นกกะปูด

เรื่อง นกกะปูด กับ นกกวัก

เสียงระฆังกังวาลดังมาจากวัดดอนขะโมด เสียงหมาวัดก็เห่าหอนรับเสียงระฆัง เสียงนกกะปูดก็ร้องปุดๆ เป็นจังหวะ ส่วนนกกวักพอได้ยินนกกะปูดร้อง มันก็ร้องบ้าง คนเก่าแก่เคยเล่านิทานให้ลูกหลานฟังว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วว่านกกะปูดหนุ่มตัวหนึ่งไปหลงรักนกกวักสาวเข้าและรักเอามากด้วย จึงลบเล้าให้พ่อแม่ของตนไปสู่ขอนกกวัก พ่อแม่นกปูดนั้นรักลูกของตนมากจึงตัดสินใจส่งเฒ่าแก่ไปสู่ขอต่อพ่อแม่นกกวัก ทั้งฝ่ายพ่อแม่นกกวักก็ไม่ขัดข้อง จะยอมยกลูกสาวของตนให้นกกะปูด แต่มีข้อแม้อยู่ว่าหากนกกะปูดไม่ส่งเสียงร้องปูดๆละก็จะยอมให้ลูกสาวแต่งงานด้วย เฒ่าแก่นกกะปูดจึงนำความทั้งหมดมาบอกกับพ่อแม่นกกะปูดฟัง พ่อแม่นกกะปูดก็บอกกับลูกของตนฟัง นกกะปูดหนุ่มได้ฟังดังนั้น เพราะความรักจึงรีบรับปากพ่อแม่ขอตนว่าตนจะไม่ร้องปูดๆจะนิ่งอยู่เฉยๆจะไม่ส่งเสียงร้องอย่างแน่นอน พ่อแม่นกกะปูดไดฟังลูกรับปากดังนั้นจึงชักชวนเพื่อนนกะปูดทั้งหลายที่มีอยู่ในละแวกนั้น พร้อมทั้งเฒ่าแก่ยกขันหมากไปที่บ้านเจ้าสาวนกกวัก ครั้นพอไปถึงที่อยู่ของนกกวัก นกกวักก็ต้อนรับเป็นอย่างดี พ่อแม่นกกวักก็บอกกับฝ่ายนกกะปูดว่า “จะยังไม่เปิดขันหมาก ขอให้ตั้งขันหมายไว้เฉยๆสักสามคืนสามวัน” เพื่อจะทดลองว่าหนุ่มนกกะปูดจะไม่ส่งเสียงปูดๆ หากไม่ร้องได้จริงๆถึงยอมยกลูกสาวให้ ฝ่ายนกกะปูดก็ยอมตกลงจะทำตามที่นกกวักตั้งข้อแม้ นกกวักจึงได้ไปชวนเพื่อนนกกวักในละแวกนั้นมาเป็นพยาน ฝ่ายพวกนกกะปูดทั้งหมดก็พร้อมใจว่าจะไม่ส่งเสียงกันทั้งหมด เพื่อจะได้ช่วยนกกะปูดเจ้าเบ่ามีสมาธิลืมการร้องปูดๆออกมาจะเสียพิธี
เวลาล่วงเลยมาได้สองคืนกับสองวัน นกกะปูดทั้งหมดพากันเงียบกริบไม่มีนกกะปูดตัวใดตัวหนึ่งร้องปูดออกมา แต่ผลลับออกมาอีกอย่างหนึ่ง คือ นกกะปูดทุกๆตัวนั้นปรากฏออกมา คือ ลูกตานกปูดทุกตัวที่มีตาขาว กับตาดำ แต่ตาสีขาวกลับกลายเป็นสีแดง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการอดกลั้นอัดเสียงไว้ไม่ให้มีเสียงดัง จึงทำให้ตาสีขาวกลับกลายเป็นสีแดง ตานกกะปูดจึงเป็นสีแดงกับสีดำตราบเท่าทุกวันนี้ แต่เวลาที่สัญญาของนกกวักยังเหลืออีกหนึ่งคืน กับหนึ่งวันถึงจะหมดสัญญา แต่แล้วเหตุร้ายก็เกิดขึ้นจนได้ ด้วยมีนกกะปูดแก่ตัวหนึ่งหลับไปในคืนสุดท้าย ยามใกล้รุ่งได้หลับสนิทแล้วฝันว่าเห็นงูเห่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยผ่านมาก็ดีใจ เพราะงูเห่าเป็นอาหารที่โปรดปรานของนกกะปูดมาก ในความฝันนั้นมีว่า นกแก่ตัวนั้นเมื่อเห็นงูเห่าตัวใหญ่เลื้อยผ่านมาครั้นจะจับงูเง่าด้วยลำพังตนเองก็ไม่ได้เกรงว่าจะสู้กับงูเห่าไม่ไหว เพราะตัวเองแก่แล้ว กำลังวังชาก็มีน้อยจึงส่งเสียงร้องบอกพวกหมู่ให้มาช่วยกันจับจึงละเมอร้องปูดๆออกมาดังลั่น นกกะปูดทุกตัวกำลังหลับสนิท เมื่อได้ยินเสียงของนกกะปูดแก่ดังออกมาเช่นนั้น ก็เผลอร้องรับกันลั่นไปหมด ฝ่ายเจ้านกเจ้าเบ่าตกใจเผลอตัวก็พลอยร้องรับไปกับเขาด้วย นกกวักตัวที่เฝ้ายามคอยจับผิดนกกะปูดอยู่นั้น เมื่อได้ยินนกกะปูดร้องดังนั้น ก็ร้องขึ้นมาบ้าง ผู้เฒ่าเล่าว่าเสียงของนกกวักที่ร้องนั้นฟังแล้วคล้ายร้องว่า กูว่ายักๆกูว่ายักๆ นกกวักนั้นร้องกว้ากๆ เวลาร้องจะก้มหัวลงดินแล้วยกหางขึ้นฟ้า เป็นอันว่านกกะปูดได้หมดหวังที่จะแต่งงานกับนกกวักจึงพากันยกขันหมากกลับรัง เพราะด้วยความรักไม่นั้นมันไม่สิ้นสุด ไม่ว่านกกวักจะไปรวมกลุ่มกันที่ไหน นกกะปูดจะต้องตามไปอยู่ข้างเคียงเสมอ พอนกกะปูดร้องปูดๆขึ้นนกวักก็ต้องรีบร้องขึ้นมาทันที พวกนกกะปูดร้องปูดๆ เขาจะเปรียบเหมือนคนมีความผิดติดตัว อดที่จะเปิดเผยความผิดออกมาไม่ได้ ความลับไม่มีในโลก


โดย นายสะอาด มีกุล


โดย : นางสาว Laddawan Meegul, คลองหลวง ปทุมธานี 13180, วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2545