หากที่ราบสูงทิเบตคือหลังคาโลก ทวีปแอนตาร์กติกาก็จะเปรียบเสมือนใต้ถุนโลก นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่า 97.6 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ ทวีปอันใหญ่ไพศาลร่วม 13 ล้าน ตารางกิโลเเมตร มีน้ำแข็งที่หนา 5 กิโลเมตรปกคลุมตอลดทั้งปี และน้ำแข็งปริมาณมหาศาลนี้คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของน้ำจืดที่มีในโลก นักธรณีวิทยาประมาณว่าหากน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปละลายหมด แผ่นดินแอนตาร์กติกาจะยืดสูงขึ้น 60 เมตร ซึ่งนั่นก็หมายความว่าบรรดาเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลจะจมน้ำหมด
กัปตัน Cook เมื่อได้เห็นทวีปแอนตาร์กติกาเป็นครั้งแรก ได้ประกาศว่า ดินแดนนี้ไม่มีประโยชน์ต่อมนุษยชาติเลย ความคิดเช่นนี้ได้ปิดกั้นไม่ให้นักผจญภัยใด ๆ ไปสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึง 75 ปี นักสำรวจรุ่นแรกจึงได้เดินทางเข้าไปบุกเบิก
สภาพอากาศที่แห้งแล้งและอุณหภูมิหนาวจัดถึง -85 องศาเซลเซียส และมีลมพายุพัดแรงด้วยความเร็วสูงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้การดำรงชีวิตในถิ่นนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก หลักฐานทางธรณีวิทยาชี้บอกว่าเมื่อ 200 ล้านปีมาแล้ว แอนตาร์กติกาเคยเป็นดินแดนที่อบอุ่น มีป่า มีสัตว์เลื้อยคลานมากมาย แต่ในปัจจุบันชีวิตเช่นนั้นไม่มีปรากฎบนทวีปเลย แต่บริเวณรอบ ๆ ของทวีปยังคงเป็นถิ่นอาศัยของปลาวาฬ นกเพนกวิน นกนางนวลและแมวน้ำมากมาย
ชั้นน้ำแข็งที่หนามากของทวีปทำหน้าที่สะท้อนแสง