Thailand i4.0 – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Wed, 30 Apr 2025 10:31:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png Thailand i4.0 – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 สวทช. จับมือ พันธมิตร ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางปลดล็อกศักยภาพองค์กรสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยพลังของข้อมูลและเทคโนโลยี https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/i4-transform-data.html Wed, 30 Apr 2025 09:59:42 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39907

(30 เมษายน 2568) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี – สวทช. พร้อมด้วยพันธมิตร จัดงานสัมมนา “Transforming Tomorrow: พลิกอนาคตด้วย Data & Technology สู่อุตสาหกรรม 4.0” เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเห็นแนวทางและแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการปรับตัวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยพลังของข้อมูลและเทคโนโลยี โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) กล่าวเปิดงาน

ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจาก Mr. John Mark Cerveza, Sr. Manager, Thailand Factory AME (HDD Assembly & Backend Ops), Western Digital Technologies (Thailand) Ltd. หัวข้อ “Unlocking Organizational Potential: The Power of Data & Technology” ที่เน้นถึงพลังของข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลในการปลดล็อกศักยภาพขององค์กรในทุกระดับ

เวทีเสวนา “Smart Factory Transformation Insights” โดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง แนวคิด ทิศทางการพัฒนาและปรับตัวขององค์กรเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0อาทิ คุณไพรัชฎ์ ไตรเวทย์ ผู้อํานวยการสํานักวิศวกรรมกลาง บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จํากัด (มหาชน) คุณจริยวดี บุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม จํากัด ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล เนคเทค สวทช. และคุณสุจินดา ทองศรี ผู้จัดการฝ่ายบริการนวัตกรรมและคีย์แอคเคานต์ สวทช.ร่วมดำเนินรายการ


ต่อด้วยสัมมนาหัวข้อ “How to: ยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 และสิทธิประโยชน์ BOI มาตรการ Industry 4.0” โดย ดร.รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อํานวยการกลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 สวทช. ซึ่งได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางและสิทธิประโยชน์สำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการยกระดับสู่ Industry 4.0

ปิดท้ายด้วยกิจกรรม Clinic: Thailand 4.0 Checkup ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ สวทช. ทั้งด้านการประเมินความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ขององค์กรด้วยตนเอง และการขอรับ สิทธิประโยชน์จาก BOI รวมถึงประเด็นด้านความยั่งยืน

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Smart Factory Solution จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ

  • แคมเปญด้านอุตสาหกรรมและหลักสูตรอบรม จากศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)
  • Industry 4.0 Platform จาก สวทช.
  • บริการระบบจัดการพลังงาน และระบบ IoT จาก บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม จำกัด
  • บริการให้คำปรึกษาครบวงจร จากบริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ แอดไวซอรี่ จำกัด

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ นักพัฒนา และบุคลากรภาคธุรกิจเป็นจำนวนมาก ตอกย้ำถึงความตื่นตัวของภาคอุตสาหกรรมไทยที่ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี

]]>
เปิดประสบการณ์การประเมินระดับความพร้อมขององค์กรสู่การผลิตยุคดิจิทัลด้วยตัวเองกับระบบ Online & Interactive Self-Assessment https://www.nectec.or.th/news/news-article/intermach2024-i4.html Sat, 01 Jun 2024 11:00:20 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=36931

บทความ : นัทธ์หทัย ทองนะ

ก้าวแรกสู่การยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร … มาร่วมเปิดประสบการณ์การประเมินระดับความพร้อมขององค์กรสู่การผลิตยุคดิจิทัลด้วยตัวเองด้วยระบบ Online & Interactive Self-Assessment ใช้เวลาน้อย ดำเนินการได้เองไม่ต้องอาศัยผู้ประเมินที่ผ่านการรับรอง ทำให้ทราบแนวทางเบื้องต้นในการปรับปรุงสายการผลิต สามารถเปรียบเทียบสายการผลิตของตนเองเองกับค่าเฉลี่ย และผู้นำอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกับของท่าน เพื่อเป็นแรงผลักดันในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งช่วยเตรียมความพร้อมขอรับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมธุรกิจจาก BOI

สรุปสาระสำคัญจากเสวนาจากผู้พัฒนาระบบฯ กลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 (สวทช.) และองค์กรที่จะมาแชร์ประสบการณ์จริงจากการใช้ระบบ Online & Interactive Self-Assessment  ดำเนินรายการโดย ดร.พรพรหม อธีตนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (เนคเทค สวทช.) ในงาน INTERMACH 2024 (งานอินเตอร์แมค 2024) วันที่ 17 พฤษภาคม 2567

คุณเอกราช รัตนอุดมพิสุทธิ์ ผู้พัฒนาระบบฯ กลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 (สวทช.) เล่าถึงภารกิจหลักของกลุ่มแพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 หลังจากที่ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมได้ทำการประเมินและทราบดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรม 4.0 แล้วว่าอยู่ในระดับไหน จากตรงนี้จะมีกระบวนการอ่านผล เช่น ต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตในด้านไหน หรือการให้คำปรึกษากระบวนการต่างๆ ช่วยเหลืเติมเต็มส่วนที่ผู้ประกอบการยังขาดอยู่ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้

ด้าน คุณนันทพัชร ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มบริษัท FDI เล่าว่า FDI เป็นบริษัทให้บริการให้คำปรึกษาตั้งแต่การจัดตั้งกิจการจนถึงปิดกิจการ ให้บริการวางระบบการบริหารงาน รวมไปถึงการบริการดูแลหลังเปิดกิจการในประเทศไทย โดยปัจจุบันได้ก้าวมาอีกขั้นหนึ่งด้วยเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมเดิมของไทยที่มีอยู่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เช่นกัน แต่อาจต้องพัฒนาให้มากกว่านั้น สามารถก้าวสู่ตลาดใหม่ ช่วยธุรกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน FDI จึงก้าวเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำโรงงานในมิติของ Green business มากขึ้น คือตลาดใหม่นั่นเอง

ขั้นตอนการประเมิน Thailand i4.0 Index แบบ Online Self-assessment

สำหรับการใช้งานระบบการประเมิน Thailand i4.0 Index แบบ Online Self-assessment หลังจากที่ได้ลงทะเบียนมาเรียบร้อยแล้วทุกท่านจะมี Username และ Password จากนั้นหน้าแรกที่เปิดเข้ามาคือ เริ่มการประเมิน โดยระบบฯ จะให้สิทธิ์ผู้ใช้สามารถประเมินในอุตสาหกรรมผลิตได้หลายสายการผลิต ทั้งนี้เพื่อรองรับโรงงานที่มีการเพิ่มหรือปรับสายการผลิต ได้ตามต้องการ (1 User สามารถทำได้หลายสายการผลิต)

ในสายการผลิตหนึ่งสายงานจะประกอบด้วยการประเมินทั้งหมด 5 ส่วนหลัก หากผู้ประเมินไม่ทราบข้อมูลในส่วนนั้นสามารถข้ามไปทำส่วนอื่นก่อนได้ และเมื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมผู้ประเมินสามารถย้อนกลับมาทำขั้นตอนนั้นต่อได้ สำหรับการประเมินทั้ง 5 ส่วนหลัก มีดังนี้

Section 1. ระบบสายการผลิต (Production) เกี่ยวกับกระบวนการผลิต ประกอบไปด้วย 3 ส่วนย่อย คือ 1. Production Automation 2. Production Network และ 3. Smart Production ซึ่งผู้ที่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ควรเป็น ผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการฝ่ายผลิต หรือวิศวกรการผลิต เป็นต้น

Section 2. ระบบสาธารณูปโภค (Facility) ประกอบไปด้วย 3 ส่วนย่อย คือ 1. Facility Automation 2. Facility Network และ 3. Smart Facility ซึ่งผู้ที่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ควรเป็น ผู้จัดการฝ่ายโรงงาน ผู้จัดการฝ่ายอาคาร ผู้จัดการฝ่ายบำรุงรักษา หรือผู้จัดการฝ่ายดูแลระบบ เป็นต้น

Section 3. ระบบบริหารจัดการทรัพยากร (ERP) หรือระบบงานธุรการ ประกอบด้วย 5 ส่วนย่อย คือ 1. Enterprise Automation 2. Enterprise Network 3. Smart Enterprise 4. Internal Integration และ 5. External Integration ซึ่งผู้ที่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ควรเป็น ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ หรือผู้จัดการผลิต เป็นต้น

Section 4. ระบบวิเคราะห์ตลาด Marketing และบริหารวงจรผลิตภัณฑ์ Product Life Cycle ซึ่งผู้ที่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ควรเป็น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด นักการตลาด หรือผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

Section 5. การจัดการองค์กร แผนดำเนินการ กลยุทธ์องค์กร และการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งผู้ที่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ควรเป็น ผู้บริหารองค์กร ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หรือฝ่ายบุคคล เป็นต้น

“จากประสบการการณ์ การให้ผู้ประเมินเข้าโรงงานเพื่อประเมินสายการผลิตนั้น หากทุกฝ่ายในโรงงานร่วมแรงร่วมใจกันในการให้ข้อมูล การประเมินสามารถทำได้เร็วสุดจะใช้เวลาเพียง 1 วัน โดยภาคเช้าจะเป็นการอธิบายทำความเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร และภาคบ่ายเป็นขั้นลงมือทำ กรณีนี้ใช้กับโรงงานที่ซับซ้อนน้อย มีระบบที่ชัดเจน หากเป็นเป็นโรงงานที่มีความซับซ้อน และระบบไม่ค่อยชัดเจนอาจต้องมากกว่า 1 วัน” คุณนันทพัชร กล่าวเสริม

ทำไมต้องประเมิน Online & Interactive Self-Assessment ?

คุณนันทพัชร กล่าวว่าการประเมินเพื่อให้โรงงานรู้ตัวว่าควรปรับปรุงอะไร ค้นหาศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาดได้มากขึ้น

  1. ต้องรู้ว่าเราอยู่ ณ จุดไหนของตลาด
  2. ต้องรู้ว่าอะไร ที่ลงทุนในตลาดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ เช่น บางระบบที่โรงงานมีแต่ไม่นำมาใช้งาน

ซึ่งเมื่อหาเจอจะทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงได้ หรือถ้าสิ่งนี้จะทำให้ภาพรวมของโรงงานดีขึ้นจริงๆ อาจต้องมาคิดต่อในขั้นต่อไปว่าจะมีวิธีปรับปรุงอย่างไรทั้งในแง่บุคคลากร และระบบอย่างไรให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ เป็นแก่นสำคัญที่ i4.0 Index สามารถเข้ามาช่วยได้ สำหรับการประเมินระบบฯ ผู้ประเมินควรกรอกข้อมูลด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา อย่ากรอกข้อมูลเพื่อเอาใจผู้บริหารองค์กรแต่เท่านั้น

สิ่งที่ได้รับจากการประเมิน Online & Interactive Self-Assessment

คุณเอกราช กล่าว่าเมื่อประเมินครบทั้ง 5 ส่วนหลัก ในหน้าสุดท้ายผู้ประเมินจะได้เห็นระดับอุตสาหกรรมของตนเอง และผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกับเราอยู่ในระดับใด รวมทั้งทำให้ทราบว่าเราควรจะพัฒนาต่อในด้านใดเปรียบเสมือนเข็มทิศชี้นำทาง ผลจากข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นการตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มผลผลิต อีกทั้งยังสามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ต่อไป

ขณะที่คุณนันทพัชร กล่าวว่า โรงงานรู้จุดอ่อนของตนเองต้องพัฒนาและปรับปรุงอะไร สามารถประหยัดเงินได้จากส่วนไหนบ้าง เท่าที่ประเมินมาโรงงานส่วนใหญ่ส่วนแรกที่มักจะแก้ปัญหาคือ Sale & Marketing หากไม่มีการจัดการข้อมูลลูกค้าที่ดีแล้วการเติบโตของธุรกิจมักจะไม่ค่อยได้ผล นำไปสู่การหาแนวทางการจัดการที่ดีต่อไป…

]]>
เนคเทค สวทช. จับมือ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตรเอกชน ร่วมยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยแพลตฟอร์มสารสนเทศขั้นสูง พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/ace2021-opening.html Mon, 13 Dec 2021 06:13:53 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=23734

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ(มทร.กรุงเทพ) และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน จัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC–ACE 2021) ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” มุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เป้าหมายเพื่อแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาและประยุกต์ใช้งานได้จริงในสายการผลิต พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ในฐานะประธานเปิดงานกล่าวว่า อุตสาหกรรมคือแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อภาคเศรษกิจของไทย แต่ในช่วงที่ผ่านกลับเติบโตช้าลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถด้านแข่งขันและความเข้มข้นของการใช้เทคโนโลยีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ประกอบกับสถานการณ์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน นอกเหนือจากการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจแล้ว ยังต้องมีการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อการแข่งขันภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย บวกกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับสายการผลิตเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ในปัจจุบันได้เข้ามาช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ตามแนวทางการพัฒนาประเทศ Thailand 4.0 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ถึง 10-40 % และสร้างรายได้ 10-20 % แต่ผู้ประกอบการยังขาดความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ อุตสาหกรรม 4.0

จากเหตุผลดังกล่าวจึงได้กำหนดแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SME ให้สามารถยกระดับองค์กรให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ พร้อมรองรับการเข้าสู่ยุคความปกติใหม่หลัง COVID-19 ขึ้น อย่างเป็นระบบ โดยใช้แนวทางบันได 3 ขั้น คือ 1.การประเมินความพร้อมในปัจจุบัน และการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องดำเนินการตามทิศทางของธุรกิจ (Initiation) 2.การจัดทำแผนดำเนินการและการจัดหาเทคโนโลยีโซลูชั่น (Solutioning) 3.การติดตั้งเทคโนโลยีโซลูชั่นและการประยุกต์ใช้งานในโรงงาน (Implementation & Operation)

 
เมื่อภาคอุตสาหกรรมของไทยสามารถประเมินความพร้อมได้ จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจำนวนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณากำหนดนโยบายหรือมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ในการยกระดับความพร้อมของสถานประกอบการให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการพัฒนากำลังคนอุตสาหกรรม และการพัฒนา Technology Solution Provider/System Integrator (SI) ให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการ ในการยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ต่ำลง และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับอุปสงค์ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า การจัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการของเนคเทคประจำปี 2564 หรือ NECTEC Annual Conference and Exhibitions 2021 (NECTEC – ACE 2021) ถือเป็นกิจกรรมสำคัญในการส่งมอบผลงานให้กับประเทศไทย เป็นเวทีนำเสนอผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย การสนับสนุนภารกิจสำคัญของประเทศและเครือข่ายพันธมิตร โดยในปีนี้มีกลุ่มเป้าหมายและพันธมิตรที่สำคัญ คือ ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และหน่วยงานพันธมิตรเอกชน ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยีเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ซึ่งปีนี้ เนคเทค สวทช. ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรสำคัญได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และผู้สนับสนุนการจัดงานจากภาคเอกชน 8 องค์กร ภาครัฐ 1 องค์กร ร่วมกันจัดงานในรูปแบบออนไลน์ มีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 13-16 ธันวาคม 2564 และมีพิธีเปิดงาน ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ฐานรากเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาไทยก้าวหน้า” โดยมุ่งเน้นด้าน “Digital Transformation for Sustainable Manufacturing and Services” เพื่อแสดงถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมในยุคดิจิทัลที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมการผลิตและบริการที่ยั่งยืน ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0 เป็นสำคัญ 

รวมทั้งภายในงานจะมีการนำเสนอองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของเนคเทค และผลงานที่ร่วมกับพันธมิตร มานำเสนอในรูปแบบการสัมมนาวิชาการ และการจัดนิทรรศการแบบOnline โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอผล งานและบริการที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีจากภาครัฐและเอกชนในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาค อุตสาหกรรม และนำเสนอความก้าวหน้าทางวิชาการทางด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิสก์ และสารสนเทศขั้นสูง โดยในปีนี้จะมีการจัดงานในรูปแบบ Online มีระยะเวลาจัดงาน 4 วัน , มี 4 Keynote , 17 หัวข้อสัมมนา, 50 บูธนิทรรศการ, 10 ห้องเจรจาธุรกิจ ที่สำคัญ คือ Virtual Exhibition ทั้ง 50 บูธ ยังเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปรับชมและศึกษาข้อมูลได้ตลอด 3 เดือนภายหลังวันจัดงาน

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 35 ปี ในการก่อตั้งเนคเทค สวทช. ได้สะสมองค์ความรู้และผลงานวิจัยในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์สำคัญ โดยมุ่งเน้นสร้างฐานรากเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ ที่ผ่านมาได้ส่งมอบผลงานในหลายด้าน อาทิ AIFORTHAI, KidBright, NETPIE2020, HandySense Smart Farming Open Innovation, Open-D และในวันนี้สิ่งหนึ่งที่เนคเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ประกอบกับมีโจทย์สำคัญของประเทศในการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปี 2564 เนคเทค สวทช. จึงส่งมอบ Smart Factory Platform ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภายใต้แผนพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi จึงมีโอกาสขยายต่อยอดเพื่อประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมทุกระดับต่อไป พร้อมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่ Industry 4.0”

ภาคอุตสาหกรรมจะได้เตรียมความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมอุตสาหกรรม 4.0 คือ การรู้จักตัวเองด้วยดัชนีชี้วัดความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 (Thailand I4.0 Index) ช่วยในการสนับสนุนตามมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นกระบวนการการประเมินศักยภาพความพร้อมของผู้ประกอบการ โรงงาน เเละบริษัท โดยทำการลำดับการปรับปรุงโรงงานในด้านต่าง ๆ เมื่อภาคอุตสาหกรรมมีความเข้าใจก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ในราคาที่จับต้องได้ ด้วยแพลตฟอร์ม IDA หรือ Industrial IoT and Data Analytics Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไอโอที(IoT) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิตและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและอนุรักษ์พลังงานให้ดีที่สุด”

นอกจากนี้ เนคเทค สวทช. ร่วมกับ ส.ท.อ. พร้อมพันธมิตร ร่วมเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ณ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อตอบโจทย์การผลิตยุคใหม่ พัฒนาไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 มุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ผู้พัฒนาระบบ นวัตกร นักวิจัยตลอดจนนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่างๆ

SMC ช่วยปลดล็อกปัญหาในการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยบริการทั้ง 5 ด้าน 

1) การประเมินความพร้อมของโรงงาน ว่ามีประเด็นใด ที่ต้องพัฒนาไปสู่ industry 4.0 ด้วย Thailand I4.0 Index 

2) การพัฒนากําลังคนร่วมกับพันธมิตรเพิ่มทักษะรองรับการเปลี่ยนแปลง 

3) การเลือกใช้เทคโนโลยีและการให้คําปรึกษาเรื่องแหล่งเงินทุนรวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับอุตสาหกรรมการผลิตแบบ One Stop Shop 

4) ให้บริการแพลตฟอร์มพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์โรงงานขนาดเล็กและกลางที่มีเงินลงทุนจำกัด 

5) ให้บริการเครื่องมือทดสอบ (Testbed) เบื้องต้นสามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์การเรียนรู้ SMC Learning Center เพื่อเรียนรู้และรับบริการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สามารถรับคำแนะนำจากบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม 4.0 ในด้านต่างๆ กว่า 100 ท่าน

สนใจรับบริการ ติดต่อได้ที่

Email: smc-business@nectec.or.th
Website: www.nectec.or.th/smc
Facebook Page: facebook.com/smceeci
Facebook Group: SMC Community

]]>