SMC – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Fri, 23 May 2025 03:38:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png SMC – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 เนคเทค สวทช. ร่วมขับเคลื่อนโลจิสติกส์ไทยสู่ยุคดิจิทัล ชู “คลังสินค้าอัจฉริยะ” เทคโนโลยี 5G และ AGV ในงาน Intermach 2025 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/intermach2025-5g-agv.html Fri, 23 May 2025 02:50:14 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40105

16 พฤษภาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) โดย คุณอุดม ลิ่วลมไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “คลังสินค้าอัจฉริยะยุคใหม่: พลิกโฉมโลจิสติกส์ด้วยระบบติดตามอุปกรณ์ในคลังสินค้า, การใช้งาน 5G และ AGV อัจฉริยะอย่างยั่งยืน” ภายในงาน Intermach 2025 ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของคลังสินค้าในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเป็นตัวเร่ง เช่น ระบบติดตามอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี 5G ที่เพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารข้อมูล และยานยนต์ไร้คนขับอัตโนมัติ (AGV) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและขนย้ายสินค้าอย่างยั่งยืน

ภายในงานยังมีการจัดเวทีเสวนาและการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้แลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรมไทย อาทิ:

  • แพลตฟอร์มระบุตำแหน่งภายในอาคารสำหรับโรงงานและคลังสินค้าแบบอัจฉริยะ โดย ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค สวทช.
  • ยกระดับคลังสินค้าด้วย AGV: เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คลังสินค้ายุคใหม่ โดย คุณจักรกฤช พรมจิตร ผู้จัดการฝ่ายขายระบบโลจิสติกส์ บริษัท ยุงค์ไฮน์ริช ลิฟท์ ทรัค จำกัด
  • โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ สำหรับคลังสินค้าและภาคการผลิต โดย คุณภุชงค์ เจริญสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AIS)

ต่อด้วยเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลิกโฉมโลจิสติกส์ด้วยระบบติดตามอุปกรณ์ในคลังสินค้า, การใช้งาน 5G และ AGV อัจฉริยะอย่างยั่งยืน” เวทีแห่งการแลกเปลี่ยนมุมมอง วิเคราะห์แนวโน้ม ทิศทาง และแนวทางการพัฒนาโลจิสติกส์ไทยด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและยั่งยืน อาทิ ระบบติดตามอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ (Real-time Tracking) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า, เทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาเสริมขีดความสามารถในการสื่อสารข้อมูลให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงยานยนต์ไร้คนขับอัตโนมัติ (AGV) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและขนย้ายสินค้าอย่างยั่งยืน วิทยากรประกอบด้วย: ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล (เนคเทค สวทช.) คุณจักรกฤช พรมจิตร (บริษัท ยุงค์ไฮน์ริช ลิฟท์ ทรัค จำกัด) คุณภุชงค์ เจริญสุข (บริษัท AIS)คุณอาทิตย์ สหะวงศ์วัฒนา วิศวกรวางแผนโลจิสติกส์อาวุโส บริษัท โบรเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี ดร.โรสริน อัคนิจ นักวิเคราะห์อาวุโสจากเนคเทค สวทช. รับหน้าที่ดำเนินรายการตลอดการเสวนา

]]>
เนคเทค SMC ผนึกกำลังพันธมิตร จัดสัมมนา “Carbon Footprint Makeover” ในงาน INTERMACH 2025 เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/intermach2025.html Wed, 21 May 2025 10:27:39 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40103

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) และศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดสัมมนา Carbon Footprint Makeover: How to Cut Emissions & Thrive (พลิกโฉมคาร์บอนฟุตพริ้นต์: ลดการปลดปล่อยและเติบโตอย่างยั่งยืน) ภายในงาน INTERMACH 2025 ภายใต้แนวคิด Manufacturing Solution Towards Net Zero Manufacturing เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตให้ก้าวสู่ความยั่งยืน ลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งมาร่วมแบ่งปันมุมมอง กลยุทธ์ และกรณีศึกษาจริง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยหัวข้อที่น่าสนใจประกอบด้วย:

Carbon Footprint: เครื่องมือลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่…Net Zero โดย คุณธาดา วรุณโชติกุล ผู้จัดการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ ถ่ายทอดแนวทางการใช้เครื่องมือ Carbon Footprint เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างมีระบบ

บทเรียนและเส้นทางสู่ Net Zero โดย คุณธานิษฏ์ กองแก้ว ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ แชร์ประสบการณ์จริงขององค์กรด้านสังคมที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างครบวงจร พร้อมแนะนำแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กรภาคธุรกิจได้

Choosing the Right Climate Tech: How to Evaluate, Apply, and Cut Industrial Emissions โดย คุณปฏิพล ธนารักษ์วุฒิกร ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาการลดการปล่อยคาร์บอน บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด นำเสนอวิธีการเลือกเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) ที่เหมาะสมกับแต่ละภาคการผลิต พร้อมเทคนิคการประเมินและประยุกต์ใช้เพื่อลดการปล่อยมลพิษในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Sustainable Landscape for Freight Forwarder: Collaborating for a Low-Emission Ecosystem โดย ดร.นิธิพล ตันสกุล Regional Head of Sustainability – APAC จากบริษัท Rhenus Logistics เจาะลึกถึงแนวทางการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ ผ่านความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และบทบาทสำคัญของผู้ให้บริการขนส่ง (Freight Forwarder) ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน

Carbon Accounting Management Platform โดย ดร.อัมพร โพธิ์ใย หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน เนคเทค สวทช. แนะนำแพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนที่พัฒนาโดยเนคเทค ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจวัด วิเคราะห์ และจัดการข้อมูลการปล่อยคาร์บอนได้อย่างแม่นยำ พร้อมรองรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

งาน INTERMACH 2025 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 41 ชูจุดแข็งงานแรกในไทยที่จัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมเครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตที่ทันสมัยในภูมิภาค วางเป้าสู่การสร้างการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมภาคการผลิตขานรับเทรนอุตสาหกรรมการผลิตสู่การลดคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon จัดขึ้นในวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568 ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา

]]>
เนคเทค x พันธมิตร จัดสัมมนาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคอัจฉริยะ ในงาน Manufacturing Expo Forum 2025 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/manufacturing-expo.html Sat, 03 May 2025 11:24:03 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40003

29 เมษายน 2568 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร และ RX Tradex จัดสัมมนา 2 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ “AI กลไกการผลิตไร้พรมแดน” และ “เสริมทัพ อัพเกรด สู่อาณาเขตโรงงานอัจฉริยะ” เพื่อสะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงและแนวทางการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมไทยในยุคดิจิทัล

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค และผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) บรรยายพิเศษในหัวข้อ “AI ไทยกับยุทธศาสตร์ด้านการผลิต” และ “เปิดเกมรุก บุกโรงงานอัจฉริยะ” ซึ่งเน้นบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น AI (Artificial Intelligence), IoT (Internet of Things) และระบบอัตโนมัติ ที่กำลังเปลี่ยนโฉมโรงงานแบบดั้งเดิมให้กลายเป็น Smart Factory ที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแม่นยำ

เนคเทค สวทช. ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมศักยภาพให้กับภาคการผลิตของไทย เดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้จริงในหลากหลายรูปแบบ เช่น AI for Visual Inspection: ระบบตรวจสอบคุณภาพด้วยภาพแบบอัตโนมัติ, NomadML: แพลตฟอร์ม AI สำหรับงานด้าน Computer Vision, 3D Scan and Inspection Robot: หุ่นยนต์สแกนและตรวจสอบชิ้นงานแบบสามมิติ, Generative AI Tools เช่น Pathumma LLM โมเดล AI ที่รองรับข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ เสียง และภาพ, DocChat: ผู้ช่วย AI สำหรับวิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากเอกสารอย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ในงานยังได้รับเกียรติจากวิทยากรรับเชิญ อาทิ คุณสุทัด ครองชนม์ นายกสมาคมไทยไอโอที คุณภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มาร่วมแบ่งปันมุมมองเชิงลึกและประสบการณ์จริงเกี่ยวกับการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล อาทิ แนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งศตวรรษใหม่, การยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory, รวมถึงการรับมือกับ กฎเกณฑ์ใหม่ ในภาคการผลิตยุคดิจิทัล การประยุกต์ใช้ AI เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน พร้อมแนะนำแนวทางต่อยอดธุรกิจ ให้เติบโตอย่างมั่นคงผ่านกรณีศึกษาจริงที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

ต่อเนื่องด้วยช่วง เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ค ในหัวข้อ “สำรวจโอกาสใหม่ ผ่านความท้าทายของอุตสาหกรรม” โดยเชิญผู้นำจากองค์กรอุตสาหกรรมชั้นนำ ได้แก่ คุณสมชาย จักร์กรีนทร์ ผู้อำนวยการสถาบันไทย-เยอรมัน ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ คุณดอกคูณ บุญเดช กรรมการสมาคมเครือข่ายอุตสาหกรรมชุบโลหะไทย มาร่วมถ่ายทอดมุมมองต่อการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมสู่อนาคต ผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI และระบบอัตโนมัติ

ปิดท้ายด้วยเวทีเสวนา “AI กลไกการผลิตไร้พรมแดน” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมแลกเปลี่ยน มุมมอง แนวคิดและทิศทางการนำ AI มาเสริมศักยภาพในภาคการผลิต ตั้งแต่การบริหารจัดการกระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการพัฒนาทักษะแรงงานให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิทยากรในเวทีเสวนานี้ประกอบด้วย คุณธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซอร์ทิส จำกัด คุณเจษฎา กิ่งแก้ว Business Development Director – Asia บริษัท ซีเนียร์ แอโรสเปซ (ไทยแลนด์) จำกัด คุณนันทวุฒิ โปร่งธุระ ผู้จัดการส่วนอาวุโส – ส่วนผลิตแทรกเตอร์ แอล บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค สวทช.

Manufacturing Expo เวทีสำคัญระดับอาเซียนสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งรวบรวมเทคโนโลยี เครื่องจักร และนวัตกรรมล่าสุดไว้ในงานเดียว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย RX Tradex ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าในภูมิภาค ศูนย์กลางการพบปะของผู้ประกอบการ วิศวกร นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แนวโน้มใหม่ ๆ และต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ ภายในงานผู้เข้าชมจะได้พบกับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สัมมนาเชิงลึก, เวิร์กช็อปจากผู้เชี่ยวชาญ, และ กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ที่ออกแบบมาเพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตของไทยและภูมิภาคอาเซียน

]]>
ปิดฉากอย่างเป็นทางการ! อบรมชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ รุ่นที่ 1 (Industry 4.0 & Smart Manufacturing Bootcamp) https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-bootcamp1.html Tue, 01 Apr 2025 09:06:25 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39656

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เนคเทค – SMC ได้ดำเนินการจัดอบรม ชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Industry 4.0 & Smart Manufacturing Bootcamp) รุ่นที่ 1 ภายใต้โครงการ SMC Academy ซึ่งจัดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2568 รวมระยะเวลาการอบรมทั้งสิ้น 23 วัน โดยหลักสูตรนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และศักยภาพของบุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Industry 4.0 และงานวิจัยของเนคเทค เพื่อการใช้งานจริงอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

การอบรมประกอบด้วย 2 กลุ่มหลักสูตรสำคัญ ได้แก่

  • กลุ่มพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม 4.0 (4 กลุ่มหลักสูตร)

1. พื้นฐานเทคโนโลยีและการบูรณาการอุตสาหกรรม Industry 4.0 (1 วัน)
2. พื้นฐานเครื่องจักร และการพัฒนาระบบอัตโนมัติ (4 วัน)
3. การพัฒนาเครื่องจักรอุตสาหกรรม และระบบ Industrial IoT (3 วัน)
4. พื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Preprocessing สำหรับอุตสาหกรรม 4.0 (3 วัน)

  • กลุ่มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิจัยจากเนคเทค (6 เทคโนโลยีวิจัย)
    1. การพัฒนาแอปพลิเคชัน AIoT สำหรับอุปกรณ์ Edge Computing ด้วยแพลตฟอร์ม Daysie (2 วัน)
    2. การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ด้วย NOMADML ร่วมกับ Computer Vision ในงานอุตสาหกรรม (2 วัน)
    3. การประยุกต์ใช้ระบบระบุตำแหน่ง (UNAI) ในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (2 วัน)
    4. การพัฒนาระบบดัชนีวัดประสิทธิภาพการผลิต (OEE) ด้วย SMART OEE (2 วัน)
    5. การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรแบบเรียลไทม์ด้วย ACAMP (2 วัน)
    6. แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม (IDA) (1 วัน)

ผู้เข้าอบรมในรุ่นที่ 1 เป็นวิศวกรจากโรงงานอุตสาหกรรม 33 คน ผู้จัดการหรือเจ้าของกิจการ 13 คน รวมทั้งสิ้น 46 คน จาก 11 บริษัทชั้นนำของประเทศ โดยมีผู้เข้าอบรมจากหลายภาคส่วน เช่น ฝ่าย IT, ฝ่ายผลิต, ฝ่ายซ่อมบำรุง และฝ่าย Facility

สะท้อนให้เห็นว่า การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะให้ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องเริ่มจาก “การพัฒนาคน” ให้เข้าใจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ทั้งระบบอัตโนมัติ ระบบ IoT และ AI เพื่อให้สามารถต่อยอด ปรับใช้ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

พบกันใหม่! รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัคร พฤษภาคม 2568

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วม อบรมชุดหลักสูตรพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ รุ่นที่ 2 สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดได้ทาง Facebook: SMC

]]>
SMC จับมือพันธมิตร จัด “SMC Academy Day” ก้าวสู่อนาคตด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-academy-day2025.html Tue, 11 Feb 2025 07:36:22 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=38907

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 – ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ภายใต้เนคเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดงานสัมมนา “SMC Academy Day” ณ โรงแรม Maple Hotel บางนา กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก คุณอุดม ลิ่วลมไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม เนคเทค กล่าวต้อนรับและแนะนำภารกิจของศูนย์ฯ

เป้าหมายหลักของ SMC ในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุค Industry 4.0 ผ่านการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมทั้งแนะนำบริการต่างๆ ของศูนย์ฯ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ 

  1. บริการตรวจประเมินระดับความพร้อมของโรงงาน 
  2. บริการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร 
  3. บริการให้คำปรึกษาทางเทคนิคและคำปรึกษาเกี่ยวกับแหล่งทุนและสิทธิประโยชน์ 
  4. บริการพัฒนาระบบตามความต้องการของอุตสาหกรรม
  5. บริการเครื่องมือสำหรับทดสอบและเรียนรู้ภายในงาน

คุณปิยวัฒน์ จอมสถาน หัวหน้าโครงการ SMC Academy กล่าวถึงพันธกิจหลักของ SMC Academy ในการยกระดับศักยภาพของบุคลากรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการผลิตอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นผู้นำด้านการฝึกอบรม Manufacturing & Factory 4.0 ในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) โดยมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาทักษะของบุคลากรภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถปรับตัวเข้าสู่ ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) SMC Academy ให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ผ่านหลักสูตรที่ครอบคลุมสาขาต่างๆ เช่น Automation & Robotics, Internet of Things (IoT), OT Security หลักสูตรเหล่านี้ออกแบบให้มีทั้งภาคทฤษฎี (Seminar) และภาคปฏิบัติ (Workshop) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยการเรียนการสอนดำเนินการโดยนักวิจัยจาก SMC ซึ่งนำผลงานวิจัยมาปรับเป็นหลักสูตรฝึกอบรม ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา SMC Academy ได้ฝึกอบรมบุคลากรไปแล้วกว่า 5,000 คน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้และพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง ซึ่ง SMC Academy ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์อบรม แต่เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและงานวิจัยเข้ากับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคอุตสาหกรรม สามารถเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง

พัฒนาบุคลากรสู่ความพร้อม Industry 4.0 ให้เหมาะสมกับองค์กร

งานสัมมนาครั้งนี้นำเสนอเนื้อหาที่ครอบคลุมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยเนคเทค สวทช. ร่วมบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ:

  • การพัฒนาบุคลากรสู่ความพร้อมในยุค Industry 4.0
    โดย คุณปิยวัฒน์ จอมสถาน หัวหน้าโครงการ SMC Academy  ซึ่งเน้นถึงกลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการผลิตอัจฉริยะ
  • Smart Electronics Design & Development for Factory & Agriculture
    โดยคุณนริชพันธ์ เป็นผลดี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล กล่าวถึงการนำอิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์อัจฉริยะมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเกษตรกรรม
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G และคลังสินค้าอัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Smart Warehouse)
    โดย ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัย ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เจาะลึกแนวทางการปรับใช้ 5G ในระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการดำเนินงาน
  • การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์
    โดย ดร.อัมพร โพธิ์ใย หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน ได้ให้แนวทางและเครื่องมือในการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เทคโนโลยีพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ

นอกจากการสัมมนาแล้ว ภายในงานยังมีการจัดแสดง 14 ผลงานนวัตกรรมการผลิต พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมสามารถเยี่ยมชมบูธแสดงผลงานจากองค์กรชั้นนำหลากหลายแห่ง ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีสำคัญและหลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ ได้แก่

กลุ่มหลักสูตร Industrial & Manufacturing

  • พื้นฐานเทคโนโลยี และการบูรณาการอุตสาหกรรม Industry 4.0
  • Automation & Robotics ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • Internet of Things (IoT) & Edge Computing เทคโนโลยีที่ช่วยให้การเชื่อมต่อและประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • AI & Data Technology การใช้ปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
  • Lean Management & Smart Manufacturing ระบบการบริหารจัดการที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • Smart Agriculture เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดของเสียทางการเกษตร

กลุ่มหลักสูตรเทคโนโลยีงานวิจัยของ NECTEC

  • UNAI การพัฒนาเทคโนโลยีระบุตำแหน่งใช้ในดรงงานอุตสาหกรรม
  •  NomadML การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับ Computer Vision
  •  Daysie พัฒนาแอปพลิเคชัน AIoT สำหรับ Edge Computing
  • Acamp การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์แบบเรียลไทม์
  • iSmart OEE การพัฒนาระบบดัชนีวัดประสิทธิภาพการผลิต
  • iDA พัฒนาระบบ IoT และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม

ในปี 2568 SMC Academy จะขยายการจัดกิจกรรมและหลักสูตรอบรมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 10 เทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่ Automation & Robotics, Internet of Things (IoT) & Edge Computing, AI & Data Technology, Lean Management & Smart Manufacturing, OT/IT Security, Factory Management, Smart Factory Executive Program, Power/Energy Management, Modern Automotive Innovation, Smart Agriculture

เทคโนโลยีทั้ง 10 ด้านนี้จะถูกพัฒนาเป็นหลักสูตรอบรมมากกว่า 25 หลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกอนาคต

การสัมมนา SMC Academy Day ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมกว่า 150 ท่าน ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง นักอุตสาหกรรม ฝ่ายบุคคล และนักวิชาการ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นให้ความรู้และนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมในอนาคตได้ที่ www.facebook.com/smc-eeci

]]>
เปิดบ้าน SMC 2024! เผยผลสำเร็จ 1 ปี ยกระดับโรงงานด้วยเทคโนโลยี ลดต้นทุน-พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมเดินหน้าภารกิจปี 68 หนุนใช้ดิจิทัลปั้นอุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-openhouse2024.html Wed, 18 Dec 2024 10:34:23 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=38385

17 ธันวาคม 2567 ณ สำนักงานใหญ่ EECi จังหวัดระยอง : ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) ภายใต้เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ พันธมิตรภาคอุตสาหกรรม จัดกิจกรรมเปิดบ้านศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC Open House 2024) ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีดิจิทัล เปลี่ยนอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน (Sustainable Digital Transformation)” พร้อมรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา แผนงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ของ SMC และรายงานผลการสำรวจความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของไทยปี 2567 นอกจากนี้ภายในงานยังมีสัมมนา นิทรรศการ จากสมาชิก พันธมิตร และคณะนักวิจัยของ SMC ที่เจาะลึกเรื่องราวเทคโนโลยีดิจิทัล โซลูชัน และนวัตกรรมเพื่อยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมการนำ Digital Transformation ขับเคลื่อนโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมทั้งกิจกรรมเยี่ยมชม SMC Testbed และ Business Matching ช่วยต่อยอดเครือข่ายธุรกิจ และความร่วมมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโรงงานอีกด้วย

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน โดยกล่าวว่า เนคเทค สวทช. มีพันธกิจสำคัญในการนำงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีมาสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เนคเทคมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในหลากหลายด้าน เช่น AI ระบบอัตโนมัติ และ IoT เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็กไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต เรายังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน SMC ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่การใช้งานจริง SMC ช่วยเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไทย

ผลการดำเนินงาน SMC ปี 2567 : ยกระดับการผลิต สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 3,636 ล้านบาท

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) และ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า เป้าหมายหลักของ SMC คือ การผลักดันอุตสาหกรรมไทยก้าวเข้าสู่ Industry 4.0 โดยส่งเสริมและพัฒนาให้กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมสามารถนําเทคโนโลยีสารสนเทศ และนวัตกรรมมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงงานได้อย่างยั่งยืน การดำเนินงานในปี 2567 SMC สนับสนุนการยกระดับการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี ARI (Automation Robotic and Intelligent System) รวม 131 โรงงาน สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 3,636 ล้านบาท ผ่านบริการด้านต่าง ๆ ของ SMC เช่น การให้คำปรึกษาและช่วยขอรับการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ BOI คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1,036 ล้านบาท การประเมินความพร้อมอุตสาหกรรมตามแนวทาง Thailand i4.0 Index ทั้งแบบ Full Assess และ​ Self Assess รวมกว่า 400 โรงงาน,การพัฒนายกระดับศักยภาพของบุคลากรในภาคการผลิตผ่านโครงการ SMC Academy 1,138 ราย จาก 35 บริษัท ใน 14 หลักสูตรด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานโครงการ IDA Platform ในปี พ.ศ. 2565 – 2566 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 132 ล้านบาท และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 19 ล้านบาท โดยยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม ยกตัวอย่าง กรณีของบริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด ซึ่งได้เชื่อมต่อข้อมูลเข้าสู่ IDA Platform พร้อมทั้งปรับแต่ง Dashboard ให้สามารถแสดงข้อมูลการใช้พลังงานของโรงงานได้อย่างครบถ้วน โดยข้อมูลดังกล่าวถูกนำมาวิเคราะห์และออกแบบเป็นมาตรการประหยัดพลังงานที่สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 18,850 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 226,200 บาทต่อปี  อีกตัวอย่างหนึ่งคือ บริษัท ศรีแก้วหล่มเก่า จำกัด จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ได้ติดตั้ง IDA Platform เพื่อใช้ในการจัดการควบคุมอุณหภูมิ การจัดคิวการผลิต และการแสดงสถานะอุณหภูมิในสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตั้งดังกล่าวช่วยลดการใช้แรงงานคน ลดการใช้กระดาษในการบันทึกข้อมูล ลดเวลาสูญเสียในกระบวนการผลิตจากการจัดการเวลาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงลดการสูญเสียของเสียในกระบวนการผลิตผ่านการควบคุมอุณหภูมิการอบให้เหมาะสม ผลลัพท์ของโครงการ IDA Platform สะท้อนถึงศักยภาพในการยกระดับความสามารถทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนผ่านการลดการใช้ทรัพยากรและการสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางอุตสาหกรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

SMC ยังสนับสนุนการประยุกต์ใช้ AI ในโรงงาน โดยเปิดให้บริการเครื่องมือช่วยพัฒนา Edge IoT และ Machine Learning โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม ผ่าน 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ “Daysie” แพลตฟอร์มที่ช่วยในการสร้างและกระจายซอฟต์แวร์ IoT/Edge Computing ไปยังอุปกรณ์ของท่านผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมและนำอุปกรณ์มาติดตั้งซอฟต์แวร์ทีละตัว และ “NoMadML” แพลตฟอร์ม AI ที่พัฒนาขึ้นสำหรับงานทางด้าน Computer vision นำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่มีความต้องการในการตรวจสอบการผลิต ใช้งานง่าย เทรนโมเดลเองได้ ไม่ต้องเขียนโค้ด สามารถเลือกพารามิเตอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ

“SMC มุ่งเป้าความยั่งยืนทางสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อม ในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก SMC ให้บริการศูนย์ทดสอบมอเตอร์ไฟฟ้าแห่งเดียวในประเทศที่สามารถทดสอบมอเตอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดสูงสุด 380 kW ได้ตามมาตรฐานนานาชาติ เช่น ISO-21782 และ UNECE-R85 โดยมีบริษัทชั้นนำร่วมทดสอบ เช่น Toyota Daihatsu Engineering and Manufacturing (TDEM) , บจก.เด็นโซ่ (ประเทศไทย), TÜV SÜD ประเทศไทย,​บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (GPX), บริษัท Innopower โดย EGAT เป็นต้น และร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับใช้เป็นระบบคำนวณและทวนสอบ เพื่อให้สามารถรองรับภายใต้ข้อกำหนดของมาตรการการปรับภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM)” ดร.พนิตา อธิบาย

เผยผลการสำรวจความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของไทย ปี 2567

ดร.รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการกลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 สวทช. เผยผลการสำรวจ ระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยประจำปี 2567 ด้วยดัชนี้ชี้วัด Thailand i4.0 Index โดยสำรวจบริษัทในภาคการผลิตจำนวน 350 บริษัท และในปีนี้ขยายผลสู่ 9 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งได้จำแนกระดับความพร้อมใน 3 ด้านประกอบด้วย 1) ด้านความพร้อมของเทคโนโลยีในสายการผลิตและสาธารณูปโภคในสถานประกอบการ 2) ด้านความพร้อมของระบบสารสนเทศในองค์กร และ 3) ด้านความพร้อมขององค์กรและบุคลากร โดยค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1 ถึง 6 ซึ่งเทียบเคียงได้กับระดับอุตสาหกรรม 1.0 ถึง อุตสาหกรรม 4.0 โดยผลสำรวจมีรายละเอียด ดังนี้

  เทคโนโลยีในสายการผลิตระบบสารสนเทศความพร้อมองค์กร
1กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน1.812.623.0
2.กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม1.922.533.19
3.กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์1.922.623.06
4.กลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม1.561.991.99
5.กลุ่มการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์1.682.371.92
6.กลุ่มพลาสติกและเคมีภัณฑ์1.442.572.22
7.กลุ่มเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ1.692.242.68
8.กลุ่มยาและเครื่องสำอาง1.862.232.46
9.กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม1.482.472.04

ในปี 2567 มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันให้ดัชนีชี้วัดระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยหรือ Thailand i4.0 Index เกิดการขยายผลในระดับชาติ โดยคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นชอบในวันที่ 2 เม.ย. 67 ให้นำเข้า ครม. เพื่อเห็นชอบให้Thailand i4.0 Index เป็นมาตรฐานในการยกระดับความพร้อมอุตสาหกรรมของไทยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ออกมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมโดยใช้ผลการประเมิน Thailand i4.0 Index เป็นเกณฑ์การพิจารณา ผู้ประกอบการสามารถนำเงินลงทุน 100% ไปหักจากภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 ปี และกรมโรงงานอุตสาหกรรมใช้เป็นเงื่อนไขในการขอรับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 โดยให้ผู้ประกอบการประเมินอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยตัวเองผ่านระบบ Thailand i4.0 CheckUp โดยผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้แล้ววันนี้ ผ่านเว็บไซต์ www.nstda.or.th/i4platform และเข้าไปยังi4.0 Checkup ซึ่งเป็นระบบ Online Self-Assessment โดยสามารถป้อนข้อมูลและรับผลการประเมิน ได้ทันที ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องการรับการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญภายนอก สามารถสมัครเป็นสมาชิกของศูนย์SMC เพื่อรับการประเมินได้ฟรี 

ก้าวต่อไปของ SMC : เป้าหมาย แผนงาน และกิจกรรม ในปี 2568

ในปี 2568 SMC มีเป้าหมายสำคัญในการต่อยอดผลการประเมินพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยดัชนี้ชี้วัด Thailand i4.0 Indexเพื่อการพัฒนาไปสู่ แผนการและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างเป็นระบบ ได้แก่

  1. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ (DX Roadmap) SMC จะใช้ข้อมูลการประเมินพร้อมอุตสาหกรรม 0 ด้วยดัชนี้ชี้วัด Thailand i4.0 Index มาเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการออกแบบแผนในการทำ Digital Transformation สู่อุตสาหกรรรม 4.0 อย่างเป็นขั้นตอนครอบคลุมทุกกระบวนการในโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่ การบูรณาการระบบและการจัดการภายในองค์กร การจัดการทรัพยากร การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เป็นต้น
  2. การนำแผนไปปฏิบัติจริง (Implementation) เป้าหมายไม่ได้หยุดอยู่แค่การวางแผน แต่จะเน้นไปที่การนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติจริงในโรงงาน โดย SMC มุ่งเน้นสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในโรงงาน เช่น IoT, AI, และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน การผลิต ลดของเสีย และลดการใช้พลังงาน
  3. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการทำ Digital Transformation ในภาคอุตสาหกรรมให้สำเร็จ คือ การสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรม โดย SMC มุ่งพัฒนาหลักสูตรและจัดอบรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมผ่าน SMC Academy เพื่อให้บุคลากรสามารถปรับตัวและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการก้าวสู่อุตสาหกรรม
  4. การสนับสนุนแนวคิดการผลิตที่ยั่งยืน แผนงาน DX Roadmap & Implementation จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืน โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก SMC พัฒนา ACAMP หรือ Automated Carbon Accounting Management Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการคาร์บอนแบบอัตโนมัติ สามารถติดตามข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรแบบเรียลไทม์ บันทึกและจัดเก็บข้อมูลปีฐาน ช่วยให้เห็นภาพรวมและผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ในทันที สามารถใช้ในการวางแผน การลดต้นทุนการผลิตและติดตามการใช้ทรัพยากรอย่างใกล้ชิด

เกี่ยวกับศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน

ศููนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ Sustainable Manufacturing Center (SMC) อยู่ภายใต้การดูแล ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ภายในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ตั้งอยู่ในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ผู้พัฒนาระบบ นวัตกร นักวิจัยตลอดจนนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้อง สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้และการทดลองปฏิบัติจริง รวมไปถึงกิจกรรมวิจัย เพื่อการสร้างนวัตกรรม SMC ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการ พัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย เพื่อมุ่งไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) และส่งแรงขับเคลื่อนถึงการ เป็นประเทศเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Thailand 4.0) ตั้งขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563

ติดต่อ SMC

Website https://www.nectec.or.th/smc
Facebook SMC
Line @smceeci
Email smc-business@nectec.or.th

]]>
NECTEC SMC x บ.อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จัดสัมมนา “อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-informa-asew2024.html Sun, 14 Jul 2024 06:38:50 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37159

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. และผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) กล่าวเปิดงานสัมมนา “อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ภายในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์โอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศของ กิจกรรมครั้งนี้มุ่งหวังให้เป็นเวทีแห่งการแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ รวมทั้งมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นโยบายสนับสนุนและมาตรการส่งเสริมในปัจจุบัน พร้อมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการเตรียมความพร้อม หรือบริการเพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่อย่างยั่งยืน 

งานสัมมนานี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานพันธมิตรมาร่วมบรรยายพิเศษและเสวนาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ในหัวข้อเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ดังนี้

  • มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดย คุณกรณ์ ปัญญาเครือ นักวิชาการมาตรฐานปฏิบัติการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
  • ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดย คุณวรวุฒิ ก่อวงศ์พานิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายทดสอบและวิศวกรรม สถาบันยานยนต์ (สยย.)
  • การเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ โดย คุณพธู ทองจุล ผู้อำนวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
  • มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดย คุณยอดกมล สุธีรพจน์ นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

เสวนาหัวข้อ “บทบาทของ SMC กับ Smart Electronics สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า” ได้รับเกียรติจากวิทยากรจาก ภาคเอกชน และทีมนักวิจัยเนคเทค สวทช. มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกี่ยวกับบทบาทสำคัญของ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ต่อยานยนต์ไฟฟ้า เปรียบเสมือนสมองกล โดยทำหน้าที่ควบคุมและจัดการระบบต่าง ๆ ภายในรถ ช่วยให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น การสัมมนาครั้งนี้ยังได้พูดถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ราคา และนโยบายภาครัฐ โอกาสของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เช่น การเติบโตของตลาด การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน และศักยภาพของบุคลากร รวมถึงอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ

วิทยากรประกอบด้วย คุณพลพจน์ วรรณภิญโญชีพ ประธานกรรมการ บริษัท อีซียูเทค จำกัด (NSTDA Startup) และ ประธานกรรมการ บริษัท อีซียูช็อป 1 จำกัด และนักวิจัยเนคเทค สวทช. นำโดย ดร.ดวิษ กิระชัยวนิช หัวหน้าทีมวิจัยผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์กำลัง กลุ่มวิจัยการควบคุมและอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ดร. พนิตา เมนะเนตร นักวิจัย งานวิศวกรรมซอฟต์แวร์และทดสอบผลิตภัณฑ์ ฝ่ายสนับสนุนบริการและเทคโนโลยี ดำเนินรายการโดย ดร. บุรินทร์ เกิดทรัพย์ หัวหน้าทีมวิจัยมอเตอร์และการแปลงผันกำลังงาน

ASEAN Sustainable Energy Week 2024 งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ ด้านพลังงานทดแทน การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานที่ครบครันที่สุดในอาเซียนที่รวบรวมทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชั่นด้านอุตสาหกรรมพลังงานที่ใหญ่ที่สุด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, ลม, น้ำ, ไฮโดรเจน, ระบบกักเก็บพลังงาน เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจมุ่งสู่ Net Zero จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 5 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

]]>
สานสัมพันธ์เครือข่ายพันธมิตร SMC Members’ Day ครั้งที่ 5 สถาบันนวัตกรรม ปตท. https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/smc-members-day-ptt.html Mon, 08 Jul 2024 07:41:28 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37335

ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) จัดกิจกรรม SMC Members’ Day ครั้งที่ 5 นำโดย ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค และผู้อำนวยการศูนย์ฯ SMC และสมาชิก SMC จาก Technology Vendor, Factory System Integrator และ Individual เข้าเยี่ยมชม สถาบันนวัตกรรม ปตท. ตึก Energy Application Laboratory (EAL) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 โดยมี คุณสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดค้าปลีกและวิศวกรรมก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. (จำกัด) มหาชน ให้การต้อนรับและแนะนำภารกิจสถาบันนวัตกรรม ปตท. มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมของ ปตท. โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ ปตท. พร้อมด้วยทีมนักวิจัย ปตท. ร่วมนำเสนอในหัวข้อ Together for Sustainable Thailand ได้ร่วมพูดคุยถึงการสนับสนุนด้าน Digital Service เพื่อช่วยเรื่องจากจัดการพลังงานของลูกค้า สนับสนุนอุตสาหกรรมไทยในทุกระดับความพร้อมเพื่อตอบรับนโนบายอุตสาหกรรม 4.0

รวมถึงนำชมห้องปฏิบัติการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัย ได้แก่ ห้องควบคุมระบบก๊าซธรรมชาติอุตสาหกรรม และโครงการนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนอุตสาหกรรมไทย ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯ โดยทีมนักวิจัย ปตท. ได้นำเสนอศักยภาพด้านห้องปฏิบัติการทดสอบด้านก๊าซธรรมชาติ เพื่อรองรับการทดสอบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ สนับสนุนอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และนำเสนอนวัตกรรม Micro Chanel Heat Ex. (MHX) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในระดับไมโครสเกลของ ปตท. ที่มีขนาดเล็ก และประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับ Shell & Tube Heat Exchanger ที่พลังงานความเย็นเท่ากัน อีกทั้งนำเสนอศักยภาพของห้องปฏิบัติการด้านชีวเคมีขั้นสูง รองรับการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางด้านสินค้าเกษตร อาหารและยา สนับสนุนธุรกิจ Life science ของกลุ่ม ปตท. รวมถึงงานบริการต่าง ๆ ที่ ปตท. ได้ให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

ช่วงท้ายกิจกรรม สมาชิกศูนย์ SMC ได้ร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนมุมมอง Networking Group นำสมาชิกรายใหม่มาแนะนำตัวรู้จักกับ Products & Service ของสมาชิกแต่ละประเภท การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสานสัมพันธ์ในครั้งนี้ มุ่งหวังเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และขยายเครือข่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณภาพถ่ายจาก สถาบันนวัตกรรม ปตท.

]]>
SMC Academy “Shared Knowledge and Experience” ประสบการณ์จากกูรูตัวจริงสายอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 https://www.nectec.or.th/news/news-article/smcacademy-intermach2024.html Fri, 05 Jul 2024 09:22:24 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37047

การพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 เป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อการทำงานและความรู้ของบุคลากร การพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับยุคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องใส่ใจอย่างมากในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การฝึกอบรมออนไลน์ Reskill/ Upskill/Deskill การใช้ระบบประเมินผลงานแบบอัตโนมัติ และการสร้างชุมชนการแบ่งปันความรู้ก็สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรก้าวทันสมัยอยู่ตลอด

เนคเทค สวทช. โดยศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ได้สรุปสาระสำคัญของการเสวนาการพัฒนาและขับเคลื่อนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมในยุค 4.0 จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคอุตสาหกรรม ถ่ายทอดมุมมอง แนวคิด ประสบการณ์ในการพัฒนากำลังคนของตนอย่างไร จากการเปิดตัว ศูนย์ฝึกอบรม SMC ACADEMY โดย ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)  ภายในงาน INTERMACH ครั้งที่ 18 ประจำปี 2024

คุณกมลทิพย์ เตชนันท์
องผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหาร ส่วนงานพัฒนาระบบดิจิตอลและเทคโนโลยีสนับสนุนการผลิต บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด (STM) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ทั้งดีเซลและแก๊สโซลีนให้กับบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ดูแลงานด้าน Digital Development มีหน้าที่ในการพัฒนาดิจิตอลให้กับโรงงาน และทำเทคโนโลยีสนับสนุนการผลิต อยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล คือนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาที่เกิดขึ้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัททั้งในสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงาน ลดงานที่ไม่จำเป็นในโรงงานแทนที่คน  นอกจากนี้ยังรับผิดชอบเรื่อง infrastructure และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม เพื่อให้ผู้บริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดูข้อมูลเป็นเรียลไทม์ ประกอบการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการสนับสนุน Productivity Quality Cost อีกด้วย

คุณโฆสิต หนูฤทธิ์
ผู้จัดการฝ่าย Engineering & Technical บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด (NPI) เป็นบริษัทในเครือเอสซีจีซี (SCGC)  หรือ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)  ผู้นำวัตถุดิบพลาสติก เช่น PVC, PC, PE นำมาขึ้นรูปเป็นสินค้า เชื่อว่าแทบทุกหลังคาเรือนต้องมีสินค้าพลาสติกของ NPI อยู่ เช่น ข้อต่อ, วาล์น้ำ, ท่อระบบร้อยสายไฟ หรือท่อในแปลงเกษตร รวมถึงสินค้าตกแต่งบ้านต่างๆ VINYL ภายใต้แบรนด์ WINDSOR มีโรงงานผลิตทั้งไทยและต่างประเทศในรอบภูมิภาคอาเซียน ประสบการณ์เคยดูแลงานด้าน operational productivity improvement มีหน้าที่หลักรับผิดคือชอบการเปลี่ยน (Transform) ทางธุรกิจ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดการพึ่งพาแรงงานในโรงงาน เช่น กระบวนการในการฉีดการรีดพลาสติก ที่ต้องใช้แรงงานต่อคน/เครื่อง เป็นจำนวนมากในการดูแลสายผลิต จึงได้เปลี่ยนจาก Manual เป็น Automation/Robotic

สังเกตได้ว่าจะพบ Keyword จากทั้ง 2 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนผ่าน/transform, product, process improvement ซึ่งนำไปสู่เรื่องการพัฒนานวัตกรรมในมิติด้านเทคโนโลยี รวมถึงเรื่องคน (People) และดิจิทัล(Digital) ทั้งหมดนี้คือ Digital transformation ประกอบไปด้วย Technology, Process, People Strategy ซึ่งจะเปลี่ยนผ่านสื่อดิจิทัลไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

กระจกสะท้อน Vision ที่นำพาไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

คุณกมลทิพย์ เล่าว่า บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด (STM) มีวิสัยทัศน์เน้นความเป็นเลิศทางการผลิต โดยใช้นวัตกรรมเพื่อตอบสนองธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต อย่างการเข้ามาทดแทนเครื่องยนต์ปัจจุบันด้วยรถไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับตัววางแผนเตรียมการผลิตสินค้าใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต รวมทั้งเรื่องการแข่งขันในด้านต้นทุนการผลิตอีกด้วย เนื่องจากบริษัทฯ ส่งสินค้าให้โตโยต้าที่เดียวเท่านั้น จึงต้องแข่งขันภายในกับโตโยต้าด้วยกันเองอีกด้วย ฉะนั้นต้นทุนที่ไหนถูกก็คือที่นั่นจะเป็นที่สุดท้ายที่ทางโตโยต้าจะเลือกให้ผลิต การแข่งขันทางด้านต้นทุนทางการผลิตจึงสำคัญ ปัจจุบันต้นทุนแรงงานในประเทศไทยปัจจุบันสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกที่ระบบอัตโนมัติเข้ามา หรือ Industry 4.0 กลายเป็นปัจจัย/นโยบายสำคัญของบริษัท

พันธกิจหลักสำคัญ 2 ของบริษัทฯ คือ การเตรียมธุรกิจให้พร้อมสู่อนาคต และรักษามาตรฐานในการผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพต่อไป สำหรับการเตรียมธุรกิจให้พร้อมสู่อนาคต บริษัทฯ ให้ความสำคัญปรับปรุงกระกวนการผลิตให้เป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น (Monozukuri)  และการพัฒนาบุคลากร (Hitozukuri) ซึ่งผู้บริหารให้ความสำคัญมากทั้งพนักงานในไลน์การผลิตพัฒนาจากการอบรม ให้ความรู้ ฝึกฝน ใช้งานเทคโนโลยี/นวัตกรรมต่างๆ ที่นำมาใช้ในโรงงานได้ และการพัฒนากลุ่มผู้พัฒนา ได้แก่ Engineering/Support/ Maintenance/IT ทำหน้าที่ในการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบอัตโนมัติ และระบบดิจิทัลต่างๆ ให้ไปใช้ในโรงงานได้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ Digital Transformation (DX) ผ่านการจ้าง vendor ในการพัฒนาทำให้บริษัทฯ ขาดทักษะ ประกอบกับการไปดูงานจากบริษัทอื่นๆ พบว่าบริษัทที่ประสบความสำเร็จสามารถที่จะพัฒนาด้วยตัวเองได้ จึงทำให้เกิดนโยบายการพัฒนาบุคลากร นี่คืออีกหนึ่งในพันธกิจสำคัญขององค์กร

คุณโฆสิต เล่าว่านวพลาสติกเป็นบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เกิดขึ้นในช่วงอุตสาหกรรม 2.0 ซึ่งเป็นบริษัทส่วนใหญ่ของประเทศไทย มีกระบวนการผลิตในโรงงานที่แตกต่างจากโรงงานปิโตเคมีในกลุ่ม SCGC ที่เกิดมาเป็นอุตสาหกรรม 4.0 ตั้งแต่แรก (Industrial Process) สามารถเปลี่ยนสู่ดิจิทัลได้ทันที ความยากในการเปลี่ยนผ่านจาก 2.0 เป็น 3.0 คือ การเปลี่ยนกระบวนการควบคุมแบบคอมพิวเตอร์ ใช้ automation Robot เหล่านี้คืออุตสาหกรรม 3.0 ซึ่งบริษัทฯ เริ่มเปลี่ยนผ่านตั้งแต่ปี 2007 ในชื่อว่า นวทรานฟอร์มเมชัน โดยใช้กลไลระบบลีน (LEAN) เป็นแก่นกลาง ซึ่งมีอยู่ 3 เฟส จาก Lean Manufacturing ใช้มา 7 ปีแล้วเปลี่ยนผ่านสู่ Lean Automation และกำลังจะไปต่อ Lean Digital

ผนวกกับใช้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า (Toyota Production System: TPS) คือระบบการผลิตของ TOYOTA ที่เน้นการลดต้นทุนการผลิตด้วยการกําจัดของเหลือหรือของส่วนเกินต่างๆ จากกระบวนการผลิต

ประกอบกับการปรับลด Waste ในกระบวนการ หรือเครื่องจักรเดิมที่มีอยู่ที่ยังต้องใช้ต่อ จึงเป็นโจทย์ว่าแล้วจะทำอย่างไรให้ข้ามผ่านจากอุตสาหกรรม 2.0 ให้ได้ ซึ่งบริษัทฯ ใช้เวลานานพอสมควรในการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องจักที่ทำงานด้วยคนแบบ Manual มาเป็นเครื่องจักที่ทำงานร่วมกับ Robot เกือบทั้งหมดนานกว่า 10 ปี ปัจจุบันกล่าวได้ว่าบริษัทฯ ก้าวมาถึงปลายทางอุตสาหกรรม 3.0 และกำลังก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 แล้ว

สำหรับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัทฯ ก็ตั้งเป้าไว้ชัดเจน รวมทั้งการทรานฟอร์มแบบ Professional excellence แต่ความยากอยู่ตรงที่แล้วจะทำอย่างไรให้เครื่องจักรเดิมสามารถที่จะรองรับและทรานฟอร์มสู่ดิจิทัลต่อไป

แผนงาน / โครงการตัวอย่าง

คุณกมลทิพย์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่าบริษัท STM เดิมมีเครื่องจักรเก่าในโรงงาน ก่อนหน้ามีการตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Innovation ทำเรื่องของ Automation, AI แต่การที่จะก้าวไปสู่ Industry 4.0 นั้น บริษัทฯ ต้องการรู้ว่าองค์กรควรปรับปรุงด้านใดทางธุรกิจ เพื่อก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงร่วมกับศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) เพื่อประเมิน Thailand industry 4.0 index ใน 6 มิติหลัก 17 มิติย่อย พบว่าจุดที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขก่อน คือ System Integration รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร จึงเกิดเป็นโครงการพัฒนา IT ร่วมกันในทุกฝ่าย โดยในปีนี้มีการตั้งเป้าหมายตั้ง Model Line หนึ่งขึ้นมาให้เป็น Smart Factory ที่สมบูรณ์แล้วค่อยขยายผลไปทั้งโรงงาน

คุณโมษิต เล่าให้ฟังว่าคงเริ่มต้นคล้ายๆ กัน สำหรับทุกที่ที่เริ่ม Transform คงเริ่มจาก Pilot plant, Model Line ในคอนเซปคล้ายๆ กัน ตอนนี้ยังไม่ได้ทำการประเมิน Thailand i4.0 index แต่อยู่ในขั้นเตรียมแผนการเพื่อเข้าประเมินต่อไป เมื่อก่อนเกณฑ์การประเมินอุตสาหกรรมมาจากหลายแหล่ง ซึ่งของเดิมทาง SCGC ได้ร่วมมือกับประเทศเยอรมัน ส่งพนักงานไปเรียนและกลับมาประเมิน ทำให้เห็นจุดที่ต้องปรับปรุงในส่วนของ Operation Technology: OT ความยากในการเปลี่ยนให้เครื่องจักรทั้งหมดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดได้ก่อน หรือการเปลี่ยนข้อมูลจากการเขียนกระดาษสู่การใช้ IPAD รับค่าข้อมูล (Digitize) นำไปสู่ขั้นถัดไป คือ Connectivity เป็นการรวมข้อมูลไว้ในที่เดียวกันทั้งเครื่องจักรเก่าผ่าน IoT และเครื่องจักรใหม่ที่เป็นดิจิทัลอยู่แล้ว จึงเกิดเป็น Model: NAVA X Digital Platform ทั้ง connectivity visualization เพื่อเห็นสถานะปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นการแก้ไขปัญหา Paint Point ภายในกันเอง เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าไม่มีใครรู้ปัญหาและสามารถ connectivity ได้ดีเท่ากับทำกันเอง เรียกทางเทคนิคว่า Co-Creation ระหว่างทีมโรงงานและทีมภายนอกในการแก้ปัญหาร่วมกัน

แนวทางการวางแผน “ด้านพัฒนากำลังคน” เพื่อเดินไปสู่ Industry 4.0

คุณกมลทิพย์ กล่าวว่า ทางบริษัทฯ มีโครงการทำ Digital Transformation (DX) โดยเริ่มจากผู้บริหารก่อน โดยปรับทัศนคติว่าต้องเริ่มอะไร อย่างไร เมื่อผู้บริหารระดับกลางรับนโยบายมาแล้วจะเริ่มดำเนินการต่อ วางโครงการที่จะทำก็จะเริ่มทำการสำรวจความต้องการในบริษัทและทักษะของวิศวกร Innovation OT และ IT ในส่วนของปัญหาต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ โดยส่งพนักงานมาฝึกอบรมที่ SMC Academy ภายใต้ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) รวมทั้งมีการพูดคุยเพื่อเอาไป Customize ขยายผลในโรงงานต่อไป โดยบริษัทส่งพนักงานฝ่านวิศวกรและ IT เข้าร่วมอย่างละครึ่งๆ ในรุ่นแรก เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริง ประกอบด้วย ขั้นพื้นฐาน ขั้นวางโครงสร้างต่างๆ และขั้นสูง

คุณโฆษิต เล่าว่าสำหรับ SCGC จะมีความแตกต่าง โดยเริ่มต้นเมื่อ DX เข้ามาใหม่ๆ ทางบริษัทฯ ได้ไปดูงานในที่ต่างๆ ในประเทศไทยมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมาะกับบริบทของบริษัท จึงตั้งเป็น Pilot Project และ Pilot Team มา 3 ปีแล้ว ตอนที่อยู่แผนก Operation Productivity Improvement (OPI) ได้พัฒนาทีมวิศวกรที่เป็น Mechatronic เต็มที่แต่ก็พัฒนาไปสุดทางได้แค่ Automation & Robotics ทำให้เมื่อต้องพัฒนาในเรื่องของ Digital จึงไม่พร้อม ทาง HR รวมทั้งตนเองไม่สามารถบอกได้ว่าต้องเลือกหลักสูตรอะไร ทำให้ต้องตั้งทีมใหม่ จำนวน 4 คน แยกออกจากงานเดิม ทำหน้าที่เสมือนเข็มทิศนำทาง บริษัทฯ สร้างโรงงานต้นแบบขึ้นมา 1 อาคาร เพื่อให้ให้ทดลองทำ ให้อุปกรณ์พร้อม สามารถเลือกเรียนคอร์สที่นำมาต่อยอดด้านการผลิตได้ เมื่อทดลองแล้วจึงหาข้อสรุปให้ทางบริษัทฯ ว่าต้อง Build Up คน ก้าวสู่ Digital อย่างไร ซึ่งทำมาประมาณ 2-3 ปี แล้วพบกว่า ต้องเพิ่มจำนวนคนให้เขียน Python ได้ ใช้ IoT เป็น

จึงเป็นที่มาในการขยายกำลังคน โดยคัดเลือกบุคคลากรที่มีศักยภาพจากสาย IT, OPI และ Engineering รวมถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยได้หารือร่วมกับ SMC Academy จัดอบรมคอร์ส Basic IoT ขึ้นมาก่อน พอในระดับ Advance จะเหลือเพียงระดับ Engineer ที่มาเรียน ปัจจุบันบริษัทจึงมีบุคลากรที่สามารถใช้อุปกรณ์ IoT ได้ประมาณ 10 กว่าคน และเริ่มขยายขอบเขตโครงการนวเอ็กซ์ สู่เครื่องจักร จาก 1 อาคาร สู่ 1 plant ที่โรงงานสาขาสระบุรี ขยายในรูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยสรุปแล้ว สำรับบริษัทฯ ใช้วิธีการและให้คนนำทางไปก่อน แล้วให้คนมาบอกว่าควรใส่อะไรให้บุคคลากรในการพัฒนาคนต่อไป ต้อง Transform คนอย่างไร

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงจะมีทั้งความกลัว ความเสี่ยง เกิดขึ้น
องค์กรต้องกล้าที่จะเสี่ยง กล้าลงทุนไปก่อน solution ถึงจะเกิด บางอย่างก็ต้องยอมทิ้ง

การประเมินผล แนวทางการเดินหน้าระยะต่อไป

คุณกมลทิพย์ เล่าว่าหลังจากที่อบรมเสร็จ ทางบริษัทฯ วัดผลและประเมินโครงการโดยให้ผู้พัฒนาเลือกโพรเจกต์จริงมาทำ โดยมีทีมงานจาก SMC Academy ให้คำปรึกษาไปในรูปแบบ Workshop ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมในโครงการ IoT Hackathon และ “ต่อกล้าอาชีวะ” ของเนคเทค ซึ่งปีนี้ได้ขยายผลไปทั่วประเทศ เพื่อเฟ้นหาบุคคลากรที่มีมีความพร้อมต่อการพัฒนาอีกด้วย

คุณโฆษิต ให้ความเห็นว่าการจะปรับเปลี่ยนเรื่องใดๆ ควรจะมีคอนเน็กชันกับหลายๆ วงการ ไม่ว่าจะสถาบันการศึกษา หรือ เนคเทค ซึ่งช่วยในการจัดหลักสูตรและปรับให้เหมาะสมกับพนักงาน ดังนั้นเมื่อเนคเทคมีกิจกรรม บริษัทฯ ได้เปิดมุมมอง และมีส่วนร่วมว่าทำอะไรกันบ้าง เช่น การพัฒนาบุคคลกร เพื่อประโยชน์ต่อการสรรหาบุคคลากรที่องค์กรต้องการในอนาคตว่าควรมีอะไร? ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมกับโครงการอย่างสหกิจศึกษา เด็กที่ผ่านการฝึกอบรมกับทาง SCGC จะมาฝึกงานกับบริษัทอาจจะ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ซึ่งตอนนี้ในหลายๆ องค์กรของประเทศไทยพยายามผลักดันให้ทรัพยากรบุคคลพร้อมทำงานได้  แต่ในบางสถาบันเท่านั้นที่จะมีเด็กทักษะใหม่ จึงเกิดการแย่งเด็กที่มีศักยภาพ

แนวทางในการพัฒนาและขับเคลื่อนคนในภาคอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ทำการประเมินเสร็จแล้วมาทำหลักสูตรเพื่อวิเคราะห์หา Training need แต่ควรต้องทำแล้วปรับแก้ Pain Point นั้นได้ การที่องค์กรพัฒนาและขับเคลื่อนคนในภาคอุตสาหกรรมเองจะสามารถรักษาบุคลากรหรือกำลังคนนั้น ต้องทำให้พนักงานรู้ข้อมูล (Inform) สร้างความสนใจ (Interest)ให้มีส่วนร่วม (Involve) เมื่อลงมือทำแล้วจะเกิดแรงบันดาลใจ (Inspire) จึงจะสามารถรักษาบุคลากรไว้กับองค์กรได้นาน

]]>
NECTEC SMC ร่วมกับ RX Tradex จัดสัมมนา NEPCON FORUM 2024 ในงาน NEPCON Thailand 2024 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nepcon-forum-2024.html Mon, 01 Jul 2024 11:11:41 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37004

NECTEC SMC ร่วมกับ RX Tradex จัดสัมมนา NEPCON FORUM 2024 ในงาน NEPCON Thailand 2024

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. และ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) กล่าวว่า กิจกรรมเนปคอน ฟอรั่ม 2024 ในหัวข้อ “การประเมินความพร้อม Industry 4.0 ด้วยตัวเอง เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าถึงกลไกสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ แนะนำการประเมินระดับความพร้อมขององค์กรสู่การผลิตยุคดิจิทัลด้วยตัวเองด้วยระบบ Online & Interactive Self-Assessment ทราบแนวทางในการปรับปรุงสายการผลิตเบื้องต้น ใช้เวลาน้อย ดำเนินการเองได้ ตรวจประเมินโรงงานกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมสิทธิประโยชน์และทุนสนับสนุนผู้ประกอบการอีกมากมาย วันนี้ จัดโดยสวทช. ประกอบด้วย กลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0, ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC), นักวิจัยจากเนคเทค สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเฉพาะด้าน (CoTT) มาร่วมแลกเปลี่ยนกลยุทธ์ แผนที่นำทาง และกรณีศึกษาการทำ Digital Transformation เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ก้าวผ่านการดิสรัปชั่นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้ไปได้อย่างยั่งยืน

สาระสำคัญภายในงานแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษและเสวนา โดย วิทยากรจากศูนย์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเฉพาะด้าน (CoTT) และนักวิจัย เนคเทค สวทช. นำเสนอในหัวข้อที่น่าสนใจ ดังนี้

ช่วงที่ 1 บรรยายพิเศษ
หัวข้อ แนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมสู่ Industry 4.0
โดย ดร. รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการกลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

การบรรยายนี้กล่าวถึง..ขั้นตอนการยกระดับอุตสาหกรรมสู่ Industry 4.0โดยเริ่มต้นจากปัญหาหลักที่โลกต้องเผชิญ อย่างภาวะโลกร้อน Carbon Emissions Green Industry สงความระหว่างประเทศ สงครามการค้า โรคระบาด และปัญหาต่าง ๆ ภายในประเทศ ซึ่งล้วนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจต่างๆ ดังนั้น Digital Economy จึงเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยการทำ Digital Transformation ที่มีขั้นตอนหลัก ๆ อยู่ 4 ขั้นตอน ดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 Online & Interactive Self-assessment ซึ่ง จะมีตัวชี้วัดเป็นThailand i4.0 Index มี 6 มิติหลัก 17 มิติย่อย และสามารถสรุปผลได้เป็น 6 Band Levels โดย Band 5-6 จะเท่ากับ Industry 4.0
  • ขั้นตอนที่ 2 คือ Initiation หรือการรับการประเมิน Thailand i4.0 Index แบบ On-site โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีความละเอียดมากกว่าและยังได้รับคำแนะนำสำหรับการพัฒนาต่อไป
  • ขั้นตอนที่ 3 คือ Solutioning หรือการรับบริการที่ปรึกษาจากศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ไม่ว่าจะเป็นการทดลองใช้ Testbed & Facilities SMC การทำ Course อบรม การกำหนดกลยุทธ์ วางแผนปรับปรุงระบบขององค์กร การจัดทำแผนการลงทุน รวมทั้งการขอรับการส่งเสริมจาก BOI
  • ขั้นตอนที่ 4 คือ Implementation & Operation หรือการนำอุปกรณ์ Solution ต่าง ๆ ไปใช้จริงในโรงงาน นอกจากนี้ SMC ยังมี Campaign ให้เงินสนับสนุนสำหรับโรงงานที่สนใจทำ Implementation & Operation นอกจากนี้ SMC ยังมี Membership ที่จะให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของส่วนลดการใช้บริการต่าง ๆ การให้คำปรึกษาด้านเทคนิค การเข้ามาใช้ Facility ต่าง ๆ ของ SMC และยังมีการรับข้อมูล ข่าวสาร การเข้าร่วมกิจกรรม Business Matching อีกด้วย

หัวข้อ Digital Factory and Digital Transformation
โดย ผศ ดร.เดี่ยว กุลพิรักษ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่าย Digital Transformation
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ได้กล่าวเกี่ยวกับ.. Digital Factory กับวิธีการขับเคลื่อน Digital Transformation โดยมีจุดหมายคือการเปลี่ยน Culture ของการทำงานในโรงงาน แบ่งออกเป็น 3 Steps ดังนี้

  • Step 1 : Technology Transformation คือการปรับเปลี่ยน Mind set ของผู้คนโดยการปรับเปลี่ยนการเก็บข้อมูลโดยใช้ Cloud ให้เกิดประโยชน์ หากมีต้นทุนที่น้อยให้ใช้ Sand Box แทน Cloud และยังพลักดันให้ใช้ platform เพื่อการจัดการข้อมูลและระบบของโรงงานให้ง่ายขึ้น รวมถึงการจัดการ Data Governance โดยให้ฝ่ายต่างๆนำข้อมูลมารวมกันเพื่อดู Cost Effectiveness ของโรงงาน
  • Step 2 : Process Transformation คือการอัพ Skill ของคนใน Manufac turing Chain เพื่อให้สามารถทำ Data Analytic จาก Dashboard ได้
  • Step 3 : People Transformation คือการนำคนที่มีทักษะมาสร้างทีมเพื่อเป็น Data Team ของโรงงานประกอบด้วย 3 ตำแหน่งหลักๆได้แก่ Data Analyst, Data Engineer และ Data Scientist เมื่อทำตาม 3 ขั้นตอนนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลง Culture ของโรงงานได้โดยพนักงานแต่ละตำแหน่งจะปรับตัวให้เข้ากับการทำงานแบบใหม่และเมื่อมีพนักงานเข้ามาใหม่ก็จะได้รับการสอนงานในแบบที่ได้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว

Digital lean กับการจัดการระบบการผลิตและโลจิสติกส์ โครงการนี้เป็นการร่วมมือทางวิชาการระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น และ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และความพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)

หัวข้อ เราจะผลักดันให้ SME มุ่งสู่ 4.0 ได้อย่างไรและทำไมถึงต้องเป็นระบบ lean?
โดย ผศ.วิฐิณัฐ ภัคพรหมินทร์ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ และผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการระบบการผลิตแบบลีน
คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

 

ได้กล่าวถึง..ถึงเรื่องภายในองค์กรก็ต้องคิดถึงเรื่องกำไรขาดทุน หากยอดขายตกลง แต่ต้นทุนกลับสูงขึ้นก็จะเท่ากับว่าองค์กรนั้นขาดทุนโดยสาเหตุของการขาดทุนก็มาจากหลายปัจจัย ที่เห็นได้ชัดตอนนี้คือต้นทุนทางตรงในส่วนของค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการจะเพิ่มกำไรให้กับองค์กรจึงจำเป็นจะต้องดูไปถึงความสูญเสีย (waste) ที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานภายในองค์กร โดยสาเหตุของความสูญเสียจะมาจาก 2 แหล่งหลักๆคือ workplace หรือก็คือความสูญเสียภายในโรงงาน และ information systemหรือก็คือความสูญเสียจากการสื่อสารตั้งแต่การวางแผนกับพนักงานที่ผิดพลาดรวมไปถึงการดึงข้อมูลที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอมาใช้

ทั้งนี้ lean manufacturing system จะมุ่งเน้นเพื่อช่วยสร้างคุณค่าให้กับตัวสินค้าและบริการ โดยการกำจัดความสูญเสียที่เกิดขึ้นในองค์กรตั้งแต่ inbound, work in process ไปจนถึง outboundปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ด้วยหลักการ lean management ที่จะเปลี่ยนจากความสูญเปล่าให้เป็นประสิทธิภาพก่อนจะรวมเอา digital management เข้ามาช่วยด้วย และจะเป็นไปแบบ step by step ดังนี้

1) หาว่าปัญหาหรืออุปสรรคคืออะไร
2) ระดมสมองกันภายในองค์กรเพื่อหารากเหง้าของปัญหา
3) หาเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาด้วยหลักการ low cost IoT แบบ small start (ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย)
4) ทดลองใช้จริงและติดตามผล วิธีเหล่านี้ก็เพื่อช่วยให้ SME ในไทยสามารถทำตามได้และได้เข้าใกล้กับอุสาหกรรม 4.0 มากที่สุด

Digital Supply Chain กับการจัดการสินค้าอัจฉริยะ 
โดย ดร.นิลุบล ชลสวัสดิ์ อาจารย์สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและธุรกิจการเกษตร
ภาควิชาพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ได้กล่าวถึง..Smart Warehouse ในประเทศไทย ว่า 95% (traditional) คือเรื่องของคลังสินค้าเน้นบริการพื้นที่เช่า และอีก 5% (smart) คือ พื้นที่เช่าที่รองรับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบโลจิสติกส์ครบวงจร

Warehouse stage ของไทยคือ semi-automation ซึ่งอยู่ stage ที่ 3 เป็นการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มีความซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายหรือทำงานซ้ำ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน จากการสำรวจอุปสรรคสำคัญที่นักการตลาดต้องเผชิญเกี่ยวกับนวัตกรรมคือ ไม่สามารถวัดผลกระทบของนวัตกรรมและข้อจำกัดของงบประมาณและเงินทุน นอกจากนี้ยังมีเรื่องความท้าทายที่คลังสินค้าต้องเจอ เช่น ของหาย ของหมดอายุ การทำงานที่มากขึ้นของพนักงาน เป็นต้น

Operations Design ของคลังสินค้าที่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรโดยเฉพาะงบประมาณจะส่งผลให้ยากต่อการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาคลังสินค้าให้ไปสู่ Smart Warehouse ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ระดับการบริการสูงสุด ผลผลิตการดำเนินงานสูงสุด อุปกรณ์ขนถ่าย รวมถึงการทำให้ต้นทุนลดลง

Warehouse Simulation คือแพลตฟอร์มที่พัฒนามาจากศูนย์ Logistics Innovation พระจอมเกล้าธนบุรีร่วมกับศูนย์ CoTT Smart Warehouse ของเนคเทค แพลตฟอร์มนี้คือคลังสินค้า 3 มิติ สามารถออกแบบตำแหน่งได้ตามใจชอบเหมือนกับคลังสินค้าจริง 100% ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาหรือความท้าทายที่คลังสินค้าของไทยต้องเผชิญหน้า นอกจากนี้เราสามารถดูกลยุทธ์และพัฒนาไปสู่ Smart Warehouse ได้อีกด้วย

ช่วงที่ 2 เสวนา หัวข้อ อุตสาหกรรม 4.0 และการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน: กลยุทธ์และเทคนิคการดําเนินการ โดย ผู้เชี่ยวชาญจาก CoTT และนักวิจัย เนคเทค สวทช. ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม 4.0 การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน กลยุทธ์และเทคนิคการดำเนินการ โลจิสติกส์และคลังสินค้า และบทบาทของเทคโนโลยี เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน, ความท้าทายในการนำ Industry 4.0 มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ, รวมถึงจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับ Industry 4.0

วิทยากรประกอบด้วย ผศ.ดร.เดี่ยว กุลพิรักษ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่าย Digital Transformation มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อาจารย์วุฒิพงษ์ ปะวะสาร ประธานหลักสูตร สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ดร.กมล เขมะรังษี ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค สวทช.

 

ข้อมูลข่าวโดย

– อติวิชญ์ แก้วเจริญ
– พงศ์สิริ สรรพสิริโสภณ
– เพียงขวัญ เหลืองชัยชาญ
– ชาลิสา แสงรัตน์
นักศึกษาฝึกงาน
ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (SPE) เนคเทค

]]>