ว่าว

มารู้จักการละเล่นว่าวไทยกันเถอะ “ว่าว” เป็นกีฬาที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยและนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย มีประวัติความเป็นมาคู่กับประเทศไทยตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ทั่วทุกภูมิภาคนิยมเล่นกันมากระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่เรียกกันว่า “ลมตะเภา” หรือ “ลมว่าว” ผัดผ่านนั่นเอง
“ว่าว” สามารถทำขึ้นเองได้ง่าย ๆ จากไม้ไผ่และกระดาษสา นิยมเล่นทุกเพศทุกวัย วิธีเล่นก็ง่ายเพียงให้ว่าวขึ้นไปปัดป่ายอยู่บนท้องฟ้าก็เป็นพอ ส่วนการเล่นว่าวเพื่อแข่งขัน นิยมใช้ว่าวจุฬาและว่าวปักเป้า คู่ปรับตลอดกาลของการต่อสู้กลางเวหาของไทย เป็นว่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาติไทย อาจเรียกได้ว่าเป็นว่าวประจำชาติเลยทีเดียวมีลักษณะโดดเด่นจากชาติอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหวในอากาศ ว่าวจุฬามีขนาดโตกว่าปักเป้ามาก บางตัวยาวถึง 2 เมตร มีลักษณะคล้ายดาวห้าแฉกไม่มีหางผูกคอซุงที่อกจึงทำให้ส่ายไปมาได้ มีอาวุธคือ “จำปา” เป็นไม้เหลาโค้งประกบติดสายป่าน ต่อจากซุงลงมา สำหรับเกี่ยวว่าวปักเป้า ส่วนว่าวปักเป้ามีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนผูกคอซุงที่อก และมีหางยาวไว้ถ่วงน้ำหนัก ที่มุมด้านล่างของตัวว่าวมีอาวุธคือ “เหนียง” เป็นห่วงป่านติดใต้คอซุงลงมา เอาไว้คล้องตัวว่าวจุฬา สำหรับการทำว่าวจุฬาและปักเป้านั้นต้องอาศัยฝีมือที่ประณีต มักนิยมใช้ไม้ไผ่สีสุกเท่านั้น ในการทำโครงว่าว การคัดเลือกไม้ การดัดและเหลาไม้ การผูกว่าว แตะละสำนักจะมีเคล็ดลับแตกต่างกันไป การเล่นว่าวเพื่อการแข่งขัน มีการพัฒนาการต่อสู้ ดัดแปลงการชักด้ายอาบด้วยของมีคมทำจากเศษแก้วที่เรียกว่า “ป่านคม” สำหรับคว้าต่อสู้กัน ใครพลาดท่าก็จะถูกคู่แข่งตัดสายป่านขาดลอย ตลอดการแข่งขันกลางเวหา ตั้งแต่การขึ้นว่าว การยัก การส่าย การคว้า การโฉบ รอก และการบังคับให้เคลื่อนไวได้อย่างสง่างามด้วยสายป่านเพียงสายเดียว ซึ่งต่างจากว่าวของชาติอื่น ๆ ที่มีความงามด้วยสีสรร แต่ส่วนมากมักลอยลมอยู่เฉยๆ จึงอาจกล่าวได้ว่าชาติไทย เป็นชาติเดียวที่มีกีฬาเอาชนะกันกลางเวหา…
ว่าวไทยมีการเล่นในทุกๆ ภาค จะแตกต่างกันบ้างในลักษณะของว่าว กีฬาเล่นว่าวนอกจากผู้เล่นจะสนุกสนาน ผู้ชมก็ยังได้รับความเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจเพราะนี่คือ อีกหนึ่งแห่งความภาคภูมิใจแห่งภูมิปัญญาของคนไทย ที่เราคนไทยควรช่วยกันรักษาไว้สืบไป….

ที่มา : ไปนั่งทานสุกี้อ่านเรื่อง “ว่าวไทย” นี้เป็นความรู้ที่น่าสนใจเลยขอโปรชัวร์จากร้าน MK RESTAURANTS สาขาอ่อนนุช. เพื่อมาเผยแพร่ความรู้นี้ให้กับผู้ที่สนใจ หวังว่าข้อมูลนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างนะค่ะ… (28 เมษายน,2545).



โดย : นางสาว chanya pathamapikul, ripw klongluang pathumthani bangkok, วันที่ 30 เมษายน 2545