ศูนย์ทรัพยากรพลังงาน (Energy Resource
Center , ERC) เป็นศูนย์ที่สร้างขึ้นโดยบริษัท Southern California Gas ในย่านดาวนีย์
มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในพื้นที่ขนาด 44,572 ตารางฟุต โดยครอบคลุมตัวอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอย
8,500 ตารางฟุต ประกอบด้วยห้องแสดงนิทรรศการ 12 ห้อง ที่สามารถจุคนได้ถึง
700 คน ศูนย์แห่งนี้ได้รับยกย่องจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา
(U.S. EPA) ให้เป็นอาคาร "Energy Star" ซึ่งเป็นอาคารแบบจำลองของเทคโนโลยีขั้นสูงในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
บทบาทและภาระกิจของศูนย์ทรัพยากรพลังงาน
ทางบริษัท Southern California Gas ได้กำหนดภารกิจของศูนย์ที่สร้างขึ้นไว้อย่างขัดเจนว่า
เพื่อให้การบริการและสนับสนุนแนวคิดในลักษณะ "One stop idea shop" หรือเป็นศูนย์รวมของการขายแนวคิดเพื่อลูกค้าในกลุ่มต่าง
ๆ ได้ พบกับแนวทางการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
กลุ่มเป้าหมายของศูนย์ ERC ประกอบด้วย
-
กลุ่มธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม
-
ผู้จัดการโรงงาน
-
วิศวกร
สถาปนิกและนักออกแบบ ผู้รับเหมางาน
-
นักพัฒนาอาคารก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัย
อาคาร พาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม
-
องค์กรด้ารสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
องค์กรพลังงานอิสระ
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ
เป้าหมายของศูนย์ คือหน่วยงานที่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพลังงานโดยการนำสนอโปรแกรมและบริการให้แก่ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ
เพื่อจะนำแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่มันสมัยประหยัดพลังงานไปช่วย ในการดำเนินการธุรกิจในการเริ่มดำเนินการกับเทคโนโลยี
ประหยัดพลังงานเหล่านี้ นอกจากนี้ศูนย์ ฯ ยังให้บริการด้านการออกแบบโครงสร้างอาคารประหยัดพลังงาน
ในแง่การให้แสงสว่าง การทำความเย็น ด้วยรูปแบบด้านสถาปัตยกรรมประหยัดพลังงาน
รวมทั้งการใช้วัสดุต่าง ๆ ในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ
อาคารรีไซเคิล
สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาเยี่ยมชมคือตัวอาคารอนุรักษ์ทรัพยากร
เนื่องมาจากอาคารนี้สร้างขึ้นแทนที่อาคารพลังงานหลังเก่าที่สร้างไว้เมื่อปี
พ.ศ. 2506 โดยยังคงสภาพโครงสร้างเดิม บางส่วนที่จำเป็นไว้หรือเคลื่อนย้ายออกเพื่อนำมาติดตั้งหรือรีไซเคิลในช่วงการก่อสร้างอาคารศูนย์หลังนี้
วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ ได้แก่ คอนกรีต วัสดุหลังคา พื้นยางมะตอย ชิ้นส่วนโลหะ
เพดานเซรามิค พื้นไม้ และเครื่องมือในระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ในภาพรวมกล่าวไว้ว่ากว่า
80 เปอร์เซ็นต์ของวัสดุก่อสร้าง การตบแต่งภายใน รวมทั้งการแสดงในห้องนิทรรศการต่าง
ๆ ของอาคารแห่งนี้มาจากวัสดุใช้แล้วหรือรีไซเคิลและมีบางส่วนจากทรัพยากรทดแทนได้
(Renerable Resource) วัสดุรีไซเคิลเหล่านี้นอกจากจะมาจากอาคารหลังเดิมของบริษัทแล้ว
ได้รับความร่วมมือมาจาก L.A. County Sheriff's Department ได้แก่ โลหะ กระจก
ชิ้นส่วนพลาสติกห้องน้ำ โลหะจากอาวุธเก่า วัสดุจากโรงถ่ายภาพยนต์ อลูมิเนียมจากเครื่องบิน
เป็นต้น และเพื่อแสดงเจตนารมย์ที่ชัดเจนของศูนย์ ฯ ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากร
การใช้ไม้ในอาคารมิได้มีการใช้ไม้ใหม่เลยแต่จะเป็นเศษไม้ที่ได้จาก Banana
Replublic Warehouse และนำมาปรับปรุงดัดแปลงเพื่อใช้ใหม่ในอาคารแห่งนี้
นอกเหนือจากการใช้วัสดุรีไซเคิลในการก่อสร้างและตกแต่งภายในแล้ว การใช้น้ำของศูนย์แห่งนี้พัฒนาสอดคล้องกับแนวความคิด
ในการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ การใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำในห้องน้ำโดยอุปกรณ์ที่เรียกว่า
Ultralow flus toilet ซึ่งใช้น้ำในการชำระล้าง โถส้วมเพียงครึ่งหนึ่งของโถส้วมทั่วไป
และการจัดภูมิสถาปัตย์ภายนอกอาคารก็เลือกใช้ต้นไม้ท้องถิ่นประเภทต้องการน้ำน้อยตามสภาวะของพื้นที่ด้านใต้ของมลรัฐที่ค่อนข้างขาดแคลนน้ำ
ประกอบกับการใช้วิธีรดน้ำต้นไม้โดยการใช้น้ำหยดซึ่งเป็นการประหยัดน้ำ
ใช้พลังงานอย่างมีประโยชน์สูงสุด
ในสหรัฐอเมริกา พลังงาน 1 ใน 3 ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในประเทศใช้อยู่ในส่วนของอาคาร
และ 2 ใน 3 ของไฟฟ้าที่ใช้ในอาคารทั้งประเทศมีค่าสูงมากกว่า 110 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในทศวรรษนี้แนวคิดการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแทนที่การสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่จึงเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น
เพราะนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังช่วยลดปัญหามลพิษจากการดำเนินการของโรงไฟฟ้าอีกด้วย
การพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้า หลอดไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อนและเครื่องระบายอากาศ
ที่ประหยัดไฟ จึงเป็นแนวทางที่สำคัญของเทคโนโลยีด้านพลังงาน
ศูนย์พัฒนาพลังงานแห่งนี้ดำเนินงานตามแนวคิดในลักษณะนี้ร่วมกับการประยุกต์ของการออกแบบอาคาร
ให้สอดคล้องกับแนวทางการใช้พลังงานให้ได้ประโยชน์สูงสุด ร่วมกับการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งเหล่านี้ทำได้โดยการจัดการระบบร่วมกันระหว่างการใช้แสงสว่าง ระบบปรับอากาศทั้งให้ความร้อนความเย็น
ระบบการถ่ายเทอากาศ และการจัดการพลังงานในภาพรวม โดยการออกแบบอาคารให้เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันและเน้นการใช้แสงสว่างจากธรรมชาติมากที่สุด
รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพอากาศในอาคารให้ปราศจากมลพิษต่าง ๆ เทคนิคที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ได้แก่
-
ระบบฉนวนป้องกันการถายเทพลังงาน
(Insulation System)
ระบบฉนวนของอาคารแห่งนี้ประกอบด้วยระบบเก่าและระบบใหม่ร่วมกัน
ปัจจัยหลักของการป้องกันการถ่ายเทพลังงานหรือการรักษาอุณหภูมิในอาคารให้อยู่ที่สภาพอุณหภูมิที่พอเหมาะ
แม้อุณหภูมิภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไป คือการใช้ "Tilt-up concrete"
และการเพิ่มชั้นโฟมที่ปราศจาก CFC ซึ่งช่วยเป็นฉนวนอีกขั้นตอนหนึ่ง ระบบฉนวนดังกล่าวสามารถทำให้อาคารป้องกันการถ่ายเทและการสูญเสียความร้อนได้ถึง
50 เปอร์เซ็นต์ ระบบป้องกันการรั่วซึม (Infiltration Techniques) การป้องกันการรั่วซึมจากรอยแตกร้าวของผนังคอนกรีต
ระบบท่อ หลังคาหรืออื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดการสูญเสียพลังงาน
อาคารศูนย์ทรัพยากรพลังงาน จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในส่วนนี้
ศูนย์ ฯ
ได้เลือกใช้ระบบการกระจายอากาศที่ดี โดยมีเทคนิคที่สำคัญคือ Variable Air
Volume Control ตลอดทั่วอาคาร
หลังคาในอาคารเก่าจะเป็นระบบเดิมที่ทำด้วยวัสดุที่ปะกอบด้วยยางมะตอยและสารเชื่อมติดที่มีความเป็นพิษ
ในขณะที่ระบบหลังคาใหม่จะใช้ระบบในการยึดติดของวัสดุ และไม่มีการใช้ยางมะตอยหรือสารเชื่อมติดแต่อย่างใด
นอกจากนี้วัสดุหลังคาสีขาวยังช่วยลดการดูดกลืนความร้อนสู่ตัวอาคาร ซึ่งทำให้ลดพลังงานในการใช้เครื่องปรับอากาศลง
10 - 40 เปอร์เซ็นต์
-
หน้าต่างกระจกฉนวน
(Windows : Low "e" Glass)
เพื่อป้องกันการสูญเสียและการรับความร้อน
หน้าต่างของอาคารทำด้วยกระจกฉนวนซึ่งเป็นกระจกสองชั้นประกบและมีช่องว่างบรรจุ
ก๊าซเฉื่อย กระจกดังกล่าว จะทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันความร้อนและเสียงเป็นอย่างดี
จะเน้นการใช้แสงสว่างจากธรรมชาติและอุปกรณ์ด้านแสงสว่างที่ประหยัดพลังงาน
ทั้งนี้พบว่าในช่วงวันที่มีแสงแดด แสงจากภายนอกอาคารสามารถลดการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าได้มากถึง
80 เปอร์เซ็นต์ จากตัวเลขการใช้ไฟฟ้าเพื่อแสงสว่างจากอาคารหลังเดิมใช้ไฟฟ้า
1.7 วัตต์ต่อพื้นที่ 1 ตารางฟุต ในขณะที่ระบบการใช้แสงธรรมชาติและเทคนิคอื่น
ๆ ประกอบทำให้อาคารหลังใหม่ใช้ไฟฟ้าเพื่อแสงสว่างน้อยกว่า 1 วัตต์ต่อพื้นที่
1 ตารางฟุต เทคนิคอื่น ๆ ที่นำมาช่วยในการประหยัดพลังงานด้านแสงสว่าง ได้แก่
การติดตั้ง Skylight และระบบ Occupancy and Light Sensor Controls ซึ่งในระบบหลังนี้จะเป็นการใช้
Sensor เป็นตัวจับความเคลื่อนไหวในห้องต่าง ๆ ซึ่งหากไม่มีผู้ใช้และไม่มีกิจกรรมในห้องนั้น
ๆ ระบบแสงสว่างจะดับเองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังช่วยตรวจสอบระดับแสงธรรมชาติว่าเพียงพอหรือไม่
และหากไม่เพียงพอก็จะเสริมด้วยการให้แสงสว่างโดยพลังงานไฟฟ้า
คุณภาพอากาศภายในอาคาร
คุณลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของศูนย์ ฯ คือ การสร้างคุณภาพอากาศที่มีภายในอาคารเพื่อตอบสนองต่อสุขภาพของคนทำงานสำนักงาน
ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกเรียกว่า โรคสำนักงาน หรือ Sick buildings sysdrome
ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนพลีย เฉื่อยชา โดยไม่ทราบสาเหตุ ปัจจัยที่สำคัญทำให้เกิดอาการดังกล่าวมาจากคุณภาพอากาศที่มีมลพิษ
ทั้งจาก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา สาร VOCs (Volatile Organic Compounds) และมลพิษตัวอื่น
ๆ มลพิษเหล่านี้มาจาก เครื่องตกแต่งสำนักงาน สีที่ทา พรม เป็นต้น ประกอบกับการขาดการถ่ายเทอากาศที่ดี
จึงก่อให้เกิดภาวะมลพิษในอาคาร มีผลการศึกษาของ U.S. EPA เปิดเผยว่า
อากาศที่เราหายใจภายในอาคารบางแห่งสกปรกกว่าอากาศภายในสถานที่ธรรมชาติถึง
100 เท่า และยังมีการศึกษาที่ยืนยันว่าในอาคารที่มีคุณภาพอากาศภายในสะอาดส่งผลให้พนักงานมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอาคารที่มีอากาศภายในที่มีมลพิษฟุ้งกระจายอยู่อาคารศูนย์แห่งนี้จึงเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ปราศจากมลพิษ
ได้แก่ การใช้สีภายในที่เป็นระบบ Water base ซึ่งไม่มีการเจือปนของสาร VOCs
การใช้น้ำยาขัดพื้นที่ปราศจากสารพิษ รวมไปถึงพรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ในอาคารได้ติดตั้ง
Sensor Monitor Equipment เพื่อทำการตรวจวัดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศภายในอาคาร
รวมทั้งมีระบบการบำรุงรักษาเครื่องกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา : รวบรวมจาก จันทรา
ทองคำเภา วารสารสิ่งแวดล้อม
ปีที่ 3 ฉบับที่ 12 ประจำเดือน มกราคม - มีนาคม 2542