เจ้าทึ่มกับยักษ์ใหญ่

เจ้าทึ่มกับยักษ์ใหญ่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่หม้ายคนหนึ่ง เธอมีบุตรชายชื่อ "อันโตนิโอ"บุตรชายของเธอโง่เขลาเป็นยิ่งนักยากจะหาใครเปรียบ มักจะเกิดเรื่องราวร้อนหูเป็นนิจอยู่มาวันหนึ่ง ผู้เป็นมารดาหมดความข่มกลั้น ทุบตีเจ้าทึ่มจนต้องวิ่งหนีออกจากบ้าน เจ้าทึ่มวิ่งไปไม่ยอมหยุดจนอาทิตย์ตกดินท้ายที่สุด เจ้าทึ่มเดินมาจนถึงถ้ำใหญ่ หน้าถ้ำมียักษ์ใหญ่ยืนขวางอยู่เจ้าทึ่มทักทายด้วยความนอบน้อม "ได้โปรดเถิดท่าน ช่วยบอกได้ไหมว่าที่นี่กับที่นั่น ที่ฉันต้องการจะไป ห่างกันสักเท่าใด?"ยักษ์ใหญ่หัวร่อออกมาสุดเสียงเมื่อได้ยินคำถามประหลาดและชอบใจกริสุภาพของเจ้าทึ่ม และแผดเสียงถามเจ้าทึ่มว่า "เจ้าจะยอมเป็นคนรับใช้ข้า หรือไม่? "ท่านจะจ่ายค่าจ้างสักเท่าใด?" เจ้าทึ่มถามกลับอย่างสุภาพ "ถ้าเจ้ารับใช้ข้าอย่างซื่อสัตย์ เจ้าจะกลายเป็นเศรษฐี"
"ตกลง" เจ้าทึ่มยอมรับในข้อเสนอ
สองปีผ่านไป อันโตนิโอขอกลับบ้านไปเยี่ยมมารดา ยักษ์ใหญ่อนุญาต "เจ้าหนู พาลาตัวนี้ไปด้วย และจำไว้ให้มั่นว่า ห้ามกล่าวคำว่า "อ้าปาก"
ก่อนจะเดินทางถึงบ้านเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าจะประสบความยุ่งยาก"เจ้าทึ่มเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดความสงสัย จึงเอ่ยคำว่า "อ้าปาก"ในทันใดนั้นเอง ลาก็อ้าปากกว้าง อัญมณีล้ำค่าไหลพลูออกมามากมาย
เจ้าทึ่มดีใจมากรีบเก็บอัญมณีแล้วเดินทางต่อไป ระหว่างทางเจ้าทึ่มรู้สึกอยากพักผ่อนจึงได้แวะโรงเตี๊ยมข้างทาง
"ท่านช่วยพาลาของข้าไปเลี้ยงดูให้ที แต่อย่าได้เอ่ยคำว่า "อ้าปาก" มิเช่นนั้นท่านจะประสบความยุ่งยากเป็นแน่แท้" เจ้าทึ่มบอกกับเจ้าของโรงเตี๊ยม พอตกดึก เจ้าของโรงเตี๊ยมจึงย่องมาหาลา และสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพูดคำว่า "อ้าปาก" และเขาก็หายสงสัยทันที เมื่ออัญมณีล้ำค่าไหลออกมา หลังจากที่เขาพูดคำว่า "อ้าปาก"
ด้วยความละโมบ เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าของโรงเตี๊ยม จัดการจูงลาหน้าตาคล้ายกับลาวิเศษมาให้เจ้าทึ่มแทน เจ้าทึ่มเดินทางมาถึงบ้าน วิ่งตรงไปหามารดาด้วยความดีใจ "แม่ครับ เรารวยแล้ว" เจ้าทึ่มจูงลามายืนตรงหน้ามารดา แล้วพูดว่า "อ้าปาก" ลายืนเฉยกระดิกหูไปมา เจ้าทึ่มตะโกนอยู่หลายครั้ง จนท้ายสุดก็โมโห คว้าไม้ไล่ตีลา ลาก็วิ่งพล่านย่ำสวนครัวของมารดาจนพินาศสิ้น
ผู้เป็นมารดาหมดความอดกลั้น ไล่ตีเจ้าทึ่มจนต้องวิ่งหนี ออกจากบ้านอีกครั้ง เจ้าทึ่มเดินคอตกกลับไปหายักษ์ใหญ่ยักษ์ใหญ่ก็ดุด่า ที่เจ้าทึ่มไม่สามารถรักษาลาวิเศษไว้ได้ เจ้าทึ่มอยู่รับใช้ยักษ์ใหญ่อีกสามปี ยักษ์ใหญ่ก็อนุญาตให้กลับบ้านอีกครั้งและได้มอบไม้เท้าแกะสลักให้ "จำไว้ให้มั่นว่า ห้ามกล่าวคำว่า "ไม้เท้าขึ้น" และ "ไม้เท้าลง" มิเช่นนั้นท่านจะประสบความยุ่งยากเป็นแน่แท้" เจ้าทึ่มขอบคุณยักษ์ใหญ่ และออกเดินทาง พอพ้นจากถ้ำเจ้าทึ่มก็พูดว่า "ไม้เท้าขึ้น" ทันใดนั้นไม้เท้าก็ลอยสูงขึ้น ฟาดกระหน่ำ เจ้าทึ่มไม่ยั้ง เจ้าทึ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รีบสั่งว่า "ไม้เท้าลง" ไม้เท้าก็ตกลงมาบนพื้น เจ้าทึ่มสุดแสนจะดีใจ เมื่อค้นพบวิธีสอนบทเรียนเจ็บปวดแก่ เจ้าของโรงเตี๊ยมได้ เจ้าทึ่มเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมเดิมอีกครั้ง รีบฝากไม้เท้า กับเจ้าของโรงเตี๊ยมทันที "จำไว้ให้มั่นว่า ห้ามพูดคำว่า "ไม้เท้าขึ้น" มิเช่นนั้นท่านจะประสบความยุ่งยากเป็นแน่แท้"
เมื่ออันโตนิโอหลับไปแล้ว เจ้าของโรงเตี๊ยมตาโตวาดหวังว่า จะได้ขุมทรัพย์อีกครั้ง กระซิบกระซาบสั่งไม้เท้าว่า "ไม้เท้าขึ้น" ไม้เท้าก็ลอยสูงขึ้น ฟาดกระหน่ำเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่ยั้ง เจ้าของโรงเตี๊ยมร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด อันโตนิโอสะดุ้งตื่น หัวเราะชอบอกชอบใจ เมื่อเห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมวิ่งพล่านไปทั่วห้อง ร้องตะโกนว่า "ได้โปรดเถิด ช่วยข้าด้วย"
"ข้าจะไม่ยอมช่วยเด็ดขาด ถ้าเจ้าไม่คืนของของข้ามา"เจ้าทึ่มสำทับ
"ได้เลย ได้เลยข้าจะคืนให้ ขอเพียงแต่สั่งให้ไม้เท้าหยุด"
เจ้าทึ่มควบลาวิเศษออกเดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพคราวนี้คาถาของเจ้าทึ่มได้ผล เมื่อเอ่ยคำว่า "อ้าปาก" อัญมณีล้ำค่าก็ไหลออกมาพอที่สองแม่ลูกจะมีชีวิตสุขสบายชั่วนิรันดร์

Http.www.everykid.com/worldnews2/twinlindex.html.





โดย : นางสาว nattaya muenrad, ripw คลองหลวง ปทุมธานี 13180, วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2545