สวทช. – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Wed, 15 Dec 2021 07:46:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png สวทช. – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 เนคเทค สวทช. จับมือ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตรเอกชน ร่วมยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ace2021-opening.html Mon, 13 Dec 2021 06:13:53 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=23734

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ(มทร.กรุงเทพ) และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน จัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC–ACE 2021) ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” มุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เป้าหมายเพื่อแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาและประยุกต์ใช้งานได้จริงในสายการผลิต พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ในฐานะประธานเปิดงานกล่าวว่า อุตสาหกรรมคือแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อภาคเศรษกิจของไทย แต่ในช่วงที่ผ่านกลับเติบโตช้าลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถด้านแข่งขันและความเข้มข้นของการใช้เทคโนโลยีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ประกอบกับสถานการณ์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน นอกเหนือจากการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจแล้ว ยังต้องมีการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อการแข่งขันภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย บวกกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับสายการผลิตเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ในปัจจุบันได้เข้ามาช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ตามแนวทางการพัฒนาประเทศ Thailand 4.0 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ถึง 10-40 % และสร้างรายได้ 10-20 % แต่ผู้ประกอบการยังขาดความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ อุตสาหกรรม 4.0

จากเหตุผลดังกล่าวจึงได้กำหนดแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SME ให้สามารถยกระดับองค์กรให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ พร้อมรองรับการเข้าสู่ยุคความปกติใหม่หลัง COVID-19 ขึ้น อย่างเป็นระบบ โดยใช้แนวทางบันได 3 ขั้น คือ 1.การประเมินความพร้อมในปัจจุบัน และการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องดำเนินการตามทิศทางของธุรกิจ (Initiation) 2.การจัดทำแผนดำเนินการและการจัดหาเทคโนโลยีโซลูชั่น (Solutioning) 3.การติดตั้งเทคโนโลยีโซลูชั่นและการประยุกต์ใช้งานในโรงงาน (Implementation & Operation)

 
เมื่อภาคอุตสาหกรรมของไทยสามารถประเมินความพร้อมได้ จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจำนวนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณากำหนดนโยบายหรือมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ในการยกระดับความพร้อมของสถานประกอบการให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการพัฒนากำลังคนอุตสาหกรรม และการพัฒนา Technology Solution Provider/System Integrator (SI) ให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการ ในการยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ต่ำลง และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับอุปสงค์ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า การจัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการของเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC – ACE 2021) ถือเป็นกิจกรรมสำคัญในการส่งมอบผลงานให้กับประเทศไทย เป็นเวทีนำเสนอผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย การสนับสนุนภารกิจสำคัญของประเทศและเครือข่ายพันธมิตร โดยในปีนี้มีกลุ่มเป้าหมายและพันธมิตรที่สำคัญ คือ ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยีเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ซึ่งปีนี้ เนคเทค สวทช. ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรสำคัญได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และผู้สนับสนุนการจัดงานจากภาคเอกชน 8 องค์กร ภาครัฐ 1 องค์กร ร่วมกันจัดงานในรูปแบบออนไลน์ มีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 13-16 ธันวาคม 2564 และมีพิธีเปิดงาน ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” โดยมุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อแสดงถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมในยุคดิจิทัลที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 เป็นสำคัญ 

รวมทั้งภายในงานจะมีการนำเสนอองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของเนคเทค และผลงานที่ร่วมกับพันธมิตร มานำเสนอในรูปแบบการสัมมนาวิชาการ และการจัดนิทรรศการแบบOnline โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอผล งานและบริการที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีจากภาครัฐและเอกชนในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาค อุตสาหกรรม และนำเสนอความก้าวหน้าทางวิชาการทางด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิสก์ และสารสนเทศขั้นสูง โดยในปีนี้จะมีการจัดงานในรูปแบบ Online มีระยะเวลาจัดงาน 4 วัน , มี 4 Keynote , 17 หัวข้อสัมมนา, 50 บูธนิทรรศการ, 10 ห้องเจรจาธุรกิจ ที่สำคัญ คือ Virtual Exhibition ทั้ง 50 บูธ ยังเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปรับชมและศึกษาข้อมูลได้ตลอด 3 เดือนภายหลังวันจัดงาน

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 35 ปี ในการก่อตั้งเนคเทค สวทช. ได้สะสมองค์ความรู้และผลงานวิจัยในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์สำคัญ โดยมุ่งเน้นสร้างฐานรากเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ ที่ผ่านมาได้ส่งมอบผลงานในหลายด้าน อาทิ AIFORTHAI, KidBright, NETPIE2020, HandySense Smart Farming Open Innovation, Open-D และในวันนี้สิ่งหนึ่งที่เนคเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ประกอบกับมีโจทย์สำคัญของประเทศในการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปี 2564 เนคเทค สวทช. จึงส่งมอบ Smart Factory Platform ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภายใต้แผนพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi จึงมีโอกาสขยายต่อยอดเพื่อประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมทุกระดับต่อไป พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0”

ภาคอุตสาหกรรมจะได้เตรียมความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมอุตสาหกรรม 4.0 คือ การรู้จักตัวเองด้วยดัชนีชี้วัดความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 (Thailand I4.0 Index) ช่วยในการสนับสนุนตามมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นกระบวนการการประเมินศักยภาพความพร้อมของผู้ประกอบการ โรงงาน เเละบริษัท โดยทำการลำดับการปรับปรุงโรงงานในด้านต่าง ๆ เมื่อภาคอุตสาหกรรมมีความเข้าใจก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ในราคาที่จับต้องได้ ด้วยแพลตฟอร์ม IDA หรือ Industrial IoT and Data Analytics Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไอโอที(IoT) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิตและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและอนุรักษ์พลังงานให้ดีที่สุด”

นอกจากนี้ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตร ร่วมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ณ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ผู้พัฒนาระบบ นวัตกร นักวิจัยตลอดจนนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่างๆ

SMC ช่วยปลดล็อกปัญหาในการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยบริการทั้ง 5 ด้าน 

1) การประเมินความพร้อมของโรงงาน ว่ามีประเด็นใด ที่ต้องพัฒนาไปสู่ industry 4.0 ด้วย Thailand I4.0 Index 

2) การพัฒนากําลังคนร่วมกับพันธมิตรเพิ่มทักษะรองรับการเปลี่ยนแปลง 

3) การเลือกใช้เทคโนโลยีและการให้คําปรึกษาเรื่องแหล่งเงินทุนรวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับอุตสาหกรรมการผลิตแบบ One Stop Shop 

4) ให้บริการแพลตฟอร์มพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์โรงงานขนาดเล็กและกลางที่มีเงินลงทุนจำกัด 

5) ให้บริการเครื่องมือทดสอบ (Testbed) เบื้องต้นสามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์การเรียนรู้ SMC Learning Center เพื่อเรียนรู้และรับบริการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สามารถรับคำแนะนำจากบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม 4.0 ในด้านต่างๆ กว่า 100 ท่าน

สนใจรับบริการ ติดต่อได้ที่

Email: smc-business@nectec.or.th
Website: www.nectec.or.th/smc
Facebook Page: facebook.com/smceeci
Facebook Group: SMC Community

]]>
งานยิ่งใหญ่ใจกลางกรุง “ขับเคลื่อน THAILAND 4.0 ด้วย วทน.” กระทรวงวิทย์ฯ ขนทัพนิทรรศการ โชว์ผลงานวิจัย นำไทยสู่อนาคต https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/thailand4_0.html Fri, 23 Nov 2018 03:00:47 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=22260
thailand4.0

 

23 พฤศจิกายน 2561 – งานนิทรรศการ “ขับเคลื่อน THAILAND 4.0 ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม : THAILAND 4.0 IN THE MAKING” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2561 ณ สยามสแควร์ กรุงเทพฯ เพื่อแสดงผลงานวิจัยอย่างเป็นรูปธรรมด้วยวิทยาศาสตร์ฯ ใน 4 ด้าน “สร้างคน แก้จน เสริมแกร่ง สู่ภูมิภาค” หวังกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างเต็มภาคภูมิ

thaland4.0

 

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ได้กล่าวว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ พาชาติก้าวข้ามกับดักกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูง โดยใช้ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อนำไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้ว

thailand4.0

 

thailand4.0

 

thailand4.0

 

หากสังเกตจะพบว่าในประเทศที่มีรายได้สูงนั้น ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น อิสราเอล หรือแม้กระทั่งเกาหลีใต้ ที่เมื่อก่อนเคยอยู่ในระดับเดียวกับประเทศของเรา ก็พัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และล่าสุด ประเทศจีน ที่เคยถูกมองว่าเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าราคาถูก ไม่มีคุณภาพ ปัจจุบันกลายเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีไปแล้ว ประเทศไทยก็จะต้องก้าวไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศเหล่านี้ ซึ่งเรากำลังเดินก้าวไปข้างหน้า เห็นได้จากตัวชี้วัดสำคัญ คือสัดส่วนการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาของไทยที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือช่วงระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2544-2554 เพิ่มขึ้น เพียง 0.1% จาก 0.26% เป็น 0.37% แต่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา คือ ปี 2556-2559 มีการเติบโต เพิ่มขึ้น 0.4% จาก 0.47% ในปี 2556 เป็น 0.78% ในปี 2559 คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 113,527 ล้านบาท และตั้งเป้าไว้ว่าจะทะลุ 1% ในปี 2561

thailand4.0

 

รองนายกฯ กล่าวย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว โดยต้องทำให้คนไทยทุกคนเข้าใจและเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเด็กไทยจะต้องรู้ว่าวิทยาศาสตร์สำคัญกับชีวิตพวกเค้า เห็นความจำเป็นในการเรียน STEM เพราะ STEM จะเป็นพื้นฐานของอาชีพในอนาคต คนรุ่นใหม่จะต้องเข้าใจว่าวิทยาศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ รวมทั้งจะต้องมีทักษะฝีมือในการลงมือทำ เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบันนั้น แข่งขันกันที่ความคิดและการใช้ทักษะและเทคโนโลยีในการทำธุรกิจ เป็นต้น

thailand4.0

 

นอกจากการสร้างความสามารถในการแข่งขันแล้ว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นจะต้องช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของคนในสังคมทุกระดับและทุกพื้นที่ในประเทศ ให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งกลุ่มพี่น้องเกษตรกรและคนทั่วไปในสังคม โดยจะต้องนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงไปช่วยเหลือคนในทุกระดับ และทำให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเค้า และจะสร้างประโยชน์กับชีวิตพวกเค้าได้ เช่น เกษตรกรจะต้องนำเทคโนโลยีไปใช้ เพื่อเพิ่มผลผลิต คาดการณ์ราคาผลผลิตทางการเกษตรและลดต้นทุนการผลิตได้

จากโจทย์ทั้ง 2 เรื่องที่ผมได้กล่าวมานี้ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวผ่านกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ใน 13 ภารกิจสำคัญ ด้วยการ

  • สร้างกลุ่มนักรับเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า Startup และนักประดิษฐ์ (Maker) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนโยบายสร้างประเทศสู่การเป็น Startup Nation และ Makers Nation
  • เตรียมคนไทยให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนเพื่อให้เห็นภาพของอาชีพในอนาคต (Career for the Future)
  • การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่ประเทศไทยมีศักยภาพและคนทั้งประเทศได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
  • การพัฒนาเทคโนโลยีรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย การสร้างระบบ Big Data และ AI การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ เช่น ดาวเทียม THEOS เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนชุดใหม่ เป็นต้น และการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เพื่อเป็นรากฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาของประเทศไทยในที่สุด
  • การยกระดับความเป็นอยู่ของคนในประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ และการกระจาย ความเจริญสู่พื้นที่ต่างๆ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์มาสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับชุมชนในพื้นที่ทั่วประเทศ การพัฒนา Smart Farmer ด้วยระบบ IoT การพัฒนาย่านนวัตกรรม (Innovation Districts) 16 แห่งทั่วประเทศไทย เช่น ย่าน CyberTech ที่ปุณณวิถี ย่านนวัตกรรมการแพทย์ที่โยธี เป็นต้น การพัฒนาอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค (Regional Science Park) และการพัฒนาเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis)

ในวันนี้ ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้นำผลงานมาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นเวทีเผยแพร่นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในวงกว้าง เกิดการพัฒนาภูมิปัญญาโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อให้เกิดนวัตกรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างแท้จริง และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สามารถสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สร้างเงิน สร้างงาน สร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่สูงขึ้น

thailand4.0

 

ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวเพิ่มเติมว่าการจัดงานในครั้งนี้เพื่อแสดงผลงานในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม โดยนำเสนอนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยการจัดแสดงผลงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย 4 โซนนิทรรศการหลัก ได้แก่ โซนวิทย์สร้างคน โซนวิทย์แก้จน โซนวิทย์เสริมแกร่ง และโซนวิทย์สู่ภูมิภาค ซึ่งพื้นที่ 4 โซนนี้ ได้นำเสนอผลงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 13 ด้านสำคัญ และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด! ได้แก่ TREE of WISDOM ต้นไม้ interactive แห่งอนาคต ครั้งแรกกับการเชื่อมต่อความคิดและอารมณ์ให้กลายเป็นภาพและสีที่จับต้องได้ ซึ่งเชื่อม Neuro Sensing คลื่นสมองออกมาแสดงผลเป็นการเปลี่ยนสีสันของต้นไม้ LED ขนาดใหญ่ สุดตระการตา ทำให้บริเวณลาน slope SQ1, FreakLab ผลงาน interactive ที่ผสาน Science & Arts และ digital technology ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะกระจายอยู่ทั่วทั้งงาน, INSECT WORLD โลกแห่งแมลง อยู่บริเวณสวน Park @Siam, Thai Space Consortium: โครงการความร่วมมือ “ดาวเทียมไทย” สู่ห้วงอวกาศ บริเวณลาน Hard Rock Café และ Robot Contest โดยสมาคม TRS บริเวณสวน Park @Siam ซึ่งนอกจากผลงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทั้ง 13 กลุ่มแล้วนั้น ยังมีการนำเสนอผลงานของหน่วยงานพันธมิตร สถาบันการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และบริษัทชั้นนำของประเทศอีกมากมายที่นำผลงานที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาแสดงในงานครั้งนี้ รวมทั้งมีกิจกรรมบันเทิงอีกมากมายตลอดการจัดงาน อาทิ การประชันแร็พของสองแร็พเปอร์ชื่อดัง SIRPOPPA และ NANA, มินิคอนเสิร์ตจากเก้า จิรายุและวงแม่ยายยิ้ม, การพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ในยุค 4.0 กับสองนักแสดงดัง สน-ยุกต์ ส่งไพศาลและ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา, การแสดง Science Show, การแสดงดนตรีจากนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำ, Street Show เป็นต้น

thailand4.0

 

thailand4.0

 

thailand4.0

 

thailand4.0

 

]]>