นกคีรีบูน

นกคีรีบูน . 2544 (ออนไลน์) . เข้าถึงได้จาก :
http://pet.sundayplaza.com/fish/story/discus.htm
นกคีรีบูน
ชื่อวิทยาศาสตร์
Serinus Canarius
ประวัติและความเป็นมา
ถิ่นกำเนิดแต่ดั้งเดิมของนกคีรีบูนนั้นมีอยู่ทั่วไปตามหมูเกาะ คะแนรี่(Canary Island), เกาะมะเดียระ
(Madeira) ซึ่งอยู่ทางแถบตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกา นกตัวนี้เป็นที่รู้จักของพวกกลาสีเรือชาว
ยุโรปมากว่า 400 ปีแล้ว ตามหลักฐานที่มีอยู่กล่าวว่า นายแซมมวล พีพช ชาวอังกฤษ(Samual Pepys)
เป็นบุคคลแรกที่สนใจและเลี้ยงดูอย่างจริงจังเป็นเวลาติดต่อกัน 3-4 ปี
ชนิดและสี
นอร์วิชเพลนเฮด (Norwich Plainhead)
เป็นนกที่มีรูปร่างสวย มีผู้นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ตลอดตัวยาวประมาณ 6 1/2" มีสีส้มและเหลือง
ยอร์คเชอร์ (Yorkshire)
เป็นนกที่มีทรวดทรงสง่าเก๋ที่สุด จนผู้เลี้ยงให้ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "Gentleman of Fancy" ขนาดโดย
ทั่วไปยาวกว่านกชนิดธรรมดา มีสีส้ม เหลือง และขาว
บอร์เดอร์ แฟนซี (Border Fancy)
ชนิดนี้มีรูปร่างเล็ก (5 1/2") มีหลายสี เช่น เหลือง ส้ม ฯลฯ
กลอสเตอร์ แฟนซี (Gloster)
เป็นนกชนิดใหม่ที่เพิ่งผสมได้ แต่มีผู้นิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง รูปร่างเล็ก (4 1/2") มีทั้งชนิดมีหัวจุก
และไม่มี(ขนบนหัวเป็นแว่นคล้ายหมวก) ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ โคโรน่า (Corona) จุกของนกชนิดนี้เล็ก
และแบนเป็นนกที่กระโดดได้รวดเร็วและมีกิริยาปราดเปรียว ชนิดนี้ไม่มีสีแสด(สีที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของ
อาหารวิทยาศาสตร์)
ลอนดอน แฟนซี (London Fancy)
เป็นนกชนิดเก่าแก่ที่สุดที่ผสมได้นานแล้ว มีสีส้มปลอดทั้งตัว แต่หางและปีกดำสนิท
ลิซ์ซัด (Lizard)
เป็นนกขนิดที่มีสีเหลืองทอง และเท่าเป็นพื้น มีลายแต้มเป็นจุดตามลำตัว ปีกดำ ปากและขาสีเข้ม มีทั้งชนิด
หัวจุกและไม่มีจุก ตลอดตัวยาวประมาณ 6 นิ้ว
โรลเลอร์ (Roller)
เป็นนกที่ผสมขึ้นจากเยอรมันนี เป็นนกที่มีเสียงไพเราะที่สุด(ฝึกการร้องด้วยเครื่องอัดเลียงมาตั้งแต่เล็กๆ
โดยไม่ให้นกได้ยินเสียงอื่นๆเลย) เสียงที่ใช้ฝึกให้ร้องตามนั้นมีหลากเสียง แยกเป็นชนิดเลียงเช่น Water-roll,
Bell-roll, Hollow-roll, ฯลฯ มีหลายสีเช่น สีฟ้า ขาว แดง เขียว ฯลฯ (รูปร่างเช่นเดียวกับบอร์เดอร์ แฟนซี)
การเลี้ยง
โดยทั่วไปแล้วถ้ามิได้เลี้ยงไว้เพื่อผสมพันธุ์ ผู้เลี้ยงมักจะใช้กรงเล็กๆเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าต้องการผสมพันธุ์
พร้อมกันไปด้วย ก็ควรมีกรงขนาดกว้างยาวพอสมควร
อาหารสำหรับนกคีรีบูนเมล็ดข้าวผสมสำหรับนกคีรีบูน (อาหารประจำ) ลิ้นทะเล (เป็นแคลเซี่ยมช่าวยความเติบโตของขน กระดูก) ทรายผสมถ่านชาโคล (ช่วยย่อยอาหาร) อาหารสำหรับกระตุ้นเสียง (อาหารพิเศษมีตามร้านสัตว์เลี้ยง)
การเพาะพันธุ์
นกคีรีบูนนั้นเพาะผสมพันธุ์ได้ง่าย ฤดูผสมพันธุ์ของนกคีรีบูนนั้นคล้ายนกอื่นโดยทั่วไป คือจะผสมพันธุ์เมื่อ
อากาศเริ่มอบอุ่นแจ่มใสในฤดูใบไม้ผลิ ข้อที่ควรระวังคือ ในขณะนกฟักและเพาะเลี้ยงนั้นนกจะไม่ชอบการรบกวนเมื่อถึงเวลาวางไข่ แม่นกจะวางติดต่อกันทุกวันในเวลาเช้าจนกว่าจำนวนไข่จะหมด โดยทั่วไปจะมีไข่ 2-6 ฟอง
เป็นการสมควรอย่าวยิ่งที่จะช่วยให้การเพาะฟักของแม่นกสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการให้ลูกนกทั้งหมดออก
จากไข่ในเวลาเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อแม่นกเริ่มวางไข่ฟองแรกก็ควรเอาออก และนำฟองไข่ปลอม ใส่ไว้แทนทุกครั้ง
เมื่อนกวางไข่ฟองสุดท้ายแล้ว (ส่วนมากจะวางไข่เพียง 4 ฟอง) จึงเอาไข่ปลอมออกนำไข่จริงวางที่เดิม
นกหงส์หยก (Budgies)
ประวัติและความเป็นมา
ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของ Budgerigar นั้นอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าทั่วไปในออสเตเลีย ปัจจุบันมักเรียกสั้นลงว่า บั๊ดจี้ส์ (Budgies) และ (Parakeet> ก่อนหน้ามีผู้เข้าใจ ว่านกนี้อยู่ในจำพวก Lovebird แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วว่าเป็นคนละชนิดกัน ชื่อเรียก Budgerigar เป็นชื่อซึ่งเพี้ยนมาจากสำเนียงพื้นเมืองในออสเตเลียที่เรียก ว่า Betcherrygah แปลว่าอาหารดี หรือินอร่อย บุคคลแรกที่ได้ศึกษาและนำเรื่องราวในฐานะเป็นนกใหม่ เป็นนักสัตวศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อสกุล กูลด์ (Gould) ซึ่งได้เข้าไปศึกษาชีวิตการเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ ในออสเตเลีย เมื่อ 110 ปีที่แล้ว
ชนิดและสี
สีขั้นพื้นฐานในปัจจุบันของนกหงส์หยกชนิดธรรมดาได้แก่ สีเขียว(Green) สีฟ้า(Blue) สีเหลือง(Yellow) และขาว สีที่กล่าวมาแต่ละสีมีชื่อเรียกแยกออกไปตามความอ่อนแก่ของ สี โดยแยกเป็นน้ำหนักคือ อ่อน, กลาง และแก่
นอกจากสีธรรมดาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีอีก 2 ชนิดที่ควรทราบคือ โอแพล์ลิน (Opaline) ชนิดสีนี้มิได้กล่าวเจาะจงว่าเป็นสีใดโดยเฉพาะ แต่จะมีลักษณะเป็น ที่สังเกตุดังนี้ บนคอ ใต้คอ และตรงขอบปีกติดกับไหล่จะไม่มีลายหรือจุด และจะต้องมีสีเหมือนกับ สีของลำตัว สีพื้นของปีก(มีลาย) ก็มีสีประมาณเป็นสีเดียวกับลำตัวเช่นเดียวกัน (นกชนิดธรรมดา ตัวเขียวจะมีหัวเหลือง ใต้คอเหลือง มัจุด 6 จุด และพื้นปีกก็เป็นสีเหลือง) เผือก อัลบิโนส์ (Albinos) ลักษณะที่สังเกตุคือ สีตลอดตัวจะประมาณได้เป็นสีเดียว เริ่ม ตั้งแต่ขาวปลอดทั้งตัวหรือมีสีค่อนไปทางสีฟ้า
ลูติโนส์ (Lutinos)เป็นนกที่มีสีเหลืองปลอด หรือมีสีค่อนไปทางเขียวทั้ง 2 ชนิด คือขาว
และเหลืองนี้ ลักษณะสำคัญที่เห็นได้ชัดคือต้องมี นัยน์ตาสีแดง
การเลี้ยง
โดยธรรมชาติ นกหงส์หยกจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ฉะนั้นถ้าเลี้ยงรวมในกรงใหญ่ เครื่องเล่นต่างๆอาจ ไม่จำเป็น แต่ถ้าเลี้ยงเพียงตัวเดียวหรือคู่เดียว เคื่องเล่นต่างๆก็ไม่อาจมองข้าม นอกจากอุปกรณ์เช่น ถ้วย หรือจานสำหรับใส่อาหาร น้ำ ผัก ทราย ที่ทุกกรงจะขาดไม่ได้และควรมี และ Clofood(อาหารที่มี ส่วนผสมของขนมปัง ไข่ และธาตุที่มีประโยชน์อื่นๆ)
การเพาะพันธุ์
การดูเพศนก ตัวผู้จะมีดั้งจงอยเป็นสีฟ้า และตัวเมียจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือน้ำตาลนวล สีดังกล่าวจะ เข้มขึ้นเรื่อยๆเมื่ออยู่ในระยะผสมพันธุ์ รูปทรงของรังฟัก มักทำด้วยไม้ซึ้งมีเนื้อนิ่มประกอบเข้าเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 5 1/2"ยาวประมาณ 7 1/2" และสูงประมาณ 6-7 นิ้ว ด้านหน้าจะมีรูกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 1/2"-2" เพื่อเป็นทางเข้าออกของแม่นก ต่ำกว่ารูลงประมาณ 2" จะมีคอน เล็กๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1/2" เสียบติดยื่นออกมาประมาณ 4" พื้นตอนในของรังฟักควรขุดเป็นแอ่ง กลมมีความเรียบลึกขนาดพอสมควรแอ่งนี้จะช่วยให้ไข่อยู่รวมกัน ไม่กะจัดกะจาย ภายในแอ่งนอกจากความ เรียบร้อยแล้ว หญ้าหรือฟางรองรังไม่เป็นสิ่งที่หงส์หยกพึงปรารถนาเลย
นกหงส์หยกจะวางไข่ได้ทุกฤดูกาล การสังเกตุว่านกพร้อมและอยู่ในระยะของการผสมหรือไม่นั้นคือ นกตัวเมียและตัวผู้จะบินคู่ตามกับไป ถ้าอยู่ในกรงที่เลี้ยงรวมกันมาก นกทั้งคู่จะปลีกตัวออกจากนกตัว อื่นและบินไปเกาะเคล้าเคลียส่งเสียงร้องอยู่มุมใดมุมหนึ่งของกรง นกตัวผู้จะเริ่มหัดขยอกอาหารออก จากปากเลี้ยงดูนกตัวเมีย และเมื่อนกตัวผู้บินออกห่าง นกตัวเมียจะส่งเสียงร้องเรียก นกหงส์หยกจะเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 1 ปี หรือ เมื่อนกตัวเมียอายุได้ 11 เดือน ตัวผู้อายุ 10 เดือน ทั้งนี้แล้วแต่สุขภาพของนก จำนวนไข้ครั้งหนึ่งมีตั้งแต่ 4-8 ฟองหรือมากกว่านั้น การวางไข่จะวางครั้ง ละ 1 ฟอง และวาง วัวเว้นวัน สลับกันไป



โดย : นาย ปริญญา หงษ์ทอง, Rhajabhat Institue Petchburiwittayalongkorn phahonyothin Road,Kw 48 Klong Luang, วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2545