การชุบน้ำเคลือบ
การชุบน้ำเคลือบ มี 4 วิธีคือ |
1. วิธีทาด้วยแปรง
ใช้แปรงขนนุ่มๆ จุ่มน้ำเคลือบทาผิวภาชนะโดยทาไปในทางเดียวกันเพื่อให้ผิวออกมาเรียบ
เหมาะกับงานที่ไม่ใหญ่นัก
2. วิธีการชุบ
เหมาะสำหรับน้ำเคลือบปริมาณมาก และภาชนะต้องไม่ใหญ่มาก วิธีนี้ทำให้การเคลือบเรียบ
แต่ก่อนเคลือบต้องปัดฝุ่นออกแล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำเช็ดผิวเสียก่อน
เพื่อไม่ให้เกิดรูเข็มเมื่อเผาออกมาแล้ว
3. วิธีการเทราด
เหมาะสำหรับการเคลือบจำนวนน้อยๆ และไม่ใหญ่นัก
โดยนำภาชนะไปวางบนไม้รองที่วางอยู่บนภาชนะรองรับอีกที
แล้วเอาน้ำเคลือบเทราดภาชนะให้ทั่ว
4.
วิธีการพ่น
เนื่องจากการพ่นจะทำให้สีเคลือบสม่ำเสมอ เมื่อเผาออกมาแล้ว
อีกทั้งยังผลิตได้จำนวนมากจึงเหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม น้ำเคลือบควรมีสีค่อนข้างใส
เพื่อสะดวกในการพ่น
และควรพ่นในตู้พ่นเพื่อไม่ให้น้ำเคลือบฟุ้งออกมาเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
การเผา |
การเผาดิบ การเผาดิบเป็นการเผาครั้งแรกหลังจากตกแต่งผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว โดยต้องเพิ่มความร้อนทีละน้อย อย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์แตกร้าว หากผลิตภัณฑ์มีขนาดใหญ่ ควรใช้เวลาในการเผาดิบมากขึ้น เมื่อเผาดิบเสร็จควรปิดเผาทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 12 24 ชั่วโมง แล้วค่อยๆ นำผลิตภัณฑ์ออกจากเผา เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์แตกร้าว
การเผาเคลือบ เป็นการเผาครั้งที่ 2 เพื่อให้น้ำเคลือบละลายเป็นเนื้อเดียวกัน การวางเรียงควรกะระยะให้ห่างกันพอประมาณ หากวางติดกันเวลาน้ำเคลือบละลายจะทำให้ผลิตภัณฑ์ติดกันได้
การเพิ่มความร้อน
เมื่อการเผาเคลือบไปถึงจุดหลอมเหลวของน้ำเคลือบแล้ว น้ำเคลือบจะเยิ้มตัว
เมื่อน้ำเคลือบเยิ้ม จะมีปฏิกิริยาเดือดเกิดขึ้น แล้วค่อยๆ
รวมตัวกันการกำหนดอุณหภูมิการเผาขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำเคลือบ
ข้อควรระวัง ควรระวังอุณหภูมิของการเผาอย่างมาก
เพราะถ้าอุณหภูมิไม่ถึงจะมีรอยคราบขาวติดอยู่ที่ภาชนะ
การปิดเตาเผา คือ
การเผาและปรับอุณหภูมิไปถึงอุณหภูมิที่กำหนด แล้วเผาต่อ 20 นาที
จากนั้นก็ตัดไฟออกจากวงจร แล้วปล่อยเตาทิ้งให้เย็นประมาณ 16 24 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเคลือบที่เคลือบไว้แตกเป็นรอยร้าวได้