อุตสาหกรรม 4.0 – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Thu, 11 Apr 2024 04:27:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png อุตสาหกรรม 4.0 – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 Smart Technician อย่างไรให้ SMART https://www.nectec.or.th/news/news-article/smart-technician.html Thu, 11 Apr 2024 04:26:09 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=36558

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. กำกับดูแล ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ Industry 4.0 ส่วนหนึ่งของ ARIPOLIS ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ(Automation) หุ่นยนต์(Robotic) และระบบอัจฉริยะ(Intelligence system) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมทั้ง 3 เรื่อง ให้เป็นจริง ด้วยการสร้าง Solution platform for Smart Manufacturing เพื่อให้โรงงานสามารถเข้าถึงได้ ใช้งานได้จริง และจัดหาได้ในราคาที่เหมาะสม โดยดร.พรพรหม อธีตนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายกลยุทธ์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี กล่าวในงานสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2567 ภายในงาน Automation Expo 2024

แน่นอนว่า! ในการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 นั้นกุญแจสำคัญสำหรับองค์กรที่ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล องค์กรต้องพร้อมปรับตัว เรียนรู้ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

หัวใจหลักของ Digital Transformation (DX) for Industry 4.0

การเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยนำเทคโนโลยี อาทิ Cloud Computing, IoT, Cybersecurity, Augmented Reality, Big Data, Autonomous Robots, Additive Manufacturing, Simulation, System Integration เข้ามาในกระบวนการทำงาน การผลิต การบริการ และการจัดการข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับตัว และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยอาศัยทักษะของ “Smart Technician” ช่างที่มีความรู้และประสบการณ์สูง มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทำงานในโรงงาน จะช่วยกระบวนการผลิตเป็นอย่างดี

นอกจากนี้องค์กรควรปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน มุ่งเน้นการทำงานอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การตัดสินใจบนฐานข้อมูล และการทำงานแบบออนไลน์ สร้างวัฒนธรรมองค์กร: เน้นความคล่องตัว การเรียนรู้ การทำงานร่วมกัน และความยืดหยุ่น รวมทั้ง reskill/upskill ทักษะใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับพนักงานในองค์กร ในหลายๆ ครั้งมักจะมีคำถามว่าแล้วผู้ประกอบการจะเริ่มต้นอย่างไรดี

ความเข้าใจในบทบาท และลักษณะของบุคลากรสู่อุตสาหกรรม 4.0 ควรเป็นอย่างไร?

กุญแจสําคัญในการยกระดับองค์กรสู่อุตสาหกรรม 4.0 คือ “การมีวัฒนธรรมและกลยุทธ์ดิจิทัลที่เข้มแข็ง” เกิดจากเสาหลักต่อไปนี้

  1. ความมุ่งมั่นของผู้นำ โดยผู้บริหารระดับสูงต้องมีความมุ่งมั่น จริงจังที่จะทํา Digital Tranformation และต้องจัดเตรียมทรัพยากรและให้การสนับสนุนที่จําเป็นทั้งงบประมาณและคนที่คัดเลือกมาเพื่อทํางานนี้โดยเฉพาะ
  2. มีโครงสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการทำงาน องค์กรควรจะจัดโครงสร้างที่เอื้อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล สามารถปรับเปลี่ยน โดยมีสายงานและความรับผิดชอบที่ชัดเจน
  3. บุคลากรมีทักษะและความสามารถพิเศษ ในองค์กรควรจะมีบุคลากรที่มีทักษะที่เหมาะสม รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่เหมาะสมขององค์กร
  4. เป็นองค์กรที่ตัดสินใจ และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงาน และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า Customer experience
  5. ใช้แนวทางที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อปรับปรุงประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของลูกค้า
  6. มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย องค์กรควรปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อปรับเปลี่ยนงานที่ต้องทําด้วยตนเองสู่ระบบอัตโนมัติ กําจัดของเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี องค์กรควรมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง, Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่มากขึ้นในอนาคต

โดยสรุป กุญแจสําคัญในการยกระดับองค์กรสู่อุตสาหกรรม 4.0 คือ การมีวัฒนธรรมดิจิทัลที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยบุคลากร เทคโนโลยี และกระบวนการที่เหมาะสมเพื่อรองรับ โดยทุกประเภทของอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นขนาด S M L ล้วนต้องเตรียม“คน” ให้พร้อมสู่อุตสาหกรรม 4.0 ในส่วนผสมที่หลากหลายมิติ

“คน” แบบไหนที่อุตสาหกรรม 4.0 ต้องการ

เพื่อเป้าหมายความสำเร็จในยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรม 4.0ต จำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ที่เหมาะสม และมีคุณสมบัติและความเชี่ยวชาญที่สําคัญบางประการที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมควรมี ได้แก่

  • Digital literacy มีความเข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยี และเครื่องมือดิจิทัลเพื่อปรับปรุง กระบวนการ รวบรวมและวิเคราะห์ ข้อมูล และขับเคลื่อนนวัตกรรม
  • ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถในการรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลจํานวนมาก เพื่อสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจ
  • ความเฉียบแหลมทางธุรกิจ มีเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการและ เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและการพัฒนา รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
  • ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค มีความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุด และวิธีการใช้ พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการและสร้าง โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
  • การทำงานเป็นทีม สามารถสื่อสารและทํางานร่วมกับสมาชิกในทีม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีความคิดเชิงกลยุทธ์ สามารถคิดเชิงกลยุทธ์ และสร้างแผนระยะยาว เพื่อความสําเร็จ
  • ความเป็นผู้นำ มีคุณสมบัติของผู้นําที่ดี และสามารถสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้สมาชิกในทีมบรรลุเป้าหมาย รวมถึงมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าได้
]]>
เนคเทค สวทช. ยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง https://www.nectec.or.th/news/news-article/industry4-platform-ace2021.html Tue, 25 Jan 2022 08:05:48 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=24304

เนคเทค สวทช. ยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง
ปาฐกถา โดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.
งานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทค ประจำปี 2564

เรียบเรียงบทความ : ภาวิณี อุปถานา , วลัยลักษณ์ คงพระจันทร์
ภาพประกอบ : ภาวิณี อุปถานา, ศศิวิภา หาสุข

เนคเทค สวทช. จัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทค ประจำปี 2564 ในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” เมื่อวันที่ 13-16 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ในวันที่ 13 ธันวาคม โดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวถึงความสำคัญของการยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) เป็นฐานในการทดสอบให้ SME มีโอกาสที่จะเข้าถึง หรือทดสอบเทคโนโลยีเหล่านี้ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 ในราคาที่ย่อมเยา

การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ทุกวงการต้องปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพตอบโจทย์โลกดิจิทัลในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วงการอุตสาหกรรม” ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทอย่างมากทั้งในแง่ของการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตในระยะเวลาที่สั้นลง การบริหารกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพโดยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด 

ปัจจุบันประเทศไทยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ “อุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งระดับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของไทยอยู่ที่ระดับ 2.5 – 3 เท่านั้น ในขณะที่การเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้ยังจำกัดอยู่ภายใต้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูง จึงเป็นความท้าทายสำคัญว่าจะทำอย่างไรให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ในวงกว้าง

ด้วยพันธกิจของ เนคเทค สวทช. ที่วางบทบาทขององค์กรเปรียบเสมือน “เครื่องจักรสำคัญในการสร้างฐานรากทางเทคโนโลยีให้ประเทศ” ได้ส่งมอบแพลตฟอร์มสำคัญด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และในวันที่ประเทศมุ่งไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เนคเทค สวทช.จึงได้ก่อตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน” Sustainable Manufacturing Center (SMC) เพื่อตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ ผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทย สู่ Industry 4.0  

35 ปีที่ผ่านมา... กับการดำเนินงานเพื่อประเทศ

ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา เนคเทค สวทช. มีโอกาสได้ส่งมอบผลงานที่เป็นประโยชน์ และสร้างสิ่งที่เป็นมูลค่าให้กับสังคมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ใน ปี 2542 การแข่งขัน National Software Contest เป็นเวทีการประกวดซอฟต์แวร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ และปัจจุบันยังคงดำเนินการอยู่ เพื่อสร้าง บ่มเพาะและพัฒนานักเรียน นักศึกษามากกว่า 70,000 คน ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  หรือ Thai School Lunch ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการสำรับอาหารกลางวันของโรงเรียน 58,000 กว่าโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งเนคเทค สวทช.ได้มีโอกาสส่งมอบให้กับสังคมและหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปใช้

ในปี 2559 เขื่อนขนาดใหญ่ 14 เขื่อนของประเทศไทย ได้รับการตรวจสุขภาพดูแลด้วยระบบ Remote Monitoring ที่พัฒนาโดยเนคเทค สวทช.ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาความปลอดภัย หรือเทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสารอย่างระบบไอโอทีสัญชาติไทยที่ชื่อว่า NETPIE ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 2558 และในปี 2561 นี้ก็ได้อัปเกรดเป็น Version 2020 ซึ่งเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ถือได้ว่าเป็น IoT Platform

นอกจากนี้ในปี 2539  เนคเทค สวทช. ได้ Spin-Off บริษัท Internet Thailand ซึ่งเป็น Internet Service Provider รายแรกของประเทศไทย และบริษัท T-Net ซึ่งเป็น Cyber Security ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสำคัญอยู่ในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ที่มาร่วมขับเคลื่อนในแง่มุมต่างๆ เช่น DGA  ETDA และ DEPA

เนคเทค สวทช. กับการร่วมยกระดับอุตสาหกรรม 4.0

ปัญหาสำคัญที่กำลังบ่งชี้ในวันนี้คือเรื่องของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ประสบความสำเร็จมาเป็นระยะเวลานานหลายสิบปีได้สร้างมูลค่าการส่งออก การบริโภค การสร้างแรงงาน การจ้างแรงงานในประเทศล้วนเป็นสิ่งที่สภาอุตสาหกรรม และภาคอุตสาหกรรมดำเนินการเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และในปัจจุบัน มีการเคลื่อนย้ายการผลิตจากประเทศไทยไปอีกหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มขึ้นมาแข่งขันในสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำให้รูปแบบการทำอุตสาหกรรมในแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น Mass Production การรับ OEM กลายเป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว คือสาเหตุสำคัญที่ทางเนคเทคเริ่มนึกถึงการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศขั้นสูงมาร่วมพัฒนาการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย กล่าวว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณจำรัส สว่างสมุทร ผู้อำนวยการใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่องปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 4-5 ปีข้างหน้าในภาคอุตสาหกรรม ทำให้เห็นสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่ Industry 4.0 ในประเทศไทยทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ จึงเริ่มต้นด้วยการทำ Industrial IoT ก่อน และคุณจำรัสก็ได้กรุณาตั้งชื่อผลงานให้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มผลิต ชื่อว่า Industrial IoT and Data Analytics (IDA)

“การทำ Industrial IoT ซึ่งมีหลาย Solution ในประเทศไทย ที่นำเข้าจากต่างประเทศและพันธมิตรหลายๆ ประเทศ บางทีก็คิดว่าเราน่าจะมีโอกาสที่จะพัฒนาบาง Solution ขึ้นมา ตอบโจทย์ให้กับภาค SME ของเรา”

IDA เป็นตัวจุดประกายว่าสามารถใช้เทคโนโลยีบางส่วนของเนคเทค อย่าง IoT Platform และก็ Universal Remote Terminal Unit (URconnect) ที่นำมาเชื่อมกันแล้วใช้งานอยู่ใน Smart Factory ซึ่งแนวคิดนี้ได้นำเสนอต่อหน้าท่านนายกรัฐมนตรีในวันที่ท่านได้มาเปิดสภาอุตสาหกรรม เมื่อปี 2563 หลังจากนั้นเพียง 6 เดือน ได้เซ็น MOU ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และก็เกิด Partner จำนวนมาก จากภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ

เนคเทค สวทช.มีโอกาสทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการนำเสนอ Thailand Industry 4.0 Index เป็นระบบประเมินความก้าวหน้าของโรงงาน ว่ามีความพร้อมที่จะพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วย Industrial IoT and Data Analytics ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อพื้นฐานของ Industry 4.0 สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกอย่างรวมทั้ง ERP และ Back-End เข้ามาสู่อินเทอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถเฝ้าสังเกตการจัดการพลังงานอย่างมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของอุปกรณ์โดยรวม รวมถึงการวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน Sustainable Manufacturing Center (SMC)

เนคเทคจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center : SMC) ใน 2 พื้นที่คือ ภายในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี และในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เป็นฐานในการทดสอบให้ SME มีโอกาสที่จะเข้าถึง Industry 4.0 หรือได้ทดสอบเทคโนโลยีในราคาที่ย่อมเยา

ปัจจุบันมีการให้บริการเบื้องต้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยทีมงานที่ SMC ให้คำปรึกษาและเชื่อมต่อภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงบริษัทรายใหญ่ที่มาช่วยให้คำปรึกษาในการที่จะเป็น Industry 4.0 มาร่วมกันตรวจประเมินความพร้อมของโรงงาน และให้บริการฝึกอบรมบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เนคเทค” ได้ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีบางส่วนเข้าไปเติมเต็มเพื่อทำให้เกิด Low Cost Solutions หรือ Efficient Solution สำหรับทุก ๆ ระดับของภาคอุตสาหกรรม โดยบุคลากรประมาณเกือบ 100 ท่าน ทั้งส่วนที่เป็นกลุ่มวิจัยทางด้านไอโอที  Automation และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ และความเชี่ยวชาญของทีมงานที่เตรียมให้บริการที่ SMC โดยมี ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)

การให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการทุกราย รวมทั้ง System Integrator ต้องร่วมกันพัฒนา ทั้งการสร้างความเข้าใจใน Industry 4.0 และความเชี่ยวชาญของคนที่อยู่ในทีม ตอนนี้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี หลายส่วนสามารถเข้าไปตอบโจทย์ให้กับหลาย ๆ ภาคส่วนของประเทศแล้ว และเชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถที่จะปรับเปลี่ยนและช่วยในการพัฒนา Industry 4.0 ได้ไม่ยาก

“หวังอย่างยิ่งว่าเนคเทคได้ส่งมอบผลงานที่สามารถใช้งานได้จริงและยั่งยืนสมชื่อของ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน Sustainable Manufacturing Center (SMC) เป็นส่วนหนึ่งที่ยืนยาวไปกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ Industry 4.0 และจะขยับไปถึง Industry 5.0 ที่จะต้องมีการทำงานร่วมกับคนอย่างเป็นระบบ ไม่ทำให้แรงงานถูกทิ้งขว้างจากการที่พัฒนา AI หรือ Industrial IoT”

สอบถามเพิ่มเติม

]]>
เนคเทค สวทช. จับมือ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตรเอกชน ร่วมยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ace2021-opening.html Mon, 13 Dec 2021 06:13:53 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=23734

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ(มทร.กรุงเทพ) และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน จัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC–ACE 2021) ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” มุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เป้าหมายเพื่อแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาและประยุกต์ใช้งานได้จริงในสายการผลิต พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ในฐานะประธานเปิดงานกล่าวว่า อุตสาหกรรมคือแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อภาคเศรษกิจของไทย แต่ในช่วงที่ผ่านกลับเติบโตช้าลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถด้านแข่งขันและความเข้มข้นของการใช้เทคโนโลยีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ประกอบกับสถานการณ์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน นอกเหนือจากการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจแล้ว ยังต้องมีการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อการแข่งขันภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย บวกกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับสายการผลิตเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ในปัจจุบันได้เข้ามาช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ตามแนวทางการพัฒนาประเทศ Thailand 4.0 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ถึง 10-40 % และสร้างรายได้ 10-20 % แต่ผู้ประกอบการยังขาดความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ อุตสาหกรรม 4.0

จากเหตุผลดังกล่าวจึงได้กำหนดแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SME ให้สามารถยกระดับองค์กรให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ พร้อมรองรับการเข้าสู่ยุคความปกติใหม่หลัง COVID-19 ขึ้น อย่างเป็นระบบ โดยใช้แนวทางบันได 3 ขั้น คือ 1.การประเมินความพร้อมในปัจจุบัน และการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องดำเนินการตามทิศทางของธุรกิจ (Initiation) 2.การจัดทำแผนดำเนินการและการจัดหาเทคโนโลยีโซลูชั่น (Solutioning) 3.การติดตั้งเทคโนโลยีโซลูชั่นและการประยุกต์ใช้งานในโรงงาน (Implementation & Operation)

 
เมื่อภาคอุตสาหกรรมของไทยสามารถประเมินความพร้อมได้ จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจำนวนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณากำหนดนโยบายหรือมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ในการยกระดับความพร้อมของสถานประกอบการให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการพัฒนากำลังคนอุตสาหกรรม และการพัฒนา Technology Solution Provider/System Integrator (SI) ให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการ ในการยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ต่ำลง และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับอุปสงค์ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า การจัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการของเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC – ACE 2021) ถือเป็นกิจกรรมสำคัญในการส่งมอบผลงานให้กับประเทศไทย เป็นเวทีนำเสนอผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย การสนับสนุนภารกิจสำคัญของประเทศและเครือข่ายพันธมิตร โดยในปีนี้มีกลุ่มเป้าหมายและพันธมิตรที่สำคัญ คือ ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยีเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ซึ่งปีนี้ เนคเทค สวทช. ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรสำคัญได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และผู้สนับสนุนการจัดงานจากภาคเอกชน 8 องค์กร ภาครัฐ 1 องค์กร ร่วมกันจัดงานในรูปแบบออนไลน์ มีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 13-16 ธันวาคม 2564 และมีพิธีเปิดงาน ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” โดยมุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อแสดงถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมในยุคดิจิทัลที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 เป็นสำคัญ 

รวมทั้งภายในงานจะมีการนำเสนอองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของเนคเทค และผลงานที่ร่วมกับพันธมิตร มานำเสนอในรูปแบบการสัมมนาวิชาการ และการจัดนิทรรศการแบบOnline โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอผล งานและบริการที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีจากภาครัฐและเอกชนในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาค อุตสาหกรรม และนำเสนอความก้าวหน้าทางวิชาการทางด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิสก์ และสารสนเทศขั้นสูง โดยในปีนี้จะมีการจัดงานในรูปแบบ Online มีระยะเวลาจัดงาน 4 วัน , มี 4 Keynote , 17 หัวข้อสัมมนา, 50 บูธนิทรรศการ, 10 ห้องเจรจาธุรกิจ ที่สำคัญ คือ Virtual Exhibition ทั้ง 50 บูธ ยังเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปรับชมและศึกษาข้อมูลได้ตลอด 3 เดือนภายหลังวันจัดงาน

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 35 ปี ในการก่อตั้งเนคเทค สวทช. ได้สะสมองค์ความรู้และผลงานวิจัยในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์สำคัญ โดยมุ่งเน้นสร้างฐานรากเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ ที่ผ่านมาได้ส่งมอบผลงานในหลายด้าน อาทิ AIFORTHAI, KidBright, NETPIE2020, HandySense Smart Farming Open Innovation, Open-D และในวันนี้สิ่งหนึ่งที่เนคเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ประกอบกับมีโจทย์สำคัญของประเทศในการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปี 2564 เนคเทค สวทช. จึงส่งมอบ Smart Factory Platform ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภายใต้แผนพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi จึงมีโอกาสขยายต่อยอดเพื่อประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมทุกระดับต่อไป พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0”

ภาคอุตสาหกรรมจะได้เตรียมความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมอุตสาหกรรม 4.0 คือ การรู้จักตัวเองด้วยดัชนีชี้วัดความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 (Thailand I4.0 Index) ช่วยในการสนับสนุนตามมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นกระบวนการการประเมินศักยภาพความพร้อมของผู้ประกอบการ โรงงาน เเละบริษัท โดยทำการลำดับการปรับปรุงโรงงานในด้านต่าง ๆ เมื่อภาคอุตสาหกรรมมีความเข้าใจก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ในราคาที่จับต้องได้ ด้วยแพลตฟอร์ม IDA หรือ Industrial IoT and Data Analytics Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไอโอที(IoT) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิตและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและอนุรักษ์พลังงานให้ดีที่สุด”

นอกจากนี้ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตร ร่วมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ณ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ผู้พัฒนาระบบ นวัตกร นักวิจัยตลอดจนนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่างๆ

SMC ช่วยปลดล็อกปัญหาในการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยบริการทั้ง 5 ด้าน 

1) การประเมินความพร้อมของโรงงาน ว่ามีประเด็นใด ที่ต้องพัฒนาไปสู่ industry 4.0 ด้วย Thailand I4.0 Index 

2) การพัฒนากําลังคนร่วมกับพันธมิตรเพิ่มทักษะรองรับการเปลี่ยนแปลง 

3) การเลือกใช้เทคโนโลยีและการให้คําปรึกษาเรื่องแหล่งเงินทุนรวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับอุตสาหกรรมการผลิตแบบ One Stop Shop 

4) ให้บริการแพลตฟอร์มพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์โรงงานขนาดเล็กและกลางที่มีเงินลงทุนจำกัด 

5) ให้บริการเครื่องมือทดสอบ (Testbed) เบื้องต้นสามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์การเรียนรู้ SMC Learning Center เพื่อเรียนรู้และรับบริการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สามารถรับคำแนะนำจากบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม 4.0 ในด้านต่างๆ กว่า 100 ท่าน

สนใจรับบริการ ติดต่อได้ที่

Email: smc-business@nectec.or.th
Website: www.nectec.or.th/smc
Facebook Page: facebook.com/smceeci
Facebook Group: SMC Community

]]>