น้ำ
(water)
|
|
ความหมายของน้ำ น้ำ (water) เป็นสารประกอบที่ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน(Hydrogen) และออกซิเจน (Oxygen)ในอัตราส่วน 1 ต่อ 8โดยน้ำหนักพบ 3 สถานะ คือ ของเหลว ของแข็ง(น้ำแข็งขั้วโลก) และก๊าซ(น้ำในบรรยากาศ) สูตรทางเคมีคือ H2O น้ำที่บริสุทธิ์จะเป็นของเหลวใส ไหลเทได้ ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น |
|
วัฏจักรของน้ำ เริ่มต้นจากการระเหย(Evaporation) รวมทั้งจากพื้นดินด้วย และยังจาก การคายน้ำของพืช(Transpiration) กลายเป็นไอน้ำ (WaterVaper)) ซึ่งอุณหภูมิของไอน้ำจะสูงกว่าจุดเดือดและเมื่ออากาศมีอุณหภูมิต่ำไอน้ำจะ เข้ามารวมตัวกัน(Condensation)จากน้ำที่ตกสู่ผิวโลกส่วนใหญ่มาจาก มหาสมุทรที่มีพื้นที่ประมาณ 70 % ของพื้นที่โลก และเมื่อมีการตกสู่พื้น โลกประมาณ 10 %ในรูปของฝนและหิมะ จากนั้นบางส่วนก็จะซึมลงดิน และลงสู่แหล่งน้ำต่างๆและเกิดการระเหยอีกครั้ง |
|
ประเภทของแหล่งน้ำ น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆของ มนุษย์นั้นอาจจะเป็นทั้งน้ำจืดจากแหล่งต่างๆและน้ำทะเล สามารถจำแนก รายละเอียดได้ดังต่อไปนี้ |
|
1. แหล่งน้ำผิวดิน
ได้แก่น้ำจากแม่น้ำ ลำน้ำธรรมชาติต่างๆห้วย หนอง คลองบึง ตลอดจน น้ำผิวดินเป็นทรัพยากรสาธารณะที่ไม่ต้องมีการซื้อขายทำให้มีการใช้น้ำ |
|
2. แหล่งน้ำใต้ดิน น้ำใต้ดินเกิดจากน้ำผิวดินซึมผ่านดินชั้นต่างๆลงไปถึงชั้นดินหรือหิน |
|
( 1 ) น้ำใต้ดินชั้นบน หรือ น้ำในดิน พบในชั้นดินตื้นๆ
ขังตัวอยู่ระหว่างชั้นดินที่เนื้อแน่นเกือบไม่ซึมน้ำ |
|
(
2 ) น้ำบาดาล น้ำใต้ดินที่อยู่ลึกลงไป ซึมผ่านชั้นดินและชั้นหินต่างๆ ขังตัวอยู่ช่องว่าง ระหว่างชั้นดินหรือชั้นหิน ซึ่งไม่ยอมให้น้ำผ่านไปได้อีก น้ำใต้ดินที่แท้จริง เรียกว่า Under Ground Water หรือที่เรียกว่า น้ำบาดาล น้ำบาดาลจะเป็น น้ำที่มีคุณภาพดีไหลผ่านชั้นดินและชั้นหินซึ่งทำหน้าที่คล้ายการกรองน้ำ ธรรมชาติ มีลักษณะเป็นระบบท่อประปาที่สมบูรณ์ |
|
3.
แหล่งน้ำจากทะเล ทะเลและมหาสมุทรเป็นแหล่งกำเนิดใหญ่ของวงจรน้ำในโลก ซึ่งหากขาด วงจรดังกล่าวแล้ว พื้นดินก็จะขาดความอุดมชุ่มชื้น กระแสน้ำในมหาสุมทรก็เป็น ปัจจัยสำคัญที่กำเนิดสภาพภูมิอกาศรอบโลกด้วยเช่นกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมทำ ให้ยุโรปตะวันตกตอนเหนือมีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นแทนที่จะเย็นมากๆ เหมือน กับพื้นที่อื่นๆที่อยู่ใกล้เขตขั้วโลกเหนือหรือกระแสน้ำเย็นเบงกิวลาทำให้บริเวณ ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา กลายเป็นอุดมสมบูรณ์ด้วยแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารสำหรับปลานานาชนิด ที่มีกระแสน้ำเย็นและน้ำอุ่นมาบรรจบกัน บริเวณดังกล่าวที่มีสารอาหารสมบูรณ์มีแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์พืชและแพลงก์ ตอนสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่จำนวนมาก |
|
มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์มากมายจากทะเล
ไม่ว่าจะเป็นอาหารจำพวกโปรตีน การใช้เป็นเส้นทางคมนาคมที่สะดวกและประหยัด ทะเลจะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แต่เนื่องจากมีแร่ธาตุสะสมอยู่เป็นจำนวนมากจึง ทำให้น้ำทะเลมีรสเค็ม ดังนั้นบริเวณที่ขาดแคลนน้ำจืดที่อยู่ใกล้กับทะเล จึงพยายาม นำน้ำทะเลมาแปรสภาพให้กลายเป็นน้ำจืดเพื่อใช้ในการอุปโภคในครัวเรือน กิจการอุสากรรม การชลประทาน แต่ค่าใช้จ่ายในการทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดนั้น ราคาแพงกว่าการทำน้ำจืดให้บริสุทธิ์ |
|
4. แหล่งน้ำจากฟ้า น้ำจากฟ้าหรือน้ำฝน ได้รับการกลั่นของไอน้ำในบรรยากาศ
เป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญที่มนุษย์ใช้ใน |
|
1.
สภาพลมฟ้าอากาศ 2. ลักษณะภูมิประเทศ 3. ทิศทางของลม 4. ความสม่ำเสมอของฝนที่ตก 5. การกระจายของปริมาณน้ำฝน 6. อิทธิพลอื่นๆ เช่น ฤดูกาล พื้นที่ป่าไม้ |
|
ประโยชน์ของน้ำ | |
1.
เพื่อการอุปโภคและบริโภค น้ำมีความจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ร่ายกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ ประมาณ60 - 70% โดยใช้ในการดื่มประมาณ 2 ลิตรต่อวัน และใช้ในการบริโภค ประมาณ 3 ลิตรต่อวันร่างกายของเรายังใช้น้ำเพื่อพา สารอาหารต่างๆ ไปยังเซลล์เพื่อ รักษาโครงสร้างของร่างกาย และเพื่อใช้ในการขับถ่ายของเสีย รวมทั้งเพื่อระบายความ ร้อนออกจากร่างกายด้วย นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำในการอุปโภค ทั้งการทำความสะอาด ซักล้าง และกิจกรรมอื่นๆ องค์การสหประชาชาติประมาณการว่า มีประชากรโลกอีก ประมาณ 2,000,000 ล้านคนทั่วโลกที่ยังขาดแคลนน้ำใช้อย่างเพียงพอ |
|
2.
เพื่อการเกษตรกรรม การใช้น้ำในการเกษตรกรรมนั้นประมาณว่ามนุษย์ใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูก 70% ของปริมาณน้ำที่ใช้ทั้งหมดเพื่อการผลิตธัญพืชสำหรับบริโภค ส่วนน้ำที่ใช้ สำหรับเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันไป เช่น โคนม ม้า หมู ไก่ ต้อง การน้ำ 20 , 12 , 4 , 0.04แกลอนต่อตัวต่อวันน้ำจึงมีความสำคัญมากในการผลิต อาหารของมนุษย์ |
|
3.
เพื่อการอุตสากรรม น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆทั้ง ในส่วนของกระบวนการผลิตโดยตรงคือ เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ล้างวัตถุดิบ และกิจกรรมต่างๆ ที่สนับสนุนการผลิต เช่นใช้ในการล้างเครื่องจักรล้างพื้นโรงงาน และการหล่อเย็นเป็นต้น อุสตกรรมแต่ละประเภทมีความต้องการน้ำปริมาณและคุณภาพที่แกต่างกันไป ดังกรณีของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ , เซรามิก , กระดาษ มีความจำเป็นที่ ต้องใช้ที่มีคุณภาพสูงคือ ปราศจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆจึงจะสามารถผลิตผลงานที่มี คุณภาพได้ดี |
|
4.
แหล่งทรัพยากร แหล่งน้ำเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของมนุษย์ โดยเฉพาะในทะเลซึ่งเป็นแหล่ง ทรัพยากรที่ใหญ่ที่สุด อาหารจากทะเลเป็นอาหารที่สำคัญที่มนุษย์สามารถนำไปใช้ ้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องลงทุน และทะเลยังเป็นแหล่งเชื้อเพลิงและพลังงาน เช่นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น |
|
5.
เพื่อการคมนาคมขนส่ง การขนส่งทางน้ำเป็นการขนส่งที่สำคัญของมนุษย์ ในปัจจุบันก็ยังมีความสำคัญ อยู่การขนส่งระหว่างประเทศ การขนส่งทางทะเล สามารรถขนส่งได้คราวละมากๆ ค่าใช้ จ่ายยังถูกกว่าขนส่งทางอากาศมากอีกด้วย การขนส่งทางน้ำก็ยังคงบทบาทสำคัญโดย เฉพาะระยะทางไกลๆจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทางบก |
|
6.
เพื่อการสร้างพลังงาน การผลิตพลังงานไฟฟ้าค่าใช้จ่ายที่มาจากการผลิตโดยใช้กระแสน้ำนั้นจะต่ำกว่า การผลิตไฟฟ้าจากแหล่งหลังงานอื่นๆเช่น ถ่านหิน น้ำมัน นิวเคลียร์ และมีผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมน้อยกว่าด้วย |
|
7.
เพื่อการนันทนาการ แหล่งกักเก็บน้ำหลายแห่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของมนุษย์ เช่น ชายฝั่งทะเล ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำคลอง น้ำตกและลำธาร กิจกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยว เนื่องจากสถานที่เหล่านี้มีมากมาย เช่น การว่ายน้ำ พายเรือ น้ำจึงเป็นส่วนหนึ่งใน การดำรงชีวิต |
|
น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามากและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำรง ชีวิตของมนุษย์สัตว์และพืช น้ำจะมีอยู่ทั่วๆไป ทั้งบนผิวดินใต้ดินและในบรรยากาศ น้ำผิวดินมีอยู่ทั่วๆไปจะพบมากที่สุดได้แก่ แม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ทะเลสาบ เป็นต้น ส่วนน้ำใต้ดินจะแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำในดิน และน้ำบาดาล เมื่อเราขุดบริเวณ แหล่งน้ำเราก็จะพบน้ำในดิน และถ้าขุดลงไปมากๆหรือใต้ชั้นหิน เราเรียกบ่อน้ำชนิดนี้ว่า บ่อน้ำบาดาล น้ำธรรมชาติมีความจำเป็นต่อมนุษย์มากทั้ง การใช้อุปโภคบริโภค รวมทั้ง การประมง ดังนั้นเราจึงควรต้องรักษาแหล่งน้ำให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อจะส่งผลดีต่างๆตาม มาต่อมนุษย์ สัตว์ รวมทั้งพืช |
|
สาเหตุที่ทำให้แหล่งน้ำเน่าเสีย | |
1.
สิ่งปฏิกูลจากบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยของชนที่อยู่รวมกัน เป็นชุมชนและย่านการค้าขายในอาณาบริเวณ ดังกล่าวนี้ย่อมจะมีน้ำทิ้งจากการอุปโภคและบริโภค เช่นน้ำ จากการซักล้างและการทำ ครัวน้ำจากส้วมที่ไม่ได้ผ่านการบำบัด ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานและอยู่ไม่ไกลจาก แหล่งน้ำ |
|
2.
สิ่งปฏิกูลจากการเกษตรกรรม ในการเพาะปลูกในปัจจุบันนี้เกษตรใช้สารเคมีมากขึ้น เช่น ปุ๋ย สารเคมีกำจัด ศัตรูพืชบางชนิดสลายตัวซากสารอาจจะตกค้างอยู่ตามพืชผักผลไม้ก่อให้เกิดอันตราย แก่ผู้บริโภคและบางส่วนอาจจะกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดินเมื่อฝนตกน้ำฝนจะชะล้าง สิ่งเหล่านี้ลงแม่น้ำลำคลองเป็นเหตุให้สัตว์น้ำต่างๆเป็นอันตรายถึงตายได้ |
|
3.
สิ่งปฎิกูลจากการอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปใช้น้ำในปริมาณมากน้อยแตกต่างกันน้ำที่ใช้ ทำความสะอาดเครื่องมือและพื้นที่ในโรงงานเวลาน้ำทิ้งจากโรงงาน |
|
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อมนุษย์
สัตว์และพืชพันทางธรรมชาติ ในโลกนี้เรามีน้ำมากถึง 3 ใน 4 ของโลกแสดงว่าแผ่นดินบนโลกนี้มีเพียง 1 ส่วนเท่านั้นและน้ำจะมีปริมาณมากขึ้น ถ้าโลกได้รับความร้อนเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมนุษย์มีกิจกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออก ไซด์เพิ่มขึ้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกจะละลายจะก่อปัญหามากมายเช่น ปัญหาด้านอุทกภัย |
|
น้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าน้ำเกิดจากการรวมตัวกันของธาตุไฮโดรเจน(H)2โมเลกุล รวมตัวกับออกซิเจน(O) 1โมเลกุลทำปฏิกิริยาเคมีกันแล้วเกิดเป็น H2Oเรียกเป็นภาษาไทย ได้ว่า น้ำ หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่าWaterนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบว่าทำไมจึง เป็นน้ำและไฮโดรเจนกับออกซิเจนมีส่วนประกอบอะไรบ้างจึงเป็นน้ำ ขึ้นมาได้ |
|
ความสำคัญของน้ำ | |
1.
ความสำคัญของน้ำในด้านสุขภาพอนามัย คนเราใช้ประโยชน์จากน้ำเพื่อให้เกิดสุขภาพอนามัยที่ดีใน 3 ทางแก่ใช้ในการบริโภค |
|
ใช้ในการบริโภค ในทั่วไปแล้วคนปรกติใช้น้ำเพื่อดื่มหรือบริโภคเฉลี่ยวันละ 3 ลิตรจะมากหรือน้อย นั้นขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละคนและสภาพความร้อนหนาวของอากาศและน้ำที่คนเราใช้ ้บริโภคมีประโยชน์ต่อสุภาพอนามัยหลายประการและที่สำคัญคือ ช่วยให้อวัยวะต่างๆทำงาน ของระบบต่างๆของร่างกายนอกจากนั้นยังช่วยในการขับถ่ายอุจาระให้เป็นได้สะดวกและปกติ ิถ้าร่างกายขาดน้ำจะทำให้ผูกได้ง่ายในการไหลเวียนของเลือดนั้นเนื่องจากน้ำจะเป็น ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของเลือดซึ่งทำหน้าที่อาหารและออกซึ่งทำหน้าที่นำอาหารและออกซิเจน มาเลี้ยงเนื้อเยื่อเซลล์หรืออวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายซึ่งทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและมีชีวิต โดยปกติสุข แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าร่างกายขาดน้ำประมาณ 2 - 3 วันอาจทำให้เสียชีวิตได้ |
|
ใช้ในการอุปโภค คนเราใช้น้ำในการอุปโภคใน 2 ลักษณะคือ เพื่อทำความสะอาดชำระร่างกาย และการทำ ความสะอาด เสื้อผ้าสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ เพื่อได้สุขภาพที่ดี |
|
ใช้ในการนันทนาการและการกีฬา นอกจากคนเราใช้ประโยชน์จากน้ำในด้านต่างๆดังที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านั้น เรายังใช้น้ำเพื่อการนันทนาการและการกีฬาหรือการพักผ่อน ซึ่งมีผลต่อสุขภาพอนามัย หรือแม้กระทั่งสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย แหล่งน้ำต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำตก ทะเล แม่น้ำ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญเพราะแหล่งน้ำดังกล่าวส่วนใหญ่จะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม อีกทั้งยังมีสัตว์น้ำและปะการังหลากหลาย ชนิดให้ความเพลิดเพลินและความสุขทางใจ เป็นอย่างดี นอกจากนี้แหล่งน้ำใหญ่ๆ เช่นทะเลหรือมหาสมุทรยังใช้เป็นสถานที่สำหรับ ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาได้หลายชีวิตเช่นกระดานโต้คลื่นสกีน้ำตกปลาว่ายน้ำและ กีฬาทางน้ำอื่นๆซึ่งช่วยให้สุขภาพอนามัยสมบรูณ์แข็งแรง |
|
2. ความสำคัญของน้ำในด้านเศรษฐกิจ | |
การเพาะปลูก น้ำเป็นปัจจัยหลักในการเพาะปลูก การเพาะปลูกที่มีน้ำเพียงพอจะช่วยให้มีผลผลิตที่ดี แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีน้ำที่ไม่เพียงพอกิจส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เพื่อให้เกษตร มีน้ำสำหรับการเพาะปลูกที่เพียงพอ รัฐบาลจึงได้ทำการกักเก็บน้ำในหลายรูปแบบ เช่น เหมือง ฝาย คลองส่งน้ำ และอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งมีกระจายอยู่ทุกภาคของประเทศ |
|
การเลี้ยงสัตว์ ในการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดนั้นต้องอาศัยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญทั้งเพื่อให้สัตว์กิน ทำความสะอาดสัตว์คอกหรือที่อยู่ของสัตว์เพื่อการเจริญเติมโตที่ดี และป้องกันโรคการแพร่ ่ระบาดโรคที่เกิดจากสัตว์ อีกทั้งทั้งฝังช่วยลดมลภาวะได้อีกทางหนึ่งได้ |
|
การประมง แหล่งน้ำเป็นแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ เพราะเป็นที่อาศัยของสัตว์และพืช นานาชนิด ที่มนุษย์สามารถนำมาใช้เพื่อบริโภค ดังนั้นประเทศใดที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบรูณ์ ด้วยสัตว์น้ำ ประชากรของประเทศนั้นสามารถที่จะใช้ทำการประมงได้เป็นอย่างดีซึ่งเป็นอาชีพ ที่ทำรายได้ให้ชาวประมงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าส่งออกทำรายได้ให้แก่ประเทศ อีกด้วย |
|
การท่องเที่ยว มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติเป็นจำนวนมากที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญสามารถ ทำรายได้ให้กับประเทศในปีหนึ่งๆเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งสถานที่เหล่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สวยงามมากเช่นน้ำตกไทรโยกวังตะไคร้หมู่เกาะอ่างทองและอีกหลายๆแห่งในปีหนึ่งๆ ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวนับเป็นหมื่นๆล้านบาทแหล่งน้ำตามธรรมชาติจึงนับได้ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ |
|
3. ความสำคัญของน้ำในด้านการสาธารณูปโภค | |
การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ การนำพลังงานน้ำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้เริ่มขึ้นโดยการนำน้ำไหลหรือน้ำตกมาใช้ หมุนล้อเพื่อให้เกิดพลังงานไฟฟ้าซึ่งในช่วง23ทศวรรษที่ผ่านมาความจำเป็นในการใช้พลังงาน ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากประชากรที่เพิ่มมากขึ้นและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ประกอบกับราคาเชื่อเพลิงที่นำมาใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้านั้นได้มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะน้ำมันซึ่งเป็นเหตุให้พลังงานจากน้ำมีบทบาทสำคัญผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างมากซึ่ง นับว่าช่วยประหยัดเชื้อเพลิงจำพวกถ่านหินและน้ำมันซึ่งเป็นทรัพยากรที่สูญสิ้นและก่อให้เกิด มลพิษต่อสิ่งแวดล้อม |
|
การคมนาคม การคมนาคมขนส่งทางน้ำมีความสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งจะได้เปรียบ กว่าการขนส่งทางบกและทางอากาศหลายประการและที่สำคัญคือ ประหยัดค่าขนส่ง และยัง สามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากได้สะดวกอีกทั้งยังเป็นเส้นทางขนส่งเสรีโดย เฉพาะเส้นทางการเดินเรือที่ผ่านน่านน้ำสากล |
|
4. ความสำคัญของน้ำในระบบนิเวศน์ | |
จากน้ำบนผิวโลกตามแหล่งน้ำต่างๆระเหยกลายเป็นไอน้ำเมื่อได้รับความร้อนจากดวง อาทิตย์เมื่อกลายเป็นไอน้ำลอยไปในอากาศก็จะลอยไปเกาะกลุ่มกันกลายเป็นก้อนเมฆเมื่อมี น้ำหนักมากก็จะลอยต่ำลงมาโดยความร้อนกลายเป็นฝนตกลงมาสู่พื้นโลก ซึ่งส่วนหนึ่งส่วนหนึ่ง จะซึมลงไปในดิน และบางส่วนจะถูกพืชดุดซึมไปเป็นอาหาร และเมื่อได้รับความร้อนจาก ดวงอาทิตย์อีกครั้ง น้ำในสภาพต่างๆก็จะกลับมาเป็นวัฏจักรอีก หมุนเวียนกันอยู่เช่นนี้ตลอดไป สภาวะเช่นนี้เป็นการรักษาสมดุลของธรรมชาต |
|
หากวัฏจักรของน้ำเสียไป
เนื่องด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ฤดูการ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดดังนั้นวัฏจักรของน้ำ จึงมีความสำคัญยิ่งต่อระบบนิเวศน์คือช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของบรรยากาศช่วยดูดรับรังสีความ ร้อนที่สะท้อนจากผิวโลกและในขณะที่ฝนตกลงมาน้ำฝนจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกในบรรยากาศซึ่ง เราจะสังเกตได้ว่าหลังจากฝนตกหนักบรรยากาศในที่นั้นจะสดชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด วงจรน้ำ จึงเป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดมหึมาที่ธรรมชาติมอบให้เรา |
|
การประหยัดน้ำ | |
ในชิวิตประจำวันเราใช้น้ำในการทำกิจกรรมต่างๆเพื่อการดำรงชีวิตมากมายส่วนใหญ่เป็น น้ำจืดซึ่งมีเพียง 2 % ของน้ำทั้งหมดในโลกหากเราไม่รู้จักใช้น้ำจะทำให้เกิดปัญหาการขาด แคลนน้ำในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าวจึงควรปฏิบัติดังนี้ |
|
1.
อาบน้ำด้วยฝีกบัวจะประหยัดกว่าการอาบน้ำในอ่าง นอกจากนั้นควรปิดก๊อกขณะที่ถูสบู่
และในการอาบน้ำควรใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างน้อยเพราะ สบู่ที่มีความเป็นด่างมากจะทำให้ผิว แห้งและยังทำให้น้ำเน่าเพิ่มอีกด้วย |
|
2.
การแปรงฟันควรใช้ภาชนะในการรองน้ำไม่ควรปล่อยน้ำไหลจากก๊อกตลอดเวลา เพราะจะทำให้สูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์ถึงประมาณ 45ลิตรต่อ 5 นาที |
|
3. การโกนหนวดควรใช้ภาชนะรองรับน้ำที่จะใช้โกนหนวดซึ่งจะใช้น้ำเพียงครึ่งลิตรเท่านั้น | |
4.โถชักโครกซึ่งแต่ละวันถ้าเราใช้ชักโครกน้อยลงก็จะสามารถประหยัดน้ำไดจึงควรที่จะ ติดตั้งโถสำหรับปัสสาวะ หรือใช้ส้วมที่เป็นแบบราดน้ำแทนแบบชักโครก หรืออาจตั้งระดับลูกลอย ในโถชักโครกให้อยู่ในระดับต่ำ และไม่ควรทิ้งขยะลงในโถส้วมเพราะจะทำให้ใช้น้ำเพื่อกำ เศษขยะเหล่านั้น |
|
5.การใช้น้ำในครัวการล้างผักหรืออาหารให้เปิดน้ำใส่ภาชนะอย่าล้างโดยการเปิดน้ำจากก๊อก โดยตรงเพราะจะทำให้เสียน้ำประมาณ 45 ลิตรภายใน 6 นาทีการล้างจานชามเมื่อจะล้างให้เปิด น้ำลงในอ่างแล้วจึงล้างให้สะอาดจะใช้น้ำ 2 ครั้ง |
|
6. การเช็ดถูควรควรใช้น้ำจากภาชนะไม่ควรใช้น้ำจากสายยางเพราะจะทำให้สูญเสียน้ำมาก | |
7.การซักผ้าด้วยมือควรแช่ผ้าก่อนแล้วซักด้วยน้ำสะอาด2ครั้งซึ่งนอกจากเป็นการช่วย ประหยัดน้ำแล้วยังสามารถช่วยให้ซักผ้าได้สะอาดและเร็วยิ่งขึ้นนอกจากนี้น้ำที่ใช้ซักผ้ายัง สามารถนำไปล้างห้องน้ำหรือทำความสะอาดบ้านได้ส่วนการซักผ้าโดยใช้เครื่องซักผ้านั้นควร รวบรวมผ้าให้มีปริมาณมากพอกับกำลังทำงานของเครื่อง |
|
8.การกำจัดน้ำเสียนั้นหรือน้ำสกปรกซึ่งเป็นน้ำที่ผ่านการแล้วจะต้องกำจัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และถูกหลักสุขาภิบาล |
|
น้ำที่มีคุณภาพดี
มีความสำคัญอย่างมาก ถ้าน้ำสกปรกจะมีผลต่อสุขภาพของมนุษย ์เป็น อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและทำให้อาหารลดลงการประเมินและติดตามคุณภาพน้ำจึงมีความสำคัญ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังถึงปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพน้ำการประเมินและติดตามคุณภาพน้ำเป็นการ ตรวจสอบทั้งลักษณะทางกายภาพ เคมี และชีวภาพของแหล่งน้ำ |
|
การคำนึงถึงความปลอดภัย | |
1.ในการเลือกสถานที่จะประเมินควรเป็นสถานที่ปลอดภัยง่ายต่อการเก็บตัวอย่างควรเป็น สถานที่โล่ง ไม่ควรเลือกสถานที่มักเกิดน้ำท่วม |
|
2. จะต้องมีคนที่รู้สถานที่และเวลาที่ใช้ในการเก็บตัวอย่าง | |
3.ไม่ควรเก็บตัวอย่างเพียงคนเดียวควรทำงานกันอย่างน้อย2คนเพราะจะได้มีการช่วย เหลือกันและกันได้ |
|
4. สวมเสื้อผ้าให้เหมาะสมและใส่รองเท้าทุกครั้ง | |
5. ถ้าสถานที่เก็บตัวอย่างมีต้นไม้มาก ควรสวมเสื้อผ้าที่มองเห็นชัดเจน | |
6. นำเครื่องปฐมพยาบาลไปด้วยทุกครั้ง | |
7. ไม่ควรดื่มน้ำเวลาการเก็บตัวอย่างเพราะอาจมีการปนเปื้อน | |
8. ไม่ควรเก็บตัวอย่างในน้ำที่เหนือเข่า | |
9. ควรมีการระมัดระวังอุบัติเหตุ | |
10. สวมถุงมือทุกครั้งก่อนหยิบสารเคมี | |
การประเมินคุณภาพน้ำทางชีวภาพเป็นการใช้สิ่งมีชีวิตในการประเมินคุณภาพน้ำ โดยอาศัยการตอบสนองของสิ่งมีชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และเลือกสิ่งมีชีวิตเป็นตัว บ่งชี้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่สามารถนำมาประเมินคุณภาพน้ำเช่น แบคทีเรีย แพลงก์ตอน พืชน้ำ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน และปลา ขึ้นอยู่กับว่าบริเวณนั้นมีการศึกษาสิ่งมีชีวิตใดมาก |
|
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน
มีคุณสมบัติบ่งชี้ที่ดีหลายข้อ คือ สามารถพบได้ทั่วไปใน แหล่งน้ำมีความสำคัญต่อระบบนิเวศมีขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนและง่ายต่อการจำแนกมีการ เคลื่อนที่น้อยทำให้ได้รับมลภาวะมากกว่ากลุ่มอื่นตอบสนองต่อการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ใด ้แตกต่างกันในแต่ละชนิดส่วนใหญ่มีวงจรชีวิตที่ยาวนานพอที่จะใช้ตรวจสอบคุณภาพน้ำได้ใน ระยะยาวจากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้สัตว์กลุ่มนี้ใช้ในการประเมินคุณภาพน้ำในแหล่งต่างๆ มากกว่าสัตว์กลุ่มอื่นการใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินเป็นตัวประเมินคุณภาพน้ำในยุโรป และอเมริกาเหนือยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงวิธีการในการใช้อย่างต่อเนื่อง |
|
น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น สารพิษ โลหะหนัก และยาฆ่าแมลง จะมีผลทำให้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหนาดินตายหมด น้ำร้อนจากโรงงาน อุตสาหกรรมจะทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง มีผลต่อ Metabolism ของสัตว์เหล่านี้ บริเวณที่มีสารปนเปื้อนสูง จะมีผลไปลดค่าDO และจำนวนสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดิน ยกเว้น ไส้เดือนน้ำจืด และหนอนแดงซึ่งสามารถทนทานต่อปริมาณออกซิเจนในน้ำที่ลดลง |