ไอดีซีเชื่อตลาดเกมมือถือเอเชียโตทะลุเป้า

"ไทย" ตามติดเกาหลีใต้-จีน-ออสเตรเลีย มาเป็นอันดับที่สี่

บริษัทวิจัยตลาดชื่อดัง ยันมูลค่าธุรกิจเกมมือถือเอเชีย เหยียบหลักพันล้านดอลลาร์ใน 2-3 ปีข้างหน้า เหตุผู้บริโภค นิยมบริการบันเทิงไร้สาย ขณะที่มีการพัฒนาความเร็วเครือข่ายทั่วเอเชีย ด้านผลสำรวจนิตยสารฟาร์ อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว ชี้เหล่าผู้บริหารชื่นชอบแบรนด์ดัง แต่มือถือ 3จี-เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ไม่ติดกลุ่มอุปกรณ์ยอดฮิต

 

สำนักข่าวซีเน็ต รายงานผลการศึกษาล่าสุด ของบริษัทวิจัย ไอดีซี ซึ่งคาดการณ์ว่า ตลาดเกมไร้สายในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น จะมีอัตราการเติบโตสะสม (CAGR) สูงถึง 40% โดยมีมูลค่าเพิ่มจาก 237.4 ล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว เป็น 1,300 ล้านดอลลาร์ ในปี 2551 โดยสาเหตุที่ทำให้เกมมือถือ มีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากได้มีการพัฒนาความเร็วเครือข่ายไร้สายทั่วเอเชีย ขณะที่โทรศัพท์จอสี ก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูง "หลังจากที่ฟังก์ชันเสียงเรียกเข้า และการดาวน์โหลดโลโก้ ประสบความสำเร็จสูงเป็นประวัติการณ์ในเอเชีย บรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย ต่างก็ตั้งใจที่จะผลักดันให้ธุรกิจเกมไร้สาย ประสบความสำเร็จเช่นกัน" นางดาวินา โหยว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยตลาดไร้สายของไอดีซี กล่าว พร้อมเสริมว่า แม้ว่าเกมมือถือ จะยังคงมีสัดส่วนในตลาดบริการนอน-วอยซ์น้อยมาก แต่แนวโน้มที่ผู้บริโภคเอเชีย มักจะให้การต้อนรับบริการบันเทิงไร้สายทุกรูปแบบ ส่งผลให้ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ เชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดเกมไร้สายเช่นกัน

 

รายงานดังกล่าว บ่งชี้ด้วยว่า เกาหลีใต้ ถือเป็นตลาดเกมมือถือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิก เนื่องจากมีการใช้งานเครือข่าย 3จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว โดยมีส่วนแบ่งตลาดราว 73% ของรายได้ทั้งหมดในอุตสาหกรรม ขณะที่จีน ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20.1% และออสเตรเลีย ตามมาห่างๆ ในอันดับสาม ด้วยส่วนแบ่งตลาด 2.6% ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่สี่ ด้วยส่วนแบ่ง 2.1% ไอดีซี ยังคาดการณ์ว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าว จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอด 4 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดเกาหลี อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมในภูมิภาคลดลง เป็น 41.7% ภายในปี 2551 ขณะที่จีน จะไล่ตีตื้นขึ้นมา เป็น 40.3%

 

ขณะเดียวกัน นิตยสาร ฟาร์ อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว ได้รายงานผลการสำรวจผู้บริหารเอเชียราว 1,901 คน ในประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งระบุว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริหารชาวเอเชีย ได้แก่โทรทัศน์จอแบน และกล้องดิจิทัล ขณะที่มือถือ 3จี และเครื่องเล่นเอ็มพี3 ยังไม่สามารถครองใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้ โดยผู้ตอบแบบสอบถาม ราว 1 ใน 3 กล่าวว่า ต้องการใช้ทีวีจอแบน รองลงมา ได้แก่ กล้องดิจิทัล ซึ่งมีสัดส่วนราว 26% ขณะที่อุปกรณ์อย่างแล็บทอป และพีดีเอ ตามมาเป็นอันดับสาม ด้วยสัดส่วน 25% และมือถือติดกล้อง เป็นอันดับสี่ ด้วยสัดส่วน 24%

นอกจากนี้ บรรดาผู้บริหาร ยังเปิดเผยว่า พวกเขานิยมซื้อสินค้าจากแบรนด์ชื่อดังมากกว่า

 

"ลูกค้าเหล่านี้ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้ออุปกรณ์รุ่นใหม่ มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ฟังก์ชัน, ราคา และยี่ห้อที่เชื่อถือได้ ขณะที่ผู้บริโภคทั่วไป มักไม่ได้เลือกซื้อจากชื่อยี่ห้อ หรือดีไซน์" นูรี วิททาชิ ผู้เขียนรายงาน กล่าว

ขณะที่ผู้บริหารชาวฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ยังเป็นกลุ่มผู้ที่หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เร็วที่สุด อาทิ การใช้บริการพาสเวิร์ดตัวเดียว, บัญชีรายชื่อ ที่ซิงโครไนซ์กับอุปกรณ์ทุกตัวได้ รวมทั้งยังเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจต่อเทคโนโลยีการเปลี่ยนโทรทัศน์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการสื่อสารมากที่สุดด้วย ตรงข้ามกับผู้บริหารชาวญี่ปุ่น และออสเตรเลีย กลับไม่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีเหล่านี้มากนัก

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2547

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.