เนคเทค สวทช. จะไม่หยุดพัฒนา “ฐานรากเทคโนโลยีดิจิทัล” เพื่ออนาคตที่ดีของเกษตรกรไทย และคนไทยทุกคน

Facebook
Twitter
ในงานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทค ประจำปี 2565 หรือ NECTEC-ACE 2022 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ได้บอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรของเนคเทค สวทช. ที่เป็น theme หลักของงาน NECTEC-ACE ในปีนี้ ผ่านการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ก่อร่างสร้างแก่น เกษตรดิจิทัล: Building the Digital Agriculture Infrastructure”
 

‘เทคโนโลยี’ ช่วยปิดช่องว่างเกษตรกรรมไทย

ประชาชนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนในภาคเกษตรกรรมล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายผลผลิตที่ยากลำบากขึ้นทั้งภายในประเทศและการส่งออก ทำให้ข้อจำกัดทางการเงินที่มีอยู่เดิมของเกษตรกรยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม ถึงแม้ว่าในปี 2564 จำนวนแรงงานภาคการเกษตรจะเพิ่มสูงขึ้นจากการที่สภาวะเศรษฐกิจบีบให้คนเมืองต้องกลับถิ่นฐานและประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตด้านเกษตรได้ เกษตรกรต้องลงทุนเยอะขึ้น แต่ได้ผลผลิตต่อไร่ไม่คุ้มทุน

เนคเทค สวทช. เชื่อว่า เทคโนโลยีจะสามารถเข้ามาช่วยพัฒนาและลดช่องว่างภาคเกษตรกรรมได้ ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณสูงขึ้นโดยใช้ทรัพยากรการผลิตอย่างคุ้มค่าเพื่อควบคุมต้นทุน จากความเชื่อนี้ทำให้ “เกษตรแม่นยำ” กลายมาเป็นหนึ่งในกรอบการทำงานเป้าหมาย (Target Output Profiles (TOPs) ที่เนคเทคมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลมากว่า 20 ปี ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทานด้านการเกษตร โดยเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ เกษตรแม่นยำ(Precision Farming Demand-Supply) การตรวจสอบคุณภาพผลผลิตและการตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตด้านการเกษตร (Quality Inspection / Traceability) และ การเชื่อมโยงความต้องการผลผลิตกับเกษตรกร (Demand-Supply Matching)

เกษตรแม่นยำ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วย IoT

การก้าวเข้าสู่เกษตรอัจฉริยะ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการใช้ระบบ IoT คือ การนำเซนเซอร์มาตรวจวัดสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ ความชื้น แสง สารอาหารต่าง ๆ แล้วนำกลับมาสั่งการอุปกรณ์เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเติบโตของพืชต่อไป โดยเนคเทค สวทช. ได้พัฒนาอุปกรณ์ไอโอทีด้านเกษตรที่ได้รับการใช้งานจริงหลายผลงาน ยกตัวอย่าง
 
  • HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ที่ผนวกเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
  • WiMarC ระบบตรวจวัดด้วยเซนเซอร์แบบเครือข่ายไร้สายเพื่อการจัดการและควบคุมอัตโนมัติ มาพร้อมกับแพลตฟอร์มบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างแนวทางการจัดการแปลงเพาะปลูกที่ถูกต้อง แม่นยำ และเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
  • Aqua-IoT ระบบตรวจติดตามสภาพบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ ด้วยเทคโนโลยี IoT สามารถติดตามการใช้งานได้แบบ online

“ข้อมูล” ปัจจัยสำคัญสร้างความ “แม่นยำ” ด้านการเกษตร

เกษตรแม่นยำจำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยข้อมูล เกษตรกรต่างต้องการทราบข้อมูลที่สามารถทำนายสภาพแวดล้อมด้านการเกษตรในช่วงหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้นจะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะรับมือปรับเปลี่ยนการดูแลแปลงเพาะปลูก ควบคุมทรัพยากรการผลิตให้เหมาะสมทั้งการให้น้ำ ใส่ปุ๋ย

โดยประเทศไทยมีข้อมูลทางด้านการเกษตรอยู่จำนวนมาก ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันน้ำ กระทรวงพาณิชย์ ประเด็นสำคัญ คือ เราสามารถจัดการให้ข้อมูลเหล่านี้ไปสู่ผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เนคเทค สวทช.ได้เข้ามาบทบาทสำคัญในการเติมเต็มระบบนิเวศนี้ โดยพัฒนา THAGRI หรือ แพลตฟอร์มความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ภาคการเกษตร (Thailand Agricultural Data Collaboration Platform) เพื่อเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลภาคการเกษตรจากพันธมิตรทั่วประเทศส่งออกมาในรูปแบบ Data API อำนวยความสะดวกสนับสนุนให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง หลากหลาย เพื่อสร้างนวัตกรรม หรือ แอปพลิเคชัน ที่ตอบโจทย์ภาคเกษตรกรรมต่อไป

อีกหนึ่งผลงานที่แสดงให้เห็นศักยภาพของการนำข้อมูลมาผนวกกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ นั่นคือ “ไลน์บอทโรคข้าว” บริการวินิจฉัยโรคข้าวถึง 10 โรค จากภาพถ่ายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ ผ่าน Line Application ภายใน 3-5 วินาที

Plant Factory ราคาย่อมเยา

“โรงงานผลิตพืช” หรือ “Plant Factory” เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเกษตรที่ทำให้สามารถปลูกในระบบปิดที่ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ทุกอย่าง ซึ่งปัจจุบันระบบนี้ยังคงมีราคาสูง และใช้ในผู้ประกอบการรายใหญ่ จึงเป็นโจทย์สำคัญของเนคเทค สวทช.ในการพัฒนา Eco Plant Factory ที่มีราคาลดลง เพื่อให้เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศได้เข้าถึงการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งพิงฤดูกาล ปริมาณผลผลิตที่คงที่ตลอดทั้งปี โดยเหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง

นำความเชี่ยวชาญพัฒนาระบบตรวจสอบคุณและตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์เกษตร

อีกหนึ่งความเชี่ยวชาญของเนคเทค สวทช. คือ การผลิตเซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงประเภทใช้แสง หรือ Onspec ชิปตรวจวัดสัญญาณ Fingerprint ของสารชีวโมเลกุลหรือสารชีวภาพที่มีปริมาณน้อยมากได้อย่างแม่นยำ โดยมีการผลิตและทดลองใช้งานแล้วไม่น้อยกว่า 6,500 ชิป ปัจจุบันได้มีการนำ Onspec มาประยุกต์ใช้ในตรวจวัดคุณภาพผลผลิตผักปลอดสารพิษ ตรวจสอบสารกำจัดวัชพืชที่ตกค้างในดินและแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตร และการตรวจวัดยาปฏิชีวนะปนเปื้อนในอาหารสัตว์เศรษฐกิจ เป็นต้น สำหรับการตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตด้านการเกษตร เนคเทค สวทช. ได้เริ่มต้นพัฒนา Coffee Bean Trace ระบบบล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับเมล็ดกาแฟ ป้องกันการแก้ไขในการบันทึกข้อมูลห่วงโซ่อุปทานเมล็ดกาแฟของประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับเมล็ดกาแฟที่บริโภคจนถึงต้นทางได้
 

เชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรส่งตรงถึงโรงเรียน

อีกหนึ่งโจทย์สำคัญด้านการเกษตร คือ การเชื่อมโยงความต้องการระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภค เมื่อเนคเทค สวทช. มีโอกาสได้พัฒนาระบบ Thai School Lunch ใช้สำหรับวางแผนจัดสำรับอาหารในโรงเรียนให้ได้ตามหลักโภชนาการ ทำให้เห็นถึงความต้องการการใช้วัตถุดิบล่วงหน้าตั้งแต่รายสัปดาห์ถึงรายปีของโรงเรียนที่ใช้งานระบบกว่า 5 หมื่นโรงทั่วประเทศ เนคเทค สวทช.จึงได้พัฒนา “Farm to School” เพื่อตอบโจทย์ในการเชื่อมโยงข้อมูลความต้องการผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่เพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจชุมชนต่อไป

Open Innovation กุญแจสำคัญส่งงานวิจัยถึงมือเกษตรกร

การผลักดันเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลไปสู่เกษตรกรนั้นไม่ง่าย ทั้งเรื่องความใหม่ของเทคโนโลยี ความยากง่าย และการลงทุนต่าง ๆ ระบบนิเวศในการส่งต่อนวัตกรรมเหล่านี้ให้ไปถึงมือเกษตรกรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันเติมระบบนิเวศนี้ให้เต็ม เพื่อพัฒนาภาคเกษตรไทยให้ยั่งยืนต่อไป สำหรับเนคเทค สวทช. ได้มีการผลักดันผลงานวิจัยสู่ “นวัตกรรมแบบเปิด” หรือ “Open Innovation” ทั้งการเปิดเผยพิมพ์เขียวผลงานวิจัยให้ผู้สนใจหรือผู้ประกอบการได้ทำไปผลิตใช้งาน หรือ จำหน่ายได้ โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ เช่น ผลงาน HandySense และ WiMarCเพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลให้ได้รับการใช้งานในวงกว้าง ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้านการเกษตรในประเทศไทย
 
“เนคเทค สวทช. เราเรียนรู้ ศึกษา วิเคราะห์เทคโนโลยีรอบด้านทั้งไทยและต่างประเทศ หากสามารถสร้างประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยได้ เราพยายามที่จะสร้างเทคโนโลยีและข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้นต่อไป … เราไม่หยุดพัฒนาสร้างฐานรากเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่ออนาคตที่ดีของเกษตรกรไทยและคนไทยทุกคน” ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย