ทีซ่าดันไทยติดอันดับผู้พัฒนาสมองกลฯ 1 ใน 5 ของเอเชีย
หนุนสร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ทีซ่า ตั้งเป้าดันไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศชั้นนำของเอเชีย ด้านการพัฒนาระบบสมองกลฝังตัว (เอ็มเบ็ดเดด ซิสเต็ม) ภายใน 3
ปี มุ่งเจาะอุตสาหกรรม ยานยนต์และเทเลคอม พร้อมร่วม 8
สถาบันสร้างเครือข่ายนักพัฒนา เชื่อมโยงภาคข่ายเอกชน
นายพันธศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์
นายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย หรือทีซ่า (TESA) กล่าวว่า สมาคมฯ
ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5
ประเทศชั้นนำของเอเชีย ในด้านสมองกลฝังตัว (Embeded System) รองจากประเทศจีน
เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่คาดว่าไทยจะอยู่ในอันดับที่
10 จากกลุ่มเอเชีย
โดยแผนงานเป้าหมาย จะต้องเริ่มจากการศึกษาวิจัยประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยก่อน
ทั้งจำนวนบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่มูลค่า (แวลลู เชน) ของอุตสาหกรรม จัดทำฐานข้อมูลนักพัฒนาระบบสมองกล และสายงานความเชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายนักพัฒนา
และสามารถเชื่อมโยงทำงานร่วมกับภาคเอกชนได้ รวมทั้งกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะใช้ระบบสมองกลเข้าไปมีบทบาทเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่ควบคุมภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ ธุรกิจโทรคมนาคม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องสร้างการเชื่อมโยง
และทำงานร่วมกันของทุกส่วน (คลัสเตอร์) ในห่วงโซ่มูลค่าของแต่ละอุตสาหกรรมให้ชัดเจน เขายกตัวอย่างเช่น
ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลก
ดังนั้น บริษัทไทยสามารถรับออกแบบระบบสมองกล
ที่จะใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ ตัวจุดระเบิด ฯลฯ ระบบควบคุมเบรกเอบีเอส
ทั้งนี้ ปัจจุบันโดยเฉลี่ยรถยนต์ 1 คัน
ประกอบด้วย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 15%-20%
หากสามารถสร้างธุรกิจสมองกลในประเทศในสัดส่วน 1.5-2% ของอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์
ก็นับว่าเป็นตลาดที่มีขนาดมหาศาลแล้ว
ด้านนายอภิเนตร อุนากูล เลขานุการสมาคมเดียวกัน
กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัวอย่างกว้างขวาง
ทั้งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะที่ต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ต เครื่องใช้ไฟฟ้า
รถยนต์ อุปกรณ์ระบบอัตโนมัติ โดยตัวเลขมูลค่าระบบสมองกลทั่วโลกในปี 2544 อยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าเฉพาะในตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (เดสก์ทอป) มีเพียง 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สร้างมูลค่าเพิ่มอุตฯ อิเล็กทรอนิกส์
นายอภิเนตรกล่าวว่า ระบบสมองกลฝังตัว จะสร้างมูลค่าเพิ่มสูงให้กับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
และเครื่องจักรกลเป็นอย่างมาก โดยอุปกรณ์อัตโนมัติบางอย่าง หากสามารถเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานในอุปกรณ์อัตโนมัติ
ก็จะใช้ทดแทนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศได้ ซึ่งแต่ละปี ประเทศไทยมีการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมประมาณ
2.5 ล้านล้านบาท "อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีมูลค่าประมาณ
800,000-1 ล้านล้านบาท โดยมีอุตสาหกรรมใหญ่ในไอซี
แพ็คเกจจิ้ง และฮาร์ดดิสก์ ซึ่งมูลค่าส่งออกรวม 500 พันล้านบาท
และไทยสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านระบบสมองกลฝังตัว
และการเขียนโปรแกรมควบคุมในเครื่องจักรอัตโนมัติ
เพื่อสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ" นายอภิเนตรกล่าว
ร่วมมือ 8 สถาบัน
นายพันธศักดิ์กล่าวว่า ล่าสุด สมาคมฯ
ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อจัดสร้างฐานข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องกันกับระบบสมองกล
ทั้งสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ตลอดจนหาความเชี่ยวชาญหลักของแต่ละสถาบัน
แบ่งปันมาตรฐานการพัฒนาและเทคโนโลยีที่มีอยู่ ทำให้สถาบันการศึกษาตอบสนองความต้องการภาคเอกชนแต่ละท้องถิ่น
ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2546
|