Barium
(Ba)
แบเรียม
เลขอะตอม
56 เป็นธาตุที่ 5 ของหมู่ IIA ในตารางธาตุ จัดเป็นโลหะ
น้ำหนักอะตอม
137.34 amu
จุดหลอมเหลว
729 ํc
จุดเดือด (โดยประมาณ)
1637 ํc
ความหนาแน่น (จากการคำนวณ)
3.6 g/cc ที่ 20 ํc
เลขออกซิเดชันสามัญ
+2
เป็นโลหะอัลคาไลน์ เอิรท์ (alkaline earth) ที่หนักที่สุดหรือมีความหนาแน่นมากที่สุด
การค้นพบ
ในปี ค.ศ. 1774 Scheel สังเกตความแตกต่างของสมบัติของสารแบเรียมออกไซด์กับหินปูน (lime) และมั่นใจว่าจะต้องมีธาตุใหม่ที่ยังไม่ได้ค้นพบในสารแบเรียมออกไซด์
ในปี ค.ศ. 1808 Davy เป็นคนแรกที่เตรียมธาตุ Be ในรูปของอมัลกัม (amalgam) โดยนำเกลือของแบเรียมมาแยกสลายด้วยไฟฟ้า (electrolysis) โดยใช้ปรอทเป็นคาโทด
การใช้ประโยชน์
โลหะแบเรียมใช้ประโยชน์ไม่มากนัก ที่สำคัญมีดังนี้
1. ส่วนใหญ่ใช้เป็นตัว "getter" ของหลอดวิทยุเพื่อขจัดแก๊สในปริมาตรน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ แก๊สเหล่านี้ได้แก่ H
2
, O
2
, CO, CO
2
และ H
2
O (สำหรับจุดประสงค์ข้างต้นอาจใช้โลหะเจือของ Ba กับ Al หรือ Ba กับ Mg ก็ได้)
2. ใช้เป็นตัว deoxidizer สำหรับทองแดง
3. เป็นตัวหล่อลื่นสำหรับ anode rotors ในหลอดรังสี X
4. โลหะเจือของ Ba-Ni ใช้เป็น spark plugs
5. ใช้เตรียมธาตุ Am โดยรีดิวซ์ AmF
3
ที่อุณหภูมิปริมาณ
ความเป็นพิษ
ไอของ Ba เป็นพิษอย่างแรง สารประกอบของแบเรียมที่ละลายน้ำได้ทุกชนิดเป็นพิษ รวมทั้ง BaCO
3
ซึ่งละลายน้ำได้น้อยมาก (0.002 g/100 ml ของน้ำ ที่ 20 ํc) เมื่อรับประทานจะสามารถละลายโดยกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะได้ ขนาดของ BaCl
2
ที่ทำให้เราตายได้ คือ 0.8 1.0 g แบเรียมอิออน เป็นตัวกระตุ้นกล้ามเนื้อเป็นพิษต่อหัวใจและทำให้เกิด ventricular fibrillation ได้
อาการรพิษของแบเรียม (และสารประกอบของแบเรียม) คือ น้ำลายมากผิดปกติ convulsion trmors ชีพจนเต้นแรง ความดันสูง เขนขาเป็นอัมพาต อุจจาระเป็นเลือด
วิธีแก้พิษของสารประกอบของแบเรียมคือ ดื่มสารละลายของโซเดียมซัลเฟต (เรียกว่า Glauber's salt) ซึ่งจะเป็น Ba
2+
ไปเป็น BasO
4
ซึ่งไม่ละลายและไม่เป็นพิษ
เนื่องจาก BaSO
4
ไม่เป็นพิษ สารนี้ (ต้องบริสุทธิ์) จึงใช้เป็น opaque medium สำหรับการฉายรังสีกระเพาะ
ผู้เขียน :
ดร.ชัยวัฒน์ เจนวาณิชย์
ที่มา :
รวบรวมจาก หนังสือสารานุกรมธาตุ