เว็บที่ทุกคนเข้าถึง
บทความเรื่อง Web Accessibility การบริการข้อมูลข่าวสารที่คนพิการสามารถเข้าถึงได้
เรียบเรียงโดย น้ำหนึ่ง มิตรสมานเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2546
- ความสำคัญ ในการให้บริการข้อมูล ข่าวสารที่ให้คนพิการ สามารถเข้าถึงได้
- ความหมายของ Web Accessibility
- จะรู้ได้อย่างไรว่า เว็บไหนอำนวยความสะดวก ให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลได้
- เครื่องมืออะไรบ้างที่ใช้ตรวจสอบเว็บที่สามารถอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
- ตัวอย่างเว็บไซต์ ที่ให้บริการตรวจสอบ บนอินเตอร์เน็ต (Web Services)
- เอกสารอ้างอิง
ความสำคัญ ในการให้บริการข้อมูล ข่าวสารที่ให้คนพิการ สามารถเข้าถึงได้
สืบเนื่องมาจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 43 ซึ่งบัญญัติว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาชั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า สิบสองปีที่รัฐจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย" ประกอบกับมาตรา 30 วรรค 3 บัญญัติว่า "การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เพราะแห่งความแตกต่างในเรื่อง ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ สถานะบุคคล ... จนกระทำมิได้" ซึ่งความหมายว่า ประชาชนไทยทุกคนย่อมมีสิทธิทางการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อยอย่าง เสมอภาคและเท่าเทียมกันไม่ว่าจะมีสภาพทางกาย หรือสุขภาพอย่างไร ทั้งนี้โดยรัฐต้องจัด สิ่งอำนวยความสะดวกและความช่วยเหลือให้ ตามมาตรา 55 ซึ่งบัญญัติ ว่า "บุคคลซึ่งพิการหรือ ทุพพลภาพ มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก อันเป็นสาธารณะและความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ"เว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้ ดังนั้นผู้พัฒนาเว็บไซต์ทั้งหลายควรคำนึงถึง และอำนวยความสะดวกกับคนพิการในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ด้วย

ความหมายของ Web Accessibility
หมายถึงเว็บไซต์ที่สามารถให้บริการข้อมูลข่าวสารที่อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการสามารถใช้บริการได้ ซึ่งผู้ที่พัฒนาเว็บจะต้องมีแนวทางในการพัฒนาที่ตรงกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ให้คนพิการสามารถใช้บริการได้ด้วย โดยจะคำนึงถึงความพิการในทุกๆ ด้าน เช่น ความพิการทางด้านการมองเห็น, การได้ยิน, การเคลื่อนไหวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่สามารถทำได้ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปทางผู้บกพร่องทางการมองเห็น เนื่องจากการมองเห็น คือการดูข้อมูลข่าวสารเพื่อที่จะอ่านทำความเข้าใจ ดังนั้นแล้วจึงต้องมีทางเลือกใหม่สำหรับผู้บกพร่องทางด้านนี้ซึ่ง ก็คือเปลี่ยนข้อมูลที่อยู่ในรูปตัวอักษร ให้เป็นข้อมูลทางเสียง นั่นก็หมายถึงว่าจะต้องมีโปรแกรมหรือบราวเซอร์ สำหรับอ่านหน้าจอให้นั่นเอง ซึ่งได้แก่ โปรแกรม JAWS ของ Freedom Scientific ที่เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง ,Homepage reader ของ IBM ที่เป็นบราวเซอร์สำหรับอ่าน Homepage ซึ่ง IBM ได้พัฒนาให้อ่านภาษาไทยได้แล้ว อีกโปรแกรมที่ใช้กันบ่อยก็คือ Narrator เป็นโปรแกรมที่มีมากับ Microsoft Windows ตั้งแต่ Windows2000 ขึ้นไป กลับสู่เนื้อหาหลักจะรู้ได้อย่างไรว่า เว็บไหนอำนวยความสะดวก ให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลได้
การที่จะทำให้ทราบถึงว่าเว็บใดเป็นเว็บที่อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้นั้น จะต้องมีสัญลักษณ์กำกับอยู่ที่หน้าแรกของเว็บนั้นๆ ซึ่งสัญลักษณ์ที่ว่านี้ก็คือ Icon ซึ่งหมายถึงการที่เว็บนั้นๆ ได้ผ่านการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้ ตามแนวทางของการเข้าถึงข้อมูล (Web Content Accessibility Guideline1.0 WCAG1.0) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วโลกสำหรับ Icon ที่จะแสดงนั้นจะแบ่งระดับความสามารถในการเข้าถึงเป็น 3 ระดับ ด้วยกันคือ
- Level A
- Level Double-A หรือ AA
- Level Trible-A หรือ AAA
- Priority 1, หมายถึง ผู้ที่พัฒนาเว็บจะ ต้อง ปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐาน ของคนพิการเพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
- Priority 2, หมายถึง ผู้ที่พัฒนาเว็บ ควรจะ ปฏิบัติตาม ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ
- Priority 3, หมายถึง ผู้ที่พัฒนาเว็บ อาจจะ ปฏิบัติตาม คำแนะนำก็ได้ ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าปฏิบัติตาม คนพิการที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงว่าถ้าไม่ทำตามจะเข้าถึงข้อมูลไม่ได้ ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แต่กระทำได้ยาก
- Level A หมายถึง จะต้องผ่านการตรวจเช็คที่ Priority 1 ทั้งหมด
ตัวอย่าง Icon ที่ใช้
- Level Double-A หรือ AA หมายถึง จะต้องผ่านการตรวจเช็คที่ Priority
1 และ Priority 2 ทั้งหมด
- Level Trible-A หรือ AAA หมายถึง จะต้องผ่านการตรวจเช็คที่ Priority
1, Priority 2 และ Priority 3 ทั้งหมด
เครื่องมืออะไรบ้างที่ใช้ตรวจสอบเว็บที่สามารถอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
ฉะนั้นการที่จะทำให้รู้ว่าเว็บไหนอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลได้จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ในการพัฒนา ซึ่งทาง World Wide Web Consortium หรือ W3C ได้จัดทำแนวทางในการพัฒนาเว็บขึ้นมาเรียกว่า "Web Content Accessibility Guideline 1.0 (WCAG1.0)" และ Checkpoint ของแต่ละหัวข้อเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละหัวข้อในแนวทางการพัฒนา ในส่วนของการตรวจสอบนั้นจะมีวิธีการอยู่ 2 วิธี คือ- Automatic Check แบบอัตโนมัติ โดยใช้โปรแกรมตรวจสอบ ซึ่งอาจเป็นโปรแกรมที่ให้บริการตรวจสอบผ่านเว็บ หรือโปรแกรมที่ติดตั้งบนเครื่อง ก็ได้
- Manual Check แบบตรวจสอบเอง โดยพิจารณาจากตัวผู้ตรวจสอบเองซึ่งจะอ้างอิงตามข้อกำหนดจาก Guildline ในหัวข้อ Checkpoint
ตัวอย่างเว็บไซต์ ที่ให้บริการตรวจสอบ บนอินเตอร์เน็ต (Web Services)
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการตรวจสอบบนอินเตอร์เน็ต (Web Services) ดังนี้ Bobby เป็นการพัฒนาของ บริษัท Center for Applied Special Technology (CAST) โดย Bobby จะทำการรายงานผลได้ในทันทีที่ใส่ URL ที่ต้องการให้ตรวจสอบหน้าเว็บนั้นๆ ซึ่งการรายงานผลจะตรวจเช็คตามหัวข้อ Checkpoint ใน WCAG1.0 ถ้ามีส่วนใดที่ไม่เป็นไปตาม หัวข้อ Checkpoint ใน WCAG1.0 ก็จะแสดงสัญลักษณ์รูปหมวกขึ้นมาและเลขบรรทัดของ Code HTML ตามหัวข้อนั้นๆ ส่วนในกรณีที่แสดงเครื่องหมายคำถาม ("?") จะหมายถึง ส่วนนั้นอาจจะมีข้อผิดพลาดได้แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้จากการตรวจสอบแบบอัตโนมัตินี้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ ด้วยวิธีตรวจเช็คตาม หัวข้อ Checkpoint ด้วยตัวเอง หรืออาจจะไม่ผิดพลาดในส่วนนั้นก็เป็นได้The Cynthia Says เป็นของบริษัท HiSoftware โดย cynthia จะทำหน้าที่เป็นเหมือน Web service ที่ให้บริการในการตรวจสอบเหมือนกับของ Bobby แต่จะแตกต่างกับของ Bobby ตรงที่ Cynthia จะรายงานผลตามหัวข้อการใช้งาน Checklist of Checkpoint for WCAG1.0 และจะบอกว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน โดยการตรวจสอบแบบอัตโนมัติ ก็จะบอกให้ตรวจสอบโดยวิธี User Manual หรืออาจจะบอกว่าในหัวข้อนี้ไม่มีการใช้ก็ได้
มีบางโปรแกรมสามารถตรวจสอบและแก้ไขในให้สามารถ Accessible ได้เลยตัวอย่างเช่น โปรแกรมของ A-Prompt ซึ่งเป็น Application โปรแกรมที่ใช้ติดตั้งลงบนเครื่องเพื่อตรวจสอบจากไฟล์ html แล้วแก้ไขในส่วนที่ไม่ Accessible ให้สามารถ Accessible ได้ พร้อมทั้งกำหนดได้ว่าให้สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นๆได้ในระดับไหน กลับสู่เนื้อหาหลัก
เอกสารอ้างอิง
กลับสู่เนื้อหาหลักบทความต่อไป