บรมครูสร้างเนื้อหาบนเครือข่ายด้วยเครื่องมืออย่างง่าย 
D
i g i t a l  L i b r a r y To o l k i t

||หลักการและเหตุผล||วัตถุประสงค์เป้าหมาย||วันเวลาสถานที่อบรม||กำหนดการ||คุณสมบัติผู้เข้าร่วมอบรม||การสมัคร||ตัวอย่างเนื้อหา||
||ใบสมัคร||แผนที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย||ประมวลภาพการอบรมครูสร้างเนื้อหา||


" คุณครูสมศรี..สอนเคมี...มี Homepage เป็นของตัวเอง
คุณครูบุญมี...สอนดนตรี...มี Homepage เป็นของตัวเอง
คุณครูจิตตรี...สอนระบายสี...ก็มี Homepage เป็นของตัวเอง
คุณครูสอนวิชาไหนๆ ก็มี Homepage เป็นของตัวเองได้..." เชิญเข้ารับการอบรมฟรี 10 รุ่นทั่วประเทศ

                     "ครูอาจารย์สร้างคนละ 1 เรื่อง เพียงโรงเรียนละ 10 คน 100 โรงเรียนก็กลายเป็น 1,000 เรื่อง " และนำเนื้อหาเข้าไปรวมกันแบบเสมือน (virtual) ไว้ที่ Digital Library กลายเป็นแหล่างความรู้มหาศาลและส่งผลให้เป็นเวทีที่ให้เด็กนักเรียนได้ใช้ในการแสวงหาความรู้

>>สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่การสมัคร<<

หลักการและเหตุผล
                      ในปัจจุบันประเทศที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงสุดได้สะสมและพัฒนาความรู้ และใช้ความรู้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา (สกศ. ความรู้เพื่อการพัฒนา, 2542) ดังนั้น ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ จึงได้ให้ความสำคัญกับ "หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา" ด้วยเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีจะเป็น "เครื่องมือ" และ "วิธีการเรียนรู้" ที่จะทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาส "เข้าถึง" ความรู้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการ ทั้งนี้ โครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย (SchoolNet) เป็นโครงการหนึ่งที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงให้โรงเรียนต่างๆ ในประเทศไทยได้เข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน ให้เยาวชนไทยได้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ระหว่างโรงเรียน ครูกับครู ครูกับนักเรียน ครูกับผู้ปกครอง นักเรียนด้วยกันเอง และจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาพบว่า การขยายให้โรงเรียนได้เข้าสู่เครือข่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีครูนักเรียนเชื่อมโยงเข้าสู่อินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากและอย่างง่ายดาย ปัญหาสำคัญคือ เมื่อนักเรียนและครูเชื่อมโยงมายังเครือข่าย จะพบข้อมูลหรือเนื้อหาที่จะเป็นประโยชน์ได้น้อย นักเรียนและครูจึงเรียกดูข้อมูลจากต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลมักเป็นเรื่องความสนุกเพลิดเพลิน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาข้อมูลหรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ทั้งวิชาการในชั้นเรียน และวิชาการอื่นๆ จำเป็นต้องพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำโครงการพัฒนาเนื้อหาความรู้เพื่อโรงเรียนไทย (Digital Library) เพื่อจัดทำต้นแบบห้องสมุดดิจิทัลหรือห้องสมุดเสมือน (virtual Library) ที่มีเนื้อหาสาระประกอบด้วยเอกสารข้อความที่เป็นความรู้ ภาพ เสียง สไลด์ สื่อช่วยสอน วีดีโอ โดยเริ่มต้นที่ 7 หมวดวิชาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายคือ คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี สิ่งแวดล้อม และพื้นฐานวิศวกรรม จำนวน 1,113 เรื่อง เผยแพร่ที่ URL http://school.net.th/library/
                      การสร้างข้อมูลหรือเนื้อหาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และให้มีเนื้อหาครบถ้วนหลากหลาย จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างโรงเรียนทั้งหมด กล่าวคือ ผู้ที่มีข้อมูลหรือเนื้อหาก็คือ ครูอาจารย์ทั้งหมด และผู้ที่จะทำการสร้างเนื้อหาเหล่านี้ต้องมาจากครูอาจารย์ ด้วยเหตุนี้เอง หากขยายผลแบบทวีคูณ (multiply) ทุกโรงเรียนมีเนื้อหากันคนละนิดละหน่อย "ครูอาจารย์สร้างคนละ 1 เรื่อง เพียงโรงเรียนละ 10 คน 100 โรงเรียนก็กลายเป็น 1,000 เรื่อง" และนำเนื้อหาเข้าไปรวมกันแบบ เสมือน (virtual) ไว้ที่ Digital Library กลายเป็นแหล่งความรู้มหาศาล ใช้เป็นเวทีให้เด็กนักเรียนได้ใช้ในการแสวงหาความรู้ได้ ด้วยตระหนักถึงพลังความร่วมมือของครูที่จะสร้างเนื้อหาร่วมกัน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ จัดทำโครงการอบรมครูสร้างเนื้อหาบนเครือข่ายด้วยเครื่องมืออย่างง่าย Digital Library Toolkit ขึ้น เพื่อให้ครูที่ไม่มีความรู้พื้นฐานการสร้างเว็บเพจ สามารถนำข้อมูลหรือเนื้อหาที่ตนเองมีอยู่ มาสร้างเป็นเนื้อหาที่สามารถเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ และรวมกันแบบเสมือนไว้ที่ Digital Library โดยจะคัดเลือกครูอาจารย์หลากหลายหมวดวิชาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีข้อมูลหรือเนื้อหาของตนเองอยู่แล้ว และประสงค์ที่จะนำเนื้อหาของตนเองมาเผยแพร่แก่สาธารณชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้สามารถใช้ Digital Library Toolkit ซึ่งเป็นเครื่องมืออย่างง่ายที่พัฒนาขึ้นโดยยึดหลักความสะดวกรวดเร็ว และง่ายต่อการสร้าง อีกทั้งมีการจัดเนื้อหาเป็นหมวดหมู่ มีคำสำคัญ (keyword) ให้สืบค้นได้ง่ายอีกด้วย

วัตถุประสงค์
                      1. เพื่อพัฒนาข้อมูลหรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ทั้งวิชาการในชั้นเรียน และวิชาการอื่นๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ให้ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันบนเครือข่าย ตลอดจนเป็นตัวอย่างการเรียนรู้แบบใหม่บนเครือข่าย
                      2. เพื่อพัฒนาศักยภาพครูอาจารย์ทั่วประเทศ ให้สามารถสร้างผลงานทางวิชาการในรูปแบบที่สามารถเผยแพร่ในวงกว้างผ่านเครือข่ายได้
                      3. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สร้างสิ่งแวดล้อมแก่นักเรียนที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ให้ได้มีเวทีแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากความรู้ที่มีอยู่ในหนังสือ ตลอดจนให้นักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในกิจกรรมส่งเสริมให้ใฝ่รู้ และลดการใช้อินเทอร์เน็ตในการเรียกดูข้อมูลสนุกเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียว

เป้าหมาย
                      ครูอาจารย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจากหลากหลายหมวดวิชาประมาณ 200 คน สามารถพัฒนาเนื้อหาของตนเอง และนำมาเผยแพร่ให้สาธารณะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันบน Digital Library ผ่านเครือข่าย SchoolNet ประมาณ 2,000 เรื่อง

เวลา รุ่นการอบรม และจำนวนผู้เข้าอบรม
                      ระหว่าง 1 กุมภาพันธ์ 2545 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2545 การอบรมแบ่งเป็น 4 รุ่นๆ ละ 1 วัน ผู้เข้าอบรมรุ่นละ 50 คน รวมเป็น 200 คน
                                 รุ่นที่ 1 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2545 จำนวนผู้เข้ารับการอบรม 50 คน
                                 รุ่นที่ 2 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2545 จำนวนผู้เข้ารับการอบรม 50 คน
                                 รุ่นที่ 3 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2545 จำนวนผู้เข้ารับการอบรม 50 คน
                                 รุ่นที่ 4 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2545 จำนวนผู้เข้ารับการอบรม 50 คน

สถานที่การอบรม
                      ณ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ซอยเจริญกรุง 57 ถนนเจริญกรุง เขตสาธร กรุงเทพฯ 10120   >>แผนที่แสดงที่ตั้ง<<

                      ต่างจังหวัด
                                  >>ร่วมกับสถานศึกษาที่มีความพร้อม และโครงการรวมพลังเพื่อปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจะจัดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยประมาณ จำนวน 6 รุ่น รวม 300 คน โดยจะกำหนดวันเวลาและสถานที่ ที่แน่นอนต่อไป
                                  >>ต่างจังหวัด ณ.สถานศึกษาที่มีความพร้อม และ/หรือ สถานที่จัดงานโครงการรวมพลังเพื่อปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจะจัดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ

กำหนดการอบรม
                      8.30 - 9.00 น.                        ลงทะเบียน
                      9.00 - 9.30 น.                        พิธีเปิดและกล่าวต้อนรับ
                      9.30 - 10.15 น.                      รู้จักกับ Digital Library และกิจกรรมสำหรับเยาวชน
                                                                      โดย เจ้าหน้าที่โครงการ SchoolNet ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
                      10.15 - 10.30 น.                    ---- รับประทานอาหารว่าง ----
                      10.30 - 11.15 น.                    ครูจัดทำเนื้อหาเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ประโยชน์อย่างไร และแรงจูงใจในการจัดทำ
                                                                      โดย นายพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย
                      11.15 - 12.00 น.                    อินเทอร์เน็ตคืออะไร นำเนื้อหามาใช้ลักษณะใดบ้าง และเทคนิคค้นหาเนื้อหาที่ต้องการโดย
                                                                      เจ้าหน้าที่โครงการ SchoolNet ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
                      12.00 - 13.00 น.                   ---- รับประทานอาหารกลางวัน ----พร้อมชมวิดีโอตัวอย่างการนำอินเทอร์เน็ตไปใช้ในวิชาต่างๆ เช่น ชีววิทยา เคมี สปช
                      13.00 - 14.30 น.                    สร้างเนื้อหาบนเครือข่ายด้วย Digital Library Toolkit โดยไม่มีความรู้พื้นฐานการสร้างเว็บเพจ
                      14.30 - 15.00 น.                    เทคนิคการ scan ภาพที่จะใช้เผยแพร่บนเครือข่าย
                      15.00 - 15.15 น.                    ---- รับประทานอาหารว่าง ----
                      15.15 - 15.45 น.                    หารือถึงการพัฒนาเนื้อหาร่วมกันบนเครือข่าย
                      15.45 - 16.30 น.                    เชื่อมต่อเครือข่าย SchoolNet ผ่านเลขหมาย 1509 ได้อย่างไร พร้อมรับบัญชี 1509

คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม
                      1. ผู้เข้าอบรมจะต้องเป็นครูอาจารย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สอนวิชาใดก็ได้ เป็นครูสอนคอมพิวเตอร์หรือไม่ก็ได้
                      2. ไม่ต้องมีความรู้พื้นฐานสร้างเว็บเพจ หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตมาก่อน
                      3. สามารถสามารถใช้ windows และใช้โปรแกรม Microsoft Word หรือ Notepad ได้
                      4. จะต้องนำข้อมูลหรือเนื้อหาที่ต้องการสร้างสื่อการเรียนการสอนมาด้วย โดยพิมพ์บน Microsoft Word หรือ Notepad หรือเขียนด้วยมือ 1-2 หน้ามาในวันอบรมด้วย
                      5. จะต้องนำรูปที่มีความสัมพันธ์กับข้อมูลหรือเนื้อหาที่จะสร้างสื่อการเรียนการสอนมาในวันอบรมด้วย

การสมัคร เตรียมตัวเข้ารับการอบรม
                      ส่งใบสมัครและติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ โทรศัพท์ 0-2668-7123 ต่อ 2530,2532 โทรสาร 0-2668-7329 หรือ โครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย โทรศัพท์ 0-2247-8288 โทรสาร 0-2247-8055
                      1. ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามคุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม
                      2. ส่งใบสมัคร พร้อมตัวอย่างข้อมูลหรือเนื้อหาอย่างน้อย 1 เรื่อง มาประกอบการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม
                      3. ครูที่จะเข้ารับการอบรมจะต้องนำข้อมูลหรือเนื้อหาที่ต้องการสร้างสื่อการเรียนการสอนมาด้วย โดยพิมพ์บนMicrosoft Word หรือ Notepad หรือเขียนด้วยมือ 1-2 หน้า มาในวันอบรมด้วย
                      4. ครูที่จะเข้ารับการอบรมจะต้องนำรูปที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหา มาในวันอบรมด้วย

ลักษณะของข้อมูลหรือเนื้อหาที่นำมา พร้อมตัวอย่าง
                      ข้อมูลหรือเนื้อหาจะต้องมีลักษณะดังนี้
                                      1. เป็นข้อมูลหรือเนื้อหาที่ไม่ปรากฎในหนังสือที่จำหน่ายอยู่แล้ว
                                      2. 
เป็นข้อมูลหรือเนื้อหาที่ต้องการสร้างเพิ่มเติมจากบทเรียนที่มอบหมายให้เด็กทำอยู่แล้วหรือเป็นข้อมูลหรือเนื้อหาที่ต้องการให้เด็กค้นคว้าเพิ่มเติม หรือเป็นรายงานที่ดีเยี่ยมซึ่งมีการจัดทำไว้แล้ว
                                      3. เนื้อหาและรูปภาพที่นำมา จะต้องไม่มีปัญหาลิขสิทธิ์ กล่าวคือ
                                                    
- สำหรับเนื้อหา จะต้องเขียน/แต่ง/เรียบเรียงด้วยตนเอง
                                                    
- สำหรับรูปภาพ จะต้องเป็นภาพที่ถ่าย/วาดด้วยตนเอง
                                                    
- หากเนื้อหา-รูปภาพนำมาจากแหล่งอื่น จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และระบุที่มาของเนื้อหา-รูปภาพ

ตัวอย่างข้อมูลหรือเนื้อหา "รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ"

รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ลักษณะคำประพันธ์ แต่งเป็นกลอนบทละคร จุดมุ่งหมายในการแต่ง เพื่อรวบรวมวรรณคดีเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาไว้มิให้ สูญหาย ที่มาของเรื่อง นำมาจากวรรณคดีเก่าแก่ของอินเดียชื่อ "คัมภีร์รามายณะ" เรื่องย่อ ไมยราพเจ้าเมืองบาดาล มีกล้องยาวิเศษพร้อมมนต์สะกด เมื่อเป่ายา และร่ายมนต์ก็สามารถสะกดคนให้หลับหมดได้ ไมยราพได้รับบัญชาจากทศกัณฐ์ให้มาช่วยรบกับพระรามก่อนทำศึกกับพระราม ไมยราพฝันเป็นลางว่า มีดาวดวงน้อยเปล่งรัศมีมาบดบังดวงจันทร์ โหรทำนายว่าพระญาติ(ไวยวิก)จะได้ขึ้นครองเมืองแทน ไมยราพจึงหาทางป้องกันมิให้เป็นไปตามคำทำนายโดยการจับไวยวิกและมารดาคือนางพิรากวน(พี่สาวของไมยราพ)ไปขังไว้ ฝ่ายพระรามก็ฝันว่าราหูมาบดบังพระอาทิตย์แล้วจับไปได้ พิเภกทำนายว่าพระรามจะถูกลักพาตัวไปแต่จะรอดกลับมาได้ เมื่อใดที่พระอาทิตย์ขึ้นพระรามจะพ้นเคราะห์ หนุมานจึงพยายามหาทางป้องกันโดยเนรมิตกายให้ใหญ่อมพลับพลาที่ประทับของพระรามเอาไว้ แต่ไมยราพซึ่งปลอมตัวเป็นพลทหารลิงแอบล่วงรู้ความลับนี้ จึงเหาะขึ้นไปบนอากาศกวัดแกว่งกล้องทิพย์ทำให้เกิดความสว่าง พลลิงทั้งหลายที่อยู่ยามเข้าใจว่าเป็นเวลาเช้าแล้วก็พากันละเลยต่อหน้าที่ บ้างก็นอนหลับ บ้างก็หยอกล้อกันไมยราพจึงย่องเข้าไปเป่ายาสะกดไพร่พลในกองทัพของพระรามจนหลับใหลไปหมด แล้วจึงแบกพระรามพาแทรกแผ่นดินไปยังเมืองบาดาล เมื่อถึงเมืองบาดาลไมยราพสั่งให้นำพระรามไปขังไว้ในกรงเหล็ก และนำไปไว้ยังดงตาลท้ายเมืองบาดาล จัดทหารยักษ์จำนวนโกฏิหนึ่ง( ๑๐ ล้านตน)เฝ้าเอาไว้อย่างแน่นหนา และสั่งให้นางพิรากวนตักน้ำใส่กระทะใหญ่เพื่อเตรียมต้มพระรามกับไวยวิกในวันรุ่งขึ้น ทางกองทัพของพระรามเมื่อทราบว่าพระรามถูกลักพาตัวไปให้หนุมานตามไปช่วยพระรามที่เมืองบาดาล ระหว่างทางหนุมานได้พบกับด่านต่าง ๆ หลายด่าน คือ ด่านกำแพงหินที่มียักษ์รักษานับพัน ด่านช้างตกมัน ด่านภูเขากระทบกันเป็นเปลวไฟ ด่านยุงตัวโตเท่าแม่ไก่ และด่านมัจฉานุ(บุตรของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา) หนุมานสามารถผ่านด่านต่างๆได้ และได้ขอให้มัจฉานุบอกทางไปยังเมืองบาดาลให้ แต่มัจฉานุนึกถึงพระคุณของไมยราพที่ชุบเลี้ยงตนเป็นบุตรบุญธรรม จึงเลี่ยงบอกทางไปเมืองบาดาลให้หนุมานทราบเป็นความนัยให้หนุมานนึกเดาเอา หนุมานจึงตามไปถึงเมืองบาดาลพบนางพิรากวนออกมาตักน้ำตามคำสั่งของไมยราพ จึงขอให้นางพิรากวนพาเข้าเมืองบาดาลโดยการแปลงเป็นใยบัวติดสใบนางเข้าไป หนุมานค้นหาพระรามจนพบแล้วร่ายมนต์สะกดยักษ์ที่อยู่เวรยามให้หลับหมดพาพระรามออกมาจากเมืองบาดาลและไปฝากเทวดาที่เขาสุรกานต์ให้ช่วยดูแลพระราม ส่วนตนเองก็ย้อนกลับไปสู้กับไมยราพ และฆ่าไมยราพตายในที่สุด
โดย : นาง พร้อมพร ไตรศิวะกุล, โรงเรียนนารีนุกูล, วันที่ 26 พฤศจิกายน 2544

ประมวลภาพการอบรมครูสร้างเนื้อหา
ร่วมสร้างสรรค์โดย