โรคตับอักเสบบี

เชื้อไวรัสตับอักเสบบี พบได้ในสารน้ำและสารคัดหลั่งต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ เลือด น้ำลาย น้ำนม น้ำอสุจิ และเมือกในช่องคลอด จึงติดต่อถึงกันได้ทางเข็มฉีดยา หรือของมีคมที่เปื้อนเลือด ทางเพศสัมพันธ์ และการติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์

อาการเริ่มแรกไม่ชัดเจน ไม่รวดเร็ว จะมีไข้ต่ำๆ หรืออาจไม่มี ต่อมาไข้สูง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน และค่อยๆ ตัวเหลือง ตาเหลือง และเป็นดีซ่าน บางรายไม่มีอาการแสดงให้เห็น กว่าจะรู้ตัวเป็นตับแข็งแล้ว โรคตับอักเสบเรื้อรังอาจมีอาการอื่นร่วมอยู่ด้วย เช่น ปวดข้อ หรือไตอักเสบ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทุเลาและหายสนิท ส่วนน้อยที่จะมีความรุนแรงของโรคถึงแก่ชีวิต หรือทุเลาแล้วกลับรุนแรงขึ้นอีก บางรายกลายเป็นพาหนะเรื้อรัง โดยไม่แสดงอาการเจ็บป่วย แต่สะสมเชื้อไว้ภายในร่างกาย

การดูแลรักษา

1. กรณีเป็นโรคชนิดเฉียบพลัน ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ให้ผู้ป่วยพักผ่อนประมาณ 4 สัปดาห์ งดออกกำลังกายหลังหายป่วยแล้ว 2-3 เดือน หลีกเลี่ยงอาหารและการกินสารที่เป็นพิษต่อตับ และรักษาโรคตามอาการ

2. กรณีมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะพิจารณารักษาเป็นรายๆ ไป

3. ผู้ปว่ยโรคตับอักเสบเรื้อรัง ให้รักษาตามอาการ อยู่ในความดูแลของแพทย์

4. ผู้เป็นพาหนะเรื้อรังไม่มีอาการ ให้ตรวจร่างกายเป็นประจำตามแพทย์สั่ง แนะนำให้นำบุตรหลาน และผู้ใกล้ชิดมาตรวจร่างกาย และฉีดวัคซีนป้องกันก่อนเป็นโรคนี้ ผู้เป็นพาหนะห้ามมิให้ใช้ของส่วนตัวที่อาจเปื้อนเลือดร่วมกับผู้อื่น และควรแจ้งทันตแพทย์ แพทย์และบุคลาการทางการแพทย์ให้ทราบเพื่อจะได้ระมัดระวังการติดต่อแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น และเลี่ยงในการสั่งยาที่จะเป็นพิษต่อตับ

การป้องกัน

1. บุคคลทั่วไป ป้องกันตนเองมิให้ติดโรคนี้ได้โดย ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วย ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ตรวจเลือด หากไม่มีภูมิคุ้มกันให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค

2. ทารกแรกเกิด ที่มารดาเป็นโรคหรือเป็นพาหนะ ให้ฉีดวัคซีนหลังคลอดโดยเร็วที่สุด
เรียบเรียงจากหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน