...ความเชื่อและการนับถือผีของชาวล้านนา...
 
   ผี คืออะไร 
    ได้มีผู้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หลายประการ เป็นต้นว่า หมายถึงวิญญาณของคนที่ล่วงลับไปแล้วที่แลเห็นไม่ได้ในเวลาปกติหรือเป้นสิ่งที่ปกติจะมองไม่เห็น 
    คนถือหรือเข้าใจเอาว่ามีฤทธิ์อำนาจเหนือคน อาจให้คุณหรือโทษแก่คน ทำให้คนนับถือหรือเกรงกลัวและเป็นสิ่งใดก็ตามที่ปกติไม่สามารถจะมองเห็นตัวได้ 
    แต่เราถือเข้าใจเอาว่ามีฤทธิ์และอำนาจอยู่เหนือคน อาจให้ดีหรือร้าย คือให้คุณหรือให้โทษแก่เราได้สิ่งเหล่านี้เราเกรงกลัวและบางทีก็นับถือด้วย 
    
   
   
     การนับถือผีและผีของชาวล้านนา
  
  การนับถือผีนั้น 
    คงสืบเนื่องมาจากลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (Ancestor worship) ซึ่งความเชื่อนี้เจริญเติบโตมากจากลัทธิที่เชื่อถืออำนาจเหนือธรรมชาติ 
    (Animism) อันเป็นต้นกำเนิดของลัทธิประเพณีหลายๆอย่างและเป็นที่มาของศาสนาบางประเภทด้วย 
    คติความเชื่อเกี่ยวกับผีเป็นความเชื่อของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นพัฒนาการของความเชื่อระดับหนึ่งของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามโครงสร้างและสภาพของสังคม 
    ในสังคมที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีมากขึ้นจะละทิ้งหรือลดหย่อนความเชื่อเกี่ยวกับผีลงไป 
    จะหันมานับถือพระเจ้าซึ่งก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นตัว มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือมนุษย์เหนือธรรมชาติเหมือนผี 
    แต่เรียกชื่อและมีพิธีกรรมที่แตกต่างกันไปเท่านั้น ไม่ได้มุ่งสนองความต้องการในชีวิตประจำวันเท่านั้น 
    แต่จะพยายามแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย เสนอความคิดความเชื่อเกี่ยวกับชาติหน้าที่เป็นเหตุเป็นผล 
    มีหลักปรัชญาที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นับเป็นพัฒนาการความเชื่อระดับหนึ่งที่แสดงถึงภูมิปัญญาระดับสูงของมนุษย๋ 
    ซึ่งนักมานุษยวิทยากำหนดให้ความเชื่อในลักษณะนี้เป็นศาสนาของสังคมสมัยประวัติศาสตร์ 
    และให้การนับถือผีเป็นศาสนาในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แต่เนื่องจากคติความเชื่อในการนับถือผีเป็นความเชื่อพื้นฐานที่เก่าแก่ดั้งเดิม 
    ดังนั้นจึงยังคงเหลือความเชื่อดังกล่าวนี้อยู่ในจารีตประเพณีและพฤติกรรมของมนุษย์ในแทบทุกสังคมไม่มากก็น้อย 
    และดูเหมือนว่าคติความเชื่อในการนับถือผีนี้จะเป็นลักษณะร่วมของกลุ่มชาติไต-ไท 
    เพราะไม่ว่าจะเป็นไทใหญ่ ไทเขิน ไทลื้อ ไทยวนหรือชาวล้านนา ต่างก็นับถือผีทั้งนั้น 
    การนับถือผีของชาวล้านนา สำหรับชาวล้านนาแล้วความเชื่อในการนับถือผีคงจะเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่มีอยู่มาก่อนที่พระพุทธศาสนาจะเผยแพร่เข้ามา 
    ทั้งนี้ในโลกทัศน์ของชาวล้านนานั้นมีความเข้าใจว่าโลกมนุษย์กับโลกของผีนั้นซ้อนทับกันอยู่และมีความเกี่ยวข้องกัน 
    โดยเชื่อว่าผีนั้นมีจำนวนมากมายในทุกหนทุกแห่งทั้งในเมือง หมู่บ้าน ทุ่งนา แม่น้ำ 
    เหมืองฝาย ป่า ภูเขา และในบ้านเรือน จะมีผีปกปักรักษาอยู่ ดังสะท้อนให้เห็นในคำส่งผีฉบับปั๊บสาของเก่าจากอำเภอทุ่งช้าง 
    จังหวัดน่าน ได้กล่าวให้เห็นว่า  ดูราผี สัพพะว่าผีทั้งหลาย อันอยู่ในนารกขงเขต 
    ประเทศป่าไม้และแดนดิน สายสมินเขื่อนถ้ำ ทุกท่าน้ำล่าขึมขำ ทั้งผียำและผีโป่ง 
    ผีเสื้อโท่งและผีเสื้อนา ผีตายโหงและผีตายห่า ผีป่าผีบ้าน ผีเมืองคน ผีตายกลางป่า 
    ไม้ป่าไพรสณฑ์ดงใหญ่ มีทั้งผีเสื้อไร่และผีเสื้อสวน มีทั้งผีหัวหลวง พวงเป็นหมู่และเป็นขุม
 
     ผีนั้นมีทั้งที่ให้คุณและให้โทษแก่มนุษย์ เป็นทั้งมิตรกับมนุษย์ 
  ในขณะเดียวกัน ก็สามารถจะดลบันดาลให้เกิดภยันอันตรายแก่มนุษย์ได้ 
    แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นผีประเภททรงคุณธรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่คอยให้การปกป้องคุ้มครองพิทักษ์รักษาและอำนวยคุณความดีให้แก่มนุษย์ด้วยมหิทธานุภาพของผีเอง 
    ถ้าในความสัมพันธ์นั้นมนุย์กระทำดีต่อผีแต่ในขณะเดียวกันมนุษย์อาจได้รับโชคร้ายหรือสูญเสียผลประโยชน์ได้ 
    ถ้าหากปฏิบัติตนไม่ถูกไม่ควรอันเป็นเหตุขัดใจผีหรือไม่ถูกใจ กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าผีนั้นมีทั้งผีดีและผีร้าย 
    ผีดีนั้นตามปกติมีใจเป็นกลางๆ ไม่ให้ดีให้ร้ายแก่ใคร เว้นไว้แต่จะทำให้โกรธ แต่เดิมเรียกว่า 
    ผีฟ้า ภายหลังเรียกว่า เทวดา เพราะได้คำนี้มาจากอินเดีย ยังมีอีกพวกหนึ่งจะเป็นผีดีหรือผีฟ้าก็ไม่เชิง 
    เป็นผีร้ายก็ไม่เชิง เป็นพวกอยู่ในอากาศ อยู่ตามป่าเขาก็มี ในถ้ำในน้ำหรือบนต้นไม้ก็มี 
    ผีพวกนี้บางทีเราเรียกว่า เทวดา บางทีก็เรียก ผี เป็นจำพวกผีเทวดา เป็นผีที่เจ้าที่เจ้าทางต่างๆ 
    เช่น เจ้าป่า เจ้าเขา ฯลฯ จัดเป็นเทวดาชั้นต่ำเพราะไม่ได้อยู่บนฟ้า ผีชนิดนี้จัดเข้าอยู่ในพวกผีธรรมชาติ 
    อีกพวกหนึ่งเดิมเป็นคนครั้นตายไปก้ไม่ไปไหนยังสิงสถิตอยู่ตามบ้านเรือน เป็นผีญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวเรียกว่า 
    ผีบรรพบุรุษ อีกพวกหนึ่งเดิมเป็นคนเหมือนกันแต่มักเป็นคนเก่งกล้าสามารถ เป็นคนมีบุญคุณใหญ่หลวงแก่หมู่บ้าน 
    หรือเป็นคนดุร้ายเป็นที่เกรงกลัวแก่ใครๆ เมื่อตายไปคนก็ยังนับถือและเกรงกลัวอยู่ 
    ผีพวกนี้เรียกว่า ผีวีรบุรุษ สำหรับผีพวกสุดท้ายเป็นผีร้าย ผีเลว หรือผีสามัญ 
    ซึ่งจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่มีชื่อยกย่องเป็นอย่างอื่น ผีพวกนี้เกะกะระรานเป็นพาลไม่ให้ดีแก่ใคร 
    คนจึงกลัวกันมากกว่าผีอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ในวิถีชีวิตของชาวล้านนาจึงมีส่วนสัมพันธ์กับผีเป็นอย่างมากซึ่งแสดงออกมาในลักษณะของการให้การเคารพบูชา 
    ยำเกรง และขอที่พึ่งพิง 
   ในบรรดาผีดี 
    จะมีลำดับขั้นตอนตามอำนาจและหน้าที่ในอาณาเขตของตนภพแห่งผีนี้สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างทางการเมืองและสังคมของชาวนาในภาคเหนือ 
    โดยที่แต่ละหมู่บ้านตำบล และเมือง จะมีวิญญาณคุ้มครองอยู่เป็นประจำ ในหมู่บ้านก็จะมีเจ้า 
    (ผีวิญญาณ) คุ้มครองหมู่บ้าน ไร่นา (ผีเจ้านาย) และเจ้าคุ้มครองตัวหมู่บ้านโดยเฉพาะ 
    (ผีเจ้าบ้าน) อยู่เป็นวิญญาณสูงสุดเจ้าคุ้ครองเฉพาะหมู่บ้านจะมีอำนาจเหนือหมู่บ้านและไม่ครอบคลุมบริเวณเนื้อที่นา 
    ข้างล่างสุดของลำดับขั้นก็จะเป็นผีวิญญาณของเครื่องใช้ประจำบ้านต่างๆ เช่น เตาและหม้อนึ่ง 
    ในระหว่างกลางก็มีผีวิญญาณ เช่น ผีวิญญาณประจำทางเดิน ประจำวัด และประจำเรือน 
    นอกเหนือไกลออกไปจากหมู่บ้านและไร่นา มีผีวิญญาณเอนกอนันต์ที่คุ้มครองบริเวณที่ต่างๆนานัปการ 
    ที่สำคัญที่สุดคือ ผีเจ้าป่า ผีเจ้าเขา ผีวิญญาณประจำข้าวที่เรียกกันว่า เจ้าแม่โพสพ 
    วิญญาณประจำแผ่นดินที่เรียกว่า เจ้าแม่ธรณี ผีวิญญาณที่อยู่ในลำดับสูงมักจะเป็นวิญญาณประเภทเจ้าหรือเทวบุตรเทวดา 
    ผีวิญญาณที่คุ้มครองตัวหมู่บ้านอยู่ในลำดับต่ำสุดจะถูกเรียกว่า เจ้า ผีของชาวล้านนา 
    ผีสำคัญๆที่ชาวล้านนาให้การนับถือมีอยู่เป็นจำนวนมาก มีชื่อเรียกและการทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้คนค่อนข้างสับสน 
    ทั้งนี้คงสืบเนื่องมาจากการเรียกชื่อและมีรายละเอียดของประเพณีพิธีกรรมที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่หลากหลายในดินแดนล้านนา 
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นต้นมา อันเป็นเวลาของการฟื้นฟูบ้านเมืองซึ่งได้มีการกวาดต้อนและการอพยพของชนกลุ่มต่างๆ 
    เข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนล้านนาเป็นจำนวนมาก ทำให้คติการนับถือผีของกลุ่มชนเหล่านั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของล้านนา 
    โดยเฉพาะในช่วงเวลานับร้อยๆ ปีที่ผ่านมาได้มีการหล่อหลอมรวมกันของกลุ่มคนเหล่านี้จนกลายมาเป็นชาวล้านนาในทุกวันนี้ 
    ก็ยิ่งทำให้ประเพณีพิธีกรรมในคติความเชื่อเหล่านั้นปะปนกันจนยากที่จะสืบสาวถึงที่มาดั้งเดิมได้ 
    รวมทั้งในระดับสังคมเมืองที่มีความซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก็ได้มีผลให้คติในการนับถือผีมีการเปลี่ยนแปลงและซับซ้อนไปตามสภาพสังคม 
    ทำให้มีชื่อเรียกขานของผีและประเภทของผีที่มาเกี่ยวข้องกับคนสับสนมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามได้มีผู้ศึกษาเรื่องราวของการนับถือผีล้านนาไว้ 
    ทำให้อาจอธิบายเรื่องราวการนับถือผีของชาวล้านนาได้อยู่บ้าง ผีที่เกี่ยวข้องอยู่ในวิถีชีวิตของชาวล้านนานั้นมีจำนวนค่อนข้างมาก 
    แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจในภาพรวมของคติการนับถือผี ตลอดจนประเพณีและบทบาทที่มีต่อชาวล้านนาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น 
    
  อาจจำแนกกลุ่มของผีที่มีอยู่ในคติความเชื่อของชาวล้านนาในทุกวันนี้ออกได้เป็น 
    ๕ กลุ่มใหญ่ๆ คือ
   ๑. 
    ผีบรรพบุรุษ ๒. ผีอารักษ์หรือผีอะฮัก ๓. ผีเจ้านาย ๔. ผีครู ๕. ผีทั่วๆไป 
  ซึ่งในที่นี้จะได้แยกกล่าวในรายละเอียดของผีในแต่ละประเภทต่อไป
   ๑. 
    ผีบรรพบุรุษ 
  เนื่องจากชาวล้านนา ในทุกวันนี้สืบทอดมาจากบรรพชนหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ 
    ดังนั้นจึงมีผีที่มีชื่อเรียก และประเพณีพิธีกรรมที่อยู่ในประเภทผีบรรพบุรุษอยู่หลายกลุ่ม 
    แต่โดยทั่วไปแล้วชาวล้านนาจะรู้จักและยอมรับว่าบรรพบุรุษของตนเองเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจาก 
    ปู่แสนย่าแสนไส้ หรือบางทีก็เรียก ปู่แถนย่าแถน ทั้งนี้ในโลกทัศน์ของชาวล้านนาเชื่อว่าบรรพบุรุษของตนนับตั้งแต่ปู่แถนย่าแถนเป็นต้นมาจนถึง 
    ปู่ ย่า ตา ทวด หรือบิดามารดาของตนนั้น เวลาตายไปแล้วก็ตายไปเฉพาะร่างกายเท่านั้น 
    ส่วนดวงวิญญาณอันเป็นหลักใหญ่ของชีวิตนั้นมิได้หายสาบสูญไปไหน หากแต่มีความอาลัยอาวรณ์ผูกพันอยู่กับพวกเขาตลอดไป 
    คอยติดต่อสัมพันธ์อยู่กับลูกหลาน สิงสถิตอยู่บริเวณที่ที่ลูกหลานอาศัยอยู่ เช่นอยู่ตามบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ 
    วิญญาณบรรพบุรุษเหล่านี้แสดงบทบาทในฐานะเป็นผู้พิทักษ์รักษาปกป้องคุ้มครองลูกหลานภายในครอบครัวและภายในชุมชน 
    คอยสอดส่องความเป็นอยู่และควบคุมความประพฤติของลูกหลานอีกด้วย ผีบรรพบุรุษที่เกี่ยวข้องกับชาวล้านนาในทุกวันนี้จะมีชื่อเรียกและระดับของการควบคุมดูแลลูกหลานอยู่ในสังคมหลายอย่าง 
    ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการเป็นผีบรรพบุรุษของกลุ่มชนที่แตกต่างกันทางเชื้อสายเผ่าพันธุ์ดังที่กล่าวมาแล้ว 
    ดังนั้นในที่นี้จะได้แยกกล่าวในรายละเอียดของผีต่างๆที่จัดอยู่ในกลุ่มผีบรรพบุรุษที่อยู่ในสังคมของชาวล้านนาตามลำดับดังนี้ 
    
  ๑.๑ ผีปู่ย่า
  ผีปู่ย่า เป็นผีหรือวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว 
    เป็นผีประจำตระกูลที่มีการนับถืออยู่ในวงศ์ญาติเดียวกัน โดยจะมีบทบาทและหน้าที่เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ในกลุ่มเครือญาติ 
    ทำให้มีการแก้ไขปัญหาหรือยุติข้อขัดแย้งในหมู่เครือญาติได้ การนับถือผีปู่ย่านั้นจะมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการสืบเชื้อสายและการนับถือเครือญาติ 
    เรียกว่าเป็นกลุ่มผีเดียวกัน ซึ่งเป็นการสืบทอดทางสายมารดา ดังนั้นการนับถือผีปู่ย่าจะมีการถ่ายทอดผ่านทางผู้หญิงเท่านั้น 
    เชื่อกันว่าคติการนับถือผีปู่ย่านั้นจะเป็นแบบแผนวัฒนธรรมของชาวล้านนามาแต่โบราณ 
    แต่จากการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ได้พบว่า นอกเหนือจากชาวล้านนาและไทลื้อที่สิบสองพันนาที่มีการนับถือผีปู่ย่าด้วยแล้ว 
    ยังมีชาติพันธุ์เผ่าไทอีก ๗ เผ่า คือ เผ่าไทหย่า ไทยั้ง ไทจุ่ง ไทลาย ไทเหนือ 
    ไทดำ และไทน้ำ ล้วนมีการนับถือผีปู่ย่าด้วยกันทั้งสิ้น ตระกูลหรือญาติที่เป็นผีเดียวกันกลุ่มหนึ่งๆ 
    จะมีหอตั้งผีอยู่ที่บ้านต้นตระกูลหรือบ้านเก๊าผีตั้งอยู่บริเวณหัวนอนหรือที่แจ่งมุมของเขตรั้วบ้าน 
    แต่บางบ้านอาจไม่มีหอผีจะมีแต่หิ้งผีปู่ย่าตั้งไว้ภายในบ้านที่หัวนอนในห้องของเจ้าของบ้าน 
    มีเก๊าผีคือ ผู้หญิงที่มีอาวุโสเป็นผู้สืบทอดประกอบพิธีกรรมบูชาเซ่นสรวงและมักจะเป็น 
    ม้าขี่ หรือ ร่างทรง ด้วย 
  ในการนับถือผีปู่ย่า นอกจากจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บ้านผีเก๊าดังกล่าวมาแล้ว 
    แต่ในการปฏิบัติบูชากลุ่มคนที่อยู่ในสายผีเดียวกันในทุกหลังคาเรือนจะต้องมีหิ้งผีปู่ย่าอยู่ในทุกบ้าน 
    หิ้งผีปู่ย่านั้นนิยมจัดตั้งไว้บนหัวนอนเจ้าของบ้านโดยสูงจากพื้นบ้านประมาณสองเมตร 
    ถือเป็นของสูง เด็กๆจะไปเล่นเกะกะใกล้ไม่ได้ ผู้อาวุโสหรือพ่อแม่เท่านั้นที่จะเกี่ยวข้องกับผีปู่ย่าได้ 
    ในครอบครัวที่เคร่งครัดจะจัดสำรับกับข้าวด้วยอาหารคาวหวานอย่างละเล็กละน้อย พร้อมกับคนโทน้ำเซ่นไหว้ทุกวัน 
    เพราะเชื่อว่าหากเลี้ยงไม่ดีเท่าที่ควรแล้ว ผีปู่ย่าจะอดอยาก อาจจะทำโทษให้ครอบครัวเดือดร้อนต่างๆนานา 
    เป็นต้นว่าเด็กเล็กจะเจ็บป่วย แต่หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยคุ้มครองและดลบันดาลให้เกิดโชคลาภต่างๆได้ 
    ผีปู่ย่าที่อยู่ในเรือนเหล่านั้นบางครั้งก็จะถูกเรียกว่าเป็น ผีเรือน หรือ ผีเฮือน 
    เพราะช่วยให้ความคุ้มครองบ้านเรือนและลูกหลานที่อยู่ในเรือนด้วย แต่บางครั้งความหมายของคำว่าผีเรือนของชนบางกลุ่มก็หมายถึงวิญญาณของพ่อแม่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้ว 
    แต่อย่างไรก็ดีจากการศึกษาของผู้เขียนได้พบว่าความหมายของผีเรือนในบางท้องที่ในภาคเหนือนั้นหมายถึงผีหลายๆ 
    ตัวที่อยู่ในเรือนและทำหน้าที่ต่างๆ กันซึ่งในจำนวนนี้จะมีผีพ่อของเจ้าของเรือนอยู่ด้วย 
    โดยมีผีปู่ย่าหรือผีวงศ์ซึ่งเป็นผีประจำตระกูลเป็นหัวหน้าใหญ่สุดอยู่บนเรือน 
    อย่างไรก็ดีผีปู่ย่าหรือผีบรรพบุรุษของบางสายตระกูลที่เป็นผู้นำทางสังคม เช่น 
    หัวหน้าหมู่บ้าน เจ้าเมือง หรือกษัตริย์ นอกจากจะได้รับการนับถืออยู่ในกลุ่มวงศ์ตระกูลแล้ว 
    ยังได้รับการนับถือบูชาจากชาวบ้านชาวเมืองอีกด้วย ดังนั้นผีปู่ย่าหรือผีบรรพบุรุษของผู้นำทางสังคมจึงมีฐานะเป็นทั้งผีประจำตระกูลและผีของชุมชนด้วย 
    ซึ่งในส่วนที่มีบทบาทต่อชุมชนนั้นจะมีชื่อเรียกว่า ผีเสื้อบ้าน หรือ ผีเสื้อเมือง 
    และจะมีบทบาททางสังคมเพิ่มขึ้น เพราะนอกเหนือจากการที่จะต้องดูแลลูกหลานในวงศ์ตระกูลแล้ว 
    ยังจะต้องดูแลชาวบ้านหรือชาวเมืองอีกด้วย ซึ่งบทบาทเช่นนี้มีลักษณะเหมือนบทบาทของหัวหน้าหมู่บ้าน 
    เจ้าเมือง หรือกษัตริย์ จะเห็นได้ว่าบทบาทของผีปู่ย่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในสังคมหลายระดับ 
    นับตั้งแต่ระดับครัวเรือน เครือญาติวงศ์หรือสายผีเดียวกัน และระดับชุมชน ในกรณีที่ผีปู่ย่าหรือผีบรรพบุรุษของผู้นำทางสังคมทำหน้าที่เป็นผีเสื้อบ้านหรือผีเสื้อเมือง 
    จึงทำหน้าที่ที่อาจจัดอยู่ในประเภทเป็นผีอารักษ์หรือผีเจ้านาย ดัง ในด้านประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับผีปู่ย่านั้นโดยทั่วไปแล้ว 
    ผู้ที่นับถือผีปู่ย่าจะต้องมีการเซ่นไหว้หรือที่เรียกว่า เลี้ยงผี ในโอกาสต่างๆ 
    เป็นประจำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ทั้งนี้เนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าผีปู่ย่าจะช่วยคุ้มครองลูกหลาน 
    ไม่ว่าจะไปทำกิจกรรมใดๆ เช่น เดินทางไกล แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ค้าขาย มีคนมาพักในบ้าน 
    เจ็บป่วยได้ไข้ ฯลฯ จะต้องบอกกล่าวให้ทราบ และบนบานขอร้องให้ช่วยคุ้มครอง ดังนั้นจึงต้องมีการเลี้ยงผีเพื่อเป็นการสักการะวิญญาณของบรรพบุรุษ 
    เป็นการขอขมา แสดงความขอบคุณที่ได้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษา และอำนวยอวยผลให้เกิดความสำเร็จในการทำมาหากินในช่วงเวลาที่ผ่านมา