง เป็นจำนวนมากในการดูแลสายผลิต จึงได้เปลี่ยนจาก Manual เป็น Automation/Robotic

สังเกตได้ว่าจะพบ Keyword จากทั้ง 2 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนผ่าน/transform, product, process improvement ซึ่งนำไปสู่เรื่องการพัฒนานวัตกรรมในมิติด้านเทคโนโลยี รวมถึงเรื่องคน (People) และดิจิทัล(Digital) ทั้งหมดนี้คือ Digital transformation ประกอบไปด้วย Technology, Process, People Strategy ซึ่งจะเปลี่ยนผ่านสื่อดิจิทัลไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

กระจกสะท้อน Vision ที่นำพาไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

คุณกมลทิพย์ เล่าว่า บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด (STM) มีวิสัยทัศน์เน้นความเป็นเลิศทางการผลิต โดยใช้นวัตกรรมเพื่อตอบสนองธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต อย่างการเข้ามาทดแทนเครื่องยนต์ปัจจุบันด้วยรถไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับตัววางแผนเตรียมการผลิตสินค้าใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต รวมทั้งเรื่องการแข่งขันในด้านต้นทุนการผลิตอีกด้วย เนื่องจากบริษัทฯ ส่งสินค้าให้โตโยต้าที่เดียวเท่านั้น จึงต้องแข่งขันภายในกับโตโยต้าด้วยกันเองอีกด้วย ฉะนั้นต้นทุนที่ไหนถูกก็คือที่นั่นจะเป็นที่สุดท้ายที่ทางโตโยต้าจะเลือกให้ผลิต การแข่งขันทางด้านต้นทุนทางการผลิตจึงสำคัญ ปัจจุบันต้นทุนแรงงานในประเทศไทยปัจจุบันสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกที่ระบบอัตโนมัติเข้ามา หรือ Industry 4.0 กลายเป็นปัจจัย/นโยบายสำคัญของบริษัท

พันธกิจหลักสำคัญ 2 ของบริษัทฯ คือ การเตรียมธุรกิจให้พร้อมสู่อนาคต และรักษามาตรฐานในการผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพต่อไป สำหรับการเตรียมธุรกิจให้พร้อมสู่อนาคต บริษัทฯ ให้ความสำคัญปรับปรุงกระกวนการผลิตให้เป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น (Monozukuri)  และการพัฒนาบุคลากร (Hitozukuri) ซึ่งผู้บริหารให้ความสำคัญมากทั้งพนักงานในไลน์การผลิตพัฒนาจากการอบรม ให้ความรู้ ฝึกฝน ใช้งานเทคโนโลยี/นวัตกรรมต่างๆ ที่นำมาใช้ในโรงงานได้ และการพัฒนากลุ่มผู้พัฒนา ได้แก่ Engineering/Support/ Maintenance/IT ทำหน้าที่ในการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบอัตโนมัติ และระบบดิจิทัลต่างๆ ให้ไปใช้ในโรงงานได้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ Digital Transformation (DX) ผ่านการจ้าง vendor ในการพัฒนาทำให้บริษัทฯ ขาดทักษะ ประกอบกับการไปดูงานจากบริษัทอื่นๆ พบว่าบริษัทที่ประสบความสำเร็จสามารถที่จะพัฒนาด้วยตัวเองได้ จึงทำให้เกิดนโยบายการพัฒนาบุคลากร นี่คืออีกหนึ่งในพันธกิจสำคัญขององค์กร

คุณโฆสิต เล่าว่านวพลาสติกเป็นบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เกิดขึ้นในช่วงอุตสาหกรรม 2.0 ซึ่งเป็นบริษัทส่วนใหญ่ของประเทศไทย มีกระบวนการผลิตในโรงงานที่แตกต่างจากโรงงานปิโตเคมีในกลุ่ม SCGC ที่เกิดมาเป็นอุตสาหกรรม 4.0 ตั้งแต่แรก (Industrial Process) สามารถเปลี่ยนสู่ดิจิทัลได้ทันที ความยากในการเปลี่ยนผ่านจาก 2.0 เป็น 3.0 คือ การเปลี่ยนกระบวนการควบคุมแบบคอมพิวเตอร์ ใช้ automation Robot เหล่านี้คืออุตสาหกรรม 3.0 ซึ่งบริษัทฯ เริ่มเปลี่ยนผ่านตั้งแต่ปี 2007 ในชื่อว่า นวทรานฟอร์มเมชัน โดยใช้กลไลระบบลีน (LEAN) เป็นแก่นกลาง ซึ่งมีอยู่ 3 เฟส จาก Lean Manufacturing ใช้มา 7 ปีแล้วเปลี่ยนผ่านสู่ Lean Automation และกำลังจะไปต่อ Lean Digital

ผนวกกับใช้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า (Toyota Production System: TPS) คือระบบการผลิตของ TOYOTA ที่เน้นการลดต้นทุนการผลิตด้วยการกําจัดของเหลือหรือของส่วนเกินต่างๆ จากกระบวนการผลิต

ประกอบกับการปรับลด Waste ในกระบวนการ หรือเครื่องจักรเดิมที่มีอยู่ที่ยังต้องใช้ต่อ จึงเป็นโจทย์ว่าแล้วจะทำอย่างไรให้ข้ามผ่านจากอุตสาหกรรม 2.0 ให้ได้ ซึ่งบริษัทฯ ใช้เวลานานพอสมควรในการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องจักที่ทำงานด้วยคนแบบ Manual มาเป็นเครื่องจักที่ทำงานร่วมกับ Robot เกือบทั้งหมดนานกว่า 10 ปี ปัจจุบันกล่าวได้ว่าบริษัทฯ ก้าวมาถึงปลายทางอุตสาหกรรม 3.0 และกำลังก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 แล้ว

สำหรับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัทฯ ก็ตั้งเป้าไว้ชัดเจน รวมทั้งการทรานฟอร์มแบบ Professional excellence แต่ความยากอยู่ตรงที่แล้วจะทำอย่างไรให้เครื่องจักรเดิมสามารถที่จะรองรับและทรานฟอร์มสู่ดิจิทัลต่อไป

แผนงาน / โครงการตัวอย่าง

คุณกมลทิพย์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่าบริษัท STM เดิมมีเครื่องจักรเก่าในโรงงาน ก่อนหน้ามีการตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Innovation ทำเรื่องของ Automation, AI แต่การที่จะก้าวไปสู่ Industry 4.0 นั้น บริษัทฯ ต้องการรู้ว่าองค์กรควรปรับปรุงด้านใดทางธุรกิจ เพื่อก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงร่วมกับศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) เพื่อประเมิน Thailand industry 4.0 index ใน 6 มิติหลัก 17 มิติย่อย พบว่าจุดที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขก่อน คือ System Integration รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร จึงเกิดเป็นโครงการพัฒนา IT ร่วมกันในทุกฝ่าย โดยในปีนี้มีการตั้งเป้าหมายตั้ง Model Line หนึ่งขึ้นมาให้เป็น Smart Factory ที่สมบูรณ์แล้วค่อยขยายผลไปทั้งโรงงาน

คุณโมษิต เล่าให้ฟังว่าคงเริ่มต้นคล้ายๆ กัน สำหรับทุกที่ที่เริ่ม Transform คงเริ่มจาก Pilot plant, Model Line ในคอนเซปคล้ายๆ กัน ตอนนี้ยังไม่ได้ทำการประเมิน Thailand i4.0 index แต่อยู่ในขั้นเตรียมแผนการเพื่อเข้าประเมินต่อไป เมื่อก่อนเกณฑ์การประเมินอุตสาหกรรมมาจากหลายแหล่ง ซึ่งของเดิมทาง SCGC ได้ร่วมมือกับประเทศเยอรมัน ส่งพนักงานไปเรียนและกลับมาประเมิน ทำให้เห็นจุดที่ต้องปรับปรุงในส่วนของ Operation Technology: OT ความยากในการเปลี่ยนให้เครื่องจักรทั้งหมดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดได้ก่อน หรือการเปลี่ยนข้อมูลจากการเขียนกระดาษสู่การใช้ IPAD รับค่าข้อมูล (Digitize) นำไปสู่ขั้นถัดไป คือ Connectivity เป็นการรวมข้อมูลไว้ในที่เดียวกันทั้งเครื่องจักรเก่าผ่าน IoT และเครื่องจักรใหม่ที่เป็นดิจิทัลอยู่แล้ว จึงเกิดเป็น Model: NAVA X Digital Platform ทั้ง connectivity visualization เพื่อเห็นสถานะปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นการแก้ไขปัญหา Paint Point ภายในกันเอง เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าไม่มีใครรู้ปัญหาและสามารถ connectivity ได้ดีเท่ากับทำกันเอง เรียกทางเทคนิคว่า Co-Creation ระหว่างทีมโรงงานและทีมภายนอกในการแก้ปัญหาร่วมกัน

แนวทางการวางแผน “ด้านพัฒนากำลังคน” เพื่อเดินไปสู่ Industry 4.0

คุณกมลทิพย์ กล่าวว่า ทางบริษัทฯ มีโครงการทำ Digital Transformation (DX) โดยเริ่มจากผู้บริหารก่อน โดยปรับทัศนคติว่าต้องเริ่มอะไร อย่างไร เมื่อผู้บริหารระดับกลางรับนโยบายมาแล้วจะเริ่มดำเนินการต่อ วางโครงการที่จะทำก็จะเริ่มทำการสำรวจความต้องการในบริษัทและทักษะของวิศวกร Innovation OT และ IT ในส่วนของปัญหาต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ โดยส่งพนักงานมาฝึกอบรมที่ SMC Academy ภายใต้ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) รวมทั้งมีการพูดคุยเพื่อเอาไป Customize ขยายผลในโรงงานต่อไป โดยบริษัทส่งพนักงานฝ่านวิศวกรและ IT เข้าร่วมอย่างละครึ่งๆ ในรุ่นแรก เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริง ประกอบด้วย ขั้นพื้นฐาน ขั้นวางโครงสร้างต่างๆ และขั้นสูง

คุณโฆษิต เล่าว่าสำหรับ SCGC จะมีความแตกต่าง โดยเริ่มต้นเมื่อ DX เข้ามาใหม่ๆ ทางบริษัทฯ ได้ไปดูงานในที่ต่างๆ ในประเทศไทยมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมาะกับบริบทของบริษัท จึงตั้งเป็น Pilot Project และ Pilot Team มา 3 ปีแล้ว ตอนที่อยู่แผนก Operation Productivity Improvement (OPI) ได้พัฒนาทีมวิศวกรที่เป็น Mechatronic เต็มที่แต่ก็พัฒนาไปสุดทางได้แค่ Automation & Robotics ทำให้เมื่อต้องพัฒนาในเรื่องของ Digital จึงไม่พร้อม ทาง HR รวมทั้งตนเองไม่สามารถบอกได้ว่าต้องเลือกหลักสูตรอะไร ทำให้ต้องตั้งทีมใหม่ จำนวน 4 คน แยกออกจากงานเดิม ทำหน้าที่เสมือนเข็มทิศนำทาง บริษัทฯ สร้างโรงงานต้นแบบขึ้นมา 1 อาคาร เพื่อให้ให้ทดลองทำ ให้อุปกรณ์พร้อม สามารถเลือกเรียนคอร์สที่นำมาต่อยอดด้านการผลิตได้ เมื่อทดลองแล้วจึงหาข้อสรุปให้ทางบริษัทฯ ว่าต้อง Build Up คน ก้าวสู่ Digital อย่างไร ซึ่งทำมาประมาณ 2-3 ปี แล้วพบกว่า ต้องเพิ่มจำนวนคนให้เขียน Python ได้ ใช้ IoT เป็น

จึงเป็นที่มาในการขยายกำลังคน โดยคัดเลือกบุคคลากรที่มีศักยภาพจากสาย IT, OPI และ Engineering รวมถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยได้หารือร่วมกับ SMC Academy จัดอบรมคอร์ส Basic IoT ขึ้นมาก่อน พอในระดับ Advance จะเหลือเพียงระดับ Engineer ที่มาเรียน ปัจจุบันบริษัทจึงมีบุคลากรที่สามารถใช้อุปกรณ์ IoT ได้ประมาณ 10 กว่าคน และเริ่มขยายขอบเขตโครงการนวเอ็กซ์ สู่เครื่องจักร จาก 1 อาคาร สู่ 1 plant ที่โรงงานสาขาสระบุรี ขยายในรูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยสรุปแล้ว สำรับบริษัทฯ ใช้วิธีการและให้คนนำทางไปก่อน แล้วให้คนมาบอกว่าควรใส่อะไรให้บุคคลากรในการพัฒนาคนต่อไป ต้อง Transform คนอย่างไร

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงจะมีทั้งความกลัว ความเสี่ยง เกิดขึ้น
องค์กรต้องกล้าที่จะเสี่ยง กล้าลงทุนไปก่อน solution ถึงจะเกิด บางอย่างก็ต้องยอมทิ้ง

การประเมินผล แนวทางการเดินหน้าระยะต่อไป

คุณกมลทิพย์ เล่าว่าหลังจากที่อบรมเสร็จ ทางบริษัทฯ วัดผลและประเมินโครงการโดยให้ผู้พัฒนาเลือกโพรเจกต์จริงมาทำ โดยมีทีมงานจาก SMC Academy ให้คำปรึกษาไปในรูปแบบ Workshop ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมในโครงการ IoT Hackathon และ “ต่อกล้าอาชีวะ” ของเนคเทค ซึ่งปีนี้ได้ขยายผลไปทั่วประเทศ เพื่อเฟ้นหาบุคคลากรที่มีมีความพร้อมต่อการพัฒนาอีกด้วย

คุณโฆษิต ให้ความเห็นว่าการจะปรับเปลี่ยนเรื่องใดๆ ควรจะมีคอนเน็กชันกับหลายๆ วงการ ไม่ว่าจะสถาบันการศึกษา หรือ เนคเทค ซึ่งช่วยในการจัดหลักสูตรและปรับให้เหมาะสมกับพนักงาน ดังนั้นเมื่อเนคเทคมีกิจกรรม บริษัทฯ ได้เปิดมุมมอง และมีส่วนร่วมว่าทำอะไรกันบ้าง เช่น การพัฒนาบุคคลกร เพื่อประโยชน์ต่อการสรรหาบุคคลากรที่องค์กรต้องการในอนาคตว่าควรมีอะไร? ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมกับโครงการอย่างสหกิจศึกษา เด็กที่ผ่านการฝึกอบรมกับทาง SCGC จะมาฝึกงานกับบริษัทอาจจะ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ซึ่งตอนนี้ในหลายๆ องค์กรของประเทศไทยพยายามผลักดันให้ทรัพยากรบุคคลพร้อมทำงานได้  แต่ในบางสถาบันเท่านั้นที่จะมีเด็กทักษะใหม่ จึงเกิดการแย่งเด็กที่มีศักยภาพ

แนวทางในการพัฒนาและขับเคลื่อนคนในภาคอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ทำการประเมินเสร็จแล้วมาทำหลักสูตรเพื่อวิเคราะห์หา Training need แต่ควรต้องทำแล้วปรับแก้ Pain Point นั้นได้ การที่องค์กรพัฒนาและขับเคลื่อนคนในภาคอุตสาหกรรมเองจะสามารถรักษาบุคลากรหรือกำลังคนนั้น ต้องทำให้พนักงานรู้ข้อมูล (Inform) สร้างความสนใจ (Interest)ให้มีส่วนร่วม (Involve) เมื่อลงมือทำแล้วจะเกิดแรงบันดาลใจ (Inspire) จึงจะสามารถรักษาบุคลากรไว้กับองค์กรได้นาน

]]>