UNAI – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Wed, 20 Aug 2025 06:41:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png UNAI – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 UNAi เทคโนโลยีที่ไปไกลกว่าการ”บอกตำแหน่ง” แต่ชี้ให้เห็นว่า ‘ต้องปรับอะไร’ เพื่อให้ธุรกิจเดินไวขึ้น https://www.nectec.or.th/news/news-article/unai-2025.html Thu, 07 Aug 2025 09:21:59 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40751

ส่องเคสจริงจากโรงงาน โรงพยาบาล และธุรกิจบริการที่ใช้ UNAi ยกระดับการทำงานแบบ Smart Operation

ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน การทำงานที่เร็วขึ้น และ ฉลาดขึ้น คือหัวใจสำคัญ เทคโนโลยีจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Real-Time Location System: RTLS) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นตลาดโลกที่กำลังเติบโตอย่างมหาศาล รายงานจาก Research and Markets คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 14.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 29.8% ในช่วงปี 2025 – 2029 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการมหาศาลในการนำข้อมูลตำแหน่ง มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เนคเทค สวทช. จัดงานสัมมนา UNAI DAY 2025 เพื่อนำเสนอ “UNAi (อยู่ไหน)” เทคโนโลยีระบุตำแหน่งในอาคารฝีมือคนไทย ซึ่งเป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจคว้าโอกาสจากเทรนด์ระดับโลกนี้และก้าวสู่การทำงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง 

Table of Contents

ทำความรู้จัก UNAi เทคโนโลยีเบื้องหลัง Smart Operation

UNAi (อยู่ไหน) คือ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคารความแม่นยำสูงที่พัฒนาโดยทีมวิจัยเนคเทค สวทช. หลักการทำงานของระบบประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1) แท็ก (Tag) อุปกรณ์ส่งสัญญาณขนาดเล็กที่นำไปติดกับวัตถุหรือบุคคลที่ต้องการติดตาม 2) แองเคอร์ (Anchor) อุปกรณ์รับสัญญาณที่ติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ภายในอาคารเพื่อรับข้อมูลจากแท็ก และ 3) เซิร์ฟเวอร์ (Server) ระบบประมวลผลกลางที่คำนวณตำแหน่งของแท็กแบบเรียลไทม์

ภาพจาก: “UNAI” เทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร เสริมแกร่งธุรกิจจัดงานอีเวนต์ https://www.nstda.or.th/home/news_post/unai-mice/

จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ คือ ความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เทคโนโลยี โดยใช้ Ultra-Wideband (UWB) สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงสุดระดับเซนติเมตร หรือการใช้ Bluetooth Low Energy (BLE) สำหรับการใช้งานในลักษณะอื่น ๆ ที่คุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ ระบบยังถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย ใช้พลังงานต่ำ รองรับการติดตามแท็กจำนวนมาก และที่สำคัญคือ มี API ให้นักพัฒนาและ System Integrator (SI) นำไปต่อยอด เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์เฉพาะทางของแต่ละธุรกิจได้โดยตรง

ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. เล่าว่า UNAi เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับสู่ Industry 4.0 สอดคล้องกับดัชนีชี้วัด Thailand i4.0 Index ที่ สวทช. พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานกลางในการประเมินความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทย จากการที่ สวทช. ได้ประเมินโรงงานในประเทศไปแล้วกว่า 200 แห่ง พบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมระดับ 1-2 ซึ่งพึ่งพาแรงงานเป็นหลัก เทคโนโลยี UNAi จึงเข้ามาเป็นคำตอบสำคัญในการยกระดับองค์กร

“UNAi จะเข้ามาตอบโจทย์ดัชนีชี้วัด Thailand i4.0 Index ซึ่งมี 6 มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติ Smart Operation กล่าวคือ ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดิม ไปสู่การทำงานที่ระบบสามารถตรวจจับและแจ้งเตือนความผิดปกติได้เองโดยอัตโนมัติ และยังสามารถนำข้อมูลตำแหน่งไปวิเคราะห์ต่อยอดด้วย AI เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถขยับสู่ Industry 4.0 ได้” ดร.กมล อธิบาย

UNAi ใช้ทำอะไรได้จริง ส่องเคสตัวอย่างจากผู้ใช้งาน

ลดขั้นตอน เพิ่มความเป๊ะ ในโรงงานและคลังสินค้า

บริษัท ยูไนเต็ดคอล์ยเซ็นเตอร์ จำกัด (UCC) โดย ดร.ธนทัต พสุภา ผู้ช่วยผู้บริหารระดับสูงฝ่าย Manufacturing ได้เล่าถึงความท้าทายในโรงงานที่ต้องเคลื่อนย้ายม้วนเหล็กน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม จนถึง 15 ตัน ด้วยเครนเหนือศีรษะ เดิมพนักงานต้องสแกนบาร์โค้ด 2 ครั้งที่ม้วนเหล็กและพื้นที่จัดเก็บเพื่อติดตามตำแหน่งซึ่งมักเกิดความผิดพลาดจากการลืมหรือสแกนพลาดด้วยปริมาณสินค้ามหาศาล ทำให้ข้อมูลตำแหน่งในระบบไม่ตรงกับความเป็นจริง กระทบโดยตรงไปถึงการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าที่อาจล่าช้าเพราะหาของไม่เจอ โรงงานจึงได้นำ UNAi UWB เข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยพนักงานจะสแกนบาร์โค้ดที่ตัวม้วนเหล็กเพียงครั้งเดียวเมื่อเครนยกสินค้าขึ้น ระบบจะทำการเชื่อม Lot Number ของสินค้าเข้ากับตำแหน่งของเครนในขณะนั้นโดยอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลตำแหน่งแม่นยำแบบเรียลไทม์

“ผลที่ได้รับชัดเจน คือ ขั้นตอนการทำงานลดลงจากสแกน 2 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง ทำให้ประหยัดเวลาและ Material Flow ดีขึ้นมาก ทำให้สามารถเห็นภาพรวมของงานที่รอคิวในแต่ละสถานีได้ดีขึ้น และนำข้อมูลเวลาที่รอคอยไปใช้วางแผนการผลิตในอนาคตได้” ดร.ธนทัต อธิบาย

เช่นเดียวกันกับ คุณธีรพัฒน์ ทองสุโชติ จากบริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด ในฐานะ SI ของโรงงานรองเท้า PANGOLIN ที่นำจุดเด่นของ UNAi ในการเลือกใช้เทคโนโลยีมาปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยทีม SmartSense เลือกใช้เทคโนโลยี Bluetooth Low Energy หรือ BLE ที่มีความคุ้มค่ากว่า UWB มาใช้ติดตามรถเข็นประมาณ 80 ตัว และตัวรับสัญญาณประมาณ 10 จุด เพื่อติดตามกระบวนการผลิตทั้งหมด และนำข้อมูลการเข้าออกของรถเข็นแต่ละคันมาสร้างเป็น Heatmap ทำให้โรงงานเห็นภาพได้ทันทีว่าจุดที่เป็นคอขวดเกิดจากอะไรและเข้าไปแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งช่วยได้ทั้งในเรื่องเพิ่มปริมาณการผลิต ลดเวลาที่สูญเสีย และ ติดตามของเสีย จากเดิมที่มองไม่เห็นว่างานไปกองรอหรือเกิดปัญหาคอขวดที่สถานีใด

ลดเวลารอคอย เพิ่มความปลอดภัย ในโรงพยาบาล

ภาคสาธารณสุขเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยี RTLS ไปใช้อย่างแพร่หลายเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและยกระดับการดูแลผู้ป่วย คุณสันติ คุ้มจิตร Assistant Front Service Manager จาก โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช เล่าถึงปัญหาสำคัญของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ คือ อุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เช่น รถเข็นและเปลนอน มักถูกนำไปใช้แล้วทิ้งไว้ตามวอร์ดต่าง ๆ เมื่อมีผู้ป่วยรายใหม่ โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาค้นหา ส่งผลต่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ป่วยโดยตรง หลังจากนำ UNAi BLE มาใช้ติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่เฉพาะในโซนพื้นที่ทำงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางสามารถมองเห็นภาพรวมผ่านหน้าจอได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่อยู่โซนไหน หรือ มีรถเข็นตกค้างอยู่ที่วอร์ดใด ทำให้สามารถกระจายงานและนำอุปกรณ์กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ จำนวนครั้งในการค้นหารถนั่งหรือเปลนอนไม่พบลดลงจนเป็นศูนย์ จากเดิมที่หาไม่พบเฉลี่ยมากกว่า 5 ครั้งต่อวัน ทำให้อุปกรณ์ของเราหมุนเวียนและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ส่วนอัตราการให้บริการผู้ป่วยภายใน 5 นาที ก็ทำได้เกินเป้าหมายมากกว่า 80% และอัตราความพึงพอใจของลูกค้าก็สูงขึ้นเป็น 99.1% จากเดิมที่ต่ำกว่า 90%” คุณสันติ กล่าวเสริม

ขณะเดียวกัน ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. ได้เล่าถึง UNAi BLE Smart Plug ที่ช่วยตอบโจทย์ Smart Hospital ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งไม่ได้หยุดแค่การติดตามตำแหน่งเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีการติดตั้งโมดูล IoT ที่ปลั๊กไฟเพื่อวัดอัตราการใช้พลังงานควบคู่กันไป ทำให้โรงพยาบาลรู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นอยู่ที่ไหนและถูกใช้งานจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ดร.กมล ยังได้ยกตัวอย่างความร่วมมือกับทีมวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่นำ UNAi BLE ไปใช้กับซอฟต์แวร์ Wheel-B ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลของทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือน Grab ในโรงพยาบาล สำหรับเรียกใช้บริการเวรเปล ที่ช่วยลดความสูญเปล่าในการติดต่อสื่อสาร ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วย

“ที่สำคัญข้อมูลที่ได้ยังสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจเชิงบริหาร เช่น หากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเปลผู้ป่วยถูกใช้งานจริงเพียง 15% ผู้บริหารก็สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องจัดซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด” ดร.กมล อธิบาย

เสริมความปลอดภัย ต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ในสำนักงานและธุรกิจบริการ

ศักยภาพของ UNAi ยังขยายไปสู่การใช้งานในมิติอื่น ๆ ที่น่าสนใจทั้งในด้านความปลอดภัย สามารถใช้ติดตามการเดินตรวจตราของเจ้าหน้าที่ รปภ. ขณะเดียวกัน เนคเทค สวทช. เองก็ได้นำระบบนี้มาใช้ตรวจสอบว่าพนักงานทุกคนไปยังจุดรวมพลอย่างปลอดภัยหรือไม่ระหว่างการซ้อมหนีไฟ ระยะเวลาที่ใช้ออกไปจุดรวมพล พิกัดของพนักงานที่ตกค้างภายในอาคาร รวมถึงใช้ติดตามครุภัณฑ์มูลค่าสูง เพื่อลดขั้นตอนในการตรวจนับพัสดุประจำปี นอกจากนี้ในมิติของธุรกิจบริการ UNAi ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในงานแสดงสินค้าที่ ไบเทค บางนา เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการเดินของผู้เข้าชมงาน ทำให้ผู้จัดทราบว่าโซนใดได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกด้วย

เบื้องหลังความสำเร็จ Ecosystem ที่พร้อมสนับสนุน

ความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากระบบนิเวศ (Ecosystem) หรือความร่วมมือที่แข็งแกร่งของพันธมิตรในแต่ละส่วน ซึ่งเริ่มต้นจาก เนคเทค สวทช. ในฐานะผู้คิดค้นและพัฒนาแพลตฟอร์ม จากนั้นจึงมีผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน อย่าง AIS Business ที่เข้ามาวางรากฐานการเชื่อมต่อที่สำคัญ เช่น 5G, Cloud และ Data Center 

โดย คุณภุชงค์ เจริญสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้เปรียบเทียบไว้อย่างเห็นภาพว่า “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลก็เหมือนไฟฟ้า ประปา ที่ต้องวางรองรับไว้ก่อน เพื่อให้เทคโนโลยีทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ”

 และส่วนสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้เชื่อมต่อและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อย่าง SI (System Integrator) ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเทคโนโลยีกับผู้ใช้งานจริง อย่าง บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด และ บริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด ที่จะเข้าไปรับโจทย์จากธุรกิจ แล้วนำเทคโนโลยี UNAi มาปรับแก้และประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร

ด้านคุณธีวินท์ นิ่มกิตติกุล Chief Executive Officer บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด ได้ให้มุมมองว่า “อุปสรรคที่ยากที่สุดในการทำ Digital Transformation คือเรื่องคน แต่ UNAi เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ทำงานเบื้องหลังโดยที่พนักงานแทบไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม”

คุณธีวินท์ ยังได้ยกตัวอย่างบทบาทของ SI ในการนำ UNAi UWB ไปผนวกรวมกับระบบ ERP ของบริษัท เพื่อสร้างโซลูชันสำหรับคลังสินค้าที่มีการหมุนเวียนเร็วและไม่มีตำแหน่งจัดเก็บที่ตายตัว โดยเมื่อรถโฟล์คลิฟท์นำสินค้าไปวาง ณ จุดใด ระบบจะใช้ข้อมูลตำแหน่งจาก UNAi บันทึกที่เก็บโดยอัตโนมัติ และเมื่อต้องการนำของออก ระบบก็จะแนะนำเส้นทางให้รถไปยกออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนด้วย API ที่เชื่อมต่อได้ง่าย

เริ่มต้นกับ UNAi ด้วยกลไกสนับสนุนจาก สวทช.

สวทช. มีกลไกสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจเทคโนโลยี UNAi ในทุกขั้นตอนอย่างครบวงจร โดยแบ่งตามหน่วยงานหลักดังนี้

  • โปรแกรม ITAP (Innovation and Technology Assistance Program) ให้คำปรึกษาและจับคู่ผู้เชี่ยวชาญสำหรับธุรกิจที่มีปัญหาแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ITAP จะช่วยวิเคราะห์โจทย์เบื้องต้นและจับคู่กับผู้เชี่ยวชาญให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการ Implementation ช่วยแบ่งเบาภาระให้ SME ที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง โดยสนับสนุนสูงสุด 50% หรือไม่เกิน 200,000 บาทต่อโครงการ
  • ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) ให้ทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 500,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ในเทคโนโลยีและต้องการนำไปพัฒนาเพื่อทดสอบตลาดและให้ทุนเพื่อเร่งการเติบโตและขยายตลาดอีก 500,000 บาท สำหรับใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดโดยเฉพาะ หลังจากมีผลิตภัณฑ์แล้ว
  • สำนักงานจัดการสิทธิเทคโนโลยี (TLO) อำนวยความสะดวกด้านการใช้สิทธิ์ (Licensing) ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในผลงานวิจัยของ สวทช. เพื่อให้เอกชนนำไปใช้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้อง ภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและสามารถเจรจาให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจได้

การที่เทคโนโลยีไทยอย่าง UNAi สามารถตอบโจทย์ที่ซับซ้อนในภาคอุตสาหกรรมและบริการได้จริง ยืนยันว่าศักยภาพของนักวิจัยไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก UNAi ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด แต่ถูกวางรากฐานเพื่อเติบโตเป็นธุรกิจเทคโนโลยีที่พร้อมจะแข่งขันในตลาดโลก สำหรับผู้ประกอบการไทย การเลือกใช้เทคโนโลยี UNAi จึงไม่ใช่แค่การซื้อโซลูชัน แต่คือการลงทุนในอนาคตขององค์กร เพื่อก้าวสู่การทำงานยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

ผู้ประกอบการที่สนใจขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ...

ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (SPE) งานพัฒนาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ (SPDS)
email: business@nectec.or.th หรือ UNAi@nstda.or.th
สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://home.lailab.online/

]]>
เนคเทค สวทช. จัดสัมมนา “UNAI DAY 2025” ดันเทคโนโลยีระบุตำแหน่งในอาคาร สู่การใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมและบริการ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/unaiday-2025.html Wed, 16 Jul 2025 03:06:35 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=40614

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดงานสัมมนา UNAI DAY 2025 ภายใต้หัวข้อ “ระบบระบุตำแหน่งในอาคารกับการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์จริง” เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ณ ห้อง SD-601 อาคารสราญวิทย์ สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากกรณีศึกษาการใช้งานจริงของเทคโนโลยี UNAi (อยู่ไหน) ซึ่งเป็นระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติที่พัฒนาโดยทีมนักวิจัยเนคเทค สวทช. โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนาเทคโนโลยีและผู้ให้บริการติดตั้งและวางระบบ กับผู้ใช้งานจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และแนวทางการนำเทคโนโลยีไปใช้จริง

ภายในงานประกอบด้วยการนำเสนอกรณีศึกษาที่น่าสนใจโดย ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค ถ่ายทอดตัวอย่างการประยุกต์ใช้ระบบ UNAi ในหลากหลายภาคส่วน อาทิ การบริหารจัดการโรงงานและคลังสินค้า การจัดการพลังงานในโรงพยาบาล การใช้งานในธุรกิจบันเทิง และการเสริมความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงาน

ต่อเนื่องด้วยเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “เสียงจากภาคสนาม: เทคโนโลยี UNAi ที่สร้างผลลัพธ์” เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการติดตั้งและวางระบบ และผู้พัฒนาเทคโนโลยี จากหลากหลายองค์กรชั้นนำมาร่วมฉายภาพของการนำเทคโนโลยี UNAi ไปใช้จริงในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การแพทย์ และบริการ อาทิ

  • คุณธีวินท์ นิ่มกิตติกุล Chief Executive Officer บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด
  • คุณธีรพัฒน์ ทองสุโชติ Solution Business Catalyst บริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด
  • ดร.ธนทัต พสุภา ผู้ช่วยผู้บริหารระดับสูงฝ่าย Manufacturing บริษัท ยูไนเต็ดคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด
  • คุณสันติ คุ้มจิตร Assistant Front Service Manager โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช
  • คุณภุชงค์ เจริญสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  • และ ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค

ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ เนคเทค

ในช่วงต่อมา เป็นการเสวนาหัวข้อ “นโยบายหนุนเทคโนโลยี: โอกาสและสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ” โดยตัวแทนจากหน่วยงานใน สวทช. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเห็นแนวทางภาพรวมของกลไกสนับสนุนและช่องทางเข้าถึงทุนวิจัย อาทิ

  • คุณเกียรติรัตน์ ทองผาย ผู้จัดการงานเร่งสร้างศักยภาพธุรกิจเทคโนโลยี ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID)
  • คุณศศิน เชาวนกุล ตัวแทนอนุญาตใช้สิทธิ สำนักงานจัดการสิทธิเทคโนโลยี (TLO)
  • คุณบัณฑิต บุญมี ที่ปรึกษาอาวุโส งานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP)

ดำเนินรายการโดย ดร.โรสริน อัคนิจ นักวิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค

ช่วงบ่ายของงานยังมีกิจกรรม Workshop ภาคปฏิบัติ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และทดลองใช้งานระบบจริง โดย ดร.เกรียงไกร มณีรัตน์ และทีมนักวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค รวมถึงบริการโต๊ะให้คำปรึกษากลไลการสนับสนุนจากหน่วยงาน BID ITAP TLO และบูธแสดงเทคโนโลยีจากพันธมิตร เช่น AIS, SMC, i4.0 และผู้พัฒนา SI ได้แก่ SmartSense 2CS และ WCE

การสัมมนาในครั้งนี้ไม่เพียงเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ยังสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การใช้จริงทั้งในภาคอุตสาหกรรมและบริการ

รับชมสัมมนาย้อนหลัง

]]>
ระบบติดตามภายในอาคาร (UNAI) คว้ารางวัล ในเวที TICTA Awards 2024 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/unai-ticta-awards-2024.html Sat, 31 Aug 2024 17:47:50 +0000 https://nectec.or.th/?p=37932

ขอแสดงความยินดีให้กับทีมวิจัยเนคเทค สวทช. คว้ารางวัลจากงานประกาศรางวัล TICTA 2024 ครั้งที่ 20 โครงการประกวดทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นแห่งชาติ: Unlocking Potential and Shaping the Future เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ

ระบบติดตามภายในอาคาร (UNAI)
รางวัลรองชนะเลิศ หมวดที่ 2: Technology Award: Internet of Things
ผลงาน: ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)

ระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร หรือ “แพลตฟอร์มอยู่ไหน” (UNAI platform)
เทคโนโลยีระบุพิกัดคนหรือสิ่งของภายในอาคาร สามารถประยุกต์ใช้เพื่อความปลอดภัยของพนักงานที่ต้องทำงานในบริเวณอันตรายเป็นเวลานาน สามารถเตือนผู้เกี่ยวข้องได้ถ้าพนักงานอยู่นานเกินเวลาที่ควรอยู่

▶ข้อมูลผลงาน UNAI 

]]>
สายวัด (SAIWAT) ผลงานวิจัยเนคเทค สวทช. รางวัล ในเวที TICTA Awards 2024 https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/saiwat-ticta-awards-2024.html Sat, 31 Aug 2024 17:36:41 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=37914

ขอแสดงความยินให้กับทีมวิจัยเนคเทค สวทช. คว้ารางวัลจากงานประกาศรางวัล TICTA 2024 ครั้งที่ 20 โครงการประกวดทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นแห่งชาติ: Unlocking Potential and Shaping the Future เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ

สายวัด (SAIWAT): ซอฟต์แวร์วัดขนาดอาหารสัตว์เพื่อควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์น้ำ
รางวัลรองชนะเลิศ หมวดที่ 1: Cross categories_Research & Development 
ผลงาน: นางสาวรุ่งกานต์ ศิริเจริญไชย  ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (SAI)
กลุ่มวิจัยวิทยาการข้อมูลและการวิเคราะห์ (DSARG) เนคเทค สวทช.

“สายวัด” เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยวัดขนาดอาหารสัตว์น้ำอย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีประมวลผลภาพและคอมพิวเตอร์วิชั่นในการตรวจสอบขนาดของเม็ดอาหารทดแทนแรงงานคน

ข้อมูลผลงาน SAIWAT   

]]>
Unai Office (อยู่ไหน ออฟฟิศ) ระบบติดตามครุภัณฑ์ภายในอาคาร https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-hardware-electronics/unai-office.html Mon, 24 Jul 2023 07:39:16 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33744

Unai Office เทคโนโลยีช่วยระบุตำแหน่ง อุปกรณ์สิ่งของในสำนักงาน โรงพยาบาล หรือ หน่วยงานที่ต้องการจัดการ สิ่งของหรือครุภัณฑ์ จำนวนมาก  ลดการสูญเสียเวลาและทรัพย์สิน หาง่าย หายรู้ ช่วยการวางแผนการใช้ทรัพยากรองค์กร ให้สามารถทำให้กิจกรรมต่างๆ ในองค์กรเป็นไปโดยอัตโนมัติและง่ายขึ้น

ระบบ UNAI office ทำงานโดยใช้เครื่องอ่านสัญญาณ Bluetooth ที่เรียกว่า Anchor และ ใช้ Tag (ป้ายส่งสัญญาณไร้สาย) ติดไว้กับอุปกรณ์ หรือสิ่งของ Tag จะส่งสัญญาณบลูทูท ระบุตำแหน่งสิ่งของไปยัง  Anchor  ที่ติดตั้งภายในอาคาร และ Anchor จะส่งข้อมูลต่อด้วยสัญญาณไวไฟ (Wi-Fi)  ไปยัง Cloud  และ Server Unai จะทำการประมวลตำแหน่งของสิ่งของที่ต้องการหาโดยสามารถแสดงผลผ่าน Mobile App หรือ Web Interface  สามารถใช้ติดตามสิ่งของและรูปแบบการเคลื่อนที่ภายในอาคาร

จุดเด่นของเทคโนโลยี

  1. ใช้เทคนิค RSSI ในการหาตำแหน่งของป้าย มีความแม่นยำที่ 3 เมตร
  2. ใช้ติดตามสิ่งของและรูปแบบการเคลื่อนที่ภายในอาคาร  มีความเที่ยงตรง 95%
  3. Tag (ป้าย) ขนาดเล็ก 3X3 cm หนา 6 mm ใช้ระบบสื่อสารไร้สายบลูทูธ พลังงานต่ำ อายุใช้งาน 7 ปี มีสัญญาณเตือนเมื่อพลังงานต่ำ
  4. User interface สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการใช้งานของผู้ใช้

ประโยชน์

  1. ช่วยลดเวลาในการจัดการทรัพยากร
  2. ช่วยติดตามอุปกรณ์สิ่งของภายในอาคารสำนักงานลดการสูญเสียทรัพย์สิน
  3. ช่วยวางแผนการจัดการทรัพยากรในองค์กรโดยอัตโนมัติและง่ายขึ้น

กลุ่มเป้าหมาย

  1. กลุ่ม System Integrator ที่ต้องการต่อยอดการพัฒนาเพิ่มมูลค่าของธุรกิจด้วยข้อมูลตำแหน่งภายในอาคาร
  2. กลุ่มอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สถานประกอบการภาครัฐ เอกชน ที่ต้องบริหารจัดการครุภัณฑ์จำนวนมาก

วิจัยและพัฒนาโดย

ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI)
กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)

สนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อ...

ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธิน
ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
เบอร์โทรศัพท์:: 0 2564 6900
e-mail: business[at]nectec.or.th

]]>
UNAI Platform แสดงศักยภาพเชิงการประยุกต์ใช้ผลงานในเวที ไทยวิวัฒน์ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/unai-thaivivat.html Mon, 20 Feb 2023 04:45:01 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=32039

16 กุมภาพันธ์ 2566 เนคเทค สวทช. โดย ดร.กมล เขมะรังษี ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ Internet of Things (IoT) โดยทางทีมวิจัยได้มีการประยุกต์ใช้ IoT ในการระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร (UNAI Platform) ซึ่งทีมวิจัยที่ทำในเรื่องนี้ คือ ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ หรือ Location and Automatic Identification System Research Team (LAI)

ดร.กมล กล่าวว่า IoT ที่พูดถึงกันในปัจจุบันนี้ มีชื่อเรียกหากจะย้อนหลังเมื่อหลายปีที่ผ่านมาว่า Mobile & Ubiquitous Computing ซึ่งอาจจะฟังดูเก่าจากที่คนทั่วไปเรียกกันว่า Internet of things และหากย้อนหลังไปเกือบ 20 ปี มีคนที่วิจัยในเรื่องนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีแนวคิดที่ว่าในอนาคตหรือปัจจุบัน หลายๆ สิ่งหลายอย่างรอบตัวเรามีความฉลาดฝังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งมีความสามารถในการคำนวนและสามารที่จะสื่อสารโดยที่เราเคลื่อนที่ไปด้วยได้ อยู่ทุกหนทุกแห่งรอบๆ ตัวเรา คล้ายๆ อากาศที่เราหายใจแต่เราไม่รู้สึก นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการประมวลผลรวมอยู่ด้วย

UNAI | อยู่ไหน

UNAI “อยู่ไหน” แพลตฟอร์มที่สามารถให้บริการข้อมูลตําแหน่งหรือข้อมูลเส้นทางการเคลื่อนที่ ของคนหรือวัตถุสิ่งของภายในอาคารแบบออนไลน์ โดยระบบประกอบไปด้วยอุปกรณ์รับสัญญาณไร้สายที่เรียกว่า Anchor และอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายที่เรียกว่า Tag โดยใช้เทคโนโลยีสมองกลฝังตัวขนาดเล็ก ที่มีระบบสื่อสารไร้สายมาตรฐานบลูทูธพลังงานตํ่า มาตรฐานไวไฟ (Wi-Fi) ในชื่อ UNAI-BLE Platform และอัลตร้าไวด์แบนด์ (UNAI-UWB Platform)

ระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร (UNAI Platform)

  • ข้อมูลตำแหน่ง “Indoor Position/Location Information” เป็นข้อมูลที่มักถูมองข้ามในพื้นที่อาคารเนื่องจาก
  • Global Positioning System (GPS) or (GNSS) ไม่สามารถใช้งานได้ภายในอาคาร
  • แต่หากมีข้อมูลมากขึ้นมา จะเกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำธุรกิจได้อีกมากมาย New Business Process/Practice
  • ข้อมูลตำแหน่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอาคารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Office Building, Warehouse, Logistics, Manufacturing, Healthcare, Security, Retails, Farming, etc.
  • Internet of Things (IoTs) เป็นเครื่องมือที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของระบบระบุตำแหน่งในการเก็บข้อมูล Position/Location Information

การประยุกต์ใช้งานของ UNAI-BLE Platform ในปัจจุบัน ของสวทช.

  • การติดตามพนักงงานระหว่างการซ้อมหนีไฟ (Employee Tracking for Safety)
  • การติดตาม ตรวจนับครุภัณฑ์แบบอัตโนมัติ (Asset Tracking)
  • การทดลองติดตามผู้มาเยี่ยมภายในอาคารเนคเทค (Visitor Tracking)
  • การแสดงข้อมูลอุณภูมิและความชื้นสัมพัทธ์แบบ Real Time ในอาคาร (Environmental Monitoring )

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ UNAI-UWB Platform ภายนอก

  • ใน Warehouse
  • งานแสดงสิ้นค้า ณ ไบเทคบางนา เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในการเรียกลูกค้าต่อไป
  • ในอาคารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ UNAI-BLE Platform + Smart Plug (Phase I)
  • การประยุกต์ใช้ในบ้านพักคนชรา บ้านบางแค using UNAI-BLE Platform ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ UNAI Platform (PoC)

  • ติดตามรถยก (Forklifts) ในพื้นที่
  • ติดตามพนักงาน (Staffs) ในคลัง

รวมทั้งยังมีการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ COVID-19 using UNAIBLE Platform ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา และตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่อไป และยังมีสาธิตระบบ “อยู่ไหน 3 มิติ” ระบบติดตามนักเรียนอนุบาล ณ โรงเรียนอนุบาลดวงวิภา ในระหว่างวันที่ 4 – 29 ก.ย. 2560 อีกด้วย

นอกจากนี้ ดร.กมลยังได้เป็นกรรมการร่วมตัดสินผลงานในโครงการ THAIVIVAT INNOVATION AWARDS SEASON 2 กับการประกวดแนวคิดโครงการหัวข้อ “ทุกวินาทีคุ้มค่า คุ้มครองครบ” ด้วยเทคโนโลยีด้าน IoT, AI , Big Data และ Lifestyle ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวม 100,000 บาท พร้อมโอกาสฝึกประสบการณ์การทำงานด้านนวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจประกันภัยกับประกันภัยไทยวิวัฒน์อีกด้วย

]]>
เนคเทค สวทช. ร่วมเปิดโลกเทคโนโลยีธุรกิจ 5G แห่งอนาคตในงาน Byond Mobile https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nectec-byond-mobile.html Fri, 30 Sep 2022 05:25:22 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=29928

28 กันยายน 2565 ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ร่วมเปิดงาน ‘BYOND MOBILE’ (บิยอน โมบาย) 2022 ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงาน กล่าวว่า “เนคเทค สวทช. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี 5G มาโดยตลอด และพร้อมที่จะสนับสนุนทุกงานวิจัยอันจะนำมาซึ่งการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อผลักดันและเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงตั้งเครือข่ายความเร็วสูง และการทดสอบเสถียรภาพของเครือข่าย 5G ที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกในอุตสาหกรรม 4.0 โดยมีการจัดตั้งเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi เป็นศูนย์กลาง เป็นนวัตกรรมแห่งใหม่บนพื้นที่ EEC ณ วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง โดยมีเป้าหมายสำคัญในการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเดิม รวมทั้งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งภายในการพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ได้รับเกียรติจากคุณเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาอีกด้วย

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.

ในโอกาสนี้ ดร.กมล เขมะรังสี ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) นำเสนองานด้าน 5G Technology Demonstration and Transfer for Smart Factory/Manufacturing พร้อมดร.ละออ โควาวิสารัช และนายเกรียงไกร มณีรัตน์ จากทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) นำผลงาน UNAI แพลตฟอร์มระบบระบุตำแหน่งภายในอาคารแบบเวลาจริง ด้วยสัญญาณบลูทูธพลังงานต่ำ และระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำ AoA ร่วมจัดแสดงภายในงาน

งาน ‘BYOND MOBILE’ (บิยอน โมบาย) เป็นงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับธุรกิจ 5G เครือข่ายความเร็วสูง อันจะเป็นจุดนับพบที่สำคัญของผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรม 5G ต่อยอดสู่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะเชื่อมโยงผู้ให้บริการและสตาร์ทอัพได้มาพบปะเจรจาธุรกิจเพื่อการต่อยอดในอนาคต โดยงาน BYOND MOBILE 2022 มีกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2565 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. นับเป็นอีกงานที่ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์รวมของธุรกิจ 5G แห่งอนาคต ตลอด 2 วันของการจัดงาน มีการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำสำหรับธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ การแพทย์ด้วยระบบดิจิทัล เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ กระบวนการผลิตและวิทยาการหุ่นยนต์ สมาร์ทซิตี้ เมืองแห่งเทคโนโลยี และยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยความร่วมมือจากบรรดาผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการด้านเครือข่ายความเร็วสูง อินเตอร์เน็ต เครือข่ายการสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบไอทีอัจฉริยะมากกว่า 50 แบรนด์ พร้อมด้วยตารางงานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการที่อัดแน่นสำหรับผู้ที่สนใจ ร่วมรับฟังการแบ่งปันข่าวสารความรู้ แนวโน้มของธุรกิจ นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ การสาธิตผลิตภัณฑ์โดย CEO แบรนด์ชั้นนำมากกว่า 40 วิทยากรรับเชิญ ตลอดจนการแข่งขัน Start-up ของธุรกิจสายเทคโนโลยีซึ่งได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง

]]>
เนคเทค สวทช. ต้อนรับ คกก.กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ สภาอุตสาหกรรม https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/070322-fti-visit.html Mon, 07 Mar 2022 09:37:13 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=24991

7 มีนาคม 2565 เนคเทค สวทช. ต้อนรับคณะกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำโดย คุณกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ บริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรม จำกัด คุณพฤฒิ เมาลานนท์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ บริษัท โปรทรอนิคส์ จำกัด คุณกิตติ สุขุตมตันติ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ บริษัท แอดวานซ์ อีเลคทริค แอนด์ อีเลคทรอนิคส์ จำกัด ดร.สุ่น แก้วชาญศิลป์ รองกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ บริษัท ฟาบริเนท จำกัด คุณยุพาภรณ์ ตันติจิตรอารย์ และคุณนลินี ผุยเจริญ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ พร้อมด้วยคุณมนิตย์ สิทธิดำรงค์ หัวหน้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี
 
โดยมี ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) นำทีมคณะนักวิจัยเนคเทค และบุคคลากรที่เกี่ยวข้องร่วมนำเสนอผลงานลูนาร์ (LUNAR) และ อยู่ไหน (UNAI) ให้แก่คณะดังกล่าว

ลูนาร์ (LUNAR) คือ ระบบสร้างแผนที่ 3 มิติ แบบ Real-time ภายในอาคารด้วยเทคโนโลยี LiDAR + Ultra-wideband (UWB) นำเสนอโดย คุณภัทรกร รัตนวรรณ์ วิศวกรอาวุโส พร้อมทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์(TRT) กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG)

LUNAR ระบบสร้างแผนที่ 3 มิติ แบบ Real-time ภายในอาคารด้วยเทคโนโลยี LiDAR + UWB

อยู่ไหน (UNAI) แพลตฟอร์มระบุตำแหน่งภายในอาคารพร้อมพัฒนาอุปกรณ์รับส่งสัญญาณไร้สายโดยใช้เทคนิค Angle of Arrival ที่สามารถประมวลข้อมูลเพื่อระบุพิกัดของอุปกรณ์พกพาที่อยู่ในรูปแบบของป้าย Tag ได้อย่างแม่นยำ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ระบุพิกัดของบุคคลหรือสิ่งของที่อยู่ภายในอาคาร นำเสนอโดย ดร.ละออ โควาวิสารัช นักวิจัย พร้อมทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)

UNAI แพลตฟอร์มระบุตำแหน่งภายในอาคาร
]]>
สวทช. จัดใหญ่ งาน NAC2022 ‘พลิกฟื้นเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยงานวิจัย-นวัตกรรม BCG’บนแพลตฟอร์มออนไลน์ 28-31 มีนาคมนี้ https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nac2022.html Wed, 02 Mar 2022 08:43:10 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=24891

2 มีนาคม 2565 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) นำทีมนักวิจัย สวทช. แถลงข่าวการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 17 (17th NSTDA Annual Conference: NAC2022) ภายใต้แนวคิด “พลิกฟื้นเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม BCG” (Revitalizing Thai Economy through BCG Research and Innovation) โดยจัดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบผ่านทางเว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2565 

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. แถลงว่า ปีนี้ สวทช. จัดงาน NAC2022 แบบออนไลน์เต็มรูปแบบ เพื่อให้สอดรับกับวิถี New Normal  ซึ่งทุกกิจกรรมจะเป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด ทั้งสัมมนา นิทรรศการ การจัดกิจกรรมเยี่ยมชม Open House ผ่านทางเว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2565 ประกอบด้วย 3 กิจกรรม นิทรรศการออนไลน์ 102 เรื่อง สัมมนาออนไลน์ 45 หัวข้อ Open House เปิดให้ชมแบบออนไลน์ 61 เรื่อง

โดยงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. (NAC2022) ตลอด 4 วันเต็ม สวทช. จัดออนไลน์เต็มรูปแบบรับวิถี New Normal และเข้มข้นขึ้นในเนื้อหาสาระ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัยได้เข้าไปหาความรู้ อัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรม จากศักยภาพของบุคลากรวิจัยและห้องปฏิบัติการ สวทช. เพื่อนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการ โดย สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมประจำปี สวทช. ในวันที่ 28 มีนาคม 2565 ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 หรือ NBT ตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกาเป็นต้นไป

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า สำหรับธีมงานปีนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้ระบบเศรษฐกิจแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) เป็นวาระแห่งชาติ (เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564) โดยประกาศเป้าหมายให้ BCG เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง และประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย BCG เป็นระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2564-2570 ประกอบด้วย 4 แผนยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. เกษตรและอาหาร 2. สุขภาพและการแพทย์ 3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4. การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของประเทศไทยในฐานความหลายหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมของประเทศไทย สวทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย BCG ร่วมกับทุกกระทรวงและทุกหน่วยงาน

“ตัวอย่างที่ สวทช. ขับเคลื่อนนโยบาย BCG ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และตอบโจทย์ BCG สาขาต่าง ๆ เช่น  การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่น – การผลิตและเพิ่มมูลค่าพันธุ์ฟักทองไข่เน่าอัตลักษณ์ท้องถิ่น กลุ่มนาน้อย จ.น่าน ระบบฟาร์มเกษตรอัจฉริยะ HandySense , Plant-based egg ผลิตภัณฑ์ไข่เหลวจากโปรตีนพืช ,ชุดตรวจสารปนเปื้อนในน้ำนมดิบ (Peroxide Test Stripe) ที่ตอบโจทย์ BCG สาขาเกษตรและอาหาร การพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ในช่วงโควิด-19 เช่น เปลความดันลบ PETE, นวัตกรรม “ENcase” เครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยวิธีการผลิตทางไฟฟ้าเคมี ชุดตรวจโควิด-19 แบบต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาวัคซีนแบบฉีดพ่นจมูก ก็ตอบโจทย์ BCG สาขาสุขภาพและการแพทย์ เป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ”

ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ในฐานะประธานจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 17 กล่าวว่า การจัดงานในรูปแบบออนไลน์ปีนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เต็มอิ่มกับเนื้อหาสาระที่ สวทช. เตรียมมานำเสนอ และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะหัวข้อการสัมมนาที่มีทั้งหมด 45 หัวข้อสัมมนา ตัวอย่าง เช่น ความท้าทายในการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยด้วยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, โมเดลเศรษฐกิจ BCG สาขาเครื่องมือแพทย์ ความก้าวหน้าอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน, Food Waste กับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน, จีโนมิกส์ประเทศไทย: อนาคตของการแพทย์จีโนมิกส์และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีจีโนม, การอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การจัดกิจกรรมสะเต็มศึกษาตามหลักสูตรฐานสมรรถนะด้วย BCG Model รวมทั้ง International Webinar on COVID-19

นิทรรศการออนไลน์ 102 ผลงาน แบ่งเป็น 4 กลุ่มตามการดำเนินงานสำคัญเพื่อขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG และแผนปฏิบัติการ AI  ของ สวทช. ได้แก่ 1. เกษตรและอาหาร 2. สุขภาพและการแพทย์ 3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4. ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ (Digital and Electronics) โดยในนิทรรศการแต่ละเรื่องจะมีนักวิจัยเจ้าของผลงานมานำเสนองานวิจัยในรูปแบบ VDO Online โดยทั้งนิทรรศการออนไลน์ และหัวข้อสัมมนาออนไลน์ สามารถรับชมผ่านระบบ VDO Conference ของซิสโก้ (cisco) เว็บเอ็กซ์ มีทติ้ง (webex meeting) โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังการสัมมนา สามารถลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac โดยเลือกหัวข้อที่สนใจตามวันและเวลาที่สะดวก 

“ระบบจะส่ง Link URL ไปให้ทางอีเมล เพื่อใช้เข้าร่วมฟังการสัมมนา โดยผู้เข้าฟังสามารถรับชมผ่านโปรแกรม webex meeting ซึ่งติดตั้งได้ ทั้งบนคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน หากไม่สามารถเข้าร่วมฟังในเวลาที่ลงทะเบียนไว้ ก็สามารถรับชมย้อนหลังได้อีกด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ Open House หรือการเปิดบ้านให้ผู้ประกอบการ และนักลงทุนได้เยี่ยมชมแบบออนไลน์ จากการนําเสนอเทคโนโลยีจากความชำนาญของห้องปฏิบัติการชั้นนำ 43 ห้องปฏิบัติการ จำนวนรวม 61 เรื่อง ซึ่งความพิเศษของการจัดในรูปแบบออนไลน์ คือ สวทช. เปิดบ้านให้เห็นห้องปฏิบัติการวิจัยผ่านวีดีโอแบบใกล้ชิด และหากมีคำถามก็สามารถแชทข้อความสอบถามได้ทันที เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสและแรงบันดาลใจสามารถนำไปเป็นแนวทางต่อยอดธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ สวทช. ได้นำตัวอย่างผลงานวิจัยมาแสดง อาทิ “Plant-based egg” ผลิตภัณฑ์ไข่เหลวจากโปรตีนพืช ที่พัฒนาสูตรโปรตีนจากพืชเป็นไข่เหลวจากพืชพาสเจอร์ไรซ์ ที่มีคุณสมบัติในการขึ้นรูปในระหว่างการทอดในน้ำมันได้ และเนื้อสัมผัส ใกล้เคียงกับไข่ไก่ เหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มกินวีแกน(Vegan), Vegetarian, กลุ่มที่แพ้ไข่

นวัตกรรม มะนีมะนาว น้ำมะนาวคั้นสด 100% แช่แข็ง (ManeeManao) นักวิจัยได้เปลี่ยนสภาวะการแช่เยือกแข็งที่เหมาะสม โดยขั้นตอนการผลิตเดิมไม่ถูกเปลี่ยน ช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการลดการทำงานของเอนไซม์ ผลการทดสอบด้วยกระบวนการที่ปรับปรุงนั้นคือ กลิ่น สี และรสของน้ำมะนาวแช่แข็งที่นำมาทำละลายเทียบเคียงน้ำมะนาวสด ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น สี รส ภายใน 2-3 วัน แต่น้ำมะนาวแช่แข็งสามารถเก็บได้นานกว่า 2 ปี

Handy Sense + Farm to School ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ และระบบเชื่อมโยงผลผลิตเพื่ออาหารกลางวัน HandySense จะตรวจวัดค่าสภาพแวดล้อมที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชผลแบบเรียลไทม์ผ่านเซนเซอร์และส่งต่อข้อมูลผ่านระบบคลาวด์นำมาเปรียบเทียบกับค่าที่เหมาะสมของการเพาะปลูกพืชเพื่อแจ้งเตือนและสั่งการระบบต่าง ๆ ให้ทำงานต่อไป โดยนำมาบูรณาการกับระบบ Farm To School เพื่อตอบโจทย์ปัญหาการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน สนับสนุนให้เกิดการซื้อขายผลผลิตระหว่างโรงเรียนและเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ต่อไป

อุปกรณ์วัดค่าพลังงานไฟฟ้าและติดตามตำแหน่งอัจฉริยะ (Plug UNAI: Smart power monitoring and locator device) เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อติดตามตำแหน่งและวัดอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ภายในอาคาร ปัจจุบันมีการใช้จริงกับอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อนำข้อมูลตำแหน่งและค่าพลังงานที่ได้ไปวางแผนการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance) ตอบโจทย์นโยบาย BCG ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ในการบำรุงรักษาเครื่องมือให้มีการใช้งานอย่างคุ้มค่า

ชุดตรวจแบบรวดเร็วในรูปแบบ strip test ตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสใบด่างมันสำปะหลังในมันสำปะหลัง สำหรับพกพาไปใช้ในภาคสนาม โดยไม่ต้องเก็บตัวอย่างส่งมาตรวจยังห้องปฏิบัติการ ทราบผลได้ภายใน 15 นาที และตรวจสอบได้เองโดยไม่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการและเครื่องมือวัดอ่านผล

การพัฒนาชุมชนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG – การผลิตและเพิ่มมูลค่าพันธุ์ฟักทองไข่เน่า อัตลักษณ์ท้องถิ่น กลุ่มนาน้อย จังหวัดน่าน ทำให้ได้สายพันธุ์ฟักทองไข่เน่าที่มีสีเขียวปนเหลือง มีความสม่ำเสมอของรูปทรงผล มีรสชาติหวาน มัน อร่อยและเนื้อเหนียวหนึบ มีกระบวนการเพาะปลูกที่ได้มาตรฐาน ส่วนของฟักทองที่เหลือนำมาแปรรูป น้ำมันเมล็ดฟักทอง การหมักด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์ประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์สำหรับเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์และโค สร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนอย่างแท้จริง

ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติโปรตีนต่ำ มีปริมาณโปรตีนที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้น้อยเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ISO 11193-1:2008, EN 455 และ ASTM D3578-05 ช่วยลดปริมาณโปรตีนที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ในผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติ ยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติให้สามารถแข่งขันได้กับผลิตภัณฑ์ถุงมือยางสังเคราะห์ และรักษาความเป็นผู้นำด้านการผลิตยางและผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของประเทศไทย

เครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยวิธีทางไฟฟ้าเคมี ในชื่อ ENcase ที่ใช้เพียงส่วนผสมระหว่าง เกลือกับน้ำบริสุทธิ์ เพื่อทำเป็นสารละลายเกลือแกง ก่อนใช้กระบวนการทางไฟฟ้าทำปฏิกิริยาเคมี จนได้น้ำยาออกมา 2 ชนิดพร้อมกัน คือกรดและด่าง โดยในส่วนที่เป็นกรดมีองค์ประกอบของไฮโปคลอรัส มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการพัฒนา สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมงาน NAC2022 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่ www.nstda.or.th/nac หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2564-8000

 

]]>
เนคเทค จับมือไดซินและ ดีแทค ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี 5G ต่อยอดเป็นต้นแบบดันไทยสู่ฮับซัพพลายเชนยานยนต์ในเอเชีย https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/nectec-disin-dtac-5g.html Wed, 22 Dec 2021 05:35:53 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=23954

“ไดซิน” บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ประเภทอลูมิเนียมขึ้นรูป มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลัก มีกำลังการผลิตติดหนึ่งในสิบของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ายอดขายราว 6 พันล้านบาทต่อปี โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ 52% จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ 36% นอกจากนี้อีก 8% เป็นรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น เครื่องยนต์การเกษตร และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ เป็นต้น

ตลอดเวลายาวนานกว่า 42 ปี ที่ไดซินเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่สำคัญให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้นโยบายมาตรฐานคุณภาพระดับสากลเพื่อขับเคลื่อน และสร้างความมั่นคงให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย

ปัจจุบันไดซินมีความต้องการที่จะยกระดับความสามารถในการผลิตให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล จึงมุ่งเน้นไปสู่ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ การสื่อสารระหว่างคนและเครื่องจักรเป็นสำคัญ

นายธนินทร์ ลี้โกมลชัย ประธาน บริษัท ไดซิน จำกัด กล่าวว่า “จากผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำมามากกว่า 42 ปี สู่การเผชิญหน้าวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ที่ต้องปรับตัวสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)  โดยความร่วมมือกับเนคแทคและดีแทคเป็นก้าวแรกของเราที่นำ 5G มาแก้ปัญหา (Pain point) จากกระบวนการผลิตด้วย AGV (Automated Guided Vehicle)  รถลำเลียงชิ้นส่วนในกระบวนการผลิตเดิมซึ่งไม่สามารถควบคุมการผลิตในแม่นยำ โดยเฉพาะการติดตามตำแหน่งทำให้เกิดการสูญเสียเวลาในการผลิต ทำให้เกิดต้นทุนในการขนส่งชิ้นส่วนภายในโรงงานที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ และอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการขนส่งที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย”

ในกระบวนการผลิตไดซินได้นำ AGV  หรือรถลำเลียงชิ้นส่วนซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิต ที่กำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่และหยุดได้ด้วยแถบแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อการผลิตได้ตามเป้าหมาย แต่ถ้าต้องการความแม่นยำและเพิ่มระบบติดตามแบบเรียลไทม์ รวมทั้งกำหนดเส้นทาง (mapping) อย่างแน่นอน AGV แบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์กระบวนการผลิตได้อีกต่อไป โดยเฉพาะยุคที่การแข่งขันสูงและต้องลดการสูญเสียเวลาซึ่งจะเป็นต้นทุนโดยเฉพาะการเร่งผลิตในวิกฤตโรคระบาด ที่ต้องนำแพลตฟอร์มดิจิทัลและ 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ดังนั้น โซลูชัน 5G ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำจะมาตอบโจทย์การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เรื่องควบคุมอัตโนมัติและเซ็นเซอร์ ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่สามารถพัฒนาสู่ IoTอื่นๆ ร่วมกัน และสามารถนำดาต้าส่งเข้าระบบคลาวด์และจะนำมาวิเคราะห์ (Data Analytics) และรองรับ Big data เพื่อพัฒนาสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ สำหรับ AGV ของไดซินจะติดตั้งซิมดีแทคเพื่อส่งสัญญาณ 5G สู่แพลตฟอร์มในการใช้งานลำเลียงชิ้นส่วนเข้าสู่แต่ละกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำ ไม่ต้องใช้คนมาเฝ้าระวังในการจอดเสีย หรือการสูญเสียเวลา

ระบบติดตามตำแหน่งที่ใช้ในความร่วมมือนี้ เป็นผลงานวิจัยของทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) เนคเทค สวทช.ที่มีชื่อเรียกว่า แพลตฟอร์ม “อยู่ไหน” ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันและสถานะการทำงานของรถ AGV ผ่านเครือข่าย 5G ของทางดีแทคไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์ม ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ AGV เชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลผ่าน 5G ทำให้ทีมงานไดซินสามารถใช้งาน AGV ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ดาต้ามากำหนดจำนวนรอบการวิ่งในกระบวนการผลิต การควบคุมเวลา ผ่านทางเครือข่าย 5G ของดีแทคได้

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (เนคเทค สวทช.) กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสาร 5G ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เราเล็งเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของประเทศมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มิเช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ 5G, Internet of Things, Big Data, Artificial Intelligence มาใช้งาน  ในช่วงเริ่มต้น ผู้ประกอบการอาจยังไม่มั่นใจในการลงทุนใช้เทคโนโลยี ทางเนคเทค สวทช. จึงร่วมกับพันธมิตร เช่น ดีแทค สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อพิสูจน์ในภาคอุตสาหกรรมเห็นประโยชน์ และความคุ้มค่าของการลงทุนกับเทคโนโลยี และหวังว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปยังโรงงานอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการทดลอง 5G Use Case สำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) นี้ เนคเทค สวทช. ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)”

นายกฤษณ์ ประพัทธศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “จากข้อมูลโดยวิจัยกรุงศรีในปี 2564-2565 คาดว่าการผลิตยานยนต์ในประเทศจะฟื้นตัวโดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-4% ต่อปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์โลก การร่วมมือกับไดซิน และเนคเทค สวทช. ในครั้งนี้ เป็นการที่ดีแทค บิสิเนสนำเทคโนโลยี 5G ต่อยอดจากการใช้ระบบเครื่องจักรการผลิตที่มีอยู่เดิมด้วยการนำเครือข่าย การใช้ดาต้าเรียลไทม์ และพัฒนาไปสู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลในการวิเคราะห์ นำไปสู่นวัตกรรม การพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดย 5G Use case ที่ดีแทคได้มีโอกาสร่วมงานกับไดซินและเนคเทค สวทช. นี้ จะถูกพัฒนาเป็นโรงงานต้นแบบโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เพื่อช่วยโรงงานอื่นๆ ในไทยได้พัฒนาต่อยอดต่อไป”

]]>