social-highlight – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Thu, 31 Aug 2023 07:19:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png social-highlight – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 สวทช. ทูลเกล้าฯ ถวายโปรแกรม KidDiary for Excel เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/kiddiary-for-excel.html Thu, 31 Aug 2023 07:19:35 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=33919

สวทช. ทูลเกล้าฯ ถวายโปรแกรมประเมินภาวะโภชนาการเด็ก KidDiary for Excel เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ

ด้วยโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระะราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีการจัดการฝึกอบรมสำหรับคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาจากประเทศต่างๆ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในระหว่างวันที่ 22-30 สิงหาคม 2566 โดยมี ดร.สุปิยา เจริญศิริวัฒน์ นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในหัวข้อ “โปรแกรมประเมินภาวะโภชนาการเด็ก 1 วัน – 19 ปี (KidDiary for Excel)” เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา

เพื่อให้การดำเนินงานโครงการดังกล่าว เป็นไปตามพระราชประสงค์ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งด้านโภชนาการ และสุขอนามัย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. และดร.สุปิยา เจริญศิริวัฒน์ นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ เนคเทค สวทช. จึงได้เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายโปรแกรมประเมินภาวะโภชนาการ หรือ KidDiary ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในรูปแบบ online นำมาจัดทำให้อยู่ในรูปแบบ offline ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยจะจัดทำทูลเกล้าฯ ถวายจำนวนทั้งสิ้น 500 ชุด เพื่อทรงนำไปใช้ในกิจกรรมของโครงการ และพระราชทานให้แก่สถานศึกษาในโครงการตามพระราชดำริฯ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้นำไปใช้ประโยชน์ในการประเมินภาวะโภชนาการของเด็กและเยาวชน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเจริญเติบโตใหม่ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม “ระบบฐานข้อมูลสุขภาพเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ (KidDiary)”

สามารถติดตามได้ที่
https://kiddiary.in.th/

]]>
รอบสุดท้าย! คัดตัวแทนนักศึกษาไทยร่วมประกวดผลงาน i-CREATe 2019 https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/pre_icreate2019.html Tue, 18 Jun 2019 01:00:12 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2910
SIC 2019

 

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) ได้จัดการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุภายในประเทศ (รอบสุดท้าย) ระดับนักศึกษา (Student Innovation Challenge: SIC 2019) ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร วันที่ 17 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นตัวแทนทีมจากประเทศไทยเข้าร่วมการประกวด Global Student Innovation Challenge for Assistive Technology (gSIC-AT) ในงานประชุมวิชาการนานาชาติฯ i-CREATe 2019

ในการคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของนักศึกษาระดับนานาชาติ ปี 2562 นี้ มีโครงงานเข้าร่วมการคัดเลือกทั้งหมด 36 โครงงาน และมีโครงงานผ่านการคัดเลือกฯ ทั้งสิ้น 7 โครงงาน ดังนี้

SIC 2019

 

1. Active Balance & Mobility มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็นเครื่องช่วยพยุงผู้สูงอายุให้ฝึกการทรงตัวอย่างมั่นใจ มีการคิดค้นพัฒนาโปรแกรมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการทรงตัวให้ผู้สูงอายุ และมีการพัฒนาเกมให้ผู้สูงอายุเล่นเพื่อฝึกการทรงตัวและฝึกกำลังด้วย
SIC 2019

 

2. Active Exo-spine (AES) โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับลักษณะท่าทางของร่างกายที่ผิดปกติและมีการแจ้งเตือนให้กลับมาทำท่าทางที่ถูกต้อง สามารถกำหนดค่าผ่านโปรแกรมให้อุปกรณ์อยู่ในองศาและท่าทางที่เหมาะสม ช่วยลดอาการปวดหลัง
SIC 2019

 

3. Autonomous Walker โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี
เป็นเครื่องช่วยเดินที่ให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเดินได้สะดวกโดยไม่ต้องออกแรงยก สามารถพับเก็บได้และพกพาสะดวก
SIC 2019

 

4. BotTherapist มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
หุ่นยนต์สำหรับฝึกพัฒนาการเด็กออทิสติก สามารถให้หุ่นมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กได้ โดยล่าสุดได้นำ Machine Learning มาพัฒนาร่วมด้วย เพื่อให้สามารถระบุได้ว่าเด็กที่กำลังเล่นหุ่นยนต์ควรถูกกระตุ้นด้วยเกมใดจึงจะได้ผล
SIC 2019

 

5. Journey Electric Wheelchair วิทยาลัยสารพัดช่างสกลนคร
รถไฟฟ้าสำหรับผู้พิการที่นั่งวีลแชร์ สามารถช่วยเหลือตนเองในการเดินทางได้
SIC 2019

 

6. ReArm มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยฟื้นฟูและช่วยให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก
SIC 2019

 

7. Wireless-Wearable EMG Measurementfor Rehabilitation Monitoring มหาวิทยาลัยมหิดล
เป็นอุปกรณ์ที่สามารถระบุมัดกล้ามเนื้อมัดที่อ่อนแรงโดยใช้มาตรฐาน EMG เพื่อช่วยในการติดตามการฟื้นฟูสมรรถภาพกล้ามเนื้อ

ทั้งนี้ โครงงานดังกล่าว จะเข้าร่วมประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของนักศึกษาระดับนานาชาติ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติฯ i-CREATe 2019 ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม 2562 ณ National Convention Centre เมืองแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย

]]>
สวทช.น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเครื่องเดนตีสแกนรุ่น 2.0 https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/dentiiscan2-siracha.html Sat, 15 Jun 2019 10:53:50 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2891

 

DentiiScan

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2561 เวลา 16.00 น. ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโสผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยนักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เฝ้าทูลละอองพระบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลทราบความเป็นมาเรื่องการถวายเครื่อง เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติทางทันตกรรม และศัลยกรรมใบหน้าและศีรษะ เดนตีสแกนรุ่น 2.0 เพื่อใช้ในกิจกรรมของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

DentiiScan

 

เครื่อง CT scanner หรือเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ นั้นผู้ค้นพบเรื่องนี้ได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปี พ.ศ. 2522 ส่วนการพัฒนาเครื่อง CT scanner เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยสมัยที่ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ยังเป็นนักวิจัยที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี พ.ศ.2534 สมัยนั้นสามารถพัฒนาอัลกอริทึมจนสามารถสร้างเครื่อง CT scanner ถ่ายภาพตัดขวางของหนูและกระต่ายสำเร็จ แต่ยังไม่สามารถหาชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับมนุษย์ได้ จนกระทั่งปีพ.ศ. 2550 จึงเริ่มมีชิ้นส่วนระดับศีรษะของมนุษย์ออกจำหน่าย จึงได้เริ่มการวิจัยและพัฒนาอีกครั้งหนึ่งที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จนได้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรม หรือ เดนตีสแกน สำเร็จนำไปติดตั้งเป็นเครื่องแรกที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปีพ.ศ. 2554 เพื่อใช้ทดสอบทางคลินิกในมนุษย์ ปัจจุบันเครื่องเดนตีสแกนมี 2 รุ่น คือรุ่น 1.1 ติดตั้งแล้วจำนวน 3 เครื่อง และรุ่น 2.0 ติดตั้งแล้วจำนวน 7 ครื่องรวมเป็น 10 เครื่อง ให้บริการผู้ป่วยมากกว่า 5,000 ครั้ง เครื่องเดนตีสแกนดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางรังสีจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 13485 (ระบบการบริหารจัดการคุณภาพเครื่องมือแพทย์) เรียบร้อยแล้ว

DentiiScan

 

สำหรับเครื่องที่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเพื่อใช้ในกิจกรรมของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชานั้น เป็นเครื่องเดนตีสแกนรุ่น 2.0 ซึ่งสวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เครื่องเดนตีสแกนนี้ได้รับการติดตั้งเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2560 และนำไปใช้ในการวินิจฉัยโรค และวางแผนการรักษาผู้ป่วยทางทันตกรรมรากฟันเทียม การผ่าฟันคุด และการผ่าตัดบริเวณช่องปาก ขากรรไกร และใบหน้า รวมทั้งการใช้งานในด้านหู คอ จมูก (ENT) เช่น การตรวจดูความผิดปกติของไซนัส เป็นต้น ปัจจุบันโรงพยาบาลได้เปิดให้บริการในผู้ป่วยแล้วจำนวนทั้งสิ้น 75 ราย

DentiiScan

 

สำหรับการให้บริการผู้ด้อยโอกาสผู้สูงอายุและคนพิการนั้น คณะวิจัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ สวทช. และคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนบางส่วนจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทำการฝังรากฟันเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทางทันตกรรมที่พัฒนาโดยคนไทย ให้กับผู้ป่วยที่สูญเสียฟันทั้งปาก เป็นจำนวน 60 ราย ภายใต้ชื่อ “โครงการคืนความสุขในการบดเคี้ยวให้กับผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และคนพิการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทางทันตกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 (ระยะที่ 1)” โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเยี่ยมชมและให้ผู้ได้รับบริการได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางทันตกรรมรากเทียม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2560 ปัจจุบันได้เริ่มโครงการระยะที่ 2 ซึ่งได้รับงบประมาณบูรณาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อดำเนินการฝังรากฟันเทียมจำนวน 400 ราก ร่วมกับโรงพยาบาล 7 แห่ง ที่ได้ติดตั้งเครื่องเดนตีสแกนแล้ว ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 143 รากโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ได้ร่วมให้บริการในระยะที่ 2 นี้ด้วยได้ให้บริการผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุแล้ว จำนวน 11 ราย โดยทำการฝังรากฟันเทียมแล้วจำนวน 2 ราย และอยู่ระหว่างการวางแผนการรักษาอีก 9 ราย

ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติโครงการให้ผลิตเครื่องเดนตีสแกนจำนวน 50 เครื่องเพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลของรัฐ 50 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2562 วัตถุประสงค์ของการดำเนินการ เพื่อโรงพยาบาลจะได้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สร้างเครือข่ายทันตแพทย์ และบุคลากรทางทันตกรรมให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมไทย ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ขั้นสูงขึ้นในประเทศเพื่อลดการสูญเสียเงินตราให้กับต่างประเทศ

DentiiScan

 

DentiiScan

 

]]>
ศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/mobiiscan_chiangmai2019.html Wed, 05 Jun 2019 03:10:52 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2907
MobiiScan_Chiangmai2019

 

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุมประเสริฐ รุจิรวงศ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโสและนักวิจัยอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมประชุมกับ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ประกอบด้วยรองอธิการบดี คณบดีคณะแพทยศาสตร์ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณบดีวิทยาลัยศิลปะสื่อและเทคโนโลยี คณบดีคณะเศรษศาสตร์ สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ รศ.นพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในการรับสนองพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดตั้งศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะร่วมกันระหว่างมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำนองเดียวกันกับที่เคยจัดตั้ง “ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย”

MobiiScan_Chiangmai2019

 

โดยได้รับอนุมัติจากทางสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 ให้จัดตั้งเป็นส่วนงานวิชาการภายในมหาวิทยาลัยเทียบเท่าคณะวิชา และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อว่า “ศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2562 เพื่อเป็นศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะรวมถึงผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน

MobiiScan_Chiangmai2019

 

จากข้อมูลสถิติผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ รวมถึงผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนพบว่า มีจำนวนผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 1,622 ราย โดยเป็นประชากรผู้ป่วยโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 778 รายและประชากรผู้ป่วยในโรงพยาบาลเครือข่ายจำนวน 844 ราย (ข้อมูลพ.ศ.2561) ซึ่งกลุ่มโรคดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องในการใช้ชีวิตต่างๆ ตามช่วงวัย ทั้งในด้านการดูแลรักษาเพื่อให้เกิดประสิทธิผลจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ต้องอาศัยระยะเวลาซึ่งบางรายต้องรักษาต่อเนื่องและยาวนานถึง 20 ปี อีกทั้งครอบครัวและผู้ป่วยยังต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายทางตรงในการรักษาและผู้ดูแลผู้ป่วย ทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการรักษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่พักและอาหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายทางอ้อมได้แก่ ค่าสูญเสียรายได้ค่าสูญเสียโอกาสจากเวลาที่รักษา เป็นต้น อีกทั้งการรักษาต้องอาศัยบุคลากรสหสาขาวิชาชีพทั้งศัลยแพทย์ตกแต่งประสาท ศัลยแพทย์ โสต ศอ นาสิกแพทย์ จักษุแพทย์ รังสีแพทย์ กุมารแพทย์ วิสัญญีแพทย์ พยาบาลเชี่ยวชาญการให้นมเด็ก พยาบาลเชี่ยวชาญด้านการดูแลปากแหว่ง-เพดานโหว่ นักแก้ไขการพูดและทันตแพทย์

MobiiScan_Chiangmai2019

 

การดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีเครือข่ายบุคลากรซึ่งทำงานภายใต้เครือข่ายความร่วมมือจากโรงพยาบาลในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลฝาง โรงพยาบาลจอมทองและโรงพยาบาลประจำจังหวัดและโรงพยาบาลศูนย์ ได้แก่ โรงพยาบาลในพื้นที่แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลพะเยา โรงพยาบาลเชียงราย โรงพยาบาลแพร่ โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลลำพูนและโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งมีการดำเนินงานความร่วมมือแบบบูรณาการข้ามศาสตร์สาขาวิชา ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยศิลปะสื่อและเทคโนโลยี คณะเศรษศาสตร์ และสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น รวมถึงการบูรณาการองค์ความรู้ในประเทศระหว่างองค์กรภาครัฐภาคเอกชน อาทิ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นการบูรณาการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนที่มีความโดดเด่นในด้านการเผยแพร่และจัดการองค์ความรู้ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย คือ เครือข่ายการทำงานร่วมกันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นความร่วมมือร่วมกันระหว่างกระทรวงและมีแผนจะขยายเครือข่ายโรงพยาบาลต่อไปในอนาคตอันใกล้ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยยากไร้ที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ

MobiiScan_Chiangmai2019

 

MobiiScan_Chiangmai2019

 

MobiiScan_Chiangmai2019
MobiiScan_Chiangmai2019

 

ในที่ประชุมได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยและประเทศที่จะได้รับ อันเป็นผลมาจากองค์ความรู้และศักยภาพในการดูแลรักษาประชาชน จากสหสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการวางแผนและผ่าตัดรักษา จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อาทิ การสนับสนุนเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติแบบเคลื่อนย้ายได้ (MobiiScan) แพลตฟอร์มการวางแผนการผ่าตัดรักษาและการผลิตวัสดุฝังในผู้ป่วยเฉพาะบุคคล (Patient-specific implant platform) และวัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์ (M-Bone) ตลอดจนองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านอื่น เพื่อความสะดวกในการรักษาและผ่าตัด โดยได้มีความร่วมมือกันมาตั้งแต่ปี 2557 ในการวางแผนการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เป็นจำนวนมากกว่า 60 ราย พบว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้เป็นอย่างดียิ่ง มีประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จำนวนมากและคาดว่าจะสามารถให้บริการเต็มรูปแบบภายใต้ “ศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”ภายในปี 2563

]]>
โครงการ “ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน” https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/knee-prosthesis2018.html Wed, 21 Nov 2018 01:00:31 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2901
ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

ที่ผ่านมาในแต่ละปี ประเทศไทยจะมีคนพิการขาขาดเป็นจำนวนมาก โดยมีสาเหตุของความพิการมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน บางคนพิการโดยกำเนิด บางคนพิการจากอุบัติเหตุ รวมไปถึงเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน ภาวะพังผืดมีเนื้อตาย กระดูกอักเสบ เป็นต้น ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีคนพิการถูกตัดขาในทุกระดับเฉลี่ยปีละ 11,493 ราย ในจำนวนนี้มีคนพิการที่ถูกตัดขาระดับเหนือเข่าคิดเป็นร้อยละ 9.9 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าที่มีความจำเป็นต้องใช้ขาเทียมใน การดำรงชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพ และประกอบกิจกรรมต่างๆ จึงจัดทำ “โครงการขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำข้อเข่าขาเทียมแบบสี่จุดหมุนและ ส่วนประกอบแกนในรุ่น 2.0 ที่พัฒนาขึ้นซึ่งเป็นผลงานร่วมวิจัย โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.) สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ และบริษัทแฮลเซี่ยนเมทอล จำกัด นำไปจัดทำให้คนพิการขาขาดที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 70 คน หรือจำนวนขาเทียม 70 ขา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการจากมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ ในการจัดทำขาเทียมให้กับคนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าที่อยู่ในชนบท ซึ่งมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี โรงพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ลำปาง จังหวัดลำปาง โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร โครงการได้รับความร่วมมือจากสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติในการส่งบุคลากรด้านกายอุปกรณ์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการดำเนินการออกหน่วยให้บริการจัดทำและติดตามการใช้งานขาเทียมให้คนพิการขาขาดระดับเหนือเข่า เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนพิการขาขาดต่อไป

ปัจจุบัน โครงการฯได้ดำเนินงานส่งมอบขาเทียมจนเสร็จสิ้น โดยบรรลุเป้าหมายจัดใส่ขาเทียมให้คนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าครบ 70 คนเรียบร้อยแล้ว จากผู้ขอรับบริการ 4 โรงพยาบาลในพื้นที่ดำเนินการ โดยมีระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี (มกราคม 2561- มกราคม 2562) และยังมีคนพิการขาขาดของสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติร่วมรับขาเทียมด้วย

นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้พิการขาขาดระดับเหนือเข่าที่ได้รับโอกาสเข้าร่วมโครงการขาเทียมเพื่อชีวิตอุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน จำนวน 70 คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้รับขาเทียมไปใช้ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีความหวังและมีกำลังใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตในการดำรงชีพ พร้อมต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค เพื่อที่จะสามารถประกอบอาชีพและทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกครั้ง

ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

ขาเทียมเพื่อชีวิต อุทิศถวายพ่อแห่งแผ่นดิน

 

]]>
โครงการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกำพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) สปป.ลาว https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/sciencelaos2018.html Mon, 17 Sep 2018 03:05:02 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2895
sciencelaos2018

 

โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกำพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) สปป.ลาว วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ : ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยกรรมการมูลนิธิฯ และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าของโครงการพระราชทานความช่วยเหลือด้านปฏิบัติการทดลองวิทยาศาสตร์ให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกำพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) สปป.ลาว โดยโครงการฯ ระยะที่ ๑ ได้กำหนดแผนการดำเนินงาน ๓ ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๙ ถึง เดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ปัจจุบันโรงเรียนมีครูผู้สอนจำนวน ๑๒๖ คน นักเรียน ๑,๑๑๐ คน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๕ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงงาน ณ โรงเรียนแห่งนี้ถึง ๑๕ ครั้ง

sciencelaos2018

 

การตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าในครั้งนี้ ผลการดำเนินงานสามารถบรรลุตามแผนที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ การส่งมอบอุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการฝึกอบรมให้ครูประจำของโรงเรียน มีองค์ความรู้และสามารถใช้อุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนได้ คณะทำงานฝ่ายไทยได้มอบให้ทางโรงเรียนฯ เปิดใช้งานในอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์แล้ว และจะรอหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงเปิดอาคารปฏิบัติการในลำดับต่อไป

sciencelaos2018

 

อาจารย์ดวงสมร คล่องสารา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอาวุโส สสวท. และ ดร.ชัยรัตน์ หลายวัชระกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จ.หนองคาย ได้รายงานให้คณะตรวจเยี่ยมได้รับทราบว่า การดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริฯ ดังกล่าว ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูอาจารย์ของทั้งสองโรงเรียน นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาของสปป.ลาว มีความสนใจและกระตือรือร้นที่อยากจะมาเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์สูงขึ้น เด็กนักเรียนมารอที่หน้าห้องเรียนเพื่อที่จะได้เรียนรู้และทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญหลายโรงเรียนในสปป.ลาวก็ได้เดินทางมาศึกษาดูงานวิธีการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปปรับใช้ในสถานศึกษาของตน นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

sciencelaos2018

 

ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอและหารือทั้งสองฝ่าย ในแผนการดำเนินงานระยะที่ ๒ พ.ศ.๒๕๖๒-๒๕๖๕ คือ โครงการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ให้แก่ครูและนักเรียนในนครหลวงแขวงเวียงจันทน์ โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ให้แก่ครู นักเรียน โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกำพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) และวิทยาลัยเทคนิคแขวงเวียงจันทน์ โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานวิทยาศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายคาดหวังว่า ครู นักเรียน โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกำพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) และวิทยาลัยเทคนิคแขวงเวียงจันทน์จะได้รับการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผ่านกิจกรรมการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ทางด้านสิ่งแวดล้อม และอิเล็กทรอนิกส์ ตามความสนใจของนักเรียนที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาจริงของโรงเรียน พร้อมกับได้รับประสบการณ์ในการทำโครงการวิทยาศาสตร์ตามที่ตนสนใจ ที่สำคัญคือการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการระหว่างราชอาณาจักรไทยและ สปป.ลาว

sciencelaos2018

 

sciencelaos2018

 

sciencelaos2018

 

sciencelaos2018

 

ข้อมูลโครงการระยะที่ ๑

โครงการพระราชทานความช่วยเหลือด้านปฏิบัติการทดลองวิทยาศาสตร์ ดำเนินงานภายใต้โครงการส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกําพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) สปป.ลาว อันสืบเนื่องมาจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดําเนินโครงการพระราชทานความช่วยเหลือให้แก่โรงเรียนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ โรงเรียนวัฒนธรรมชนเผ่าเด็กกําพร้าแขวงเวียงจันทน์ (หลัก ๖๗) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และมีพระราชกระแสรับสั่งว่า ควรประสานงานกับหน่วยงานในประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการปฏิบัติการทดลองวิทยาศาสตร์แก่โรงเรียน

สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการโครงการฯ จึงได้ประสานงานกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ สํานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (กปร.) โครงการชลประทานอุดรธานี สํานักชลประทานที่ ๕ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จังหวัดหนองคายซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีศักยภาพทางด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้ความช่วยเหลือใน ๓ ด้าน คือ

๑. พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานปฏิบัติการทดลองวิทยาศาสตร์ ได้แก่ สถานที่ ห้องเรียน และอุปกรณ์การทดลอง
๒. พัฒนาและคัดเลือกหลักสูตรและกิจกรรมในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับหลักสูตรของ สปป.ลาว เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้จริง
๓. พัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ ผ่านการอบรมเทคนิคการเรียนการสอน และกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนไทยกับ สปป.ลาว
]]>
โครงการเพื่อนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/writingsoftware-html.html Wed, 05 Oct 2016 08:00:52 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2887
writingsoftware

 

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดงานแถลงข่าว “โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยบูรณาการการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา โดยมี น.ส.เสาวณี มุสิแดง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลเอกสุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วมงาน

writingsoftware

 

“โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยบูรณาการการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน” เป็นโครงการที่เนคเทคได้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดย ร่วมมือกับสพฐ. นำมาถ่ายทอดความรู้ให้กับครูผู้สอนและนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ทั่วประเทศไทย ในรูปแบบการจัดค่ายพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ โดยจำลองสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของนักเรียนซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ 4 รายการ ได้แก่

-โปรแกรมเลือกศัพท์ไทย (Thai Word Prediction) มีคุณสมบัติคือช่วยเดาคำศัพท์เป้าหมายและเติมเต็มคำศัพท์ให้สมบูรณ์ พร้อมทั้งเดาคำศัพท์คำต่อไปโดยจะมีรายการคำศัพท์แสดงที่ผู้ใช้สามารถเลือกคำศัพท์จากการฟังเสียงอ่านได้

-โปรแกรมค้นหาศัพท์ไทย (Thai Word Search) มีคุณสมบัติคือสามารถพิมพ์คำศัพท์ใดๆ เพื่อค้นหาคำศัพท์ที่เขียนถูกต้อง โดยโปรแกรมจะแสดงรายการคำศัพท์ที่ถูกต้องหรือใกล้เคียงเพื่อให้เลือก ผู้ใช้สามารถเลือกคำศัพท์จากการฟังเสียงอ่านได้

-โปรแกรมตรวจคำผิดไทย (Thai Spell Checker) มีคุณสมบัติคือช่วยตรวจสอบงานพิมพ์ว่ามีคำที่สะกดผิดหรือไม่ หากพบที่ผิด โปรแกรมจะแสดงว่ามีคำศัพท์ใดบ้างในเอกสารที่อาจจะผิด และแสดงรายการคำที่ถูกต้องให้เลือกพร้อมการอ่านออกเสียง

-โปรแกรมพิมพ์ไทย (Thai Word Processor) มีคุณสมบัติพิเศษ ประกอบด้วยฟังก์ชันเลือกศัพท์ไทย ฟังก์ชันค้นหาศัพท์ไทย และฟังก์ชันตรวจคำผิดไทย นอกจากนี้โปรแกรมพิมพ์ไทยจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมคือผู้ใช้สามารถเลือกให้โปรแกรมอ่านข้อความได้ในระดับคำ ระดับประโยคและย่อหน้า พร้อมทั้งแสดงแถบสีขณะอ่านออกเสียง

writingsoftware

 

และในโอกาสนี้ ยังได้จัดพิธีมอบงบประมาณการสนับสนุนการจัดกิจกรรมค่ายพัฒนาศักยภาพการเขียนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ สืบเนื่องมาจากในปี 2556 – 2558 ที่ผ่านมา สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาสำหรับคนพิการ กระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกว่า 40 ล้านบาท และได้ดำเนินการถ่ายทอดความรู้การใช้งานชุดซอฟต์แวร์ช่วยการเขียน โดยจัดกิจกรรมค่ายพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ด้วยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับครูที่ต้องสอนนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ จำนวน 934 โรงเรียน และในปีนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต มีการขยายผลการนำชุดซอฟต์แวร์ไปใช้ในโรงเรียนในพื้นที่อีก 66 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 60 ล้านบาท รับการดำเนินงานของโครงการนี้ สวทช. และ สพฐ. ร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยภาครัฐ 4 แห่งในการเป็นศูนย์ประสานงานการถ่ายทอดความรู้ โดยการจัดค่ายพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย

1. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาคในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 15 จังหวัด

writingsoftware

 

2. สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ในพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ภาคใต้ตอนบน รวม 21 จังหวัด

writingsoftware

 

3. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ในพื้นที่ภาคเหนือ รวม 15 จังหวัด

writingsoftware

 

4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 15 จังหวัด

writingsoftware

 

โครงการนี้มีเป้าหมายที่ให้ครูและนักเรียนได้รับการถ่ายทอดความรู้จำนวนทั้งสิ้น 9,240 คน แบ่งเป็น ครู 4,620 คน และนักเรียน 4,620 คน จาก 2,310 โรงเรียน ใน 66 จังหวัด

สำหรับครูที่ได้รับการอบรมนี้ จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับคณะครูในโรงเรียนของตนเอง ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยขยายโอกาส สร้างความเท่าเทียมในการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ เพื่อช่วยให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

]]>
ประชุมเชิงปฏิบัติการ ASEAN Discovery through Mueye Portable Microscope ณ สปป.ลาว https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/workshop_asean_discovery.html Wed, 05 Oct 2016 07:55:07 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2883
Workshop_ASEAN_Discovery

 

Workshop_ASEAN_Discovery

 

วันที่ 27 มิถุนายน 2559 ณ เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว – ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และวิทยาลัยครูปากเซ ได้ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ASEAN Discovery through Mueye Portable Microscope” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเอาผลงานและองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทยมาถ่ายทอดให้แก่ สปป.ลาว รวมทั้งเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาใน สปป.ลาว ได้ใช้เลนส์มิวอายผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อทดแทนกล้องจุลทรรศน์ที่มีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการเรียนการสอนในโรงเรียนต่างๆ โดยเปลี่ยนมือถือให้เป็นกล้องจุลทรรศน์ดิจิทัลแบบพกพา นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการนำผลงานวิจัย และองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทย มาถ่ายทอดให้แก่ สปป.ลาว เพื่อส่งเสริมให้เกิดความความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนต่อไปในอนาคต โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก โครงการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมกับประเทศอาเซียน ปีงบประมาณ 2559 ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Workshop_ASEAN_Discovery

 

Workshop_ASEAN_Discovery

 

การประชุมเชิงปฏิบัติการ “ASEAN Discovery through Mueye Portable Microscope” ได้รับความสนใจจากครูและอาจารย์ในเมืองปากเซเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นจำนวน 70 คน สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้านั้น ผู้อำนวยการวิทยาลัยครูปากเซ (Mr. Khamphiane Mekchone) ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน หลังจากนั้น คณะนักวิจัยจากเนคเทคนำโดย ดร.ศุภนิจ พรธีระภัทร หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ หน่วยวิจัยอุปกรณ์และระบบอัจฉริยะ ได้ส่งมอบเลนส์มิวอายให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งสาธิตวิธีการใช้เพื่อส่องหาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก อาทิ จุลินทรีย์ในน้ำ ตัวอ่อนของแมลง เซลล์ของพืช ฯลฯ โดยได้แบ่งกลุ่มย่อยออกเป็น 7 กลุ่ม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถซัก-ถามเกี่ยวกับการใช้เลนส์มิวอายจากนักวิจัยได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของกิจกรรมได้มีการประกวดภาพถ่ายที่ได้จากแต่ละกลุ่ม และมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างมีศิลปะ สามารถนำเสนอมุมมองที่แตกต่างและถ่ายทอดความมีชีวิตของสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้

Workshop_ASEAN_Discovery

 

Workshop_ASEAN_Discovery

 

“เลนส์มิวอาย” นับว่าเป็นผลงานวิจัยชิ้นแรกจากห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ (PTL) ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านการระดมทุนหรือ Crowdfunding โดยเป็นนวัตกรรมที่ได้ยื่นจดสิทธิบัตรการผลิตเพื่อต้องการให้ครู อาจารย์ นักเรียน และผู้ที่สนใจทั่วไป สามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยใช้ทดแทนกล้องจุลทรรศน์ที่มีราคาสูงมากในท้องตลาด ปัจจุบัน “เลนส์มิวอาย” ได้รับการออกแบบให้มีความสามารถในการเพิ่มศักยภาพให้กับกล้องที่ติดมากับอุปกรณ์พกพาอย่างแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือโดยสามารถบันทึกภาพของวัตถุขนาดเล็กได้ง่ายขึ้น เพื่อให้นักเรียนหรือบุคคลทั่วไปได้มีโอกาสใช้เลนส์ผ่านสมาร์ทโฟนทดแทนกล้องจุลทรรศน์ที่มีจำนวนไม่เพียงพอ โดยการเปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นกล้องจุลทรรศน์ดิจิทัลแบบพกพา

Workshop_ASEAN_Discovery

 

Workshop_ASEAN_Discovery

 

]]>
สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านคีรีล้อม https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/sirindhornictmargin.html Wed, 05 Oct 2016 07:50:21 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2878
SirindhornICTMargin

 

SirindhornICTMargin

 

วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิดศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านคีรีล้อม พร้อมเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร “โครงการระบบไอซีที และพลังงานทดแทนแบบบูรณาการสำหรับชุมชนชายขอบตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ณ ศูนย์การเรียน ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านคีรีล้อม อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ หน่วยวิจัยนวัตกรรมไร้สาย และความมั่นคง เนคเทค และคณะนักวิจัย เฝ้ารับเสด็จฯ

SirindhornICTMargin

 

ศูนย์การเรียน ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านคีรีล้อม ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าต้นน้ำหน่วยพิทักษ์ป่าคีรีล้อม ยังไม่มีระบบสายส่งไฟฟ้า และไม่มีระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ปัจจุบันเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับก่อนประถมถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีจำนวนนักเรียน ๑๐๕ คน แยกเป็นนักเรียนหญิง ๕๑ คน นักเรียนชาย ๕๔ คน ครูตำรวจตระเวนชายแดน หรือ ตชด. สอนจำนวน ๖ นาย ผู้ดูแลเด็กเล็ก ๒ คน โครงการฯ มีเป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) เพื่อให้เยาวชนและชุมชนชายขอบได้เข้าถึงแหล่งความรู้ (อินเทอร์เน็ต) และการติดต่อสื่อสาร (3G) โดยการพัฒนาระบบไอซีทีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบผสมผสาน ร่วมกับการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ โดยมีความจุ ๖,๒๐๐ วัตต์ เพียงพอกับการจัดการเรียน อาทิ วิชาคอมพิวเตอร์ การศึกษาทางไกลโดยผ่านดาวเทียม การใช้ eDLTV ซึ่งเป็นระบบ eLearning-on-demand นอกจากนี้ ยังได้จัดทำสถานีเก็บประจุ เพื่อให้นักเรียนและชาวบ้านมาทำการเก็บประจุตะเกียงไฟเพื่อนำกลับไปทำการบ้าน และอ่านหนังสือในเวลากลางคืน จัดสร้างห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอุปกรณ์ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ ๑๒ เครื่องพร้อมกล้องที่ใช้ในการประชุม กล้องโทรทัศน์วงจรปิดแบบ IP โทรทัศน์จอ LED พร้อมวางระบบอินเทอร์เน็ต ระบบสื่อสารไร้สาย และระบบ LAN ให้พร้อมต่อการใช้งาน

SirindhornICTMargin

 

โครงการระบบไอซีทีและพลังงานทดแทนแบบบูรณาการ สำหรับชุมชนชายขอบตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานอันประกอบด้วย

  1. มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
  2. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  3. ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  4. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  5. สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบคีรีขันธ์
  6. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
SirindhornICTMargin

 

]]>
รอบสุดท้ายการคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาไทย ร่วมประกวดผลงาน i-CREATe 2016 https://www.nectec.or.th/social/social-highlight/pre_icreate2016.html Wed, 05 Oct 2016 07:35:34 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2874
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย สถาบันเทคโนโลยีเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุ ได้จัดการคัดเลือกโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (รอบสุดท้าย) ระดับนักศึกษา (Student Innovation Challenge: SIC 2016) ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร วันที่ 13 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เพื่อส่งเข้าร่วมการประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ i-CREATe 2016

ในการคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของนักศึกษาระดับนานาชาติ ปี 2559 นี้ มีโครงงานเข้าร่วมการคัดเลือกทั้งหมด 32 โครงงาน และมีโครงงานผ่านการคัดเลือกฯ ทั้งสิ้น 12 โครงงาน จาก 6 มหาวิทยาลัย และ 1 โรงเรียน ดังนี้

pre_icreate2016

 

1. The Application of EMG Signal for Hand Rehabilitation Control System and Data Analysis มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

pre_icreate2016

 

2. BotTherapist มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

pre_icreate2016

 

3. Brain-body Interface System for Paralyzed Patients มหาวิทยาลัยมหิดล

pre_icreate2016

 

4. ASURA – The Security System for the Elderly People who live alone มหาวิทยาลัยมหิดล

pre_icreate2016

 

5. Smart wheelchair base on eye tracking
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

pre_icreate2016

 

6. MobiliSE มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

pre_icreate2016

 

7. The Augmented Reality Application for Hearing Impaired and Elderly People มหาวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

pre_icreate2016

 

8. Kangareang: An Android Application to Correct Thai Sentences for Hearing Impaired People มหาวิทยาลัยมหิดล

pre_icreate2016

 

9. Deaf Emergency: An Android Application for the Hearing Disabilities in Emergency Situations สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

pre_icreate2016

 

10. Drawing in the Dark: Low-Cost Drawing Board for the Blind for Engineering Drawing University Course and General Educational/Communicational Uses จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

pre_icreate2016

 

11. TU GAIT TRAINER มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

pre_icreate2016

 

12. Innovative wheelchair to help the disabled and elderly โรงเรียนนารีนุกูล

ทั้งนี้ โครงงานดังกล่าว จะเข้าร่วมประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของนักศึกษาระดับนานาชาติ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติฯ i-CREATe 2016 ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

]]>