ประวัติอาวุธชีวภาพ

ประวัติอาวุธชีวภาพ. 2545. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.thaiclinic.com/education/biowar.html.

อาวุธชีวภาพไม่ใช่อาวุธใหม่ มีการใช้อาวุธชนิดนี้มาเป็นเวลานานในประวัติศาสตร์ โดยเรียบเรียงได้ดังนี้
600 ปีก่อนคริสต์ศักราชชาวอาซีเรียน (Assyrians) ได้วางยาศัตรูในน้ำดื่มด้วยสาร rye ergot, และมีการใช้สมุนไพรพิษในการปิดล้อมที่กิซา (Krissa) คศ 1346 มีการระบาดของกาฬโรคในกองทัพของพวกตาต้า (Tartar) ในการสู้รบที่คัฟฟา (Kaffa) ปัจจุบันคือ เมืองฟิโอโดเซีย (Feodosia) ในไครเมีย (Crimea) การระบาดของกาฬโรคทำให้ต้องทิ้งเมืองและหนีไปยังประเทศในแถบยุโรปทางเรือ นี่เป็นสาเหตุอันหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นการนำกาฬโรคไปสู่ยุโรปและทำให้เกิดการระบาดครั้งยิ่งใหญ่และมีคนตายมากที่สุดในยุโรป (Black Death)
คศ 1710กองทัพรัสเซียได้ใช้อาวุธเชื้อโรคชนิดเดียวกันในการสู้รบกับประเทศสวีเดนคริสต์ศตวรรษที่ 15 ฝรั่งเศสได้ใช้อาวุธเชือ้กาฬโรคในการสู้รบกับชาวพื้นเมืองอเมริกาใต้คศ 1754 -1767 อังกฤษได้ใช้อาวุธเชื้อกาฬโรคในสงครามที่ทำระหว่างฝรั่งเศสกับ ชาวพื้นเมืองอินเดียน (French and Indian War) และได้ใช้กับชาวอเมริกันในการสู้รบเพื่ออิสรภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1เยอรมันได้เผยแพร่เชื้อฝีหนอง (Glanders) ในม้าและวัวของกองทัพสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะมีการส่งสัตว์เหล่านั้นไปสงครามในยุโรปคศ 1937ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มโครงการทดลองอาวุธชีวภาพในมนุษย์ที่ หน่วยปฏิบัติการ 731 (Unit 731) ตั้งอยู่ 40 ไมล์ไปทางตอนใต้ของเมืองฮาบิน (Harbin) ในแมนจูเรียของจีน โดยดำเนินการไปจนถึงปี คศ 1945 จึงถูกเผาทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง มีหลักฐานพบว่าญี่ปุ่นได้ทำการทดลองอาวุธชีวภาพในนักโทษ สงครามชาวจีนประมาณ 1000 คน โดยนักโทษส่วนใหญ่ได้เสียชีวิตจากโรคแอนแทร็กซ์ ที่แพร่กระจายจากทางเดินหายใจ (Aerosolized Anthrax) มีการคาดประมาณกันว่า มีผู้เสียชีวิตจากการทดลองนี้ 3000 คน ในช่วงเวลาเดียวกันมีรายงานการโรยหมัดหนูที่ติดเชื้อ กาฬโรคโดยเครื่องบินรบของญี่ปุ่นเหนือน่านฟ้าของจีนและแมนจูเรียคศ 1945โครงการอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น สามารถผลิตเชื้อแอนแทร็กซ์ (Anthrax) จำนวน 400 กิโลกรัม พร้อมที่จะบรรจุในลูกระเบิดชนิดแตกกระจายคศ 1943สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มจัดทำห้องปฏิบัติการและโครงการผลิตอาวุธชีวภาพเพื่อเป็นการ ต่อรองดุลอำนาจของเยอรมันและญี่ปุ่นในเวลานั้น โครงการนี้ไดัจัดตั้งที่แค็มป์ เดทริก (Camp Detrick) ปัจจุบันชื่อ ฟอร์ด เดทริก (Fort Detrick) ซึ่งในเวลานั้นเป็นฐานทัพอากาศขนาดเล็กและ มีการส่งผลผลิตไปยังจุดจัดเก็บต่างๆ จนกระทั่งปี คศ 1969 ประธานาธิบดี นิกสัน ได้สั่งยกเลิก โครงการอาวุธทางชีวภาพทั้งหมดคศ 1970 และหลังจากนั้นมีการโรยสารมีสีจากเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเหนือ น่านฟ้าลาวและกัมพูชา และพบว่าผู้ที่สัมผัสกับสารเหล่านั้นรวมทั้งสัตว์มีอาการเจ็บป่วยและตาย โดยมีความเห็นว่าสารที่ใช้เป็น Trichlothecene toxins ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจาก T2 mycotoxin สารพิษที่สกัดจากพืชและเห็ดพิษคศ 1971- 1972 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกคำสั่งให้มีการทำลายอาวุธทางชีวภาพทั้งหมด โดยในกำกับของกระทรวงเกษตร,กระทรวงสาธารณสุข, มลรัฐอาแคนซัส, มลรัฐโคโรลาโด และมลรัฐแมรีแลนด์ อาวุธทางชีวภาพที่ถูกทำลายประกอบด้วย Bacillus anthracis, Botulinum toxin, Francisella tularensis, Coxiella burnetii, Venezuelan equine encephalitis virus, Brucella suis and Staphylococcal enterotoxin B. ประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มให้ความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับอาวุธทางชีวภาพตั้งแต่ ปีคศ 1953 จนปัจจุบันโดยหน่วยงาน USAMRIIDคศ 1972สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และสหภาพโซเวียต ได้จัดทำข้อตกลงเรื่องการห้ามสะสม, ห้ามการผลิต,และห้ามการเผยแพร่อาวุธชีวภาพ โดยมี 140 ประเทศทั่วโลกได้ลงสัตยาบรรณ ในเวลาต่อมา แต่กระนั้นก็ตามยังมีการแอบใช้อย่างจงใจในสงครามนอกรูปแบบต่างๆอีก เช่น กรณีฝนเหลือง (Yellow rain) ในสงครามเวียดนาม คศ 1978มีการใช้สารไรซิน (Ricin) ในการฆาตกรรมเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุชาวบัลกาเรียซึ่งลี้ภัย ในประเทศสหราชอาณาจักรโดยใช้ร่มที่มีลูกดอกอาบยาพิษแทงที่ต้นขา ผลจากการชัณสูตร หลักฐานจากร่มที่จับได้พบว่าเป็นสารพิษจำพวกไรซิน ซึ่งใช้ทำการโดยสายลับชาวบัลกาเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตในขณะนั้นคศ 1979มีการรั่วไหลของสปอร์ของเชื้อแอนแทร็กซ์ (Anthrax) ในเมือง Sverdlovsk ในสหภาพโซเวียตในขณะนั้น สถานที่เก็บอาวุธชีวภาพและห้องปฏิบัติการ ชื่อ Compound 19 ประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงมีอาการไข้สูง หายใจลำบากและเสียชีวิตในเวลาต่อมา รัฐบาลอ้างว่าสาเหตุของโรคมาจากการกินเนื้อวัวที่ติดเชื้อ แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประเมิน สถานการณ์ว่ามาจากการรั่วไหลของอาวุธชีวภาพคศ 1992สหรัฐอเมริกาได้รับการยืนยันจากประธานาธิบดีบอริส เยอซิน ของประเทศรัสเซียว่า เหตุการณ์ที่เกิดชึ้นมาจากการรั่วไหลของอาวุธชีวภาพคศ 1994มีการตีพิมพ์ข้อสรุปของการรั่วไหลของเชื้อแอนแทร็กซ์ในประเทศรัสเซียในนิตยสาร Science ฉบับที่ 266 ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 66 คนจากผู้ป่วย 77 คนที่อยู่ในรัศมี 4 ไมล์ใต้แนวทิศทางลมจากห้องปฏิบัติการคศ 1991สหประชาชาติพบหลักฐานการผลิตอาวุธชีวภาพในประเทศอิรักโดยพบว่าอิรัก ได้ผลิตและจัดเก็บ ระเบิดสังหารที่มีสาร botulinum toxin จำนวน 100 ลูก ระเบิดสาร Anthrax จำนวน 50 ลูก ระเบิดที่มีสาร alfatoxin 16 ลูก มีจรวด SCUD จำนวน 13 ลูกที่มีสาร botulinum toxin 10ลูกที่มีเชื้อ Anthrax และ 2 ลูกมี alfatoxin ซึ่งทั้งหมดถูกทำลายในเดือนมกราคม 1991คศ 1995สหประชาชาติได้พบว่าอิรักได้เตรียมการผลิตอาวุธชีวภาพประกอบด้วย Anthrax, botulinum toxins, Clostridium perfingens, alfatoxins, wheat cover smut และ Ricin. โดยมีการพบความพยายามในการทดลองในกระสุนปืนใหญ่ จรวดและถังสเปรย์โดยรวมแล้วพบว่าอิรักมี สาร botulinum toxin จำนวน 19,000 ลิตร สาร Anthrax 8,500 ลิตร และสาร alfatoxin 2,200 ลิตรในสถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่าสารชีวภาพบางส่วนและนักวิทยาศาสตร์บางส่วนได้ผลิตอาวุธชีวภาพ ฝีดาษหรือ Smallpox ขึ้นมาได้โดยวิธีทางวิศวพันธุกรรมและถือว่าเป็นเชื้อโรคที่ร้ายแรง ตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์




โดย : นางสาว jintana klomchur, ripw klongluang pathumthani 13180, วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545