news-pr-news – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Wed, 20 Aug 2025 09:53:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png news-pr-news – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 เนคเทค x PIM จัดสัมมนา “AI for Thai 2025” เปิดทิศทางและก้าวต่อไปของแพลตฟอร์ม AI สัญชาติไทย https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/aiforthai-2025seminar.html Tue, 19 Aug 2025 01:29:16 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40971

18 สิงหาคม 2568 – ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) จัดงานสัมมนาประจำปี AI for Thai 2025 ภายใต้หัวข้อ “AI for Thai: พลังแห่งนวัตกรรม เพื่ออนาคตไทย” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์และนำเสนอทิศทางการพัฒนา AI ของประเทศไทย ณ อาคาร CP ALL Academy สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กรุงเทพฯ

ภายในงานได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สมโรตม์ โกมลวนิช รองอธิการบดีส่วนวิชาการและวิจัย สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวต้อนรับ

และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวเปิดงาน ก่อนเข้าสู่การบรรยายพิเศษเรื่อง “AI Service Platform : กุญแจสู่ AI Sovereignty”

โดย ดร.ชัย กล่าวถึง การพัฒนา AI Service Platform เพื่อส่งเสริมอธิปไตยทางด้าน AI ของชาติ โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทั้งนี้ AI สัญชาติไทยที่พัฒนาโดยคนไทยจะมีความสามารถในการเข้าใจบริบทของภาษาไทย ความซับซ้อนของภาษา การประมวลผลข้อความ เสียง และภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย รวมถึงข้อมูลเฉพาะทางด้านต่างๆ เช่น อาหารไทย หรือการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่ง AI ต่างชาติอาจทำได้ไม่สมบูรณ์

ด้าน ดร.กริช นาสิงห์ขันธุ์ หัวหน้างานยกระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี ฝ่ายสนับสนุนบริการทางวิศวกรรมและเทคโนโลยี เนคเทค ได้นำเสนอ “สรุปผลการดำเนินงานและก้าวต่อไปของ AI for Thai” กล่าวว่า แพลตฟอร์ม AI for Thai เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2019 เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการ AI สัญชาติไทยพร้อมใช้งาน (pretrained models) ในรูปแบบ API ให้แก่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ปัจจุบันมีบริการครอบคลุมถึง 78 บริการ มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ลงทะเบียนใช้งานกว่า 24,000 คน และมีการเรียกใช้งานสะสมมากกว่า 122 ล้านครั้ง โดยมีการเรียกใช้เฉลี่ยมากกว่า 10 ล้านครั้งต่อเดือน

และอีกหนึ่งหัวข้อไฮไลต์ที่น่าสนใจ คือ “การใช้งานแพลตฟอร์มให้บริการ AI for Thai v.2” โดย คุณชาญชัย จันฤาชัย วิศวกรผู้ดูแลแพลตฟอร์ม AI for Thai ที่เปิดเผยว่ามีแผนจะออกแพลตฟอร์มเวอร์ชัน 2 ที่สามารถรองรับโมเดลแบบ Pay-per-use เพื่อให้เกิดการใช้งานจริงมากขึ้น

ภายในงานยังมีการเสวนาและการบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากหลากหลายภาคส่วน อาทิ

เสวนาหัวข้อ Use Case การประยุกต์ใช้งาน AI Services ร่วมแชร์มุมมอง แนวทาง และประสบการณ์ โดย

  • อ.อัมริสา จันทนะศิริ ผู้ชำนาญสาขาคณิตศาสตร์มัธยมศึกษา สสวท.
  • คุณสุดารัตน์ สายเพียร รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
  • ดร.รังสันต์ จอมทะรักษ์ ผู้ช่วยคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งเป็นผู้แทนจากโครงการ AI Innovator
  • และ ดร.อิทธิพันธ์ เมธเศรษฐ Chief Technology Officer at ACCOMATE
    ดำเนินรายการโดย คุณศรินทร์ วัชรบุศราคำ นักวิจัยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค

การบรรยาย หัวข้อ “Infrastructure Matters: ทำไมโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นหัวใจของ AI ไทย”
โดย คุณณัฐพงษ์ ช่วยบำรุง CTO บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด

เสวนาหัวข้อ “ก้าวต่อไปของ AI for Thai กับการเป็นแพลตฟอร์มของประเทศ” ร่วมเสวนาโดย

  • รศ.ดร.ประมา ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
  • ดร.ยุทธศาสตร์ นิธิไพจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มดิจิทัล บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน)
  • คุณปฐม อินทโรดม กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
  • ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค และ นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT)
    ดำเนินรายการโดย ดร.กริช นาสิงห์ขันธุ์

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ ผลงาน บริการ และนวัตกรรม AI จากพันธมิตร ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย

]]>
เนคเทค สวทช. x สสว. จัดประชุมแนะนำระบบ THAI SME-GP ปี 2568 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/2025-thaismegp.html Fri, 15 Aug 2025 10:30:06 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40942

เนคเทค สวทช. x สสว. จัดประชุมแนะนำระบบ THAI SME-GP ปี 2568 หนุนผู้ประกอบการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พร้อมพัฒนาฟังก์ชัน AI Searching และ Dashboard

15 สิงหาคม 2568 – ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดประชุม “แนะนำระบบ THAI SME-GP พร้อมรับฟังความคิดเห็น ประจำปี 2568” เผยความก้าวหน้าของระบบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SME เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) และรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ณ ห้องพระศิวะ ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

โอกาสนี้ นางสาวธนัฏฐ์ภร บุญธรธนาทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนองค์ความรู้และระบบให้บริการ SMEs สสว. กล่าวเปิดงานและบรรยายถึงความสำคัญของระบบ THAI SME-GP ในฐานะเป็นฐานข้อมูลกลางของผู้ประกอบการ MSME และสินค้า/บริการ ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทั่วประเทศ ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนจะได้รับสิทธิประโยชน์แต้มต่อด้านราคาสูงสุดร้อยละ 15 เมื่อลงทะเบียนเป็น SME พร้อมทั้งมีสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand) และระบบ THAI SME-GP ยังมีการเชื่อมโยงข้อมูล SME เข้าสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ทำให้เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้สะดวกยิ่งขึ้น

จากนั้นมีการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ นายปรัชญา วิเชียรนพรัตน์ นักวิชาการคลังชำนาญการ จากกรมบัญชีกลาง นำเสนอ “มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และข้อปฏิบัติสำคัญ” และนายปรเมษฐ์ ธันวานนท์ ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส จากทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (SAI) เนคเทค สวทช. ได้ให้ข้อมูล “ภาพรวมและสถิติการใช้งานระบบ THAI SME-GP” รวมถึงทิศทางการประยุกต์ใช้ AI ในอนาคต

สำหรับปี 2568 สสว. มุ่งพัฒนาระบบ THAI SME-GP ให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการและหน่วยงานรัฐมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มฟังก์ชันค้นหาประกาศจัดซื้อจัดจ้างแบบ AI Searching เพื่อค้นหาด้วยข้อความอย่างรวดเร็ว และฟังก์ชัน Dashboard ข้อมูลสถิติจัดซื้อจัดจ้างของผู้ประกอบการ เพื่อประเมินศักยภาพการรับงานของ MSME ซึ่งในปีถัดไปจะขยายให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าใช้งานได้ พร้อมทั้ง AI ตัวใหม่จะเข้ามาสนับสนุนการใช้งาน

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 170,000 กิจการ และมีรายการสินค้า/บริการให้เลือกกว่า 1.2 ล้านรายการ มีผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์สะสมกว่า 11 ล้านครั้ง

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานและผู้ประกอบการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป

ผู้สนใจสามารถเข้าใช้งานระบบ THAI SME-GP
ทาง https://thaismegp.sme.go.th

]]>
Pathumma Connect คว้ารางวัลผลงานนำเสนอได้ดีที่สุด ในงาน Thailand Tech Show 2025 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/pathumma-connect-tts2025.html Thu, 14 Aug 2025 07:39:15 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40919

ขอแสดงความยินดีกับ ดร.ศราวุธ คงยัง กลุ่มนวัตกรรมการผลิตยั่งยืน EECi สวทช. และกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ที่ได้รับรางวัลผลงานนำเสนอได้ดีที่สุด จากเวที Investment Pitching ในงาน Thailand Tech Show 2025 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Pathumma Connect เป็นระบบ Meeting Intelligence Platform ภายใต้แนวคิด “WHERE VOICE CAN BECOME ACTIONS” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การประชุมขององค์กรยุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลัก คือ Partii Note : ระบบถอดเสียงการประชุมด้วย AI ภาษาไทย DocChat : ระบบสนทนาและติดตามการประชุมแบบอัจฉริยะ DocGen : ระบบร่างเอกสารอัตโนมัติจากผลการประชุม จุดเด่นของ Pathumma Connect คือการเป็น Private AI Technology ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยไทยเพื่อรองรับภาษา ข้อมูล และบริบทประเทศไทยโดยเฉพาะ พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร

นอกจาก Pathumma Connect แล้ว เนคเทค สวทช. ยังนำผลงานวิจัยอีก 2 ชิ้นร่วมเวที Investment Pitching ได้แก่

ระบบตรวจสอบย้อนกลับทุเรียนข้ามพรมแดน (Durian Trace)
โดย ดร.สุพร พงษ์นุ่มกุล และทีมวิจัยการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ (HBA) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) เนคเทค สวทช. 

Durian Trace ตอบโจทย์ความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรที่ซับซ้อน ปัญหาการตรวจสอบแหล่งที่มาและกระบวนการผลิตที่ไม่ชัดเจน ส่งผลต่อ ความปลอดภัยอาหาร ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และโอกาสส่งออก ข้อมูลส่วนใหญ่ยังไม่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบและขาดมาตรฐานการแลกเปลี่ยน เพื่อลดปัญหาดังกล่าว แพลตฟอร์ม Durian Trace ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น QR Code, IoT และบล็อกเชน เพื่อสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และรองรับมาตรฐานความยั่งยืนสากล จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ คือการแยก ระบบข้อมูล (Data Exchange & Integrity) ออกจาก ส่วนผู้ใช้งาน (UX/UI) ทำให้มีความยืดหยุ่นและขยายตัวได้ในอนาคต ระบบ IoT ช่วยเก็บข้อมูลภาคสนามแบบเรียลไทม์ บล็อกเชนรับประกันความถูกต้องของข้อมูลและป้องกันการแก้ไขย้อนหลัง ขณะที่ QR Code ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลการผลิตได้ง่ายและโปร่งใส ทั้งหมดนี้เสริมความมั่นใจให้ผู้บริโภคและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคเกษตรไทย

FITKAN – เรา Young Fit
โดย ดร.วินัย ชนปรมัตถ์ และทีมวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์(BES) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) เนคเทค สวทช.

 แพลตฟอร์มออกกำลังกาย “เรายังฟิต” (We Young Fit) คือโซลูชันดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ที่ใช้ อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้พื้นที่น้อย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลาโปรแกรมออกกำลังกายของแพลตฟอร์มมีหลากหลายโหมด ครอบคลุมทั้ง การออกกำลังกายทางกาย การบริหารสมอง และการฝึกสมาธิ เพื่อดูแลสุขภาพ ร่างกาย จิตใจ และสมอง รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ เดี่ยว คู่ และกลุ่ม พร้อมเก็บข้อมูลการฝึกตั้งแต่ ก่อน ระหว่าง และหลัง และนำมาวิเคราะห์ด้วย AI เพื่อวางแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับแต่ละบุคคล ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต สร้าง เครือข่ายสนับสนุนการออกกำลังกาย ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แพลตฟอร์มรองรับการใช้งานทั้งบน อุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ สำหรับหน่วยงานหรือองค์กรที่ติดตั้งระบบ ยังสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้จัดทำแผนดูแลสุขภาพทั้งแบบ องค์รวม และแบบ Personalized Care

ในปีนี้ เวที Investment Pitching มีผลงานเข้าร่วมทั้งหมด 10 ผลงาน จาก สวทช. 8 ผลงาน และพันธมิตร 2 ผลงาน โดยรางวัลผลงานที่น่าลงทุนที่สุดประจำปี 2568 เป็นของ “SolaRE โซลาร์รี Innovative Green Solar Cells” ผลงานวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค สวทช.) โดย ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี และทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ (SPVT) กลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน (EIRG)

SolaRE โซลาร์รี Innovative Green Solar Cells คือ แผงโซลาร์เซลล์โครงสร้างใหม่ที่สามารถถอดแยกส่วนประกอบหลักออกได้เมื่อสิ้นอายุใช้งาน โดยใช้เครื่องมือช่างพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางความร้อนหรือสารเคมี สัดส่วนน้ำหนักซากที่นำกลับมาใช้ต่อได้ 85-95% สะดวกต่อการรีไชเคิลวัสดุ ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซลาร์รีเทียบเท่าแผงโครงสร้างแบบดั้งเดิม ปัจจุบัน แผงโซลาร์รีขนาดเล็กกำลังการผลิตไฟฟ้า 15 วัตต์ สามารถประยุกต์ใช้ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับโคมไฟแอลอีดีได้เทียบเท่ากับแผงสำเร็จที่มากับชุดอุปกรณ์ ผ่านการทดสอบใช้งานในสภาวะจริงต่อเนื่องนานกว่า 24 เดือน

]]>
เนคเทค สวทช. ร่วมเวที TCELS ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์และ AI ทางการแพทย์ สู่นวัตกรรมเพื่อประชาชน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/tcels-ai-healthcare.html Wed, 13 Aug 2025 12:19:22 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40903

13 สิงหาคม 2568 – ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์และ AI ทางการแพทย์ของประเทศ ที่งานเสวนา “Public–Private Partnership for AI Expansion in Healthcare” จัดโดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภาคเอกชน และสมาคมเฮลท์เทคไทย ภายใต้งาน อว.แฟร์ 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ได้รับเกียรติจาก นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมเป้าหมายสำคัญด้านเครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Thailand’s Vision: AI for Equitable, Efficient, and Scalable Healthcare”

ภายในงานได้เปิดตัวแผนงานมุ่งเป้าของประเทศเพื่อผลักดัน “เครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา” เพิ่มศักยภาพการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมภายในประเทศ ลดการนำเข้า รวมมูลค่า 1,500 ล้านบาท และขยายโอกาสให้ประชาชนกว่า 8.5 ล้านคนเข้าถึงนวัตกรรมที่ผลิตโดยคนไทยภายในปี 2569 พร้อมเวที เสวนาแสดงศักยภาพนวัตกรรมไทยที่สามารถเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาทิ กรณีตัวอย่าง “นวัตกรรมการวิเคราะห์ภาพรังสีทรวงอกด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)”

ดร.ชัย กล่าวในช่วงเสวนาว่า แผนพัฒนา AI ของไทยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 โดยด้านการแพทย์ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญ เนื่องจากประเทศมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านองค์กรการแพทย์ บุคลากร และฐานข้อมูลสุขภาพ ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) เพื่อสนับสนุนการทำงานของสตาร์ตอัปและโรงพยาบาลในไทยร่วมกัน โดยมีหัวใจสำคัญคือ การแบ่งปันข้อมูล (Data Sharing) เพื่อเชื่อมโยงผู้พัฒนาและหน่วยงานให้ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ขณะนี้มีข้อมูลครอบคลุม 9 กลุ่มโรค รวมกว่า 2 ล้านภาพบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีการผลักดัน การทดสอบมาตรฐาน (Standard Testing) ในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างประเทศ พร้อมขยายศักยภาพห้องปฏิบัติการและบุคลากรผ่านความร่วมมือแบบ Public–Private Partnership

 

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการผลักดันสู่เชิงพาณิชย์ (Commercialization) ผ่านเครื่องมืออย่าง บัญชีนวัตกรรม ที่มอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ขึ้นทะเบียนให้สามารถจัดซื้อโดยหน่วยงานรัฐได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันกลุ่มการแพทย์และเครื่องมือแพทย์มีผลงานขึ้นบัญชีแล้ว 88 ชิ้น และอยู่ระหว่างพิจารณาอีก 12 ชิ้น ซึ่งกระบวนการพิจารณามีความเข้มงวดแต่พัฒนาให้รวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังเน้นการสร้างผู้บริหารสตาร์ตอัปที่มุ่งมั่นทำงานกับโรงพยาบาลอย่างจริงจัง เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการแพทย์ของไทยให้เติบโต

ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์และ AI ทางการแพทย์ของไทยสู่การใช้งานจริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

]]>
อว. ผนึก ดีอี โดย สวทช. จุฬาฯ และ สพธอ. เตรียมการจัดตั้ง “AI Thailand Hub” https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/press-aith-aithailandhub.html Wed, 13 Aug 2025 10:00:16 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40880

อว. ผนึก ดีอี โดย สวทช. จุฬาฯ และ สพธอ. เตรียมการจัดตั้ง “AI Thailand Hub” เดินหน้ายุทธศาสตร์ AI นำร่อง COE ประเทศ ลุยสร้างคน สร้างมาตรฐาน บริการ AI ครบวงจร

13 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ – ประเทศไทยปักหมุดอนาคตด้านปัญญาประดิษฐ์ครั้งสำคัญ ด้วยการเตรียมการจัดตั้ง ‘ศูนย์ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AITH: AI Thailand Hub’ จากความร่วมมือของ 2 กระทรวง โดย 3 หน่วยหลัก ได้แก่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์ความเชี่ยวชาญ (AI Center of Excellence – COE) ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565-2570) โดย ใน 2 ด้าน ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา และศูนย์สอบเทียบสมรรถนะและทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมให้บริการครอบคลุมการพัฒนาบุคลากร การสร้างมาตรฐานและรับรองผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI

 พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกล่าวแสดงความยินดี โดยมีผู้ลงนาม ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ สพธอ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้ง 3 หน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนางสาวรจนา ล้ำเลิศ ที่ปรึกษา สพธอ. หัวหน้าศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า “กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติฯ มุ่งพัฒนาระบบนิเวศ AI ของประเทศ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุน การเสริมศักยภาพบุคลากร การวิจัยและสร้างนวัตกรรม การกำกับดูแลตามมาตรฐานสากล และการผลักดันให้เกิดการประยุกต์ใช้ AI ในทุกภาคส่วน ศูนย์ AITH จะเป็นกลไกกลางในการบูรณาการความร่วมมือให้การพัฒนาและการกำกับดูแล AI เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รองรับการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ขอชื่นชมในความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทั้งสามหน่วยงานหลัก ที่ได้วางรากฐานสำคัญในครั้งนี้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศทางด้านเทคโนโลยี AI นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น”

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Building a Sustainable AI Innovation Ecosystem โดยกล่าวว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติฯ มีมติเห็นชอบกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program) โดยมีหัวใจสำคัญ คือ การพัฒนาระบบนิเวศ AI ผ่าน 2 แนวทางหลัก ได้แก่ (1) การสร้างความพร้อม AI (AI Readiness) ในด้านกำลังคน โครงสร้างพื้นฐาน และการกำกับดูแล (2) การผลักดันการนำ AI ไปใช้ ในทุกภาคส่วน (AI Adoption) โดยมีกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนผ่านการจัดตั้งภาคีเครือข่าย (Consortium) และศูนย์ความเชี่ยวชาญ (AI Center of Excellence – COE) อย่างน้อย 9 แห่ง ที่ตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ

“การเตรียมการจัดตั้งศูนย์ AITH ในวันนี้ นับเป็นการวางรากฐานนำร่องศูนย์ COE ใน 2 ด้านสำคัญ ได้แก่ การสร้างกำลังคน ผ่านศูนย์นวัตกรรม AI ด้านการศึกษา และ การสร้างมาตรฐานกลางสำหรับการประเมิน AI ผ่านศูนย์สอบเทียบสมรรถนะ และทดสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ AI ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับการจัดตั้งศูนย์ COE ในสาขาอื่น ๆ ต่อไป” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าว

การเตรียมการจัดตั้งศูนย์ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเข้าถึง สร้างความเข้าใจ และสนับสนุนการนำ AI ไปใช้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับภาคส่วนต่าง ๆ บนพื้นฐานของจริยธรรมและความปลอดภัย ภายใต้กรอบความร่วมมือระยะเวลา 3 ปี สวทช. มีความพร้อมอย่างยิ่งในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ AITH ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านเทคโนโลยีที่ สวทช. ได้พัฒนาจนเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับในระดับสากล

“ในส่วนศูนย์สอบเทียบสมรรถนะฯ สวทช. โดย เนคเทค จะนำศักยภาพของห้องปฏิบัติการทดสอบเฉพาะทาง (SQUAT) ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบซอฟต์แวร์แห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 เข้ามาเป็นกลไกหลักในการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ AI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ขณะเดียวกันศูนย์ AITH จะเป็นช่องทางสำคัญให้ภาคอุตสาหกรรมและนักวิจัยสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน AI ของประเทศ ที่ สวทช. ดูแลอยู่ ทั้งระบบลันตาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (LANTA HPC) และแพลตฟอร์ม AI for Thai ให้บริการ API AI สัญชาติไทย ได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นการนำสินทรัพย์ทางเทคโนโลยีของประเทศมาต่อยอดและขยายผลผ่านความร่วมมือเพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ที่เข้มแข็งและแข่งขันได้จริง” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ อธิบาย

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า “ภารกิจหลักของสถาบันอุดมศึกษาคือการสร้าง ‘ทุนมนุษย์’ ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ AI University จุฬาฯ เป็นต้นแบบของสถาบันอุดมศึกษาของไทยได้บุกเบิกและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประยุกต์ใช้ AI เพื่อการศึกษา ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ ChulaGENIE (Generative AI ของจุฬาฯ) อย่างต่อเนื่อง แต่ความรู้นี้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในรั้วมหาวิทยาลัย ความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ AITH จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้จุฬาฯ นำร่องให้สถาบันอุดมศึกษาของไทยสามารถนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบุคลากร ไปถ่ายทอดและต่อยอดสู่การพัฒนากำลังคนของประเทศในวงกว้าง เพื่อสร้างนักนวัตกร AI ที่มีคุณภาพ พร้อมตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน”

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ สพธอ. กล่าวว่า “สพธอ. มีภารกิจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัล ผ่านการวางกรอบธรรมาภิบาล AI ที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน สพธอ. อยู่ระหว่างเดินหน้าพัฒนา (ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ AI และหลักการทดสอบ AI Regulatory sandbox รวมถึงเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา

การเตรียมการจัดตั้งศูนย์ AI Thailand Hub ในครั้งนี้จะเป็นกลไกที่เป็นกลางและโปร่งใส สำหรับทดสอบ ยืนยันวิเคราะห์ และประเมินระบบ AI ในเชิงปฏิบัติ เพื่อรองรับกรอบนโยบายในระดับประเทศของเรา ศูนย์นี้จึงเป็นหน่วยงานกลางเพื่อเชื่อมระหว่าง ผู้กำหนดนโยบาย และ ภาคปฏิบัติการ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไป และเป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและยั่งยืน”

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียด และลงทะเบียนเพื่อรับบริการ
ศูนย์ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AITH: AI Thailand Hub)
ได้ที่ https://www.ai.in.th/AITH

]]>
NETPIE ครบรอบ 10 ปี! เนคเทค สวทช. ชู AIoT ก้าวต่อไปของ IoT ไทย https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/netpie10th.html Fri, 08 Aug 2025 11:57:38 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40801

8 สิงหาคม 2568 – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดกิจกรรม “10 ปี IoT ไทย: จาก NETPIE สู่อนาคตแห่งการเชื่อมต่อสรรพสิ่งด้วย AIoT” ชี้บทบาทสำคัญของแพลตฟอร์ม NETPIE ในการวางรากฐานระบบนิเวศ IoT ของไทย พร้อมเปิดมุมมองอนาคตการประยุกต์ใช้ AI ผสาน IoT (AIoT) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันในยุคดิจิทัล โดยมี ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เนคเทค สวทช. กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช., ดร.สุทัด ครองชนม์ นายกสมาคมไทยไอโอที, คุณชาวีร์ อิสริยภัทร์ CTO บริษัท เน็กซ์พาย จำกัด และผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมงาน ณ ห้อง 601 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปทุมธานี

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า “NETPIE (เน็ตพาย) เริ่มต้นจากโครงการวิจัยเล็กๆ ในเนคเทค ก่อนจะเติบโตเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่นักพัฒนา ครูอาจารย์ Maker และภาคเอกชนไทยนำไปต่อยอดใช้งานอย่างแพร่หลาย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ NETPIE งานในครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อย้อนรำลึกถึงเส้นทางการพัฒนา IoT ของไทย พร้อมทั้งเปิดเวที ‘NETPIE & Friends’ เพื่อสะท้อนพลังของชุมชนผู้มีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยี”

ภายในงานยังมีการเปิดตัว “Daysie” แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดจากทีมเนคเทค ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการพัฒนาระบบ AIoT ที่ทำงานแบบเรียลไทม์ มีความปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้ที่ Edge โดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพของนักพัฒนาไทยให้พร้อมรับกับความท้าทายในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ การแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง และเวิร์กชอปที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจทดลองใช้งาน Daysie ด้วยตนเอง “หวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ขยายเครือข่าย และจุดประกายแนวคิดใหม่ๆ ที่จะพา IoT ไทยก้าวไกลในยุค AIoT ต่อไป” ดร.ชัย กล่าวปิดท้าย

NETPIE แพลตฟอร์ม IoT ฝีมือคนไทย จุดเริ่มต้นสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า “การพัฒนาสิ่งที่คนไม่รู้จักเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในช่วงเริ่มต้นการพัฒนา NETPIE ด้วยเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เป็นเรื่องใหม่มากในช่วงปี 2555-2556” NETPIE (Network Platform for Internet of Everything) คือแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับการพัฒนา Internet of Things (IoT) สัญชาติไทย พัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. เพื่อให้การเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ IoT ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถจัดการและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ผ่านแดชบอร์ด เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะในหลากหลายภาคส่วน NETPIE เปิดให้บริการฟรีแก่สาธารณชนครั้งแรกในปี 2558 โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่รองรับการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ด้าน IoT สำหรับทั้งนักพัฒนา ธุรกิจสตาร์ทอัป และภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการสร้างระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะโดยไม่ต้องลงทุนด้านระบบหลังบ้านเอง ด้วยความสามารถที่ครบถ้วนและใช้งานได้จริง NETPIE จึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันระบบนิเวศ IoT ไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยสามารถนำไปต่อยอดการใช้งานในหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการ เกษตรอัจฉริยะ ไปจนถึงเมืองอัจฉริยะ

เพื่อรองรับการใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์ความต้องการทางอุตสาหกรรม แพลตฟอร์ม NETPIE ได้ยกระดับสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ โดยทีมวิจัยและพัฒนาบางส่วนจากเนคเทค  สวทช. ได้ก่อตั้งบริษัท เน็กซ์พาย (NEXPIE) จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการ NETPIE อย่างมืออาชีพ โดยได้รับสิทธิในการใช้แพลตฟอร์ม NETPIE ภายใต้การอนุญาต (Licensing) จากเนคเทค สวทช. โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานในระยะยาว พร้อมส่งเสริมการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงในภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการพัฒนาประเทศอย่างเต็มประสิทธิภาพ “นับเป็นก้าวสำคัญของ NETPIE จากโครงการวิจัยสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน IoT ที่พร้อมรองรับการใช้งานในระดับองค์กรและภาคเอกชนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ดร.พนิตา กล่าวเสริม

พลิกวิกฤตด้วย NETPIE

จากเสียงร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งในอดีตน้ำประปาไม่ไหล หรือไหลอ่อนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากระบบผลิตน้ำ ณ หน่วยบริการ อ.แม่วาง ขัดข้องหรือหยุดชะงัก จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้ากระพริบ ด้วยหน่วยบริการ อ.แม่วาง เป็นสถานีผลิตน้ำขนาดเล็กอยู่ห่างไกลจากสำนักงานใหญ่ ประมาณ 60 กิโลเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานใหญ่ไม่ทราบสถานะของเครื่องจักรกล การเข้ามาตรวจสอบสถานะดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อประชาชนร้องเรียนเข้ามา ทาง กปภ. สาขาเชียงใหม่ (พ.) จึงตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีและคุ้มค่าอย่าง เน็ตพาย (NETPIE) แพลตฟอร์มไอโอทีสัญชาติไทย “หลังจากที่เราได้นำ NETPIE มาประยุกต์ใช้สร้างนวัตกรรม สามารถลดข้อร้องเรียนในการแจ้งน้ำไหลอ่อนหรือน้ำไม่ไหลได้ เนื่องจากเรามีการผลิตน้ำที่ต่อเนื่องมากกว่าเดิม” คุณธีระพงษ์ ละออ วิศวกรงานผลิต กปภ. สาขาเชียงใหม่ (พ.) กล่าว

NETPIE ยกระดับสู่ AIoT หนุนภาคอุตสาหกรรมไทย

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า “บ่อยครั้งที่ผมมักเปรียบเทียบว่า ข้อมูล (Data) เปรียบเสมือนเลือด AI คือสมอง และเซนเซอร์ คือประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนต้องเชื่อมโยงกันผ่านเส้นเลือด และเส้นเลือดในระบบดิจิทัลก็คือแพลตฟอร์ม IoT หรือ NETPIE นั่นเอง ซึ่งได้ก้าวสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบผ่านบริษัท NEXPIE แล้ว ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อมีการผสาน IoT เข้ากับ Edge Computing และ AI ซึ่งเป็นแนวทางของ AIoT ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบอัจฉริยะในอนาคต”

“Daysie” แพลตฟอร์ม AIoT ที่ใช้งานง่าย…ไม่เขียนโค้ด

ในโอกาสนี้ ดร.เอมอัชนา นิรันตสุขรัตน์ หัวหน้าทีมระบบไซเบอร์-กายภาพ (CPS) กล่าวว่า เนคเทค  สวทช. ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ภายใต้ชื่อ “Daysie” แพลตฟอร์มช่วยสร้างแอปพลิเคชัน IoT สำหรับติดตั้งบนอุปกรณ์ Edge Computing โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเขียนโปรแกรมใดๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับการพัฒนาแอปพลิเคชันในกลุ่มเทคโนโลยี AIoT (Artificial Intelligence of Things) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม พร้อมดาวน์โหลดไปติดตั้งบนอุปกรณ์ Edge Computing ได้ด้วยตนเอง

จุดเด่นของ Daysie ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสร้างแอป AIoT เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ยังเปิดทางให้ อุปกรณ์ Edge Computing สามารถประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจควบคุมอุปกรณ์อื่นได้โดยอัตโนมัติ ด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกทั้งยังเชื่อมโยงและทำงานร่วมกับระบบ IoT ได้อย่างไร้รอยต่อผ่านแพลตฟอร์ม NETPIE

นับเป็นก้าวสำคัญของ สวทช. จากการเป็นผู้ให้บริการด้าน IoT มาสู่การผลักดันเทคโนโลยี AIoT อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อ กระจายการประมวลผลจากศูนย์กลาง (Cloud Computing) ไปยังจุดต่าง ๆ ในระบบผ่าน Edge Computing ซึ่งทำให้ระบบตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น มีความยืดหยุ่น และสามารถดำเนินงานได้แม้ในกรณีที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับคลาวด์

AIoT จึงถือเป็นการ “กระจายสมอง” ให้แทรกซึมในทุกองค์ประกอบของระบบ IoT เช่น ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในสายการผลิต ที่อุปกรณ์ Edge Computing หนึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติในเครื่องจักร แล้วสื่อสารกับอุปกรณ์ Edge ตัวอื่นที่ควบคุมกระบวนการผลิตในช่วงก่อนหน้า เพื่อชะลอความเร็วให้เหมาะสม ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยรวม

ปัจจุบันแพลตฟอร์ม Daysie ถูกนำไปทดลองใช้งานในหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเช่น การพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้วยภาพถ่ายหรือเสียง การวิเคราะห์เสียงเครื่องจักรเพื่อตรวจหาความผิดปกติล่วงหน้า และงานอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจจากข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ปลายทาง

การเปิดตัว Daysie สะท้อนถึงทิศทางของ สวทช. ที่มุ่งมั่นผลักดันไทยให้เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานความง่ายในการใช้งาน เข้ากับความล้ำหน้าของ AI และการสื่อสารของ IoT อย่างสมบูรณ์แบบ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Daysie” ได้ที่ https://daysie.io/

]]>
เนคเทคและพันธมิตร ร่วมเวที Techsauce Global Summit 2025 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/techsauce2025.html Wed, 06 Aug 2025 10:14:00 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40860

วันที่ 4 สิงหาคม 2568 – เนคเทค ร่วมกับ ปตท. และ After You จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “Digital and AI in Manufacturing: Automation Frontier of Humans and Machines” ภายในงาน Techsauce Global Summit 2025 เพื่อสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีอย่างแท้จริง

เวทีเสวนานี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่

  • ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.
  • คุณธเนศ อิงสกุลรุ่งเรือง ผู้จัดการส่วนตลาดและขายเอนเนอร์ยี่ โซลูชั่นส์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
  • คุณแม่ทัพ ต.สุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน)
    ดำเนินรายการ โดย ดร.เอมอัชนา นิรันตสุขรัตน์ หัวหน้าทีมวิจัยระบบไซเบอร์กายภาพ เนคเทค สวทช.

วิทยากรทั้งสามท่านได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มของการประยุกต์ใช้ AI, Automation, Digital Transformation ในการยกระดับภาคการผลิต ทั้งในระดับองค์กรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไปจนถึงภาคบริการและธุรกิจ

โดย ดร.ชัย เน้นย้ำถึง บทบาทของ AI ที่ไม่ใช่การมาแทนที่แรงงาน แต่จะมาช่วยเสริมศักยภาพของมนุษย์ให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างชาญฉลาด ขณะที่คุณธเนศ ผู้แทนจาก ปตท. ได้กล่าวถึงการใช้ระบบอัตโนมัติในการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร ด้านคุณแม่ทัพ ผู้บริหาร After You ได้แบ่งปันมุมมองจากภาคธุรกิจบริการ ที่ได้ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนากระบวนการภายในและสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

การเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำถึงแนวโน้มของภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มุ่งสู่การทดแทนมนุษย์ด้วยเทคโนโลยี แต่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง “มนุษย์” และ “เครื่องจักร” อย่างกลมกลืน เพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคตของการผลิตที่ยั่งยืนและมีศักยภาพ
นอกจากนี้ภายในงาน เนคเทค สวทช. ยังร่วมออกบูธจัดแสดงผลงานบริการด้าน AI อาทิ “NomadML” แพลตฟอร์มเทรน AI โดยไม่ต้องเขียนโค้ด และ “Pathumma LLM” โมเดลสำหรับสร้าง Generative AI รองรับการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ , เสียง , และภาพ พร้อมความเชี่ยวชาญในการเข้าใจภาษาไทยและบริบทของประเทศไทย

งาน Techsauce Global Summit 2025 มหกรรมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม 2568 ภายใต้ธีม “The Dawn of Symbiosis” ชูแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงาน การตัดสินใจ และการบริหารจัดการในภาคการผลิตอย่างรวดเร็ว

]]>
เนคเทค สวทช. จัดสัมมนา Net Zero Day Series 1 หนุนอุตสาหกรรมใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม จัดการคาร์บอนอย่างยั่งยืน https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/2025netzeroday1.html Tue, 29 Jul 2025 08:27:29 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40660

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดงานสัมมนา Net Zero Day Series 1 ภายใต้หัวข้อ Digital Tools for Carbon Accounting Management จัดการคาร์บอนอย่างแม่นยำด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2568 ณ ห้อง SD-601 อาคารสราญวิทย์ สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ไฮไลต์สำคัญของงานประกอบด้วย

  • การบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ก้าวทันเทรนด์โลกร้อน สู่การขอใบรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)” โดยได้รับเกียรติจาก คุณภคมน สุภาพพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน). มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางและกระบวนการในการขอใบรับรองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาองค์กรอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

  • การบรรยายเชิงลึกในหัวข้อ “เส้นทางสู่ Net Zero Carbon” เจาะลึกแนวทางปฏิบัติจริงเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งกำลังเป็นเป้าหมายหลักของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดย คุณชาญเดช หรูอนันต์ นักวิจัยจากทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน เนคเทค มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์จากการทำงานภาคสนามจริง พร้อมแนะนำ 3 ก้าวสำคัญในการวางรากฐาน เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าสู่ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่:

    1) Baseline Assessment – การประเมินจุดเริ่มต้นของการปล่อยคาร์บอน
    2) ACAMP (Carbon Accounting Management Platform) – แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอน
    3) Decarbonization – การกำหนดมาตรการลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ
  • เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หัวข้อ “จากข้อมูลสู่ผลลัพธ์: แชร์ประสบการณ์ลดคาร์บอนด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล” เวทีเสวนานี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลไปใช้จริงผ่านประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้งานและนักพัฒนาเทคโนโลยี ได้แก่:
    – ดร.นิธิพล ตันสกุล Regional Head of Sustainability – APAC, Rhenus Logistics นำเสนอแนวทางการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ ผ่านความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และกรณีศึกษาการบริหารจัดการความยั่งยืนและคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค พร้อมเล่าประสบการณ์การใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการลดคาร์บอนที่สามารถวัดผลได้จริง
    – ดร.อัมพร โพธิ์ใย หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน เนคเทค แบ่งปันมุมมองจากฝั่งผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ACAMP พร้อมแนวทางการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมในการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้
    ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ เนคเทค
  • เสวนาหัวข้อ “ก้าวสู่นวัตกรรมด้วยกลไกสนับสนุนจาก สวทช. ” นำเสนอช่องทางและโอกาสในการเข้าถึงกลไกการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ภายใน สวทช. โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานหลักร่วมแบ่งปันข้อมูล ประกอบด้วย:
    – คุณเกียรติรัตน์ ทองผาย ผู้จัดการงานเร่งสร้างศักยภาพธุรกิจเทคโนโลยี ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID)
    – คุณศศิน เชาวนกุล ตัวแทนอนุญาตใช้สิทธิ สำนักงานจัดการสิทธิเทคโนโลยี (TLO)
    – คุณระสิตา ถาวรานุรักษ์ ผู้จัดการงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ (ESI) ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP)
    – คุณอาริศฐา เฉลิมรัมย์ ผู้ช่วยปฏิบัติงานวิจัย ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)
    ดำเนินรายการโดย ดร.โรสริน อัคนิจ นักวิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค
  • กิจกรรมสาธิตการใช้งาน “ACAMP” แพลตฟอร์มจัดการ Carbon Accounting โดย คุณชำนาญ ปัญญาใส นักวิจัยทีมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน เนคเทค นำเสนอการใช้งานแพลตฟอร์ม ACAMP เพื่อจัดเก็บ คำนวณ วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลคาร์บอนอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

พร้อมด้วยโต๊ะให้คำปรึกษาจากหน่วยงานสนับสนุนของ สวทช. ได้แก่ BID ITAP TLO และบูธแสดงเทคโนโลยีจากพันธมิตร อาทิ ธนาคารกรุงไทย และผู้พัฒนา System Integrator เช่น ลลิล My Steam

การสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้องค์กรในภาคอุตสาหกรรมตระหนักถึงความสำคัญของการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการคาร์บอนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล คำนวณ ไปจนถึงการรายงานผล ตามแนวทางและมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) พร้อมเปิดเวทีสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้าน Climate Action Carbon Neutrality และ Net Zero เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

]]>
เนคเทค สวทช. จัดเวิร์กช็อปพัฒนา AIoT บนอุปกรณ์ Edge Computing ด้วยแพลตฟอร์ม “Daysie” https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/daysie-2025workshop3.html Tue, 22 Jul 2025 06:39:08 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40655

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “Daysie: Bring Your Data, Gain The Edge” ระหว่างวันที่ 15 – 16 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุม SD-601 ชั้น 6 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างทักษะให้ผู้เข้าร่วมสามารถพัฒนาแอปพลิเคชัน AIoT บนอุปกรณ์ Edge Computing ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพด้วยแพลตฟอร์ม “Daysie” ผลงานล่าสุดที่พัฒนาโดยนักวิจัยจากเนคเทค

โอกาสนี้คุณอุดม ลิ่วลมไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม (IIARG) เนคเทค ได้ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดอบรม พร้อมด้วยคุณปัญญาสาร ปริศวงศ์ ประธานกรรมการพิจารณาผลงานโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม Edge Computing เพื่อต่อยอดแพลตฟอร์ม NETPIE IoT จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) กล่าวเปิดงาน

ตลอดสองวันของกิจกรรม ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานแนวคิดของ Edge Computing, IoT และ AI ไปจนถึงการใช้งานจริง รวมทั้งได้ลงมือปฏิบัติทดลองใช้งานแพลตฟอร์ม Daysie ในการสร้างโมเดล Machine Learning จากชุดข้อมูลจริงในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประเภทภาพ, เสียงการสั่นสะเทือน หรือข้อมูลจากเซนเซอร์ที่เป็นอนุกรมเวลา เป็นต้น เพื่อนำไปพัฒนาเป็นแอปพลิเคชัน AIoT กิจกรรมไฮไลต์ประกอบด้วย:

  • เวิร์กชอปพัฒนาและติดตั้งแอปพลิเคชัน AIoT บนแพลตฟอร์ม Daysie
  • การสร้างโมเดล Machine Learning โดยใช้ข้อมูลหลากหลายประเภท
  • คลินิกให้คำปรึกษาสำหรับการพัฒนาโซลูชัน AI + IoT โดยทีมวิจัยจากระบบไซเบอร์-กายภาพ (CPS)

การอบรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยี Edge Computing และ AIoT สู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจไทย ด้วยการสนับสนุนจาก กทปส. ซึ่งเป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 3 โดยมีผู้เข้าร่วมถึง 43 คน จาก 15 บริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความพร้อมของภาคส่วนต่างๆ ที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้

Daysie มุ่งมั่นที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักพัฒนาสามารถประยุกต์ใช้ Edge Computing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวสู่ Smart Factory อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

]]>
เนคเทค สวทช. จัดสัมมนา “UNAI DAY 2025” ดันเทคโนโลยีระบุตำแหน่งในอาคาร สู่การใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมและบริการ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/unaiday-2025.html Wed, 16 Jul 2025 03:06:35 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40614

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดงานสัมมนา UNAI DAY 2025 ภายใต้หัวข้อ “ระบบระบุตำแหน่งในอาคารกับการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์จริง” เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ณ ห้อง SD-601 อาคารสราญวิทย์ สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากกรณีศึกษาการใช้งานจริงของเทคโนโลยี UNAi (อยู่ไหน) ซึ่งเป็นระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติที่พัฒนาโดยทีมนักวิจัยเนคเทค สวทช. โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนาเทคโนโลยีและผู้ให้บริการติดตั้งและวางระบบ กับผู้ใช้งานจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และแนวทางการนำเทคโนโลยีไปใช้จริง

ภายในงานประกอบด้วยการนำเสนอกรณีศึกษาที่น่าสนใจโดย ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค ถ่ายทอดตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบ UNAi ในหลากหลายภาคส่วน อาทิ การบริหารจัดการโรงงานและคลังสินค้า การจัดการพลังงานในโรงพยาบาล การใช้งานในธุรกิจบันเทิง และการเสริมความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงาน

ต่อเนื่องด้วยเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “เสียงจากภาคสนาม: เทคโนโลยี UNAi ที่สร้างผลลัพธ์” เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการติดตั้งและวางระบบ และผู้พัฒนาเทคโนโลยี จากหลากหลายองค์กรชั้นนำมาร่วมฉายภาพของการนำเทคโนโลยี UNAi ไปใช้จริงในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การแพทย์ และบริการ อาทิ

  • คุณธีวินท์ นิ่มกิตติกุล Chief Executive Officer บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด
  • คุณธีรพัฒน์ ทองสุโชติ Solution Business Catalyst บริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด
  • ดร.ธนทัต พสุภา ผู้ช่วยผู้บริหารระดับสูงฝ่าย Manufacturing บริษัท ยูไนเต็ดคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด
  • คุณสันติ คุ้มจิตร Assistant Front Service Manager โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช
  • คุณภุชงค์ เจริญสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  • และ ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค

ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ เนคเทค

ในช่วงต่อมา เป็นการเสวนาหัวข้อ “นโยบายหนุนเทคโนโลยี: โอกาสและสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ” โดยตัวแทนจากหน่วยงานใน สวทช. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเห็นแนวทางภาพรวมของกลไกสนับสนุนและช่องทางเข้าถึงทุนวิจัย อาทิ

  • คุณเกียรติรัตน์ ทองผาย ผู้จัดการงานเร่งสร้างศักยภาพธุรกิจเทคโนโลยี ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID)
  • คุณศศิน เชาวนกุล ตัวแทนอนุญาตใช้สิทธิ สำนักงานจัดการสิทธิเทคโนโลยี (TLO)
  • คุณบัณฑิต บุญมี ที่ปรึกษาอาวุโส งานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP)

ดำเนินรายการโดย ดร.โรสริน อัคนิจ นักวิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค

ช่วงบ่ายของงานยังมีกิจกรรม Workshop ภาคปฏิบัติ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และทดลองใช้งานระบบจริง โดย ดร.เกรียงไกร มณีรัตน์ และทีมนักวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค รวมถึงบริการโต๊ะให้คำปรึกษากลไลการสนับสนุนจากหน่วยงาน BID ITAP TLO และบูธแสดงเทคโนโลยีจากพันธมิตร เช่น AIS, SMC, i4.0 และผู้พัฒนา SI ได้แก่ SmartSense 2CS และ WCE

การสัมมนาในครั้งนี้ไม่เพียงเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ยังสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การใช้จริงทั้งในภาคอุตสาหกรรมและบริการ

รับชมสัมมนาย้อนหลัง

]]>