ศึกยักษ์


ซูสอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส เห็นฝ่ายปัจจามิตรมีจำนวนมากกว่า แต่ละองค์ล้วนทรงพลังน่าเกรงขาม จอมทัพที่เป็นขุนพลใหญ่ของเหล่าเทพไทแทนในขณะนั้นคือ แอตลาส (Atlas) จึงเป็นเหตุให้ไท้เธอหันไปผูกสัมพันธไมตรีกับพวกไซคลอปส์ ยักษ์ตาเดียว ซึ่งยังถูกขังอยู่ในตรุทาร์ทะรัสใต้บาดาล ให้ยักษ์เหล่านี้ประกอบอสนีบาต สำหรับไท้เธอใช้เป็นอาวุธ แลกกับความเป็นไทในการที่จะได้ปลดปล่อยจากตรุที่คุมขัง อาวุธใหม่นี้มีอานุภาพร้ายกาจก่อความตระหนกและสยบสยอนให้เกิดแก่เหล่าเทพ ไทแทนขัาศึกอย่างใหญ่หลวง ถึงจะรวมกันสู้รบอย่างหักหาญสักเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะซูสได้ รบกันอยู่ 10 ปี ในที่สุดพวกไทแทนจึงยอมศิโรราบ รับรองความเป็นใหญ่ของซูส เทพไทแทนที่ยอมแพ้บางองค์ก็ถูกทุ่มทิ้งลงจำขังไว้ในตรุทาร์ทะรัสอีกวาระหนึ่ง และตัวแอตลาสเองเมื่อพ่ายแพ้ให้แก่ซูส ก็ถูกลงโทษให้แบกสวรรค์อยู่ตลอดเวลา ส่วน โครนัสหนีเตลิดไปตั้งหลักแหล่งในต่างแดนแคว้นเฮสเพอเรีย คือ อิตาลี เดี๋ยวนี้ และครองความเป็นใหญ่ในประเทศนั้นเป็นสุขสงบสืบมาอีกช้านาน ชาวกรีกโบราณเชื่อกันเป็นมั่นเหมาะว่า บริเวณที่เทพทั้ง 2 ฝ่ายกระทำมหายุทธการครั้งนั้น อยู่ในแคว้นเทสซาลีตรงที่มีภูมิประเทศขรุขระลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาก ซึ่งเขาว่า เป็นไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกเทวดาทุ่มก้อนหินประหัตประหารกันบ้าง ก่อภูเขาขึ้นจะให้ถึงที่ประทับของซูสเพื่อชิงอสนีบาตบ้าง เป็นต้น
เมื่อซูสได้เถลิงอำนาจสูงสุดเป็นเทพบดี ณ ยอดเขาโอลิมปัส และเพิกถอนอำนาจของเทพไทแทนหมดแล้ว ก็นึก กระหยิ่มว่า จะได้ครองไอศวรรย์แห่งทวยเทพอันช่วงชิงไว้ได้โดยมิชอบด้วยความสงบราบคาบสิ้นเสี้ยนหนาม ที่ไหนได้ เจ้าแม่ จีปฐพีเทวียังคุมแค้นหมายจะลงทัณฑ์ซูสที่ล่วงสิทธิโดยชอบธรรมของเทพไทแทน โอรสของเจ้าแม่ ให้สาสมกับความแค้นจึง เนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เรียกว่า ไทฟอน (Typhon) เป็นยักษ์ดุร้ายมีกายประกอบด้วย หัวมังกรนับร้อย มีเปลวไฟพวยพุ่งออกจากดวงตา จมูกและปาก แผดเสียงก้องกัมปนาทอยู่เนืองนิตย์ ยังความ สยบสยอน ให้บังเกิดแก่ทวยเทพ ถึงแก่หนีเตลิด จากเขาโอลิมปัสไปหลบซ่อนในอียิปต์ตามกัน มิหนำซ้ำอารามที่กลัว จัดเกรงอสูรมหาวินาศจะตามไป เทพเหล่านั้นยังจำแลงองค์ เป็นสัตว์นานาชนิด ด้วยเพื่อมิให้อสูรจำได้ ซูสจำแลง เป็นแกะ ส่วนฮีราจำแลงเป็นโค ถึงอย่างไรก็ดี ในไม่ช้าราชาแห่ง ทวยเทพก็เกิดความละอายในการหลบหนีอย่าง ขลาดกลัวของไท้เธอ ซูสจึงกลับคืนสู่เขาโอลิมปัสด้วยความมั่นหมายจะฆ่ายักษ์ ไทฟอนด้วยอสนีบาตให้จงได้ การสู้รบ ดำเนินไปเป็นเวลานาน ในที่สุดซูสก็ประหารศัตรูลงได้ แต่ไม่นานก็มียักษ์อีกตนหนึ่ง อุบัติขึ้นโดยการเนรมิตของ เจ้าแม่จี ชื่อว่า เอนเซลาดัส (Enceladus) เข้าต่อรบกับซูสเพื่อแก้แค้นแทนไทฟอน ซูสจับ เอนเซลาดัสได้ล่ามโซ่ แน่นหนาขึงพืดตรึงไว้ใต้ภูเขาเอตนา แต่กว่าจะสงบเงียบ เอนเซลาดีสก็คำรนคำรามแผดเสียงกึกก้อง กระเหี้ยน กระหือรือ และครวญครางพิลึกพิลั่นอยู่ช้านาน บางทีก็พ่นไฟขึ้นหวังจะทำอันตรายเทพบดีผู้พิชิตตนอีกด้วย ต่อมากาล ผ่านไปเอนเซลาดัสจึงหยุดสำแดงฤทธิ์อาละวาด เพียงแต่ขยับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
นิยายอิทธิฤทธิ์ตอนนี้เป็นตอนที่คนโบราณผูกขึ้นอธิบายปรากฏการณ์เกี่ยวกับภูเขาไฟระเบิด และแผ่นดิน ไหว นั่นเอง

เข้าถึงได้จาก http://www.geocities.com/elysianth/legend.html


โดย : นางสาว Laddaporn ngamthura, klonglong, วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545