มาตรา ๔๗
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง
เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชน
และเพื่อดำเนินกิจการในทางการเมืองให้เป็นไปตามเจตนารมณ์นั้น
ตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
|
๔.๑ คำยืนยันที่จะคงไว้ซึ่งระบบรัฐสภา
สภาร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่าระบบพรรคการเมืองของไทยยังไม่พัฒนาพอที่จะใช้ระบบ
"แบ่งแยกอำนาจ"
ที่ให้ประชาชนเลือกผู้บริหารโดยตรงได้
จึงตัดสินใจให้คงระบบรัฐสภา
ให้ประชาชนเลือกผู้แทนราษฎรเพียงสายเดียวแล้วให้สภาผู้แทนราษฎรจัดตั้งคณะบริหารที่เรียกว่า
คณะรัฐมนตรี
บริหารราชการภายใต้ความไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎรจัดตั้งคณะผู้บริหารที่เรียกว่า
คณะรัฐมนตรี
บริหารราชการภายใต้ความไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎรไว้เช่นเดิม
๔.๒ การปฏิรูประบบพรรคการเมือง
มาตรา ๓๒๖
นอกจากที่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
๑. การแจ้งเหตุที่ทำให้ไม่อาจไปเลือกตั้ง
และการอำนวยความสะดวกในการไปเลือกตั้ง
๒. การให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามมาตรา ๑๐๕ วรรคสอง
ออกเสียงลงคะแนน
๓. การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
การตรวจสอบและการคัดชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ซ้ำกันออกจากการสมัครรับเลือกตั้ง
ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อ
๔. การกำหนดแบบบัตรเลือกตั้ง
ซึ่งต้องมีที่สำหรับทำเครื่องหมายว่า
ไม่ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
และการประกาศจำนวนผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง
๕. การสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาโดยรัฐ
รวมทั้งวิธีการแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยผู้สมัครรับเลือกตั้ง |