หมามุ่ยพืชอนุรักษ์ดินและน้ำ
|
หมามุ่ย เป็นพืชตระกูลถั่วอายุข้ามปี
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mucuna pruriens L.
(พันธุ์พื้นเมือง) Mucuna capitata (พันธุ์ไม่มีขนคัน)
ขึ้นเป็นแถวคลุมไม้อื่นจนแน่นทึบ
โดยเฉพาะในไร่ร้างจะพบหมามุ่ยขึ้นเต็มไปหมด
จนกลายเป็นพืชที่มีปัญหา แต่ละเถาจะติดก้านใบขนาดใหญ่ยาว
ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ ใบหนานุ่มมีขนอ่อน ติดดอกปลาย
ฤดูฝนเป็นช่อ กลีบดอกสีม่วงอ่อนดูเด่น
ยอมรับว่าหมามุ่ยให้ดอกช่อดอกยาวใหญ่ทยอยกันบานจากโคนถึงปลายช่อ
ต่อมาก็ติดฝักถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ฝักจะแบน
ส่วนพันธุ์เล็กฝักจะกลม ฝักจะมีขนอ่อนคลุม ฝักแก่นี้เองจะกลายเป็นพืชที่มีพิษ
เพราะขนจะปลิวว่อนไปตอนต้นลมตั้งแต่ฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง ถ้ามีดงหมามุ่ยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
จะคันยุบยับไปทั้งตัว ยิ่งเหงื่อตกยิ่งรู้สึกคันยิ่งขึ้น แก้โดยถูกับผมหรือใช้เทียนขี้ผึ้ง
หรือใช้ข้าวเหนียวสุกนวดให้เป็นก้อน
กลิ้งเบา ๆ บริเวณที่คัน
โชคดีที่นักพฤษศาสตร์ปรับปรุงพันธุ์พื้นเมืองให้เป็นสายพันธุ์ใหญ่
ใบเล็ก ฝักไม่มีขนพิษและอายุสั้น โดยนำมาปลูกเป็นปุ๋ยพืชสด หรือปลูกคลุมพื้นที่ว่างเปล่า
เมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา มีนักวิชาการได้นำเมล็ดพันธุ์หมามุ่ยไม่มีพิษมาจากโอกินาวา
ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะนำพันธุ์มาจากไต้หวันและได้นำมาขยายพันธุ์ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา ต่อมาได้กระจายนำพันธุ์ไปทั่วทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังมีการนำหมามุ่ยไม่คันมาปลูกข่มหญ้าขจรจบ ดอกเหลืองในกระถางทดสอบ
พบว่าสามารถข่มวัชพืขได้ดีเช่นเดียวกับถั่วพร้าและถั่วแปบในระยะแรกเพราะเป็นพืชที่มีเมล็ดใหม่
เปลือกบาง จึงงอกได้รวดเร็วมีใบใหญ่บังแสงได้มากพอ
จนวัชพืชไม่สามารถจะงอกได้ แต่หมามุ่ยชนิดนี้เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นโทรมเร็วไม่สามารถข่มวัชพืชข้ามปีได้
การใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดิน ควรปล่อยให้ขึ้นคลุมพื้นที่ลาดเทซึ่งปล่อยทิ้งไม่ใช้ประโยชน์
จะช่วยยึดดินไม่ให้พังทลายในฤดูฝน
ถ้าเป็นหมามุ่ยพันธุ์พื้นเมือง ไม่ควรเข้าไปใกล้
ขณะติดฝักแก่ในฤดูแล้ง เพราะขนจะปลิวมาแตะผิวหนังทำให้ผื่นคันได้ส่วนพันธุ์ต่างประเทศใช้ปลูกคลุมดินเหมือนพืชคลุมดินทั่ว
ๆ ไป
ที่มา : รวบรวมจาก ลุงหริ วารสารอนุรักษ์ดินและน้ำ
ฉบับที่ 2 เดือนกรกฏาคม - ธันวาคม
2541