EECi Testbed – SMC https://www.nectec.or.th/smc Sustainable Manufacturing Center Fri, 02 May 2025 08:39:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.1 https://www.nectec.or.th/smc/wp-content/uploads/2021/02/cropped-siteicon-SMC-32x32.png EECi Testbed – SMC https://www.nectec.or.th/smc 32 32 3D Inspection Robot https://www.nectec.or.th/smc/metal-3d-printer/ Wed, 17 Nov 2021 05:44:03 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3817

ระบบสแกนสามมิติในปัจจุบัน แบ่งได้ 2 แบบคือ

  1. การสแกนด้วยคน โดยผู้ใช้งานเป็นผู้ถือ 3D scanner และขยับสแกนเนอร์ไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ของวัตถุที่ต้องการสแกนให้ครบทุกตำแหน่ง
  2. การสแกนด้วยหุ่นยนต์ โดยผู้ใช้งานต้องวางแผนตำแหน่งการเคลื่อนที่ของแขนหุ่นยนต์เพื่อให้สามารถสแกนวัตถุที่ต้องการได้ครบทุกตำแหน่ง

ทั้ง 2 วิธีที่กล่าวมานี้ ผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในการใช้ 3D scanner หรือการควบคุมและวางแผนการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์

จากโจทย์ข้างต้นนี้ นักวิจัยจึงได้พัฒนาระบบหุ่นยนต์สแกนสามมิติโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์บังคับการเคลื่อนที่แขนหุ่นยนต์ รับข้อมูลจาก 3D scanner และประเมินความสมบูรณ์ของโมเดลสามมิติที่ได้จากการสแกนได้ โดยระบบฯ จะต้องสามารถปรับใช้กับแขนหุ่นยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่รองรับระบบปฏิบัติการหุ่นยนต์ (Robot Operating System: ROS) และกล้องสแกนเนอร์สามมิติที่สามารถเข้าถึง API เพื่อดึงข้อมูลการสแกนได้

3D Scanner Robot คือ แพลตฟอร์มหุ่นยนต์สแกนและตรวจสอบชิ้นงานสามมิติโดยอัตโนมัติ มีส่วนประกอบสำคัญของระบบอยู่ 4 ส่วน ได้แก่ (1) สแกนเนอร์สามมิติ (2) แขนกล (3) โต๊ะหมุน (Turn table) และ (4) ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัย การทำงานเริ่มจากนำชิ้นงานที่ต้องการสแกนมาวางบนโต๊ะหมุน โดยชิ้นงานนั้นจะมีหรือไม่มีต้นแบบ CAD ก็ได้ จากนั้นระบบจะสแกนเบื้องต้นเพื่อให้ได้ข้อมูลพอยท์คลาวด์โดยคร่าวของชิ้นงาน จากนั้นซอฟต์แวร์จะคำนวณหามุมมองที่ดีที่สุด (Next-Best-View) สำหรับสแกนโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ข้อมูลพอยท์คลาวด์ของชิ้นงานโดยครบถ้วน โดยมีการพิจารณาพื้นที่ซ้อนทับ (Coverage area) เพื่อช่วยลดจำนวนมุมมองที่จะต้องทำการสแกน ซึ่งจะทำให้การสแกนเป็นไปอย่างอัตโนมัติและผู้ใช้งานไม่จำเป็นที่จะต้องวางแผนหรือควบคุมตำแหน่งการสแกนของแขนกลด้วยตนเอง

จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ คือซอฟต์แวร์สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ระบบมีความยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนองค์ประกอบหลักทั้ง 3 ตัว คือ สแกนเนอร์สามมิติ แขนกล และโต๊ะหมุน ให้เป็นรุ่นหรือยี่ห้อต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับประเภทของงานที่ต้องการและตามงบประมาณที่มีได้ โดยสแกนเนอร์สามมิติที่นำมาใช้งานในระบบต้องมี API หรือ SDK ที่สามารถใช้ในการควบคุมการทำงานได้ และแขนกลต้องรองรับ ROS

รูปแบบการให้บริการ: เช่าใช้อุปกรณ์ และ Software ที่เกี่ยวข้อง

]]>
Smart Warehouse Testbed https://www.nectec.or.th/smc/smart-warehouse-testbed/ Wed, 17 Nov 2021 05:43:07 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3815 Read more]]>

ห้องทดลองคลังสินค้าอัจฉริยะ มีเป้าหมายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการศึกษาและทดลอง เทคโนโลยีมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้า เนื่องจากคลังสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลจิสติกส์ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นต้องใช้ในหลายภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตและการกระจายสินค้า ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดต้นทุนในกระบวนการธุรกิจลง เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งในด้านระบบอัตโนมัติ (Automation) ระบบสื่อสาร (Communications) และระบบสารสนเทศ (Information Technology) เข้ามาเสริมในกระบวนการทำงาน เนื่องจากปัจจัยความท้าทายในด้านกำลังคนและการลดการสูญเสียในกระบวนการที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญอยู่ในยุคปัจจุบัน

การผลักดันการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นระบบสื่อสารไร้สายแบบเซลลูล่าร์ 5G ระบบรถยกอัตโนมัติ (Autonomous Forklift) ระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval System) หุ่นยนต์หยิบจับกระบะสินค้า (Robot Manipulator) และระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) เข้ามาติดตั้งในห้องทดลองคลังสินค้ามีความจำเป็นเพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยตระหนัก และเห็นภาพการทำงานโดยที่ยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจลงทุนเอง และห้องปฏิบัติการยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในกลุ่ม System Integrator เข้ามาใช้ประโยชน์ห้องปฏิบัติในการพัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดจากครุภัณฑ์ที่ทาง SMC ได้ลงทุนในห้องทดลองคลังสินค้าอัจฉริยะนี้ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ Warehouse Management System ร่วมกับระบบอัตโนมัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติหรือรถยกอัตโนมัติ นอกจากนี้ห้องทดลองคลังสินค้าอัจฉริยะยังมีความร่วมมือระหว่างศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติและศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยจัดตั้งเป็น Center of Technology Transfer (CoTT) ด้าน Smart Warehouse ที่สามารถบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในการปรับปรุงระบบคลังสินค้าในสถานประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจอีกด้วย

ห้องทดลองคลังสินค้าอัจฉริยะยังเปิดให้บริษัทผู้ขายเทคโนโลยี (Technology Provider) นำสินค้าที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้ามาติดตั้งและสาธิตให้กับผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายและเปิดสาธิตระบบให้กับผู้สนใจทั่วไปอีกด้วย ในอนาคตทางห้องทดลองคลังสินค้าอัจฉริยะจะจัดให้มีการอบรมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ระบบสื่อสาร และระบบสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ในการเพิ่มความอัจฉริยะในกระบวนการคลังสินค้าด้วย ทั้งนี้หากผู้ประกอบการใดมีโจทย์หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องก็สามารถสอบถามทีมนักวิจัยของศูนย์ SMC เพื่อหาโอกาสและแนวทางในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยภาคธุรกิจของประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานไปตามวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ได้ด้วยเช่นกัน   

]]>
Industrial Automation System https://www.nectec.or.th/smc/testbed-industrial-automation-system/ Thu, 13 May 2021 07:10:37 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3525 Read more]]>

ระบบควบคุมอัตโนมัติ และ IIoT ในงานอุตสาหกรรม

เป็นชุดสาธิตระบบการผลิตแบบระบบอัตโนมัติ สำหรับ Smart Manufacturing ตามแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยใช้ IIoT  ซึ่งจะต้องอาศัยศาสตร์หลากหลายสาขามาทำงานร่วมกัน ปัจจุบัน ภาคการผลิตและบริการตื่นตัวและให้ความสนใจในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยมุ่งหวังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพและความแม่นยำ และลดระยะเวลาการผลิต ช่วยลดการเกิด Downtime และยังทำให้ลดความเสียหายของเครื่องจักร รับรู้รายงานประสิทธิภาพการผลิตได้ แบบ Real-Time

ภายในโซนนี้จะเป็นการจำลองกระบวนการผลิตเสมือนโรงงานจริง มีการนำ Robot มาใช้ทำงานร่วมกับมนุษย์ มีระบบจ่ายชิ้นงาน ระบบจำแนกชิ้นงาน ระบบประกอบชิ้นงาน ระบบจัดเรียงชิ้นงาน ระบบประกอบชิ้นงานด้วยหุ่นยนต์ ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ระบบจ่ายและเก็บคืนชิ้นงานเข้าฐานการผลิต ระบบ SCADA OEE และ ERP และการ QC ชิ้นงาน และ IIoT ซึงชุดสาธิตดังกล่าวจะให้ประโยชน์เพื่อต่อยอดองค์ความรู้สำหรับภาคอุตสาหกรรม

SMC มีบริการให้คำปรึกษาและมีคอร์สอบรมบุคลากรให้กับภาคการผลิต ที่ยังมีความไม่พร้อม หรือยังขาดประสบการณ์เรื่องกระบวนการ ให้มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่พร้อมจะทำงานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และสภาพแวดล้อมใหม่ๆ โดยจัดในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้ และการทดลองปฏิบัติจริง ซึ่งชุดทดลองระบบควบคุมอัตโนมัติและ IIoT ในงานอุตสาหกรรม ตอบโจทย์ในการถ่ายทอดความรู้ด้วยหลักสูตรอบรมเพื่อการพัฒนาทักษะองค์ความรู้ทางด้าน การเขียนโปรแกรมการควบคุมระบบการผลิตอัตโนมัติด้วย PLCการเรียนรู้การใช้งาน การนำหุ่นยนต์ทำงานร่วมกันในระบบการผลิตสื่อสารแบบอัตโนมัติ และการใช้งานSCADA OEE แสดงผลและการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิผลของเครื่องจักรการผลิต การแสดงข้อมูล IIoTแบบ Real-Time บน Cloud

]]>
Industrial Robots & Cobots https://www.nectec.or.th/smc/industrial-robots-cobots/ Thu, 13 May 2021 07:09:31 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3523 Read more]]>

Industrial Robots & Cobots

ในโรงงานที่ต้องมีการทำงานกับวัสดุ อุปกรณ์ หรือ เครื่องมือที่มีน้ำหนักมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ได้มีการนำหุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robots) มาประยุกต์ทำงานแทนคนงาน โดยหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสามารถ หยิบ จับ ยก ของที่มีน้ำหนักมากได้ ทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ในตัวหุ่นยนต์อุตสาหกรรมนั้นไม่มีเครื่องมือสำหรับป้องกันการทำงานที่จะก่อให้เกิดความเสียหายได้เมื่อมีอะไรมากีดขวางแนวการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในงานที่ต้องทำงานร่วมกับคนอย่างใกล้ชิด

ในปัจจุบันได้มีการประยุกต์หุ่นยนต์ให้สามารถทำงานร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น หุ่นยนต์ประเภทนี้เรียกว่า Collaborative Robots หรือ Cobots ที่มีการเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปในตัวหุ่นยนต์ให้สามารถหยุดการเคลื่อนที่ได้ทันทีเมื่อสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางแนวการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ และ โดยปรกติหุ่นยนต์ประเภทนี้จะใช้ยกของน้ำหนักเบา ทำให้ถูกออกแบบให้ใช้แรงได้ไม่สูงนัก ดังนั้นถึงหุ่นยนต์จะชนสิ่งกีดขวางและอาจจะหยุดการเคลื่อนที่ช้าไปบ้าง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ดังนั้น Cobots จึงเหมาะที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่หุ่นยนต์ต้องทำงานร่วมกับคนอย่างใกล้ชิดหรือยกของที่มีน้ำหนักไม่สูงมากนัก

Cobots ในปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมาย ขึ้นกับขนาดน้ำหนักของชิ้นงานที่หุ่นยนต์ต้องยกได้ ระยะการทำงานของปลายแขนหุ่นยนต์ที่จะสามารถเอื้อมถึง องศาอิสระของแขนหุ่นยนต์ ระดับความปลอดภัยที่หุ่นยนต์ได้รับการติดตั้ง ซึ่งการเลือกใช้หุ่นยนต์ให้เหมาะกับการทำงาน นอกจากจะทำให้การใช้งานหุ่นยนต์ร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังมีผลกับเรื่องราคาของหุ่นยนต์ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์ที่มีคุณสมบัติดีเกินไปในราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าที่ควรจะเป็น

นอกเหนือจาก Cobots ที่ติดตั้งใน Testbed อื่นๆ แล้ว SMC ยังมี Cobots อยู่อีก 7 ตัว จากหลายๆ บริษัทที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป และมีมือจับ Grippers มาตรฐานให้ทดสอบใช้งาน 3 รุ่น ซึ่ง Cobots เหล่านี้มีไว้เพื่อใช้ทดสอบหรือพัฒนางานเฉพาะบางอย่าง เช่น การพัฒนา 3D Inspection Robot หรือ Robot Bin Picking เป็นต้น Cobots และ Grippers ที่มีใช้งานใน SMC ประกอบไปด้วยรุ่นต่างๆ ดังต่อไปนี้

ทั้งนี้หากผู้ประกอบการใดมีโจทย์ปัญหาเกี่ยวข้องกับการใช้งานหรือต้องการทดสอบ Cobots สามารถสอบถามทีมนักวิจัยของศูนย์ SMC เพื่อหาโอกาสมาทดสอบใช้งาน Cobots หรือ แนวทางในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน เพื่อที่จะช่วยภาคธุรกิจของประเทศให้สามารถดำเนินงานได้ตามวิสัยทัศน์Thailand 4.0

Universal Robot รุ่น UR3e เป็นหุ่นยนต์ชนิด 6 แกน รับน้ำหนักได้ 3kg ระยะแขน 500mm ความแม่นยำ ± 0.03 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 11.2 kg

Universal Robot รุ่น UR10e เป็นหุ่นยนต์ชนิด 6 แกน รับน้ำหนักได้ 12.5kg ระยะแขน 1300mm ความแม่นยำ± 0.05 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 33.5 kg

ABB รุ่น GoFa CRB15000 เป็นหุ่นยนต์ชนิด 6 แกน รับน้ำหนักได้ 5kg ระยะแขน 950mm ความแม่นยำ± 0.05 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 28 kg

ABBรุ่น YuMi  IRB 14000 เป็นหุ่นยนต์ชนิด 6 แกน 2 แขน รับน้ำหนักได้ข้างละ 0.5kg  ระยะแขน 559mm ความแม่นยำ ± 0.02 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 38 kg

KUKA รุ่น LBR iiwa 7 R800 เป็นหุ่นยนต์ชนิด 7 แกน รับน้ำหนักได้ 7kg ระยะแขน 800mm ความแม่นยำ± 0.1 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 23.9 kg

DOBOT รุ่นCR5 เป็นหุ่นยนต์ชนิด 6 แกน รับน้ำหนักได้ 5kg ระยะแขน 900mm ความแม่นยำ ± 0.02 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 25 kg

DOBOT รุ่น MG400 ชนิด 4 แกน รับน้ำหนักได้ 0.5kg ระยะแขน 440mm ความแม่นยำ± 0.05 mm หุ่นยนต์มีน้ำหนักตัว 8 kg

Robotiq รุ่น 2F-85 Adaptive Gripper ระยะเคลื่อนที่ปลายนิ้ว 85 mm แรงจับ 20-235 N รับน้ำหนักได้ 5 kg น้ำหนักตัว 0.9 kg

Robotiq รุ่น Hand-E ระยะเคลื่อนที่ปลายนิ้ว 50 mm แรงจับ 20-185 N รับน้ำหนักได้ 4.7 kg น้ำหนักตัว 1 kg

ONROBOT รุ่น  VGC10 Electric Vacuum Gripper แรงดูดสูงสุด  -0.810 bar รับน้ำหนักได้ 6 kg  น้ำหนักตัว 0.814 kg

]]>
Smart Maintenance Testbed https://www.nectec.or.th/smc/testbed-smart-maintenance-testbed/ Thu, 13 May 2021 07:08:37 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3521

Smart Maintenance Testbed นี้ตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ของกระบวนการระดับต่าง ๆ ของโครงการ IDA ให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มผู้ประกอบการที่ทำหน้าที่ติดตั้งระบบให้กับโรงงาน (System Integrator : SI) โดยผู้สนใจสามารถใช้ testbed นี้ในการเรียนรู้และทดสอบอุปกรณ์โดยที่ไม่กระทบต่อสายการผลิตจริงในโรงงาน

ระบบ Testbed จะเป็นเสมือนโรงงานที่มีระบบพื้นฐานต่างๆ ที่ปฏิบัติงานได้จริง  ผู้ทดลองสามารถทดลองติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมและทดสอบได้ในสภาพการทำงานจริง เพื่อการศึกษาความสัมพันธ์ของตัวแปรทางกายภาพต่าง ๆ ที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบ และยังสามารถทดสอบและศึกษาเรียนรู้กระบวนการการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบต่าง ๆ ในโรงงาน ด้วยเทคโนโลยี IoT และนำข้อมูลไปใช้เพื่อการประมวลผลด้านต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การวิเคราะห์ประสิทธิผลการผลิต และงานบำรุงรักษา

ทางศูนย์ฯ ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เซนเซอร์ อุปกรณ์วัด และระบบสนับสนุน รวมถึงระบบโปรแกรมควบคุมต่างๆ สำหรับใช้ในการฝึกปฏิบัติ และสร้างการทดลองต่าง ๆ ได้

นอกจากนี้ หากผู้ประกอบการที่มีอุปกรณ์ใช้งานหรือจัดจำหน่าย มีความต้องการที่จะมาทดสอบความเข้ากันได้ของระบบ ก็สามารถนำมาทดสอบ หรือพัฒนาร่วมกันได้

]]>
Reconfigurable line https://www.nectec.or.th/smc/testbed-mass-customization-testbed/ Thu, 13 May 2021 07:07:21 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3519

Reconfigurable line เป็นการสาธิตโรงงาน 4.0 แสดงระบบ Reconfigurable Manufacturing เป็นการ จำลองการผลิตแบบยืดหยุด โดยใช้เพียงแค่โปรแกรมสั่งผลิตเพื่อรองรับการผลิตแบบ Mass Customization ชุดสาธิตสามารถผลิตสินค้า 2 ชนิด ในสายการผลิตเดียว คือสายการผลิตการบรรจุของเหลวในขวด (Filling) กับประกอบบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ (Assembly PCB) การผลิตแบบยืดหยุ่นมีการออกแบบสายการผลิตและจำลองให้เห็นภาพก่อนการสร้างจริงด้วยโปรแกรมเฉพาะทาง ประกอบไปด้วย

  1. ระบบการควบคุม (Control Unit Station) ใช้ในการสั่งการทำงานของชุดสาธิตระบบโรงงานดิจิทัล 4.0 ผ่านระบบ Warehouse Management System (WMS), Database ในการเก็บข้อมูลชิ้นงานและชั้นวางสินค้าของชุดสาธิตระบบโรงงานดิจิทัล 4.0 และมีเครื่องมือในการแสดงผลการใช้งานชุดสาธิตระบบโรงงานดิจิทัล 4.0 ผ่านทางเว็บไซต์ และ SCADA
  2. ระบบการประกอบและเติมของเหลวลงขวด (Assembly and Filling Station) ใช้ในการจำลองการทำงานของหุ่นยนต์และอุปกรณ์ภายในระบบการประกอบชิ้นงาน โดยในที่นี้จะใช้ในการประกอบบอร์ด RTU และการจำลองการเติมของเหลวลงในขวดที่มีขนาดแตกต่างกันรวมทั้งปิดฝาขวด
  3. ระบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Station) ใช้ในการจำลองการทำงานของหุ่นยนต์และอุปกรณ์ในระบบ เพื่อการติดสติ๊กเกอร์ลงบนบรรจุภัณฑ์สำหรับรอส่งมอบ
  4. Automated Guided Vehicle (AGV) จะใช้งานแทนแรงงานมนุษย์ในการขนย้าย Raw materials และ Finished goods ไปยังระบบต่างๆของชุดสาธิตระบบโรงงานดิจิทัล 4.0
  5. ชั้นวางสินค้า (Shelf) ใช้สำหรับเก็บ Raw materials รวมทั้ง Finished goods ไว้เพื่อรอการเรียกหยิบไปใช้งานผ่าน AGV

องค์ประกอบเทคโนโลยีที่สำคัญ

  1. รูปแบบการผลิตจะเปลี่ยนจากการผลิตแบบซ้ำ ๆ จำนวนมากด้วยระบบอัตโนมัติ (Mass Production) เป็นการผลิตจำนวนมากและยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Mass Customization)
  2. การเชื่อมโยงข้อมูลภายในองค์กร (Vertical Integration)
  3. การเชื่อมโยงกับภายนอกองค์กร (Horizontal Integration)
  4. การจำลองการผลิตเสมือนจริง (Virtualization)

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ดังนี้

  1. หุ่นยนต์แบรนด์ต่างๆ เช่น DENSO, KUKA, ABB ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ผ่าน (Open Robotics)
  2. PLC ที่ใช้มีทั้งแบรนด์ SIEMENS, Mitsubishi, Schneider,Omron ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ผ่าน (OPC UA)
  3. โปรแกรมที่ช่วยในการออกแบบหรือปรับปรุงสายการผลิตคือ Tecnomatix โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ Plant Simulation (จำลองการทำงานทั้งโรงงาน) และ Process Simulation (จำลองการทำงานของบุคคลและอุปกรณ์เป็นแบบ 3D)

การบริการลูกค้าสามารถมาทดลองขอใช้บริการเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนที่ลูกค้าไปซื้อจริง เพราะเครื่องมือเหล่านี้มีราคาสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานได้เหมาะสมกับการใช้งานในไลน์ของลูกค้าจริง ๆ

 

]]>
Motion capture https://www.nectec.or.th/smc/testbed-3d-visual-inspection-testbed/ Thu, 13 May 2021 07:06:16 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3517

ระบบ Motion capture หรือระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว คือ ระบบสำหรับตรวจจับการเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวของวัตถุที่สนใจ โดยระบบประกอบด้วยกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว ลูกปัดอ้างอิง (marker) สำหรับติดตั้งบนวัตถุที่ต้องการตรวจจับการเคลื่อนไหว และซอฟต์แวร์ประมวลผลของระบบ โดยวัตถุที่ต้องการตรวจจับการเคลื่อนไหวจำเป็นที่จะต้องติดลูกปัดอ้างอิงลงบนตำแหน่งต่าง ๆ โดยรอบวัตถุเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์อ้างอิงให้กล้องตรวจจับการเคลื่อนไหวถ่ายภาพได้ กล้องตรวจจับการเคลื่อนไหวถูกติดตั้งอยู่บนคานเหล็กโดยรอบพื้นที่ทำงาน (working space) หลักการทำงานคือลูกปัดอ้างอิงต้องถูกมองเห็นโดยกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหวอย่างน้อย 3 กล้องเพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถประมวลผลเป็นตำแหน่งสามมิติบนพื้นที่ทำงานได้

เมื่อซอฟต์แวร์ได้ตำแหน่งสามมิติของลูกปัดอ้างอิงแล้ว ซอฟต์แวร์สามารถประมวลผลตำแหน่งของลูกปัดอ้างอิง คำนวณทิศทางการเคลื่อนที่ (direction) ความเร็วการเคลื่อนที่ (velocity) และมุมหมุนของวัตถุได้ (orientation) ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มีค่าความคลาดเคลื่อนของตำแหน่งในการตรวจจับอยู่ที่น้อยกว่า 1 มิลลิเมตร เทียบกับจุดอ้างอิงของระบบ ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการทดสอบหลังจากการสอบเทียบ (calibrate) ระบบเรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลการเคลื่อนที่ต่าง ๆ เหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ หรือโดรน เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือทดสอบการทำงานของหุ่นยนต์ หรือสอบเทียบความแม่นยำในการวัดค่าการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์

นอกจากนี้ระบบยังสามารถใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ เพื่อใช้ในการสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวสำหรับงานทางด้าน AR/VR หรือใช้ทำงานร่วมกับแผ่นวัดแรงกระทำ (force plate) ในงานทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาหรืองานวิจัยทางด้านกายวิภาค

ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ติดตั้งในพื้นที่ SMC มีพื้นที่ทำงานกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร และสูง 3 เมตร มีกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหวรุ่น OptiTrack Primex 22 จำนวน 16 กล้อง และกล้องมีเฟรมเรตที่ 360 เฟรมต่อวินาที ในปัจจุบันระบบได้มีการใช้งานโดยนักวิจัยอยู่ 2 ประเภท คือ

  1. ทดสอบการเคลื่อนที่ของ AMR
  2. ทดสอบเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของมนุษย์ โดยใช้งานร่วมกับ force plate

แผนการขยายการใช้งานในอนาคต จะเน้นสำหรับการทดสอบการทำงานของหุ่นยนต์และการเคลื่อนที่ของมนุษย์ตามเนื้อหาที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้น

รูปแบบการให้บริการ: เช่าใช้อุปกรณ์ และ Software ที่เกี่ยวข้อง

]]>
EV Component Testing https://www.nectec.or.th/smc/testbed-electric-motor-and-drive-testbed/ Thu, 13 May 2021 07:04:09 +0000 https://www.nectec.or.th/smc/?p=3515 Read more]]>

เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับทดสอบอุปกรณ์สำคัญหลักของระบบขับเคลื่อนในยานยนต์ไฟฟ้าที่ทางศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC ได้จัดเตรียมไว้ ในระบบขับเคลื่อนของยานยนต์ไฟฟ้านั้นประกอบด้วย 4 ชิ้นส่วนหลัก คือ

  1. ระบบแบตเตอรี่
  2. ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแปลงผันกำลังงาน (Electrical drive)
  3. ระบบควบคุมหลัก (VCU)
  4. ระบบอัดประจุ (Charger)

โดยแต่ละอุปกรณ์มีการทดสอบดังนี้

  1. ระบบแบตเตอรี่ มีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทดสอบการทำงานของระบบจัดการแบตเตอรี่ (Battery management
    system, BMS) คือ ชุด BMS-HIL โดยอุปกรณ์ชุดนี้สามารถรองรับการทดสอบแบตเตอรี่เซลล์ได้จำนวน 32 เซลล์
    สามารถจำลองการเกิด Overcharge Over discharge Over temperature ทดสอบความเป็นฉนวน รวมทั้งการจำลองความผิดปกติต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้น ประกอบด้วย จำลองการเกิด Short circuit ระหว่างเซลล์ จำลองการ
    เกิดสายขาด จำลองการต่อสลับขั้วเซลล์
  2. ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแปลงผันกำลังงาน มีอุปกรณ์ 2 ชุด ประกอบด้วย ชุดทดสอบวัดประสิทธิภาพมอเตอร์
    ไฟฟ้า หรือชุดไดนาโมมิเตอร์ โดยสามารถทดสอบกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 380 kW ซึ่งเป็นขนาดมอเตอร์ไฟฟ้าที่รองรับการใช้งานกับรถโดยสารไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือเรือไฟฟ้าได้ และชุด Motor controller HIL โดยอุปกรณ์นี้ใช้สำหรับ
    การทดสอบฟังก์ชันการทำงานของชุด Controller ร่วมกับการจำลองพฤติกรรมของมอเตอร์ไฟฟ้าบนเครื่อง
    คอมพิวเตอร์
  3. ระบบควบคุมหลัก มีชุด VCU-HIL ใช้สำหรับการทดสอบฟังก์ชันของ VCU กับแบบจำลองยานยนต์ไฟฟ้าบนเครื่อง
    คอมพิวเตอร์ การทดสอบนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับการทดสอบบนยานยนต์ไฟฟ้าจริง รวมทั้งลด
    ระยะเวลาการทดสอบลงได้เป็นอย่างมาก
  4. ระบบอัดประจุ ใช้ชุด Charger analyzer ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบการทำงานระหว่างตู้อัดประจุกับยานยนต์ไฟฟ้า
    ได้ทำให้สามารถช่วยวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการอัดประจุว่าเกิดความผิดพลาดจากอุปกรณ์ใด
    ทั้งหมดนี้ คือ ภาพรวมของเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบอุปกรณ์สำคัญหลักๆ ของยานยนต์ไฟฟ้า

ภาพตัวอย่างของชุดทดสอบวัดประสิทธิภาพมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดทดสอบระบบอัดประจุ

ภาพตัวอย่างของชุด HIL ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบด้วย ชุด Motor controller HIL ชุด VCU-HIL และชุด BMS HI

]]>