ธูปฤาษี
( Typha angustifolia ) กกช้างหรือธูปฤาษี เป็นพืชน้ำ ลักษณะคล้าย พืชพวกกกลักษณะลำต้นเป็นลำยาว คล้ายทางมะพร้าวมีเหง้าใต้ดิน แทงไหลแตกหน่อขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ ในที่ลุ่มน้ำขังและชายขอบพรุ ใบเดี่ยว ออกสลับซ้อนชิดกัน แผ่นใบเรียวแคบ ยาว 200-400 ซม. กว้าง 1-2 ซม. ผิวใบเกลี้ยง ปลายใบแหลม โคนใบแผ่กว้างเป็นกาบหุ้มลำต้น ช่อดอกออกที่ปลายลำ ยาว200-350 ซม. ดอกเล็ก สีน้ำตาลแกมเหลือง ออกรวมชิดกันแน่นบนช่อรูปทรงกระบอกคล้ายธูปขนาดใหญ่ กลุ่มของดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่บนก้านช่อเดียวกัน กลุ่มของดอก ตัวผู้อยู่ปลายก้าน ยาว 20-40 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. กลุ่มดอกตัวเมีย ยาว 20-40 ซม. กว้าง 1.5-2 ซม. อยู่ต่ำกว่ากลุ่มดอกตัวผู้ 4-5 ซม. ช่อผลมีขนสีขาวเป็นปุย เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3 ซม. |
![]() |
||
![]() |
จากคุณสมบัติของธูปฤาษีนี้เอง
ทำให้มีผู้นำประโยชน์มาประยุกต์ทดลองใช้ในการบำบัดน้ำเสีย ดังบทคัดย่อของ คุณสุภาพร จันรุ่งเรือง และคุณพิสบุษ์ จัตวาพรวนิช ดังต่อไปนี้ ธูปฤาษี เป็นวัชพืชน้ำที่แพร่ระบาดและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วตาม หนอง คลอง บึง และอ่างเก็บน้ำ พบได้ทั้งในเขตร้อน และเขตอบอุ่น สามารถทนความเป็นกรดเป็นด่างและความเค็มได้ มีน้ำหนักผลผลิตมากมีความสามารถในการดูดซับธาตุอาหาร และโลหะหนักได้ในปริมาณสูง และจากการทดลอง ที่กรมพัฒนาที่ดินในปี พ.ศ. 2539 พบว่าธูปฤาษีมีน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ย 56.6 ตัน/เฮกตาร์/ปี น้ำหนักผลผลิตส่วนเหนือดิน และใต้ดินจะอยู่ในระหว่าง3.8-52.7และ1.6-48.7ตัน/เฮกตาร์/ปีตามลำดับ ธูปฤาษีสามารถดูดซับธาตุไนโตรเจนและ ฟอสฟอรัส เฉลี่ย 760 และ 60 กก./เฮกตาร์ ตามลำดับ และจากการศึกษาเปรียบเทียบ ปริมาณธาตุอาหารในส่วนต่าง ๆ ของธูปฤาษีใบกว้าง (Typha latifolia) และธูปฤาษีใบแคบ (Typha angustifolia) พบว่าปริมาณธาตุอาหารในส่วนต่าง ๆ ของธูปฤาษีแต่ละชนิดแตกต่างกัน ปริมาณ N, P, K, Ca, Mg, Na, Mn, Zn, Cu ในทุกส่วนของธูปฤาษี ใบกว้างสูงกว่าธูปฤาษีใบแคบ และ ปริมาณธาตุอาหาร ที่มีปริมาณสูงสุดในส่วนที่อยู่เหนือดินคือ N, K, Ca, Mg, และ Mn, และ ธาตุอาหารที่ม ีปริมาณสูงสุดของส่วนที่อยู่ใต้ดินคือ Na, Zn, และ Cu ปริมาณ N สูงที่สุดในธูปฤาษีทั้ง 2 ชนิด อยู่ในช่วง 2.5-2.9% รวมทั้งมีความสามารถ ดูดซับธาตุโลหะหนักได้ค่อนข้างมาก การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลมีผลต่อ ปริมาณธาตุอาหาร และน้ำหนักผลผลิตของธูปฤาษี ปริมาณธาตุอาหาร N, P, K ของส่วนเหนือดินของธูปฤาษีใบกว้าง และใบแคบ สูงสุด ในช่วงฤดูร้อน ส่วน ใต้ดินจะสูงสุดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง น้ำหนักผลผลิตส่วนเหนือดินของธูปฤาษีใบกว้าง และใบแคบ จะสูงสุดในช่วงฤดูร้อน และน้ำหนัก ผลผลิตของธูปฤาษีใบกว้างมากกว่าใบแคบ แต่น้ำหนักผลผลิตส่วนใต้ดินจะสูงสุดในช่วง ฤดูหนาว |
||