MuTherm – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Thu, 29 Sep 2022 07:08:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png MuTherm – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 เตรียมลงสนามใช้จริง 40 เครื่อง! “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ https://www.nectec.or.th/news/news-article/mutherm-facesense2020-2.html Mon, 13 Apr 2020 09:16:24 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=4261
mutherm-nbtc

 

บทความ | วลัยลักษณ์ คงพระจันทร์
ภาพประกอบ | ศศิวิภา หาสุข

 

วิกฤตไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจอุณหภูมิร่างกายของตนมากขึ้น ด้วยอุณหภูมิร่างกายเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้การติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงโรคติดต่อร้ายแรงอีกมากมาย เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน โรคไข้สมองอักเสบ โรคมาลาเรีย และ โรคไข้เลือดออก เป็นต้น

การตรวจวัดอุณหภูมิจึงกลายเป็นด่านแรกก่อนก้าวเข้าสถานที่ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านจึงมีจุดคัดกรองเบื้องต้นพร้อมด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอินฟาเรดเทอร์โมมิเตอร์แบบยิงหน้าผาก ซึ่งมีความแม่นยำค่อนข้างสูงและราคาถูก แต่ตรวจวัดได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้นทำให้การแปรผลล่าช้า และไม่สามารถรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายได้มากนักซึ่งมีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่บุคคลที่ทำการตรวจวัด หรือ กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera) ที่ใช้ ณ ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แม้ว่าจะสามารถวัดอุณหภูมิได้หลายคนพร้อมกันและมีความแม่นยำค่อนข้างดี แต่มีราคาสูง

ล่าสุด . . . จากประสบการณ์การทำวิจัย พัฒนา และ วิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอินฟราเรดกว่าสิบปี

ไทยพัฒนาระบบตรวจอุณหภูมิอัจฉริยะเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ โดยใช้กล้องตรวจจับความร้อนสแกนใบหน้าได้ครั้งละหลายคนพร้อมกันอย่างแม่นยำ รู้ผลภายใน 0.1 วินาที จากระยะห่าง 0.5-1.5 เมตร สามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้ภายในตัวเครื่องผ่านเครือข่ายการสื่อสาร นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ IoT ในราคาที่เข้าถึงได้

“มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ

“มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm FaceSense) หรือ ระบบตรวจวัดอุณหภูมิใบหน้าแบบไม่สัมผัสทีละหลายบุคคลและการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งต่อยอดผนวกจุดแข็งและปรับปรุงข้อจำกัดของมิวเทอร์มในอดีต ด้วยความสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)

MuTherm

 

ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รักษาการรองผู้อำนวยการเนคเทค- สวทช. กล่าวว่า “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้ต่อยอดจากทรัพย์สินทางปัญญาเดิมของทีมวิจัย และผนวกระบบคัดกรองอุณหภูมิบุคคลโดยไม่สัมผัสที่สามารถจับตำแหน่งของบุคคลแบบอัตโนมัติ (Automatic Human Detection) เชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ IoT สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายผ่านการแสกนใบหน้าครั้งละหลายคนแบบอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำ

mutherm-nbtc

 

mutherm-nbtc

 

“มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” สามารถตรวจวัดอุณหภูมิจากใบหน้าบุคคลระยะห่างสูงสุดถึง 1.5 เมตร ภายในเวลา 0.1 วินาที โดยค่าอุณหภูมิจะแสดงเป็นตัวเลขบนจอ หากอุณหภูมิเกินค่าที่กำหนดตัวเลขจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงและส่งเสียงเตือน

“เทคโนโลยีนี้ใช้การตรวจจับคลื่นความร้อนจากวัตถุสู่ตัวกล้อง ดังนั้นสถานที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้งใช้งานควรเป็นสถานที่ที่ความแปรปรวนของอากาศไม่มากเกินไป ซึ่งตรงตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระบบนี้สามารถตั้งค่าชดเชยอุณหภูมิ (Offset Temperature) และระยะการตรวจวัดที่เปลี่ยนไป อันเป็นสิทธิบัตรของทีมวิจัยโฟโทนิกส์ (PHT) เนคเทค – สวทช. เพื่อชดเชยผลจากอุณหภูมิ ความชื้น และระยะห่างของบุคคล เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าอุณหภูมิที่แม่นยำที่สุด” ดร.ศรัณย์ อธิบาย

MuTherm

 

ดร.ชาลี วรกุลพิพัฒน์ ทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (SEC) – เนคเทค ให้ข้อมูลว่า ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้าบุคคล (Face Detection) ทำให้ระบบทำการวัดอุณหภูมิจากบุคคลจริง ๆ ไม่ใช่อุณหภูมิทั่วไป พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ครั้งละหลายคน ช่วยลดระยะเวลาการตรวจวัด พร้อมลดความเสี่ยงจากความใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และผู้รับการตรวจคัดกรอง

“เมื่อก่อนทีมเราพัฒนาการตรวจจับแบบเต็มใบหน้า แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 บุคคลจึงจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย เราจึงพัฒนาระบบที่สามารถตรวจจับใบหน้าได้แม้ใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากผ้า หน้ากากทางการแพทย์แบบใช้แล้วทิ้ง ไปจนถึงหน้ากาก N95 พร้อมกันนี้สามารถพัฒนาต่อยอดฟังก์ชั่นนี้ในสถานการณ์ด้านความมั่นคงในอนาคต” ดร.ชาลี กล่าว

MuTherm

 

คุณอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว ทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT) – เนคเทค กล่าวว่า “ระบบนี้ติดตั้งใช้งานง่ายเพียงนำตัวเครื่องไปเชื่อมต่อกับจอแสดงผลผ่าน HDMI โดยทีมวิจัยได้ออกแบบระบบบันทึกข้อมูลวิเคราะห์และประมวลผลภายในตัวเครื่อง สามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นสาย LAN เครือข่าย 3G/4G หรือ Wi-Fi”

ในอนาคตข้อมูลอุณหภูมิและภาพใบหน้าดังกล่าวจะถูกบันทึกในเซิฟเวอร์ หน่วยงานเจ้าของสถานที่ หรือ บุคคลที่ได้รับอนุญาตจะสามารถตรวจสอบข้อมูลการตรวจวัด ผ่าน Dashboard เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือ แอปพลิเคชันได้ นำไปสู่การป้องกันการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อและการติดตามการระบาดของโรคแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากหรือแออัด รวมถึงสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิง ใช้ประโยชน์ในการเฝ้าระวัง เพื่อกำหนดมาตราการลดการแพร่กระจายของโรคติดต่อหรือการสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับภาวะการเสียสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงสามารถนำข้อมูลไปศึกษาวิจัยด้านระบาดวิทยาได้อีกด้วย

“ปัจจุบัน “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” ได้ใช้ทดสอบการคัดกรองเบื้องต้นที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประมาณพันกว่าคนพร้อมบทความเผยแพร่ทางวิชาการซึ่งให้ผลที่ในเชิงวิชาการยอมรับ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบเพิ่มเติมตามเกณฑ์การทดสอบขั้นพื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมลงสนามใช้จริง 40 เครื่องกระจายไปยังหน่วยงานที่มีความเสี่ยงภายในเดือนพฤษภาคมนี้” ดร.ศรัณย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

MuTHERM Timeline

mutherm-nbtc

 

สนใจ “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” (μTherm-FaceSense)

Cinque Terre

 

Cinque Terre

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

]]>
2 ผลงานเนคเทค คว้ารางวัลเหรียญเงินจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 47 ที่เจนีวา https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/47th-inventions-geneva.html Tue, 23 Apr 2019 02:19:10 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=21527
The 47th International Exhibition of Inventions Geneva

KidBright และ MuTherm 2 ผลงานวิจัยเนคเทค-สวทช. คว้ารางวัลเหรียญเงินจากเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ ในงาน “The 47th International Exhibition of Inventions Geneva” ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด ทีมวิจัยเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว (EST) ดร.อัชฌา กอบวิทยา ทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT) และคุณพีรนันท์ กาญจนศรีสุนทร ผู้จัดการ งานพัฒนากำลังคนด้านอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ (HRDS) เข้าร่วมนำเสนอผลงานในเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 47 หรือ “The 47th International Exhibition of Inventions Geneva” ณ ศูนย์ประชุม Palexpo นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10 – 14 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเวทีการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติที่สำคัญ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นครั้งที่ 47 มีผลงานเข้าร่วมประกวด และจัดแสดงนิทรรศการภายในงานมากกว่า 800 ผลงาน จาก 40 ประเทศ มีผู้เข้าชมงานทั้งนักวิจัย นักประดิษฐ์ นักวิชาการ ผู้แทนจากหน่วยงานภาคการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน มากกว่า 30,000 คน จาก 5 ทวีปทั่วโลก และมีผลงานจากประเทศไทยเข้าร่วมนำเสนอ จำนวน 102 ผลงาน

โดยในปีนี้ ทีมนักวิจัยเนคเทค-สวทช. สามารถคว้ารางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) จากเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 47 จำนวน 2 รางวัล ได้แก่

the 47th International Exhibition of Inventions Geneva
1. รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) ผลงานวิจัย “KidBright: บอร์ดสมองกลฝังตัวอัจฉริยะ”
KidBright เป็นบอร์ดที่พัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นศักยภาพการคิดเชิงระบบและการคิดเชิงสร้างสรรค์ในเด็กวัยเรียนผ่านการเรียนรู้แบบ Learn and Play บอร์ดถูกออกแบบให้มีการแสดงผลและเซนเซอร์แบบง่าย ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับชุดคำสั่งควบคุมการทำงาน โดยผู้เรียนสามารถออกแบบและสร้างชุดคำสั่งแบบ Block-structured Programming ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
โดย ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด ดร.อภิชาติ อินทรพานิช ทีมวิจัยเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว (EST)
และ คุณพีรนันท์ กาญจนศรีสุนทร ผู้จัดการ งานพัฒนากำลังคนด้านอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ (HRDS)
The 47th International Exhibition of Inventions Geneva
2. รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) ผลงานวิจัย “MuTherm: มิวเทอร์มระบบคัดกรองผู้ป่วยมีไข้แบบหลายคนโดยไม่สัมผัส”
ระบบตรวจวัดไข้แบบหลายคนโดยไม่สัมผัส หรือมิวเทอร์ม เป็นการรวมเทคโนโลยีอินฟราเรดและแสงมองเห็นได้ ตรวจจับใบหน้าและอุณหภูมิสูงสุดบนใบหน้า ร่วมกับการชดเชยอุณหภูมิด้วยเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรของทีม ทำให้สามารถระบุอุณหภูมิของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ ตรวจได้หลายคนในเวลาเดียวกัน มิวเทอร์มสามารถเปลี่ยนกล้องอินฟราเรดราคาถูก ให้มีประสิทธิภาพคัดกรองคนป่วยมีไข้และสภาวะ Hyperthermia* ได้ 100%
มีประโยชน์ในการวางนโยบายป้องกันโรคระบาดในแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้า หรือ โรงเรียนอนุบาล ที่ผ่านมามิวเทอร์มได้ใช้ประโยชน์ในแผนก OPD ของ รพ.มธ., การตรวจคัดกรองญาติผู้ต้องขำในงานสัปดาห์เยี่ยมญาติ ณ เรือนจำกลางอยุธยา และงานไทยแลนด์ Mobile Expo ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมกว่า 50,000 คน
โดย คุณอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว และทีมวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ (PHT)
]]>