|
โรคแพ้อากาศ
เกิดจาก เยื่อบุในจมูกอักเสบ
การที่เรียกว่า
"โรคแพ้อากาศ"
ตามประสาชาวบ้านนั้นอาจไม่ถูกต้อง
เพราะผู้ป่วยไม่ได้
แพ้อากาศ แต่แพ้สารที่มักปนเข้าไปกับลมหายใจ
เช่น ฝุ่นบ้าน
เกสรพืช เป็นต้น
โรคแพ้อากาศมักพบบ่อยในผู้ป่วยวัยเด็ก
แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้
มาหาแพทย์ เพราะผู้ป่วยคงเข้าใจผิดว่าเป็นหวัดธรรมดาหรือมีอาการไม่มาก
ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาพบแพทย์มีอายุระหว่าง
10-20 ปี ซึ่งวัยหนุ่มสาวนั้น
เป็นรายที่โรคมักจะเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น
1. เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
(Allergic Rhinitis)
หมายถึง
อาการของจมูกที่เกิดจากการกระตุ้นของ
สารภูมิแพ้
ที่กระจายในบรรยากาศที่เราหายใจ
เช่น ฝุ่นละออง
ตัวไร เกสรพืช
เชื้อราในบริเวณที่อับชื้น
ขนจากสัตว์เลี้ยง
ซากและสิ่งขับถ่ายของแมลงต่างๆ
ตลอดจนเครื่องใช้บางชนิด
เช่น ผ้าขนสัตว์
นุ่น สำลี ฯลฯ
อาการของโรค
ประกอบด้วย
จาม, คัดจมูก,
น้ำมูกไหล และ
คันจมูก บางคนอาจมี
โรคไซนัสอักเสบ
เป็นโรคแทรกซ้อน
เช่น ปวดหัว
ปวดโพรงจมูก
ปวดหน้าผาก
โหนกแก้ม น้ำมูกเหม็นเน่า
เป็นต้น เมื่อไปพบแพทย์
เพื่อทดสอบหาสาเหตุทางผิวหนัง
ผลก็จะปรากฎชัดเจนว่า
แพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด
เมื่อส่องดูรูจมูกจะเห็นเนื้อเยื่อในจมูกแดง
หรือมีสีเทาซีด
โผล่ออกมาเป็นก้อนเรียกว่า
ริดสีดวงจมูก
(Nasal polys)
การรักษา
คนไข้ควรสังเกตตนเองว่าแพ้สารอะไร
และควรงดยารับประทานแก้แพ้อย่างน้อย
24 ถึง 48 ชั่วโมง
ก่อนที่จะให้แพทย์
ทดสอบทางผิวหนัง
เพื่อหาสาเหตุของโรค
ถ้าไม่งดยาแก้แพ้จะทำให้ผลออกมาหลอกว่าไม่แพ้สารอะไร
เมื่อทราบว่าตนเองแพ้อะไรบ้างแล้ว
สิ่งที่พอจะทำได้คือ
พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปใกล้ชิดสัมผัสกับสิ่งที่เราแพ้
อาการแพ้อากาศก็จะทุเลาหรือหายไปได้
ยาแก้แพ้ที่ใช้มารับประทาน
คือ ยาต้านฮีสตามีน
(Antihistamine) เช่น
คลอเฟนนิรามิน
(Chlorpheniramine) มักได้ผลดี
นอกจากผู้ที่มี
อาการมาก เป็นมานาน
มักจะดื้อยา
ควรรับการฉีดวัคซีนสร้างเสริมภูมิต้านทาน
หรือ อิมมูโนบำบัด
(Immunotherapy) จากแพทย์โรคภูมิแพ้
ควบคู่กันไปกับการรับประทานยา
มิฉะนั้นแล้วอาการแพ้จะรุนแรงกลายเป็นโรคไซนัสอักเสบหรือโรคหอบหืดตามมาได้
2.
เยื่อจมูกอักเสบจากประสาทไม่สมดุล
(Vasomotor Rhinitis)
จะเริ่มมีอาการเมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว
สาเหตุเกิดจากการปรับตัวของประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมเยื่อจมูกไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์
ของสิ่งแวดล้อมที่พอเหมาะพอดี
กล่าวคือ เมื่ออยู่ในที่แห้งแทนที่เยื่อจมูกจะชื้นกลับแห้ง
แต่เมื่ออยู่ในที่ชื้นหรือเย็น
เช่น ในห้องปรับอากาศ
ที่เย็นจัดแทนที่เยื่อจมูกจะแห้ง
กลับมีน้ำมูกไหล
คือ เยื่อจมูกไม่ปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมที่เป็นปกติวิสัย
เราเรียกอาการแบบนี้ว่า
ประสาทลงจมูก
อาการของโรค
ประกอบด้วย
คัดจมูก, มีน้ำมูกใสๆ
ไหล, มีอาการเจ็บคอ,
ไม่ค่อยคันจมูกและจาม
จมูกของคนไข้เหล่านี้ยังดมกลิ่นได้ดี
เมื่อส่องดูในรูจมูก
มักไม่พบว่ามี
ริดสีดวงจมูก
เมื่อไปพบแพทย์
เพื่อทดสอบทางผิวหนังหาสาเหตุของสารก่อภูมิแพ้
ผลการทดสอบมักไม่พบ
ว่าแพ้สารอะไร
คือไม่พบ ตัวการ
ที่ทำให้คัดจมูก
เมื่อตรวจฉายเอกซเรย์จมูกแล้ว
มักไม่พบว่าเป็นไซนัสอักเสบ
จึงเป็นโรคที่เกิดจากความไว
ของประสาทอัตโนมัติของจมูก
การรักษา
ต้องปรับปรุงกิจวัตรประจำวันของตนให้เหมาะสม
อาการถึงจะทุเลา
เช่น อย่าเปลี่ยนที่อยู่จากเย็นมาสู่ร้อน
หรือจากร้อนมา
สู่เย็นโดยรวดเร็วฉับพลัน,
ไม่ควรอาบน้ำหรือว่ายน้ำในเวลาเช้าหรือหน้าหนาว,
ควรควบคุมอารมณ์ไห้เป็นสมถะสม่ำเสมอ
เพราะอาการทาง
จมูกมักเกี่ยวพันกับภาวะจิตใจ
3.
เยื่อจมูกอักเสบเรื้อรังที่ไม่เกี่ยวกับภูมิแพ้
(Non-allergic Rhinitis)
เป็นโรคที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับชนิดที่
1 แต่จะไม่พบสารก่อภูมิแพ้
เมื่อได้รับการทดสอบทางผิวหนังจากแพทย์แล้ว
จึงเป็นชนิดโรค
ที่ไม่ใช่แพ้สารภูมิแพ้ในอากาศและประสาทจมูกผิดปกติ
อาการของโรค
มักพบในวัยผู้ใหญ่
ซึ่งจะมีอาการทางจมูกค่อนข้างรุนแรง
คือ มีอาการคัดจมูกจนหายใจเข้าออกลำบาก
ไม่มีอาการคัน
จมูก แต่อาจจามเป็นครั้งคราว
มีน้ำมูกไหลมากและมีความรู้สึกว่า
น้ำมูกไหลลงคออยู่ตลอดเวลา
จนต้องกระแอมหรือไอบ่อยๆ
รู้สึกว่าเจ็บคอ
ตลอดเวลา และมีเมือกเหนียวๆ
เกาะอยู่ จมูกมักไม่ค่อยได้กลิ่น
ผู้ป่วยโรคนี้มักจะมี
"โรคไซนัสอักเสบ"
ร่วมด้วยเสมอ
การรักษา
ให้รับประทานยาแก้แพ้จำพวกยาต้านฮีสตามีน
หรือจะใช้ยาพ่นจมูกชนิดผงผสมสเตียรอยด์ ซึ่งมีราคาแพงและใช้ลำบาก
แต่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
|