พระยาหงส์ทอง


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีตากับยายสองคนผัวเมีย ทำไร่ปลูกถั่วปลูกงา ทั้งสองมีลูกสาวอยู่คนหนึ่งกำลังรุ่นสาวและมีหน้าตาสวยอีกด้วย ตายายรักและหวงหลานสาวของแต่มากทั้งสองไม่ได้ให้หลานสาวออกทำไร่ด้วย แต่ทำหน้าที่คอยไล่นกไล่กาที่จะมาจิกกินถั่วกินงาเมื่อเวลาพืชไร่ออกดอกออกผลเท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่งลูกสาวของตายายก็ออกไปทำหน้าที่ของตนเหมือนเดิม ขณะนั้งเองมีพระยาหงส์ทองตัวหนึ่งกำลังโผผินบินอยู่บนท้องฟ้าแลลงมาที่ไร่ถั่วงาของตายาย และได้เห็นผลถั่วงากำลังออกผลน่าจิกกินเป็นอาหาร พระยาหงส์ทองจึงร่อนลง หมายจะจิกกินถั่วงาให้หนำใจ และแล้วพระยาหงส์ทองก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวนางหนึ่ง เป็นเสียงร้องขับไล่นกของลูกสาวตายายนั่นเอง เสียงนั้นช่างไพเราะจับใจเหลือเกิน พระยาหงส์ทองอยากรู้เหลือเกินว่าเสียนั้นเป็นเสียงใคร จึงค่อยๆเดินลัดเลาะพุ่มไม้ด้อมมองหาที่มาของเสียงนั้น ครั้งแล้วพระยาหงส์ทองก็ต้องตะลึงด้วยความงามของหญิงสาว
ฝ่ายหญิงสาวก็มีความรู้สึกว่าถูกใครแอบมองอยู่ นางสอดส่ายสายตาไปตามต้นถั่วงานนั้น และแล้วนางก็เห็นพระยาหงส์ทองที่รูปร่างสง่างามเหลือเกิน นางส่งสายตามองจนเพลิน แล้วทั้งสองก็สบตากัน และเกิดความรักกันในที่สุด พระยาหงส์ทองพูดจาเกี้ยวจนนางใจอ่อนยอมเป็นภรรยา หญิงสาวพาพระยาหงส์ทองผู้สามีกลับมาบ้าน และเล่าให้ตายกับยายผู้เป็นพ่อแม่ของเธอรับรู้ ตายายเมื่อรู้เรื่องก็มิได้รังเกียจในตัวพระยาหงส์ทองผู้เป็นลูกเขย เพราะคิดว่าพรหมลิขิตให้ชีวิตของลูกสาวตนต้องเป็นเช่นนี้ แต่พระยาหงส์ทองก็มิได้อยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียด้วยกันกับหญิงสาวผู้เป็นภรรยาเหมือนคนปกติทั่วไป พระยาหงส์ทองจะไปๆมาๆ 7 วันต่อหนึ่งครั้ง ก่อนไปทุกครั้งพระยาหงส์ทองจะสลัดขนไว้ให้ตายยายและภรรยา 1 ขน และสั่งให้นำขนทองไปขายแลกเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวโดยมิได้ลำบาก พระยางหงส์ทองทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมครบครัวของภรรยา
วันหนึ่งตายายก็ได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรให้ได้ขนของพระยาหงส์ทองมากๆ ตายายคิดว่าถ้าคราวนี้พระยาหงส์ทองมาอีกจะจับตัวพระยาหงส์ทองไว้แล้วถอนขนของพระยาหงส์ทองเสียให้หมด คืนนั้นตายายได้นำเรื่องราวมาบอกลูกสาว พร้อมกับพูดหว่านล้อมต่างๆนาน จนลูกสาวใจอ่อนยอมเห็นดีเห็นงามด้วย
ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่พระยาหงส์ทองกลับมาเยี่ยมภรรยาและตายายตามกำหนด หลังจากพูดคุยสนทนากันแล้ว พอพระยายหงส์ทองเผลอ ทั้งสามก็จับพระยาหงส์ทองไว้และช่วยกันถอนขน มิใยที่พระยาหงส์ทองจะอ้อนวอนขอความเมตตาสักเท่าไร ทั้งสามก็ไม่ฟัง
ในที่สุดทั้งสามคนก็รุมถอนของพระยาหงส์ทองจนเกลี้ยง พระยาหงส์ทองทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็ขาดใจตาย ทั้งสามคนหันมาใช้มือกอบขนของพระยายหงส์ทองด้วยความดีใจ แต่แล้ว ขนที่เคยเป็นทองก็กลับกลายเป็นขนธรรมดาไปเสียแล้ว ทั้งสามเสียใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นี่แหล่ะโลภมาก มักลาภหาย

ผจงวาด กมลเสรีรัตน์. นิทานพื้นบ้านภาคกลาง.กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น, 2543



โดย : นางสาว Laddawan Meegul, คลองหลวง ปทุมธานี 13180, วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2545