คัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนามีงูเป็นสัตว์ชั่วร้ย ชาวอียิปต์โบราณนับถืองูเป็นเทพเจ้าแห่งการป้องกันตัว พระนาง Cleopatra ทรงโปรดปรานเครื่องประดับที่ทำเป็นรูปงู ชาวกรีกโบราณนิยมเขียนภาพงูที่กำลังต่อสู้กันตามฝาผนังของศาสนสถาน เพราะชื่นชมในนิสัยการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของงู
ชาวจีนนิยมดื่มเลือดงูสดๆ เพราะเชื่อว่าเลือดงูเป็นยาบำรุงกำลัง และดีงูนั้นเป็นยาที่รักษาโรคเหน็บชา โรคกะเพาะ และโรคไตได้ ชาวอินเดียก็นับถืองู เพราะงูฆ่าหนูที่ชอบมาทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหาร
งูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีลำตัวเป็นหลอดกลมยาว ไม่มีแขน ขา หรือใบหู ลำตัวมีเกล็ดปกคลุมโดยตลอด งูไม่มีเปลือกตาที่สามารถกระพริบได้เช่นตาคน ดังนั้นจึงดูเสมือนว่ามันไม่เคยนอน แต่จริงๆ แล้วงูนอน ในเวลาที่มันนอน รูตาดำ (pupil) ในตาของมันจะหดตัว พร้อมกันนั้นกล้ามเนื้อที่ควบคุมตาจะหย่อน ทำให้ตางูดูเสมือนว่าพลิกคว่ำ
เวลางูกินอาหาร กล้ามเนื้อที่ปากงูจะยืดขยายปาก ทำให้ปากกว้างกว่าปรกติหลายเท่าตัว มันจึงกลืนสัตว์ขนาดใหญ่ได้ทั้งตัว และเพราะมันไม่มีมือสำหรับช่วยจับอาหาร ฟันของมันจึงโค้งเข้าใน ดังนั้นเวลาเหยื่อถูกกัด การจะดิ้นให้หลุดออกจากปากงูโดยที่ร่างกายมิได้รับบาดเจ็บนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่าปากงูตามปรกติจะปิดสนิท แต่มันก็สามารถโผล่ลิ้นออกมาจากปากทางรูเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างปากได้โดยไม่ต้องอ้าปากเลยแม้แต่นิดเดียว
เหตุใดลิ้นของงูจึงมี 2 แฉก
Aristotle ได้เคยคิดว่า การ