ตลาดจีน...คิดก่อนเข้า

 

บทความที่ผ่านมาได้กล่าวถึงศักยภาพ กับความเป็นจริง ของประเทศจีน ที่มีประชากรประมาณ 1,300 ล้านคน ทำให้เกิดอาการ 'เห่อจีน' สำหรับนักธุรกิจ และรัฐบาลที่มองเพียงศักยภาพคือ จำนวนประชากร มากกว่าความเป็นจริง ความเป็นไปได้ทางการตลาด ที่จะส่งผลต่อมายังแผนการผลิต กำลังการผลิต และแผนการเงินการลงทุน และได้ยกโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง

 

เนื่องจากมีการกล่าวถึงกันเป็นอย่างมาก ที่ยอดขายของโทรศัพท์มือถือ ในประเทศจีน สูงถึง 5 ล้านเครื่องต่อเดือน และคาดว่าจะมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ของจีนสูงถึง 135 ล้านเครื่อง ในปีนี้ทำให้จีนกำลังจะเป็นตลาดมือถือที่ใหญ่ที่สุด ในโลกตามจำนวนเครื่องที่ใช้ แต่ถ้าเปรียบเทียบกันตามอัตราส่วนของประชากร กับจำนวนเครื่องแล้ว ฮ่องกงจะสูงที่สุดในโลกคือประมาณ 60 ถึง 70% ของ ประชากรใช้โทรศัพท์มือถือ และถ้าเปรียบเทียบอัตราการเจริญเติบโตในระยะ 4 ถึง 5 ปี ก่อนถึงจุดอิ่มตัว ญี่ปุ่น และเกาหลี เคยเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด ที่ยกตัวอย่างมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ หรือเป็นมุมมองของนักธุรกิจนักการตลาด ที่อย่ามองเพียงศักยภาพ ต้องมองความจริง ต้องมองผลสัมฤทธิ์ หรือความ สำเร็จเปรียบเทียบกับตลาดอื่น หรือกับคู่แข่งขันโดยตรงและโดยอ้อม เป็นต้น

 

บทเรียนจากการตลาดมือถือในประเทศจีน คือ การพยากรณ์ว่าอีกกี่ปีจะเริ่ม ถึงจุดอิ่มตัว หรือจุด หรือตำแหน่งที่โตเต็มที่ (mature) ที่การเติบโตจะลดลง ตามวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทุกชนิด หรือในทางธรรมะคือหลักความเป็นจริง ของความไม่แน่นอน หรืออนิจจัง โดยพิจารณาจากการแบ่งตลาดตามฐานะของ ประชากรจีนที่จะมีความสามารถ ที่จะแบ่งสรรรายได้หรือทรัพยากรที่ต้องมีมากพอ จากการนำไปใช้ในการยกสถานภาพความเป็นอยู่ เช่นซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ให้ดีขึ้น ซื้อรถยนต์ขนาดเล็กมาทดแทนรถจักรยานยนต์ ฯลฯ เป็นต้น ประชากรในกลุ่มที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือได้จะอยู่ในกลุ่มสถานภาพขอ หรือมีบอกที่จะมีอยู่ประมาณ 10 ถึง 15% ของประชากรทั้งหมด จะทำให้มองเห็น ภาพความจริงของตลาดได้ชัดมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องมองหรือวิเคราะห์ลึกลงไปอีก ตามคุณลักษณะของ ประชากรศาสตร์ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา สถานที่อยู่ ภาษา ฯลฯ เนื่องจาก ประเทศจีน มีขนาดใหญ่มากมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เช่น มีชาวฮั่นอยู่ประมาณ 50% มีชนกลุ่มน้อยเป็นมองโกล หรือชาวทิเบต ที่ชนเหล่านี้ไม่ยอมรับนับตนเองเป็นคนจีน ศาสนาก็มีความสำคัญ บนเส้นทางสายไหมเริ่มตั้งแต่เมืองซีอาน (Xian) จะเริ่มเห็น ชุมชนมุสลิม ที่เริ่มหนาแน่นมากขึ้นไปเรื่อยจนกระทั่ง จรดพรมแดนติดกับปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน (Tajikistan) และประเทศในเครือสหภาพรัสเซียเก่า ที่ชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม

 

วัฒนธรรมที่มีศาสนาเป็นอิทธิพลก็มีความสำคัญในการดำเนินการทา งการตลาด การแบ่งเขตปกครองประเทศจีนมี 21 มณฑล 5 เขต เช่น ทิเบต มองโกเลีย ฯลฯ และ 2 เขตปกครองพิเศษ ได้แก่ ฮ่องกง และมาเก๊า ส่วนไต้หวัน จีนถือเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งเท่านั้นเอง ภายในแต่ละมณฑล เชื้อชาติ ศาสนา ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมจะแตกต่างกัน และที่สำคัญคือกฎหมายท้องถิ่น ที่มีความแตกต่างกันออกไป เช่น ในเมืองคุนหมิง ประชาชนมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงคอนโดมิเนียมได้ไม่เกิน 99 ปี แต่ในเมืองซีอาน ที่ต่างมณฑลกันสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ฉะนั้นการเข้า ไปในประเทศจีน จะต้องศึกษาและเข้าใจกฎหมายกฎเกณฑ์ต่างๆ ของทั้งรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่น ภาษาที่มีความหลากหลาย ถึงแม้ว่า ทางรัฐบาลจีนพยายามจะให้ใช้ภาษาทาง ราชการภาษาเดียวที่มีรากฐานมาจาก แมนดาริน ก็ตามจากความกว้างใหญ่ไพศาล ประชากรส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้ภาษาท้องถิ่นกันอยู่มาก

 

การแบ่งตลาดออกไปอีก คือ การแบ่งกลุ่มบุคคลตามอายุที่แตกต่างกัน ในประเทศจีนยังไม่มีปัญหา ผู้สูงอายุ แต่มีปัญหาแรงงานคือ มีคนออกมาในตลาดแรงงานมาก อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และภาคบริการ ยังรองรับไม่เพียงพอ ทำให้มีการย้าย ถิ่นฐานของแรงงานไปยังจังหวัดหรือ มณฑลที่มีความเจริญ และมีโอกาสมากกว่า ถ้ามีงานทำก็ดีไป ถ้าไม่มีงานทำก็กลายเป็นปัญหาสังคม ที่อาจจะเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม ขณะนี้เริ่มมีแล้วตามเมืองขนาดใหญ่

 

โทรศัพท์มือถือ นับได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่จริงๆ การดำเนินการตลาดขั้นต้นคือ การทำให้นวัตกรรมใหม่ เป็นที่ยอมรับ (adoption) ซึ่งในกรณีนี้ใช้เวลาไม่นานประมาณ 3 ถึง 4 ปี เมื่อเป็นที่ยอมรับแล้วขั้นต่อไปคือ การสร้างความเจริญเติบโต ซึ่งมีขีดจำกัดโดยธรรมชาติ ที่จะถึงจุดที่เข้าสู่ ภาวะโตเต็มที่ (mature) การตลาดในช่วงนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป จนกระทั่ง ถึงวาระสุดท้ายคือ ลดลง (decline) นักการตลาดนักธุรกิจที่สามารถก็จะต้อง สร้างความเจริญเติบโตในวัยโตเต็มที่ หรือต้องสามารถทำไม่ให้ความต้องการลดลง

 

ประการที่สำคัญต่อไปจะต้องศึกษาคือ การแข่งขันหรือคู่แข่งขันโดยตรง และโดยอ้อมเสมือนการ ทำศึกสงครามต้องรู้เขารู้เราจึงจะมีโอกาสมีชัยชนะ  สำหรับตลาดประเทศจีน สิ่งที่สำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างมาก คือ การเมือง ในระยะนี้กำลังมีเตรียมการเลือกตั้งประธานาธิบดี หรือผู้นำคนใหม่ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะทราบผล ในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ลองศึกษา ประวัติศาสตร์ของผู้ที่มีโอกาสมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ดู และลองหาเหตุผลว่า ทำไมไต้หวันจึงออกมาเคลื่อนไหวมากในขณะนี้ นักธุรกิจที่สามารถ จะไม่ทอดทิ้งประเด็นความสำคัญ ทางการเมืองออกไป

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (กรุงเทพไอที) ฉบับวันที่ 12 ก.ย.45

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.