มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Thu, 29 Sep 2022 07:08:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์ – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (μTherm-FaceSense) https://www.nectec.or.th/innovation/innovation-hardware-electronics/mutherm-facesense2020.html Sun, 31 May 2020 02:00:17 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=2046

μtherm-facesense

การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นวิธีคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นที่สามารถบ่งชี้อาการของโรคต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน โรคไข้สมองอักเสบ โรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออก รวมถึงการติดเชื้อ COVID – 19 ที่ทำให้เกิดจุดคัดกรองอุณหภูมิมากมายในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิส่วนใหญ่ คือ ไม่สามารถตรวจวัดครั้งละหลายคนพร้อมกันได้ รวมถึงไม่สามารถรักษาระยะห่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับการตรวจคัดกรองได้มากนัก ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค ในทางกลับกันเครื่องวัดอุณหภูมิที่สามารถทลายข้อจำกัดดังกล่าวก็มีราคาสูงด้วยเป็นอุปกรณ์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

“มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (µTherm-FaceSense) เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีกล้องอินฟราเรดผนวกระบบตรวจจับใบหน้าบุคคลอัตโนมัติ (Face detection) โดยไม่มีข้อจำกัดแม้สวมหน้ากากอนามัย มีระบบประมวลผลที่รวดเร็วแม่นยำภายใน 0.1 วินาที สามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ครั้งละหลายคนพร้อมกันในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร จึงช่วยลดระยะเวลารวมถึงลดความเสี่ยงจากความใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และผู้รับการตรวจคัดกรอง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสารหลากหลาย

“มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา รูปทรงทันสมัย ในราคาที่สนับสนุนให้ผู้ผลิตไทยเข้าถึงได้ หวังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศ โดยสามารถติดตั้งใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน เรือนจำ สถานีขนส่งสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า MRT / BTS ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงงานสัมมนา มหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น

ความโดดเด่น
● ตรวจจับใบหน้าและวัดค่าอุณหภูมิถูกต้อง แม่นยำ ภายใน 0.1 วินาที
● ตรวจวัดอุณหภูมิครั้งละหลายบุคคลพร้อมกัน ในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร
● ตรวจจับใบหน้าบุคคลอัตโนมัติ (Face detection) แม้สวมหน้ากากอนามัย
● กำหนดค่าอุณหภูมิเฝ้าระวัง และ ค่าชดเชยสภาพแวดล้อมได้
● รองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่าย Wi-Fi รวมถึงสาย LAN
● รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แสดงผลผ่าน HDMI 
ข้อมูลทางเทคนิค

● Full 160×120-pixel thermal image resolution
● Full HD visible image resolution
● Face detection embedded with LiDAR Technology
● Low cost & Light weight (1.7 kg)
● Compactness (8.5×22.8×19.5 cm3)

มาตรฐานเทคโนโลยี

● มาตรฐานการทดสอบความปลอดภัย [Information technology equipment (IEC60950-1)]
(Information technology equipment – Safety – Part 1: General requirements)
● มาตรฐานการทดสอบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า CISPR 22 (EMC Standard)
(the information for information technology equipment, ITE for the radio disturbance characteristics for electromagnetic compatibility compliance)
● มาตรฐานการทดสอบเทียบอุณหภูมิ (อยู่ระหว่างการทดสอบ)

ประโยชน์ของเทคโนโลยี

● เฝ้าระวังและลดความเสี่ยงการสูญเสียจากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับภาวะอุณหภูมิของร่างกายที่ผิดปกติและการระบาดของโรคร้ายแรง
● ใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิงเพื่อออกประกาศการป้องกันและการดูแลเบื้องต้นเกี่ยวกับภาวะหรือโรคที่เกิดจากการเสียสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงทำนายอุบัติการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
● สร้างโอกาสในการเกิดธุรกิจใหม่ทั้งในฐานะผู้ผลิตและผู้ให้บริการ
● สร้างจุดเด่นให้กับสถานที่ที่ใช้งานระบบเพื่อการเอาใจใส่ดูแลและป้องกันสุขภาพ
● ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

กลุ่มลูกค้า / ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเป้าหมาย

● สถานที่ของภาครัฐที่มีผู้คนพลุกพล่านและต้องการลดโอกาสการแพร่กระจายของโรคด้วยการคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ทัณฑสถาน สถานีขนส่งสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า MRT / BTS เป็นต้น
● ภาคเอกชนที่ต้องการเพิ่มบริการการป้องกันและดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพลูกค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดแสดงมหกรรมสินค้า โรงภาพยนตร์ เป็นต้น
● ภาคเอกชนที่มีความต้องการและมีศักยภาพในการผลิตอุปกรณ์เชิงพาณิชย์

วิจัยและพัฒนาโดย
ทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT) กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG)
และทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (SEC) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.)
สนใจ “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (μTherm-FaceSense)
สนใจรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี
Cinque Terre
สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์
หรือติดต่อ ฝ่ายกลยุทธ์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี เนคเทค-สวทช.
โทร. 02 564 6900 ต่อ 2353, 2357, 2383, 2352, 2347
E-mail: business@nectec.or.th

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

]]>
เตรียมลงสนามใช้จริง 40 เครื่อง! “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ https://www.nectec.or.th/news/news-article/mutherm-facesense2020-2.html Mon, 13 Apr 2020 09:16:24 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=4261
mutherm-nbtc

 

บทความ | วลัยลักษณ์ คงพระจันทร์
ภาพประกอบ | ศศิวิภา หาสุข

 

วิกฤตไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจอุณหภูมิร่างกายของตนมากขึ้น ด้วยอุณหภูมิร่างกายเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้การติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงโรคติดต่อร้ายแรงอีกมากมาย เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน โรคไข้สมองอักเสบ โรคมาลาเรีย และ โรคไข้เลือดออก เป็นต้น

การตรวจวัดอุณหภูมิจึงกลายเป็นด่านแรกก่อนก้าวเข้าสถานที่ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านจึงมีจุดคัดกรองเบื้องต้นพร้อมด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอินฟาเรดเทอร์โมมิเตอร์แบบยิงหน้าผาก ซึ่งมีความแม่นยำค่อนข้างสูงและราคาถูก แต่ตรวจวัดได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้นทำให้การแปรผลล่าช้า และไม่สามารถรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายได้มากนักซึ่งมีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่บุคคลที่ทำการตรวจวัด หรือ กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera) ที่ใช้ ณ ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แม้ว่าจะสามารถวัดอุณหภูมิได้หลายคนพร้อมกันและมีความแม่นยำค่อนข้างดี แต่มีราคาสูง

ล่าสุด . . . จากประสบการณ์การทำวิจัย พัฒนา และ วิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอินฟราเรดกว่าสิบปี

ไทยพัฒนาระบบตรวจอุณหภูมิอัจฉริยะเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ โดยใช้กล้องตรวจจับความร้อนสแกนใบหน้าได้ครั้งละหลายคนพร้อมกันอย่างแม่นยำ รู้ผลภายใน 0.1 วินาที จากระยะห่าง 0.5-1.5 เมตร สามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้ภายในตัวเครื่องผ่านเครือข่ายการสื่อสาร นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ IoT ในราคาที่เข้าถึงได้

“มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ

“มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) หรือ ระบบตรวจวัดอุณหภูมิใบหน้าแบบไม่สัมผัสทีละหลายบุคคลและการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งต่อยอดผนวกจุดแข็งและปรับปรุงข้อจำกัดของมิวเทอร์มในอดีต ด้วยความสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)

MuTherm

 

ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รักษาการรองผู้อำนวยการเนคเทค- สวทช. กล่าวว่า “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้ต่อยอดจากทรัพย์สินทางปัญญาเดิมของทีมวิจัย และผนวกระบบคัดกรองอุณหภูมิบุคคลโดยไม่สัมผัสที่สามารถจับตำแหน่งของบุคคลแบบอัตโนมัติ (Automatic Human Detection) เชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ IoT สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายผ่านการแสกนใบหน้าครั้งละหลายคนแบบอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำ

mutherm-nbtc

 

mutherm-nbtc

 

“มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” สามารถตรวจวัดอุณหภูมิจากใบหน้าบุคคลระยะห่างสูงสุดถึง 1.5 เมตร ภายในเวลา 0.1 วินาที โดยค่าอุณหภูมิจะแสดงเป็นตัวเลขบนจอ หากอุณหภูมิเกินค่าที่กำหนดตัวเลขจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงและส่งเสียงเตือน

“เทคโนโลยีนี้ใช้การตรวจจับคลื่นความร้อนจากวัตถุสู่ตัวกล้อง ดังนั้นสถานที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้งใช้งานควรเป็นสถานที่ที่ความแปรปรวนของอากาศไม่มากเกินไป ซึ่งตรงตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระบบนี้สามารถตั้งค่าชดเชยอุณหภูมิ (Offset Temperature) และระยะการตรวจวัดที่เปลี่ยนไป อันเป็นสิทธิบัตรของทีมวิจัยโฟโทนิกส์ (PHT) เนคเทค – สวทช. เพื่อชดเชยผลจากอุณหภูมิ ความชื้น และระยะห่างของบุคคล เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าอุณหภูมิที่แม่นยำที่สุด” ดร.ศรัณย์ อธิบาย

MuTherm

 

ดร.ชาลี วรกุลพิพัฒน์ ทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (SEC) – เนคเทค ให้ข้อมูลว่า ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้าบุคคล (Face Detection) ทำให้ระบบทำการวัดอุณหภูมิจากบุคคลจริง ๆ ไม่ใช่อุณหภูมิทั่วไป พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ครั้งละหลายคน ช่วยลดระยะเวลาการตรวจวัด พร้อมลดความเสี่ยงจากความใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และผู้รับการตรวจคัดกรอง

“เมื่อก่อนทีมเราพัฒนาการตรวจจับแบบเต็มใบหน้า แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 บุคคลจึงจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย เราจึงพัฒนาระบบที่สามารถตรวจจับใบหน้าได้แม้ใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากผ้า หน้ากากทางการแพทย์แบบใช้แล้วทิ้ง ไปจนถึงหน้ากาก N95 พร้อมกันนี้สามารถพัฒนาต่อยอดฟังก์ชั่นนี้ในสถานการณ์ด้านความมั่นคงในอนาคต” ดร.ชาลี กล่าว

MuTherm

 

คุณอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว ทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT) – เนคเทค กล่าวว่า “ระบบนี้ติดตั้งใช้งานง่ายเพียงนำตัวเครื่องไปเชื่อมต่อกับจอแสดงผลผ่าน HDMI โดยทีมวิจัยได้ออกแบบระบบบันทึกข้อมูลวิเคราะห์และประมวลผลภายในตัวเครื่อง สามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นสาย LAN เครือข่าย 3G/4G หรือ Wi-Fi”

ในอนาคตข้อมูลอุณหภูมิและภาพใบหน้าดังกล่าวจะถูกบันทึกในเซิฟเวอร์ หน่วยงานเจ้าของสถานที่ หรือ บุคคลที่ได้รับอนุญาตจะสามารถตรวจสอบข้อมูลการตรวจวัด ผ่าน Dashboard เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือ แอปพลิเคชันได้ นำไปสู่การป้องกันการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อและการติดตามการระบาดของโรคแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากหรือแออัด รวมถึงสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิง ใช้ประโยชน์ในการเฝ้าระวัง เพื่อกำหนดมาตราการลดการแพร่กระจายของโรคติดต่อหรือการสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับภาวะการเสียสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงสามารถนำข้อมูลไปศึกษาวิจัยด้านระบาดวิทยาได้อีกด้วย

“ปัจจุบัน “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” ได้ใช้ทดสอบการคัดกรองเบื้องต้นที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประมาณพันกว่าคนพร้อมบทความเผยแพร่ทางวิชาการซึ่งให้ผลที่ในเชิงวิชาการยอมรับ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบเพิ่มเติมตามเกณฑ์การทดสอบขั้นพื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมลงสนามใช้จริง 40 เครื่องกระจายไปยังหน่วยงานที่มีความเสี่ยงภายในเดือนพฤษภาคมนี้” ดร.ศรัณย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

MuTHERM Timeline

mutherm-nbtc

 

สนใจ “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (μTherm-FaceSense)

Cinque Terre

 

Cinque Terre

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

]]>