research-unit – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Fri, 01 Aug 2025 08:40:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.2 https://www.nectec.or.th/wp-content/uploads/2022/06/cropped-favicon-nectec-32x32.png research-unit – NECTEC : National Electronics and Computer Technology Center https://www.nectec.or.th 32 32 ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/ssdrg-trt.html Tue, 06 May 2025 01:20:32 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18970 Read more]]>

ภาพรวมเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์

คลื่นเทระเฮิรตซ์ (Terahertz Waves) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างคลื่นไมโครเวฟ (Microwave) และอินฟราเรด (Infrared) มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 30 ไมโครเมตรถึง 3 มิลลิเมตร คลื่นเทระเฮิรตซ์กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการวิจัยเนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ กล่าวคือ คลื่นเทระเฮิรตซ์สามารถทะลุผ่านวัสดุที่ไม่ใช่โลหะได้หลายชนิด เช่น กระดาษ ผ้า ไม้ และพลาสติก คลื่นเทระเฮิรตซ์ไม่ทำให้โมเลกุลในร่างกายสิ่งมีชีวิตแตกตัวเป็นไอออน (Ionization) จึงปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้คลื่นเทระเฮิรตซ์สามารถตรวจจับสารชีวโมเลกุลที่สำคัญได้ เช่น กรดอะมิโน ยาปฏิชีวนะ และสารตั้งต้นของวัตถุระเบิด ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์จึงมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้งานในหลายด้าน เช่น การทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing; NDT) และการควบคุมคุณภาพ (Quality Control; QC) ในงานด้านเกษตรและอุตสาหกรรม การรักษาความปลอดภัย (Security) การสื่อสาร (Communication) และการแพทย์ (Medicine) 

เพื่อเป็นการสนับสนุนการวิจัยด้านเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ในประเทศไทย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (Terahertz Research Team; TRT) จึงก่อตั้งขึ้นโดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ขั้นแนวหน้า และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยทีมวิจัยได้มีความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ 

Terahertz

ย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ เมื่อเปรียบเทียบกับย่านความถี่อื่นๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : “เทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์” กับการประยุกต์ใช้งานในประเทศไทย

วิสัยทัศน์

เป็นทีมวิจัยที่พัฒนาเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ผ่านการวิจัยขั้นแนวหน้าและการพัฒนาเชิงประยุกต์ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในระดับประเทศและภูมิภาค 

พันธกิจ

  • วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ โดยมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อการเกษตร อุตสาหกรรม สังคม และความมั่นคงของประเทศ 
  • พัฒนาเทคโนโลยีและบริการต่าง ที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายในโลกจริง และสร้างประโยชน์ต่อการเกษตร อุตสาหกรรม สังคม และความมั่นคงของประเทศ 
  • ส่งเสริมความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อนำเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและเสริมสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศไทย 

เทคโนโลยีหลัก / โจทย์วิจัย

1. การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์ 

ทีมวิจัยของเรามุ่งเน้นการออกแบบ การผลิต และการทดสอบอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์ ซึ่งรวมถึงเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna; PCA) รวมถึงแผ่นขยายสัญญาณ Metasurface และเกรตติ้งตรวจวัดคลื่นผิวพลาสมอน (Surface Plasmon Resonance Grating; SPR Grating) นอกจากนี้ทีมวิจัยได้ใช้ซอฟต์แวร์จำลองเชิงพาณิชย์เพื่อให้ได้การออกแบบที่เหมาะสมที่สุด และทำการผลิตอุปกรณ์ขนาดเล็กเหล่านี้ในระดับไมครอน สามารถดำเนินการได้โดยใช้อุปกรณ์ภายในกลุ่มวิจัย เช่น Photomask Aligner, Reactive Ion Etcher, RF Magnetron Sputtering System เป็นต้น 

1.1 เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna, PCA) 
เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสง (Photoconductive Antenna, PCA) เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มีความสำคัญในอุปกรณ์วิเคราะห์สเปกตรัมสัญญาณเทระเฮิรตซ์ ดังแสดงในรูปที่ 2 เสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงสามารถเป็นได้ทั้งตัวส่งและตัวรับ และมีองค์ประกอบหลักเป็นสารกึ่งตัวนำและขั้วทำจากทอง เมื่อเสาอากาศถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในระยะเวลาสั้นๆ (10-12 วินาที) ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ โดยเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงถูกนำไปประยุกต์ใช้ในเครื่องวิเคราะห์สเปกตรัมสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบโดเมนเวลา (THz Time-Domain Spectroscopy; THz-TDS) ดังแสดงในรูปที่ 2 ที่ถูกนำมาใช้ในเทคนิคสเปกโทรสโกปีย่านเทระเฮิรตซ์ (ดูหัวข้อ 4.3.3) เพื่อตรวจวัดสเปกตรัมของสารหรือวัสดุที่สนใจ ซึ่งสเปกตรัมที่วัดได้จะมีรูปร่างแตกต่างกันตามชนิดและปริมาณของสารหรือวัสดุเหล่านั้น

องค์ประกอบและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์

ทีมวิจัยได้ทำการหารูปร่างและโครงสร้างของเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับยกระดับการผลิตเพื่อรองรับยอดการสั่งผลิตในระดับพาณิชย์ (Mass Production) ด้วยการเสนอเทคนิคการผลิตเสาอากาศ TeraAnt Chips ซึ่งเป็นเสาอากาศแบบตัวนำเชิงแสงที่ผลิตโดยใช้กระบวนการ Electron-Beam Irradiation ที่มีจุดเด่นในเรื่องของต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก แต่ยังให้ระดับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ในระดับที่เทียบเท่ากับเทคนิคในปัจจุบันที่อาศัยการพัฒนาแบบการปลูกแกลเลียมอาร์เซไนด์ที่อุณหภูมิต่ำ (Low-Temperature Grown Gallium Arsenide; LT-GaAs)

1.2 อุปกรณ์ขยายสัญญาณสำหรับเทคนิคสเปกโทรสโกปี
เพื่อเพิ่มความไวและความจำเพาะของการตรวจวัด อาจมีการประยุกต์ใช้แผ่นเมตาเซอร์เฟส (Metasurface) ร่วมกับเทคนิค THz-TDS ดังแสดงในรูปที่ 2 โดยใช้โครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เช่น วงแหวนแยก (Split Ring Resonator; SRR) เกรตติ้งตรวจวัดคลื่นผิวพลาสมอน (Surface Plasmon Resonance Grating; SPR Grating) โครงสร้างเหล่านี้ถูกออกแบบให้มีความถี่เรโซแนนซ์ (Resonance Frequency) เฉพาะในย่านเทระเฮิรตซ์ ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของความถี่เรโซแนนซ์หรือแอมพลิจูดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมรอบโครงสร้าง

การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสัมพันธ์กับคุณสมบัติของตัวอย่าง เช่น ชนิดของโมเลกุล หรือความเข้มข้นของสาร โดยเฉพาะในสารชีวโมเลกุลบางชนิด เช่น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharides) โปรตีน DNA ดังนั้น โครงสร้างเมตาเซอร์เฟสดังกล่าวจึงสามารถประยุกต์ใช้เป็น เซนเซอร์ชีวภาพ (Biosensor) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือในอีกกรณีหนึ่ง ยังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสารที่ผิว โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหักเห (Refractive Index) ของสารที่สัมผัสกับพื้นผิวของเมตาเซอร์เฟส

1.3 แผ่นขยายสัญญาณสำหรับเทคโนโลยีโทรคมนาคม
แผ่นขยายสัญญาณนี้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นจากองค์ความรู้ Metasurfaces โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะทำหน้าที่คล้ายกับอุปกรณ์ทวนสัญญาณ เพื่อเพิ่มกำลังและรวมสัญญาณให้ตกกระทบไปยังพื้นที่ที่ต้องการใช้งานหรือในบริเวณอับสัญญาณได้ ดังแสดงในรูปที่ 3 ขณะนี้แผ่นขยายสัญญาณที่พัฒนาขึ้นสามารถรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G โดยอุปกรณ์ดังกล่าวถูกทดสอบภายใต้ความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และผลการทดสอบพบว่า สามารถขยายสัญญาณให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้ถึง 32 เท่าที่ความถี่ 26 GHz แนวคิดในการพัฒนาแผ่นขยายสัญญาณดังกล่าวสามารถต่อยอดเพื่อรองรับการสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งาน หรือการสื่อสาร 6G ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ นอกจากนี้แผ่นขยายสัญญาณที่พัฒนาขึ้นมีต้นทุนการผลิตและการติดตั้งที่ต่ำกว่าอุปกรณ์ทวนสัญญาณที่มีอยู่ในท้องตลาด มีน้ำหนักเบา และสามารถทำงานได้โดยไม่อาศัยพลังงานไฟฟ้า

การพัฒนาและการประยุกต์ใช้แผ่นขยายสัญญาณสำหรับเทคโนโลยีโทรคมนาคม

2. การพัฒนาอุปกรณ์ส่งและรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์

2.1 รับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว (Terahertz Array Detector)

Microbolometer-based Metamaterials THz Detector

(ซ้าย) โครงสร้าง และ (ขวา) ภาพถ่ายของตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว

“ตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถว” ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์จากแหล่งกำเนิดสัญญาณชนิดต่างๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีการดูดซับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ในชั้นอภิวัสดุ (Metamaterial) และการเปลี่ยนความร้อนที่ดูดซับเป็นสัญญาณไฟฟ้าผ่านเทคโนโลยี CMOS Microbolometer สำหรับตัวดูดซับสัญญาณที่พัฒนาขึ้นนั้น มีช่วงการตอบสนองต่อความถี่ที่ 0.5–2.0 THz และมีจำนวนทั้งหมด 10 × 10 พิกเซล การผลิตตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบแถวนี้ สามารถใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีของศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (Thai Microelectronics Center; TMEC) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในประเทศไทย และตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ที่ผลิตขึ้นมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพเทระเฮิรตซ์ (THz Imaging) เพื่อใช้ในการทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing; NDT) และการควบคุมคุณภาพ (Quality Control; QC)  (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อ 3.1 – 3.2)

2.2 ระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR)
ระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR) ดังแสดงในรูป ประกอบด้วยปืนอิเล็กตรอนกระแสตรง (DC Electron Gun) ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถสร้างลำอิเล็กตรอนพลังงาน 35 keV แบบต่อเนื่อง โดยลำอิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่ผ่านเกรตติงซิลิคอนเคลือบโลหะเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแผ่รังสีเทระเฮิรตซ์

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : Terahertz Device : Smith-Purcell Radiation

Smith-Purcell THz FEL

(ซ้าย) องค์ประกอบ และ (ขวา) ภาพถ่ายของระบบกำเนิดสัญญาณเทระเฮิรตซ์
แบบ Smith-Purcell Radiation (SPR)

3. การพัฒนาเทคนิคการสร้างภาพและสเปกโทรสโกปีในคลื่นย่านเทระเฮิรตซ์

3.1 ระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง
ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง เพื่อจำลองการตรวจวัดในสายการผลิต ดังแสดงในรูป

ภาพรวมและความสามารถของระบบตรวจสอบคุณภาพแบบสายพานลำเลียง

โดยระบบดังกล่าวจะมีสายพานที่ลำเลียงวัสดุให้ผ่านไปในบริเวณระหว่างตัวส่งและตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ เมื่อวัสดุถูกลำเลียงผ่านไปในบริเวณนั้น จะเกิดการบดบังสัญญาณที่แตกต่างกันตามคุณสมบัติของวัตถุ เช่น ชนิด ความหนา และความชื้นของวัสดุ ทำให้ค่าความเข้มสัญญาณเทระเฮิรตซ์ที่ตรวจวัดได้แตกต่างกันในแต่ละบริเวณของวัสดุ และเกิดเป็นภาพเทระเฮิรตซ์ขึ้นมา เนื่องจากสัญญาณเทระเฮิรตซ์สามารถทะลุผ่านวัสดุได้หลายชนิด และตอบสนองต่อความชื้น ระบบดังกล่าวจึงสามารถนำไปใช้ในการสร้างภาพของวัสดุซุกซ่อนภายใน หรือภาพการกระจายความชื้นภายในวัสดุ ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวรองรับการแสดงผลภาพสีจากกล้องถ่ายภาพ ทำให้สามารถแสดงผลได้ทั้งภาพภายนอกและภายในวัสดุ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Terahertz Imaging : สร้างภาพด้วยสัญญาณเทระเฮิรตซ์ ประยุกต์ใช้กับระบบสายพานลำเลียง

3.2 ระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ
ระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ  พัฒนาขึ้นจากหลักการสะท้อนของคลื่นเทระเฮิรตซ์ โดยคลื่นเทระเฮิรตซ์ที่สร้างจากตัวกำเนิดสัญญาณ จะสามารถทะลุผ่านสิ่งปกคลุมที่มีส่วนประกอบเป็นผ้า กระดาษ หรือพลาสติก และเข้าไปตกกระทบบนวัตถุที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใน หากวัตถุดังกล่าวมีส่วนประกอบของโลหะหรือเซรามิค ซึ่งมักจะพบในของมีคมหรือวัตถุอันตราย คลื่นเทระเฮิรตซ์ก็จะถูกสะท้อนออกมาจากวัตถุ เหล่านั้นออกมายังตัวรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์

ภาพรวมและความสามารถของระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ

ทีมวิจัยได้นำหลักการนี้มาพัฒนาเป็นระบบตรวจจับวัตถุซุกซ่อนภายในแบบ 3 มิติ ที่ประกอบด้วยตัวส่งและรับสัญญาณเทระเฮิรตซ์ กล้องถ่ายภาพ 3 มิติ และแท่นหมุนวัตถุเพื่อเก็บข้อมูลวัตถุโดยรอบ รวมทั้งทีมวิจัยได้พัฒนาซอฟต์แวร์ประมวลผลเพื่อนำข้อมูลสัญญาณสะท้อนจากวัตถุซุกซ่อนไปแสดงผลในตำแหน่งที่ถูกต้องบนภาพ 3 มิติของวัตถุได้ จากผลการทดสอบพบว่า ระบบสามารถตรวจจับวัตถุซุกซ่อนได้ดีบนวัตถุที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก แต่ไม่สามารถแสดงผลตำแหน่งของวัตถุซุกซ่อนได้ถูกต้องหากวัตถุมีรูปร่างแบบอื่นที่แตกต่างจากทรงกระบอกมากเกินไป ซึ่งในปัจจุบันทีมวิจัยอยู่ในระหว่างการพัฒนาอัลกอริทึมที่แก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว

3.3 แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปี

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจของคลื่นเทระเฮิรตซ์ คือ ความสามารถในการตรวจวัดสารชีวโมเลกุลได้ โดยสารชีวโมเลกุลที่มีชนิดหรือปริมาณต่างกัน จะให้รูปแบบของสัญญาณสเปกตรัมในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ที่ต่างกัน ทีมวิจัยมีอุปกรณ์ที่สามารถเก็บสัญญาณสเปกตรัมได้ในย่านความถี่เทระเฮิรตซ์ ทั้งในแบบโดเมนเวลาและโดเมนความถี่ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีความสามารถในวัดสเปกตรัมของสารชีวโมเลกุลพื้นฐานได้หลายชนิด โดยเฉพาะสารพื้นฐานที่พบในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเครื่องสำอาง รวมทั้งทีมวิจัยยังได้มีการประยุกต์ใช้เทคนิคปัญญาประดิษฐ์ เพื่อทำนายชนิดและปริมาณของสารชีวโมเลกุลจากสัญญาณสเปกตรัมที่มีความซับซ้อนได้ ดังภาพแสดงภาพรวมของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปีที่ทีมวิจัยดำเนินการอยู่

ภาพรวมของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสเปกโทรสโกปี และการใช้ประโยชน์

นอกจากนี้ ทีมวิจัยได้พัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลสเปกตรัม ที่เก็บรวบรวมข้อมูลสเปกตรัมที่วัดได้จากสารชีวโมเลกุลพื้นฐาน เพื่อนำไปใช้ในการอ้างอิง วิเคราะห์ หรือสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ในอนาคตทีมวิจัยมีแผนที่จะเปิดใช้งานระบบดังกล่าวให้กับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการแบ่งปันและการนำข้อมูลไปใช้งาน

4. เทคโนโลยีอื่นๆ

4.1 เทคโนโลยีไลดาร์สำหรับการสร้างแผน 3 (LiDAR 3D Mapping)
เทคโนโลยี LiDAR อาศัยการใช้แสงเลเซอร์ในย่านอินฟราเรด ในการวัดระยะทาง ณ จุดต่างๆ บนพื้นผิวของวัตถุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หากมีการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวร่วมกับอุปกรณ์ระบุตำแหน่ง เช่น GPS (Global Positioning System), UWB (Ultra-Wide Band), หรือ IMU (Inertial Measurement Unit) จะช่วยให้สามารถสร้างภาพหรือแผนที่ 3 มิติที่มีขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากแสงเลเซอร์ที่ใช้ใน LiDAR มีความยาวคลื่นสั้นและความถี่ไม่อยู่ในย่านคลื่นที่ตามองเห็นได้ เทคโนโลยี LiDAR จึงมีจุดเด่นในแง่ของความละเอียดในการวัดระยะทางอยู่ในระดับเซ็นติเมตร และสามารถในการใช้งานได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน

ระบบสร้างภาพแผนที่ 3 มิติทั้งนอกอาคารและในอาคาร

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้มีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในการสร้างแผนที่ทางนอกและในอาคาร ดังแสดงใน และมีการศึกษาการนำเทคโนโลยี LiDAR ในรูปแบบต่างๆ มาทำการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการสร้างภาพ 3 มิติ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการวางแผนพัฒนาระบบสร้างภาพ 3 มิติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีขนาดเล็กลง สามารถพกพาได้ และเหมาะสมกับพื้นที่ทั้งในอาคารและนอกอาคารของสถานที่ทำการสำรวจ

เครื่องมือวิจัย

1. Microfabrication

  • Photomask Aligner
  • Reactive Ion Etcher
  • RF Magnetron Sputtering System

2. Simulation Tools

  • High-Performance Computer
  • COMSOL Multiphysics
  •  CST Studio Suite (not sure if we should include this)

3.   Terahertz Sources

  • 0.1 THz IMPATT Diode Source
  •  1.6-4.1 THz Quantum Cascade Laser (QCL)

4. Terahertz Detectors

  • FET-Based 16 x 16 Pixel THz Array Camera (pixel size = 2 mm)
  • FPA Microbolometer-Based 640 x 480 Pixel THz Array Camera (pixel size = 17 um)
  • THz Power Meter and Pyroelectric Detector

5. Terahertz Spectroscopy Systems

  • THz Time-Domain Spectroscopy Systems (THz-TDS)
  • Fourier Transform Infrared Spectroscopy (FTIR)

6.   3D Mapping Systems

  • Velodyne High-Resolution LiDAR Sensors
  • FLIR Blackfly S High-Resolution RGB Cameras
  • Intel RealSense L515 Portable LiDAR Systems

ติดต่อ

ทีมวิจัยเทคโนโลยีเทระเฮิรตซ์ (TRT)
กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : ssdrg-trt@nectec.or.th

]]>
ทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (SEC) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/cnwrg-sec.html Wed, 12 Mar 2025 08:00:10 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18541 Read more]]>

ทีมวิจัยนี้มุ่งเน้นงานวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศแบบบูรณาการ (Interdisciplinary) โดยผสานองค์ความรู้ของเทคโนโลยีจากหลากหลายสาขา เช่น Artificial Intelligence, Network, Cybersecurity และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับความต้องการของภาครัฐ ประชาชน และภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลและระบบต่าง ๆ ในโลกดิจิทัล เพื่อป้องกันภัยคุกคาม (Threat) จากการโจมตี (Attack) และการหลอกลวง (Scam) ตลอดจนสนับสนุนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) และข้อมูล (Information Security) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์และป้องกันการถูกจลกรรมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิผล

วิสัยทัศน์

เป็นทีมวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศที่ได้รับการยอมรับในประเทศไทย โดยมุ่งสร้างระบบดิจิทัลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับประเทศ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากการหลอกลวงในโลกไซเบอร์

พันธกิจ

  • วิจัยพัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรมเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างบูรณาการในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในระบบดิจิทัลและสนับสนุนความมั่นคงไซเบอร์ในระดับชาติ
  • พัฒนาความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
  • สร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับภาครัฐ, เอกชน, และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาระบบที่ปลอดภัยและยั่งยืน

เทคโนโลยีหลัก

  • Biometric Security
  • Network Security
  • Network Function Virtualization (NFV)
  • SOC analyst
  • Privacy Enhanching Technologies
  • OT/IT security
  • Web Application Security
  • Security Policy and Regulation

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  • เอกฉันท์ รัตนเลิศนุสรณ์ : Network Security, IoT Security, Web Security, Biometric Security, Security Policy and Standard
  • ดร.กลิกา สุขสมบูรณ์: IoT security, Privacy Enhanching Techmologies, OT/IT security, SOC analyst, AI/ML, Photographer.
  • ดร.มลธิดา ภัทรนันทกุล : Network Function Virtualization (NFV), Software Defined Networking (SDN), Network Security, Policy-based Network Management, Applied Cryptography
  • ศศกร พิเชฐจำเริญ : AI-based Video/Image Processing, Biometric Technologies and Security, AIoT, Mobile Application, System Architecture
  • อภิวัฒน์ จันทวิบูลย์ : Digital Signature, Secure Software Development, Machine Learning, GIS, Program Semantics, Category Theory
  • ติณณ์ธิษณ์ ใจกล้า : IoT/OT Security, Network Security, Web Application Security, Cloud computing
  • ชญานิน ทองผาสุก: OT/IT security, Biometric Security
  • พิทักษ์ แท่นแก้ว: Network Security, Embedded & IoT Security, LPWAN & LoRaWAN Security, Cryptography, Didtributed & Parallel Computing, HPC
  • ปารย์ ศิริมนพร: Graphic Design
  • ขจรศักดิ์ ปิยังกร : Network Security, Distributed System, HPC (ลาศึกษาต่อ)
  • ศิริบูรณ์ ชัยสวัสดิ์ : Blockchain, Distributed System (ลาศึกษาต่อ)

ติดต่อ

ทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (SEC)
กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : cnwru-sec[at]nectec.or.th
โทร. : (+66)2-564-6900

]]>
ทีมวิจัยระบบสร้างภาพทางการแพทย์ (MIS) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/mis.html Tue, 04 Mar 2025 08:39:13 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39353 Read more]]>

ทีมวิจัยระบบสร้างภาพทางการแพทย์ (Medical Imaging System: MIS) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเครื่องมือสร้างภาพทางการแพทย์ โดยเริ่มการวิจัยพัฒนา Cone-Beam CT ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ต่อมาในปี 2011 ทีมวิจัยสามารถพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบรังสีทรงกรวย (Cone-Beam CT) สำหรับงานทันตกรรม หรือเดนตีสแกน รุ่น 1.1 สำเร็จเป็นเครื่องแรกของไทย จากนั้น ทีมวิจัยร่วมกับศูนย์ฯ อื่น ภายใต้ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร มุ่งมั่นวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่อง CT & DR เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนไทย และส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่องดังนี้

  • ในปี ค.ศ. 2007 – ปัจจุบัน วิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ สำหรับงานทันตกรรม “DentiiScan (เดนตีสแกน)” ได้แก่ DentiiScan 1.1, DentiiScan 2.0, DentiiScan Duo และ DentiiScan Trio
  • ในปี ค.ศ. 2011 – ปัจจุบัน วิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบเคลื่อนย้ายได้ “MobiiScan”
  • ในปี ค.ศ. 2012 – ปัจจุบัน วิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล “BodiiRay (บอดีเรย์) ” ได้แก่ BodiiRay, BodiiRay S, BodiiRay R, BodiiRay P, และ BodiiRay PX
  • ในปี ค.ศ. 2014 – ปัจจุบัน ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิจัย และพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติความละเอียดสูง เพื่อตรวจขอบเขตทางรังสีของชิ้นเนื้อเต้านมในห้องผ่าตัด “MiniiScan (มินีสแกน)”

เครื่อง CT & DR ข้างต้นนั้น ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางรังสี โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข และผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) อีกทั้งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 13485 จาก TÜV SÜD และขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

วิสัยทัศน์

มุ่งวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบสร้างภาพทางการแพทย์ เพื่อนำไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ชั้นสูงในประเทศไทยและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้

พันธกิจ

  • ออกแบบ วิจัย และพัฒนาอุปกรณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบเอกซเรย์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และการสร้างภาพทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเอง ให้สามารถใช้งานได้จริงและเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

เทคโนโลยีหลัก

ทีมวิจัย มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการวิจัยพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล โดยมีเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ดังนี้

  • X-Ray and cone-beam technology
  • Medical imaging and image processing
  • Simulation and modeling for medical imaging systems
  • Medical image software development
  • Artificial Intelligence (AI)
  • Medical Machine design
  • Medical device safety, ISO 13485

ผลงานเด่น/ผลงานที่ให้บริการ

1)     เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติสำหรับงานทันตกรรม (DentiiScan): DentiiScan 2.0, DentiiScan Duo และ DentiiScan Trio สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาสำหรับงานทันตกรรมรากฟันเทียม การผ่าฟันคุด การผ่าตัดบริเวณช่องปากและขากรรไกร ทันตกรรมรักษารากฟัน และทันตกรรมจัดฟัน

2)     เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลสองมิติ (Digital Radiography): BodiiRay S (เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลสำหรับถ่ายทรวงอก), BodiiRay R (ชุดแปลงเอกซเรย์เป็นดิจิทัล), BodiiRay P (เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบเคลื่อนที่ได้ขนาดเล็ก) และ BodiiRay PX (เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบเคลื่อนที่ได้ขนาดเล็กชนิดมีแบตเตอรี่) ช่วยในการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ทรวงอก, ช่องท้อง, กระดูกต่าง ๆ เป็นต้น ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย สามารถแสดงผลภาพเอกซเรย์ได้ทันที ซอฟต์แวร์ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และมีกระบวนการปรับปรุงคุณภาพที่เหมาะสมกับอวัยวะต่าง ๆ

3) เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบเคลื่อนย้ายได้ (MobiiScan) สามารถนำมาใช้ในการวินิจฉัย วางแผนการรักษา และผ่าตัดเด็กที่มีความผิดปกติบริเวณใบหน้า กะโหลกศีรษะ และขากรรไกรในเด็กแต่กำเนิด หรือผู้ป่วยอุบัติเหตุบริเวณศีรษะ มือ และเท้า รวมทั้งผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ช่วยให้วินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วและให้การรักษาเบื้องตันได้อย่างเหมาะสม

4) เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับตรวจชิ้นเนื้อในงานผ่าตัดมะเร็งเต้านม (MiniiScan) ช่วยในการประเมินขอบเขตก้อนเนื้องอกที่ผ่าจากผู้ป่วยมะเร็งเต้านมด้วยวิธีผ่าแบบสงวนเต้า (breast conservative surgery) เพื่อยืนยันว่าได้ตัดก้อนเนื้องอกออกจากตัวผู้ป่วยครบทั้งหมด สามารถประจำที่ห้องผ่าตัดหรือเคลื่อนย้ายตามการใช้งาน

5) ซอฟต์แวร์ช่วยวางแผนการผ่าตัดรากฟันเทียม (เดนตีแพลน หรือ DentiPlan) สามารถจำลองการใส่รากฟันเทียมสร้างแบบจำลองฟันร่วมกับกราฟิกไฟล์ (STL) ที่ได้จากการสแกนผิวฟัน (Intraoral Scan) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการวางแผนการผ่าตัดรากฟันเทียมได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทันตแพทย์

6)     ระบบแสดงผลภาพสามมิติผ่านคลาวด์ (เรดีวิว หรือ Radiiview) คลาวด์แอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบและพัฒนาเพื่อใช้สำหรับแสดงภาพสามมิติในมุมมองต่างๆ และจัดเก็บภาพไดคอม (DICOM) จากเครื่องเดนตีสแกน รุ่น 2.0 เครื่องเดนตีสแกน รุ่นดูโอ เครื่องเดนตีสแกน รุ่นทรีโอ และเครื่องโมบีสแกน เข้าสู่ระบบคลาวด์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลและดูภาพในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชันผ่านทางเว็บบราวเซอร์บนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ คอมพิวเตอร์ ได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้ปรึกษาทางไกลระหว่างทันตแพทย์/แพทย์

Award

  1. รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2562 ประเภทกลุ่มบุคคล จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
  2. Best Paper Award, ECTI-CON conference, 2558
  3. รางวัลชนะเลิศ จากงาน ICT Award ประจำปี พ.ศ. 2554 จากผลงานซอฟต์แวร์ช่วยวางแผนการผ่าตัดรากฟันเทียม (เดนตีแพลน)
  4. รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี พ.ศ. 2552 รางวัลระดับชมเชย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จากผลงานซอฟต์แวร์ช่วยวางแผนการผ่าตัดรากฟันเทียม
    (เดนตีแพลน)
  5. ดร.เสาวภาคย์ (โสตถิวิรัช) ธงวิจิตรมณี ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2551 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  1. ดร.เสาวภาคย์  ธงวิจิตรมณี (หัวหน้าทีมวิจัย, นักวิจัยอาวุโส) : X-Ray technology, Cone-beam CT, image reconstruction, image processing, medical imaging, ISO 13485
  2. ดร.วลิตะ  นาคบัวแก้ว (นักวิจัย) : Cone-beam CT, image reconstruction, medical Image processing, computer graphics and visualization, software Development, expert rule-base system, ISO 13485, IEC62304
  3. ดร.สรพงศ์  อู่ตะเภา (นักวิจัย) : Cone-beam CT, image reconstruction, X-ray technology,  medical imaging, deep learning
  4. ดร.ณัฐวุฒิ  สินสืบผล (นักวิจัย) : Medical Image processing, digital radiography, medical imaging AI
  5. ดร.กิตติพงศ์  กสานติกุล (นักวิจัย) : Control system, cone-beam CT, image processing, machine learning, data analytics
  6. นายปริญญา  จันทร์หุณีย์ (วิศวกรอาวุโส) : Machine design, CAD/CAM/CAE software design and analysis, machine element, automachine, automation, fluid mechanics
  7. นายอัฐศักดิ์  เกียงเอีย (วิศวกรอาวุโส) : Cone-beam , x-ray CT system, biomechanics, mechatronics, control system, preventive and breakdown maintenance, ISO 13485
  8. นางสาวชาลินี  ธนทรัพย์สมบัติ (ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส) : Cone-beam CT, CT reconstruction, X-ray physics and simulation, X-ray detector
  9. นายก้องยศ  วังคะออม (วิศวกรอาวุโส) : Computer architecture, software analysis and design,
    web services, web applications
  10. นางสาวดวงกมล  บรรณสาร (วิศวกรอาวุโส) : Web development, data visualization, computer graphics, medical image processing, software engineering
  11. นางสาวเสาวนีย์  เอี่ยมศิริ (วิศวกร) : Software analysis and design, web services, 3D visualization, web applications, medical image processing
  12. นายสาธิต  ฤกษ์คง (วิศวกร) : Cone-beam , X-ray CT system, biomechanics, control system, electronics, preventive and breakdown maintenance
  13. นางสาวนภวรรณ  กังสัมฤทธิ์ (ผู้เชี่ยวชาญเทคนิค) : มาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ (ISO 13485)

ติดต่อ

ดร.เสาวภาคย์ ธงวิจิตรมณี
ทีมวิจัยระบบสร้างภาพทางการแพทย์ (MIS)
กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
อีเมล: saowapak.tho@nectec.or.th
โทร. : (+66) 2-564-6900 ext 2282
เว็บไซต์ 

]]>
ทีมวิจัยเทคโนโลยีระบบวัดและควบคุมระยะไกล (IST) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/acerg-ist.html Tue, 04 Mar 2025 01:35:07 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18936 Read more]]>

ทีมวิจัยเทคโนโลยีระบบวัดและควบคุมระยะไกล หรือ Intelligent SCADA Technology Research Team (IST) อยู่ภายใต้กลุ่มวิจัยการควบคุมและอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (ACERG) โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ปรับใช้ และลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน และมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบวัดและควบคุมระยะไกล สำหรับระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น การไฟฟ้า และการประปา ระบบควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (OCPP) ) ระบบการชาร์จข้ามเครือข่าย (OCPI) และระบบการจัดการพลังงาน (EMS) ซึ่งปัจจุบันระบบดังกล่าวใช้งานอยู่บนระบบของลูกค้า (Elex by EGAT) ซึ่งล้วนแต่เป็นการนำความรู้ และเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้ทั้งสิ้น การจัดตั้งทีมระบบวัดและควบคุมระยะไกล เพื่อศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านนี้อย่างจริงจังจะทำให้สามารถรับรู้ และก้าวตามทันเทคโนโลยี จนมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็นของตนเอง สามารถเป็นต้นแบบให้กับอุตสาหกรรมภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความฉลาดมากขึ้น

วิสัยทัศน์

มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาระบบวัดและควบคุมระยะไกลที่ใช้งานได้จริง และงานวิจัยที่เกี่ยวกับ EV Charger ที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

พันธกิจ

พัฒนาระบบวัดและควบคุมระยะไกลประสิทธิภาพสูงมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวกับ EV Charger เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจและการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถแบบบูรณาการ

เทคโนโลยีหลัก

  • เทคโนโลยีการแปลงค่าทางกล ให้เป็นค่าทางไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง หน่วยวัดและควบคุมระยะไกลภาคสนาม (RTU) สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมร้อนชื้น ประหยัดพลังงาน เชื่อถือได้ (High reliability)
  • เทคโนโลยีระบบสนับสนุนที่ใช้งานง่ายเช่น รองรับฐานข้อมูลที่หลากหลาย ระบบติดต่อกับผู้ใช้งานที่ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
  • เทคโนโลยีระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนสูงและระบบช่วยตัดสินใจ (Decision Support System)
  • เทคโนโลยีระบบเชื่อมโยงกับระบบเดิมหรือระบบอื่น ๆ ที่นำเข้าจากต่างประเทศผ่านทางโปรโตคอลมาตรฐาน

ผลงานเด่น / ผลงานที่เปิดให้บริการ

1. ระบบตรวจสุขภาพเขื่อน (Dam Safety Remote Monitoring System: DS-RMS)

ระบบตรวจสุขภาพเขื่อน หรือ DS-RMS (Dam Safety Remote Monitoring System) เป็นระบบที่ กฟผ. ร่วมกับ เนคเทค ทีมวิจัยเทคโนโลยีระบบวัดและควบคุมระยะไกล (IST) พัฒนาขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับเทคโนโลยีของเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน มาบูรณาการใช้ในการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคงปลอดภัยในเขื่อนใหญ่ ของ กฟผ. ดำเนินการระหว่างปี 2557-2559 ปัจจุบันงานทั้งหมดแล้วเสร็จ โดยนำระบบเข้าใช้ในการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเขื่อนของ กฟผ. จำนวน 14 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิรินธร เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนห้วยกุ่ม เขื่อนน้ำพุง เขื่อนปากมูล เขื่อนของโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เขื่อนรัชชประภา เขื่อนบางลาง

อีกทั้งในส่วนของการพัฒนาหน่วยตรวจวัดระยะไกลในโครงการ DS-RMS (DAM-RTU) นั้น ทีมวิจัยฯ ได้มีการพัฒนา DAM-RTU เพื่อใช้ในการอ่านค่าแรงดันน้ำตามสถานีวัดแรงดันของเขื่อนต่าง ๆ ตามความต้องการของ กฟผ.  

ดูรายละเอียด DS-RMS

2. ระบบเชื่อมโยงโครงข่ายแอปพลิเคชันการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Thailand EV Roaming Platform System)

เป็นระบบที่รองรับทั้ง Open charge point protocol (OCPP) และ Open charge point interface (OCPI) ที่สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายระหว่างแพลตฟอร์ม ลดความยุ่งยากด้วย API มาตรฐาน ทำให้การรวมระบบทำได้เร็วขึ้น รองรับการชำระเงินข้ามเครือข่ายได้อย่างไร้รอยต่อ มีข้อมูลสถานะสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งเครือข่ายแบบเรียลไทม์และแม่นยำ ใช้โปรโตคอลความปลอดภัยมาตรฐานสูง เช่น Security credential token, TLS, Networking security และรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนั้นทำการทดสอบระบบเชื่อมโยงโครงข่ายแอปพลิเคชันการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Thailand EV Roaming Platform System) ร่วมกับ Charge _Point Operator (CPO) server, Mobile application back-end server และ Open Charge Point Protocol server (OCPP) เพื่อให้ธุรกิจ Elex by EGAT ทำให้ผู้ใช้บริการที่เป็นสมาชิกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถเข้าถึงการให้บริการของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ด้วย Open Charge Point Interface (OCPI) โดยไม่มีความยุ่งยากเพิ่มเติมกับผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า

3. หน่วยตรวจวัดระยะไกลยูนิเวอร์แซล (URConnecT)

URConnecT เป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและสั่งการอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เซนเซอร์ วัดอุณหภูมิ PT100 เซนเซอร์วัดค่าต่าง ๆ ที่มี Output เป็นสัญญาณ 4-20mA วาล์ว มอเตอร์ เป็นต้น และยังได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหลายประเภท สามารถเพิ่มหรือลดจำนวน Input/Output โดยการเพิ่มหรือลดโมดูลขยาย (Expansion Module) ของ URConnecT ได้ตามความต้องการ อีกทั้งสามารถนําไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น ระบบเฝ้าระวัง ระบบอ่านค่าข้อมูลเพื่อควบคุมการ เปิด-ปิด อุปกรณ์ในโรงงาน และระบบอ่านค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อส่งข้อมูลไปประมวลผลที่คอมพิวเตอร์แม่ข่าย

จุดเด่น

  • สามารถเพิ่มหรือลดจำนวน Input/Output ทั้งสัญญาณ Analog และ Digital ผ่านทางาโมดูลขยาย ได้สูงสุด 5 โมดูล โดยจำนวน Input/Output ในแต่ละโมดูลขึ้นอยู่กับประเภทของโมดูลขยาย
  • สามารถเพิ่มประเภทการรับสัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณได้อย่างหลากหลายผ่านทางโมดูลขยาย
  • เป็น IoT Device สามารถทำงานร่วมกับ NETPIE หรือ NEXPIE ได้
  • มีฟังก์ชั่น Forward Address หรือ Modbus gateway สำหรับถ่ายโอนข้อมูลจาก Modbus RTU ไปยัง Modbus TCP (Modbus RTU to TCP Converter)

4. UR-OEE

อุปกรณ์ตรวจวัดประสิทธิผลการทำงานของเครื่องจักร (OEE) แบบ Real-Time ด้วยไอโอที ปัจจุบันมีการทดสอบการทำงานภาคสนามและผลักดันให้บริษัททำสัญญาขออนุญาตใช้สิทธิไปผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์

จุดเด่น

  • Support up to – 3 OEEs (basic package) and 5 OEEs (premium package)
  • 10 Counters (( 4 Isolated and 6 Non-Isolated)
  • 15 Digital Inputs ( 6 Isolated and 9 Non-Isolated)
  • MQTT (both client and broker)
  • Barcode scanner support for recording/executing functions, eg. Specifying breakdown reasons, entering/exiting unplanned break/setup, changing production model, etc
  • On- device dashboard with capability to send data to On-cloud dashboard
International Conferences
  • S. Thirachai, P. Komeswarakul, U. Supakchukul and J. Suwatthikul, Trapezoidal velocity trajectory generator with speed override capability, International Conference on Control, Automation and Systems 2010 (ICCAS 2010) Oct. 27-30, Gyeonggi-do, Korea.
  • J. Suwatthikul and S. Thirachai, Seismic event trigger using fuzzy inference systems, , International Conference on Control, Automation and Systems 2010 (ICCAS 2010) Oct. 27-30, Gyeonggi-do, Korea.
  • P. Kajoijilertsakul, S. Asawasripongtorn, P. Sanposh, J. Suwatthikul, and H. Fujita, Modeling and Simulation of 500 kV Transmission network for numerical fault calculation, detection, using PSCAD/EMTDC, 2011 Asia-Pacific Power and Energy Engineering Conference (APPEEC 2011), Mar. 2011, Wuhan, China.
  • S. Sornmuang and J. Suwatthikul, Detection of a motor bearing shield fault using neural networks, 2011 International Conference on Instrumentation, Control, Information Technology and System Integration (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • N. Kitbutrawat, P. Lopattanakij, P. Tiwatthanont, S. Thirachai, and J. Suwatthikul, Sensor drift detection by utilizing multi-sensor signals, 2011 International Conference on Instrumentation, Control, Information Technology and System Integration (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • J. Suwatthikul and S. Sornmuang, Fault detection and diagnosis of a motor bearing shield, 6th IEEE International Conference on Intelligent Data Acquisition and Advanced Computing Systems: Technology and Applications, Sep. 2011, Prague, Czech Republic.
  • S. Thirachai, J. Suwatthikul, and S. Sornmuang, Searching algorithm for hypocenter location in convex polygon boundaries, 2011 International Conference on Instrumentation, Control, Information Technology and System Integration (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • P. Tiwatthanont, P. Lopattanakij, N. Kitbutrawat, J. Suwatthikul, U. Lewlomphaisarl, Flexible, adaptable and cost-effective seismometer with Linux-based embedded systems, 2011 International Conference on Instrumentation, Control, Information Technology and System Integration (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • Kudtongngam, J., Tiwatthanont, P. ; Lewlomphaisarl, U., The development of high performance Remote Terminal Unit using RT-Linux for distribution system (SICE2009), Aug. 2009, Japan
  • Lewlomphaisarl, U., Ekkachai, K. ; Suksomboon, K. ; Kudtongngam, J. ; Laungnarutai, W. ; Supakchukul, U. ; Komeswarakul, P. ; Thirachai, S. ; Karukanan, S. ; Saengsatcha, P. ; Jomtarax, A. ; Tungpimolrut, K., Design and implementation of the behavior inspection system for Rajjaprabha Dam (SICE2009), Aug. 2009, Japan
  • Sangkarak, K., Kudtongngam, J. ; Lewlomphaisarl, U., Magnitude estimation algorithm in seismic data acquisition application (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • Tiwatthanont, P., Lopattanakij, P. ; Kitbutrawat, N. ; Suwatthikul, J. ; Lewlomphaisarl, U., Flexible, adaptable and cost-effective seismometer with Linux-based embedded system: R-NON (SICE2011), Sep. 2011, Japan.
  • P. Pimporn, S. Kittipiyakul, J. Kudtongngam and H. Fujita, “Missing Value Estimation of Energy Consumption of Multi-Unit Air Conditioners using Artificial Neural Networks”, International Conference on Embedded Systems and Intelligent Technology & International Conference on Information and Communication Technology for Embedded Systems (ICESIT-ICICTES), 2018, pp. 1-5
  • S. Thirachai and J. Suwatthikul, “A suffcient condition for separate dimensions of TDOA estimation,” Proceedings of the SICE Annual Conference, pp. 347– 350, 2012.
  • S. Sornmuang, J. Suwatthikul, and S. Thirachai, “Leak detection of pipeline using a hybrid of Neural-Adaptive Tabu Search algorithm,” International Conference on Control, Automation and Systems, pp. 531–534, 2014.
  • S. Thirachai, S. Sornmuang, and J. Suwatthikul, “High resolution time delay estimator of transient detection using non-uniform sampling model based parameter estimator,” International Conference on Control, Automation and Systems, pp. 1576–1580, 2014.
International Journals
  • J. Kudtongngam , K. Sangkarak, P. Lopattanakij, P. Liutanakul and V. Chunkag, “Implementation of Automatic Interleaving and Load Current Sharing Technique Using Single Interleaving Bus”, IET Power Electronics, Volume 9, Issue 7, 09 June 2016, pp. 1496-1504
  • J. Kudtongngam , P. Liutanakul and V. Chunkag, “Automatic interleaving technique using single interleaving bus for paralleling power converters”, IET Power Electronics, 2015, Volume 8, Issue 8, pp. 1519-1530
  • J. Suwatthikul, S. Sornmuang, T. Yaemglin, I. Cheowanish, and C. Supavasuthi, “Experimental investigation into vibration characteristics for damage minimization in a lapping process,” Shock and Vibration, vol. 2016, 2016. doi:10.1155/2016/4836516
Prototypes
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม โปรโตคอล DNP3 Subset Level 1 ในระบบ DAS (Protocol DNP3 Subset Level 1 in DAS)
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม Realtime Linux ในหน่วยควบคุมระยะไกล (RTU) และอัลกอริธีมในการตรวจจับความผิดพลาด
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม Gateway ในระบบควบคุมระบบจำหน่ายไฟฟ้าอัตโนมัติ
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม หน่วยวัดคุมระยะไกลสำหรับใช้เป็นสถานวัดแรงดันน้ำ
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม ระบบแม่ข่ายสำหรับโครงการระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อน (DAM)
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาตัวควบคุมเครื่องตรวจวัดการรั่วซึมของผลิตภัณฑ์ โดยใช้แรงดันอากาศ
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม สถานีอุตุ-อุทกวิทยา
  • ต้นแบบภาคอุตสาหกรรม เครื่องมือวัดสัญญาณแผ่นดินไหว (Digital Seismograph)
Patents
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝนแบบก้านกระดก
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อุปกรณ์สื่อสารผ่านระบบใยแก้วนำแสง
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ระบบตรวจจับและหาตำแหน่งความผิดปกติในระบบจำหน่ายไฟฟ้า ชนิดความต้านทานสูง โดยใช้มุมต่างเฟสและขนาดของกระแส
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อุปกรณ์ตรวจวัดคลื่นแผ่นดินไหว
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ วิธีการควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์และสื่อสารข้อมูลในยานยนต์
  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพของคอนเวอร์เตอร์แบบหลายโมดูลที่ต่ออินพุต-เอาพุต อนุกรม
  • อนุสิทธิบัตร วิธีการลดทอนสัญญาณรบกวนจากการวัดสัญญาณแผ่นดินไหวที่ใช้ตัวตรวจวัดหลายตัว

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  • นายคัมภีร์ สุขสมบูรณ์ : Micro-controller programming, Analog and digital design
  • นายเจษฎา ขัดทองงาม : Energy Management, Demand Response System
  • นายรังสฤษฏ์ วณิชย์จิรัฐติกาล : Scenario-based simulation, Machine Vision, Signal classification
  • นายจิรายุส ผลทิพย์ : Analog and digital design, Power electronics
  • นายอานัน จอมทะรักษ์ : Circuit & PCB design
  • นายจตุรวิทย์ จันไพบูลย์ : Automotive Electronics, Robotics, Electronic Circuit Design, openADR
  • นายมนตรี ชาติพจน์ : Embedded System Design, IoT, Automotive Electronics, Electronic Circuit Design
  • นายณัฐวุฒิ กิจบุตราวัฒน์ : Linux programming
  • นายพาทิน พงคะชา : Automotive Electronics, Embedded Systems Design, IoT
  • นายกิตติพงศ์ สังฆรักษ์ : Analog design, Programing Microcontroller
  • นายปกรณ์ โล่ห์พัฒนะกิจ : Linux programming, Microcontroller HW & SW, Digital & Analog circuit design, Solidwork Fundamental
  • นางปรมาภรณ์ จินทนากร : Database design, Program developer Java framework
  • นางสาวรุ่งทิพย์ นันทวัฒนาศิริชัย : System analyst, Program developer Java framework
  • นายศุทธิวรรธน์ คำแหง :   Web Application Development, IoT, and Cloud Computing.

ติดต่อ

ทีมวิจัยเทคโนโลยีระบบวัดและควบคุมระยะไกล (IST)
กลุ่มวิจัยการควบคุมและอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (ACERG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.)
อีเมล : acerg-ist@nectec.or.th

]]>
กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/amed.html Mon, 03 Mar 2025 08:45:02 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39332

กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) อยู่ภายใต้สังกัดศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ มีบทบาทในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเครื่องมือแพทย์นวัตกรรมสุขภาพ อุปกรณ์ประมวลผลสัญญาณชีวการแพทย์ เทคโนโลยีฟื้นฟูสมรรถภาพ เทคโนโลยีที่ทุกคนเข้าถึง และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อตอบสนองการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ด้านการแพทย์ครบวงจร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุคนพิการและผู้ด้อยโอกาส รองรับกับสถานการณ์สังคมสูงวัย

ประกอบด้วยทีมวิจัย ดังนี้

]]>
ทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน (DTI) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/iiarg-dti.html Mon, 03 Mar 2025 06:43:15 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39321 Read more]]>

ปัจจุบัน โลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมและการใช้พลังงาน ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน (Decarbonization Technology and Innovation) จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรและภาคอุตสาหกรรมสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมวิจัย Decarbonization Technology and Innovation Research Team (DTIRT) ได้พัฒนาโซลูชันและแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการบัญชีคาร์บอน พร้อมทั้งนำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และความยั่งยืนขององค์กร

วิสัยทัศน์

มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดคาร์บอน ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน และผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

พันธกิจ

  1. พัฒนาและให้คำปรึกษาด้านการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO)
  2. พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการบัญชีคาร์บอน (CAMP ACAMP และ DCAMP)
  3. พัฒนาและนำเสนอโซลูชันสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น Smart Energy Solution, Smart Cooling System, Smart Boiling System, Smart Air Compressor System, และ Smart Production Line
  4. สนับสนุนอุตสาหกรรมและองค์กรในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติและ IoT
  5. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนทางพลังงาน

ผลงานเด่น

  • แพลตฟอร์มบริหารจัดการบัญชีคาร์บอน (CAMP & ACAMP & DCAMP)
    (CAMP: Carbon Accounting Management Platform, ACAMP: Automated Carbon Accounting Management Platform, DCAMP: Decarbonized Carbon Accounting Management Platform)
    • ระบบนำเข้าข้อมูลอัตโนมัติ
    • ระบบคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
    • ระบบแจ้งเตือนและตั้งเป้าหมายการลดคาร์บอน
    • ระบบสร้างรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก
  • โครงการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Solutions)
    • Smart BESS (Battery Energy Storage System)
    • Smart Cooling System สำหรับระบบทำความเย็น
    • Smart Boiling System สำหรับระบบต้มน้ำอัจฉริยะ
    • Smart Air Compressor System สำหรับโรงงาน
    • Smart Production Line สำหรับกระบวนการผลิต

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

ทีมวิจัย Decarbonization Technology and Innovation Research Team (DTIRT) ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ได้แก่

  • ดร.อัมพร โพธิ์ใย: หัวหน้าทีมวิจัยด้านพลังงานและการจัดการคาร์บอน
  • นายชาญเดช หรูอนันต์: ผู้เชี่ยวชาญกระบวนการผลิตและการบริหารพลังงาน
  • นายสุวรรณ ยานุวงศ์: : ผู้เชี่ยวชาญระบบด้านระบบพลังงาน ระบบทำความเย็น และระบบทำความร้อน
  • นายปฏิพัทธ์ เอี่ยมอร่าม: : ผู้เชี่ยวชาญระบบ Full Stack Software Development
  • นายสิงหนาท พวงวรินทร์: ผู้เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้ากำลังและพลังงาน
  • นายรุ่งทวี ปิยนันท์จรัสศรี: ผู้เชี่ยวชาญระบบอิเล็กทรอนิกส์และควบคุม
  • ดร.กุลชาติ มีทรัพย์หลาก: ผู้เชี่ยวชาญ IoT และระบบบริหารจัดการพลังงาน
  • ดร.ธีรเชษฐ์ สูรพันธุ์: ผู้เชี่ยวชาญระบบ OEE และการบริหารพลังงาน
  • นายชำนาญ ปัญญาใส: ผู้เชี่ยวชาญระบบ Automation และการบริหารพลังงาน

ติดต่อ

ทีมวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอน (DTI)
กลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม (IIARG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.)
เว็บไซต์ : https://www.nectec.or.th/DTI
LINE: @DTIRT
Email: iiarg-dti[at]nectec.or.th
โทร. : (+66)2-564-6900 ต่อ 2690

]]>
ทีมวิจัยการจำลองและระบบขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (DSS) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/dsarg-dss.html Mon, 03 Mar 2025 03:44:17 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18875 Read more]]>

 ในปัจจุบัน การดำเนินชีวิต การเรียน การทำงาน รวมถึงการบริหารจัดการในระดับบุคคลและองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างต้องอาศัยข้อมูลจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลมีปริมาณมหาศาลและเกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว
 
ทีมวิจัยจึงมุ่งเน้นการพัฒนา แบบจำลองและระบบขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Simulation and Systems) อย่างครบวงจร โดยผสานเทคโนโลยีการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง การจัดการข้อมูลแบบ Real-Time หรือ Near Real-Time การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ตลอดจนเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การจำลองทางคณิตศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ชั้นสูง เพื่อสร้างแบบจำลองที่มีความแม่นยำสูงในการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต
 
ทีมวิจัยมุ่งหวังให้ผลลัพธ์จากงานวิจัย ไม่เพียงช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในระดับองค์กรและประเทศ แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทที่หลากหลาย เช่น การวางแผนทรัพยากร การบริหารจัดการความเสี่ยง การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน และ การพัฒนานโยบายสาธารณะ เป็นต้น

วิสัยทัศน์

เป็นผู้นำในการพัฒนาแบบจำลองคณิตศาสตร์และนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

พันธกิจ

  • วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการพยากรณ์และการจำลองทางคณิตศาสตร์
  • พัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยีการพยากรณ์ในระยะสั้นและระยะยาว
  • สร้างเทคโนโลยีการจัดการข้อมูลแบบ Real-Time หรือ Near Real-Time จากหลายแหล่ง
  • ส่งเสริมการรักษาความปลอดภัยและควบคุมการเข้าถึงเว็บแพลตฟอร์มและข้อมูล
  • พัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการตรวจสอบข้อมูลต้องสงสัยด้วยกฎและกระบวนการอนุมาน

เทคโนโลยีหลัก

  • Advanced numerical techniques, data processing and modeling
  • Large-scale optimization, inverse problems and data assimilation
  • Physics-informed ML & ML-assisted modeling
  • Cloud computing and HPC in processing model-based prediction
  • Web platform & data-centric zero trust and Data privacy
  • Data stream collection, integration, processing, storage and visualization
  • Spatio-temporal data visualization and analytics

ผลงานเด่น

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  • ดร.นัยนา สหเวชชภัณฑ์ (นักวิจัยอาวุโส): Software Engineering, Data Science & Analytics, Database Systems, Data Integration
  • ดร.ศิโรจน์ ศิริทรัพย์ (นักวิจัยอาวุโส): Environmental and Industrial Flow Modeling, Data Analytics, Data Assimilation, and Large-scale Optimization for Complex System Analysis and Decision Support
  • ดร.เอกสิทธิ์ กิจสิพงษ์ (นักวิจัย): High Performance Computing, Cloud and Grid Computing, Data Science and Big Data Analytics 
  • ดร. สายฝน ทมกระโทก (นักวิจัย): Forest Hydrology, Hydrodynamic Simulation, GIS Applications for Water Resource Analysis and Management
  • ดร. เจษฎา เพ็งสุวรรณ (นักวิจัย): Social Media Data Analytics, Knowledge Representation and Reasoning, Ontology, Artificial intelligence, Machine Learning, and Internet GIS
  • นางสาวพรอำไพ นเรนทร์พิทักษ์ (นักวิจัย): Climate science & cloud-climate interaction
  • นายสุริยะ อุรุเอกโอฬาร (นักวิจัย): High Performance Computing Technology (Cluster Computing, Grid Computing), Security for Distributed System, Identity and Access Management Technology
  • นายคำรณ อรุณเรื่อ (ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส): Software Architecture, Data Engineering, Information Retrieval, Internet of Things, Cloud Computing
  • นายจักรพงค์ พลหาญ (ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส): Full Stack Web Development, UX/UI Design, Software Engineering, Machine Learning
  • นายมาโนชญ์ รัตนเนนย์ (ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส): Web & Mobile Development, Web GIS Technology
  • นายศิริวัฒน์ กองกุลศิริ (ผู้ช่วยวิจัย): Mathematical Modeling, Decision Support Systems, Data QA/QC for Robust Analysis and Informed Decision-Making
  • นายกฤษณ์ พันธ์พฤกษ์ (วิศวกร): Database System, Performance Testing, System Administration, Big Data Analytics
  • นายธนพล โยธานัก (วิศวกร): Web & Mobile Development
  • นายปรเมศร์ แตงอ่อน (ผู้ช่วยวิจัย): web development, data analytics

ติดต่อ

ทีมวิจัยการจำลองและระบบขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (DSS)
กลุ่มวิจัยวิทยาการข้อมูลและการวิเคราะห์ (DSARG)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
อีเมล : dss[at]nectec.or.thโทรศัพท์ : 02-564-6900 ต่อ 2279

]]>
ทีมวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์ (BES) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/ainrg-nsp.html Mon, 03 Mar 2025 03:05:25 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=18514 Read more]]>

ทีมวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์ มุ่งเน้นการวิจัยเชิงลึกด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการประมวลสัญญาณประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสมอง รวมถึงเทคโนโลยีอื่นที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้าสู่การนำไปสู่การใช้งานจริงในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับสุขภาพ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเท

วิสัยทัศน์

เป็นทีมวิจัยที่มีผลงานวิชาการด้านการประมวลสัญญาณประสาทและการใช้งานได้มาตรฐานระดับนานาชาติ ได้รับการยอมรับว่ามีความเข้มแข็งในกระบวนการทำ Translational Research และ Product Development ร่วมกับพันธมิตร สามารถผลักดันงานวิจัยสู่การใช้งานได้จริง

พันธกิจ

ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการประมวลสัญญาณประสาท และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และร่วมกับพันธมิตรในการขยายผลสู่การนำไปใช้จริง ภายใต้รูปแบบเช่นการร่วมหรือรับจ้างวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือ การเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิค

เทคโนโลยีหลัก

ทีมวิจัย มีประสบการณ์หรือความสนใจในการวิจัยพัฒนา อุปกรณ์ ระบบ และ บริการ เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีดังต่อไปนี้

  • Neural Signal Processing in Human’s Cognitive and Affective Domains
  • Brain Computer Interface
  • Auditory Processing
  • Neurorobotics

ผลงานเด่น

ระบบฝึกฝนสัญญาณสมองแบบป้อนกลับ

ระบบฝึกฝนสัญญาณสมองแบบป้อนกลับสำหรับผู้สูงอายุ เป็นเกมส์ที่ควบคุมโดยการอ่านสัญญาณสมองผ่านสัญญาณ EEG ใช้เพื่อฝึกสมาธิการจดจ่อ รวมถึงช่วยฝึกฝนความจำช่วงปฎิบัติงาน (Working Memory) โดยผู้เล่นจะทราบถึงระดับสมาธิการจดจ่อของตนเองผ่านโปรแกรมเกมส์ และพยายามรักษาสภาวะจดต่อตลอดการเล่นเกมส์ เมื่อฝึกฝนเป็นอย่างดี จะสามารถควบคุมจัดการสมาธิได้ดีขึ้นรวมถึงสมารถพัฒนาทักษะสมอง (Executive Functions) ได้ต่อไป ระบบฯ เกิดจากการพัฒนาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทีมวิจัยมีความร่วมมือในการจัดตั้ง ศูนย์ความรู้เฉพาะด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลความสามารถในการรู้คิดในผู้สูงอายุ (Center of Technology for Cognitive Care in Elderly) ระบบฝึกฝนสัญญาณสมองแบบป้อนกลับฯ ได้รับรางวัลระดับหรียญทอง จากการประกวดในงาน International Exhibition of Invention of Geneva ณ กรุงเจนิวา ประเทศสมาพันธรัฐสวิส ในปี 2559 ปัจจุบันเปิดเป็นบริการนำร่อง ณ โรงพบาบาลจุฬาลงกรณ์ และ โรงพยาบาลเครือข่ายมากกว่า 5 แห่ง

Elderly under training

Elderly under training
NECTEC-CU CoT for Cognitive Care in Elderly
เครื่องช่วยฟังและอุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
NECTEC-CU CoT for Cognitive Care in Elderly
ทีมวิจัยมีประสบการณ์ในการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง (Hearing Aid) และอุปกรณ์ช่วยการได้ยิน (Assistive Listening System) ตัวอย่างผลงานเช่น เครื่องช่วยฟัง INTIMA ซึ่งได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้บริษัทเอกชนไทย นำไปผลิตตามมาตรฐานเครื่องมือแพทย์สากล ได้รับเครื่องหมาย CE-Mark และให้บริการอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่า 12 แห่งจากทั่วประเทศ ในเชิงวิจัย ปัจจุบันทีมฯ ได้มีการขยายผลแนวทางการวิจัยเชิงลึกด้านการได้ยินสู่การศึกษาความสัมพันธ์ด้านการได้ยินที่เกี่ยวกับการทำงานของสมอง ตัวอย่างเช่น ผลงานวิจัยเครื่องช่วยฟังควบคุมด้วยสมอง ซึ่งได้รับรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติด้านการประดิษฐ์คิดค้น ในปี 2562
เครื่องช่วยฟังและอุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
ระบบหุ่นยนต์เพื่อการพื้นฟูสมรรถภาพ
ทีม NSP มีงานวิจัยระบบหุ่นยนต์ WEFRE Rehab System ที่ออกแบบโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมให้บุคลากรด้านการฟื้นฟูร่างกายได้มีอุปกรณ์ที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นในส่วนของข้อมือ แขนท่อนล่าง และข้อศอก ลักษณะการให้บริการ WEFRE มีดังนี้
  • สามารถติดตั้งใช้งานตามโรงพยาบาล คลินิก สถานีอนามัย
  • ใช้เป็นอุปกรณ์พกพาสำหรับแพทย์ และนักฟื้นฟูที่ต้องการอุปกรณ์เสริม เพื่อการบริการตามสถานที่ต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น
  • ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวข้อศอก แขนท่อนล่าง และข้อมือ สามารถจัดหาเพื่อนำไปใช้ที่พักอาศัยได้
นอกจากการขยายผลสู่การให้บริการจริง ยังมีการวิจัยร่วมกับพันธมิตร เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการต่อยอดสู่ระบบที่เชื่อมโยงหุ่นยนต์สู่ระบบสมองเพื่อมุ่งสู่ความเป็น neurorobotics สำหรับระบบฟื้นฟูสมรรถภาพขึ้นสูงต่อไป
WEFRE under use
WEFRE under use
Neurorobotics
Neurorobotics

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  • ดร.พศิน อิศรเสนา ณ อยุธยา : Hearing Aids, Auditory Processing, BCI
  • ดร.วินัย ชนปรมัตถ์ : Rehabilitation Robotics, Mechatronics
  • ดร.อภิชย์ เหมาคม: EEG Signals, BCI, Digital Signal Processing
  • นายสุวิชา จิรายุเจริญศักดิ์ : Cognitive Training, BCI, Machine Learning
  • นายอนุกูล น้อยไม้ : Embedded Systems, Hearing Aids, Product Development
  • นายธราพงษ์ สูญราช : Electronics & Instrumentation
  • นายสังวรณ์ สีสุทัศน์ : Electroacoustic Measurements
  • นายอาภา สุวรรณรัตน์: Neurorehabilitation/Motor Imagery/Machine Learning
  • นายกริช จั่นอาจ: DSP systems, SW
  • นายวิศรุต ทรัพย์ศรี : Gaming Software
  • นายวรพงษ์ ณรงค์วงศ์วัฒนา Biomedical Engineering

ติดต่อ

ทีมวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์ (BES)
กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.)
อีเมล: nsp[at]nectec.or.tha
โทร. : (+66) 2-564-6900

]]>
ด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบและเครือข่ายอัจฉริยะ (ITSN) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/itsn.html Fri, 28 Feb 2025 09:10:47 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39298

ด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบและเครือข่ายอัจฉริยะ (ITSN) อยู่ภายใต้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.) มีบทบาทในการนำนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยมาสนับสนุนการยกระดับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0

ทีมวิจัยภายใต้สังกัด

]]>
ทีมวิจัยนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะ (IMI) https://www.nectec.or.th/research/research-unit/itsn-imi.html Fri, 28 Feb 2025 08:38:34 +0000 https://www.nectec.or.th/?p=39288
ทีมวิจัยนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะ หรือ Intelligent Manufacturing Innovation (IMI) ด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบและเครือข่ายอัจฉริยะ (ITSN) มีวัตถุประสงค์ในการนำนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยมาสนับสนุนการยกระดับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนในการผลิต

วิสัยทัศน์

พัฒนาประเทศด้วยอุตสาหกรรม 4.0

พันธกิจ

ทีมวิจัยนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะมีวัตถุประสงค์ในการทำให้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยสามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่เหมาะสม มาสนับสนุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีหลัก

  • Thailand i4.0 Index
    การประเมินความพร้อมของเทคโนโลยีด้วย Thailand i4.0 Index ช่วยให้โรงงานทราบถึงความพร้อมของเทคโนโลยีได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ช่วยให้สามารถตั้งเป้าในยกระดับเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
  • Factory Automation
    การนำเทคโนโลยี PLC, Robot, SCADA มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านการอบรม และ สาธิตการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีผ่าน Testbed ซึ่งเป็นการยกระดับในมิติ Production Automation และ Facility Automation ใน Thailand i4.0 Index
  • Internet of Things (IoT), Industrial IoT
    การนำ IoT มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการส่งข้อมูลทำให้สามารถวิเคราะห์การความผิดปกติของเครื่องจักรและชิ้นงานได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเป็นการยกระดับในมิติ Production Network และ Facility Network ใน Thailand i4.0 Index
  • AI, Signal Processing
    การนำ AI มาใช้ในกระบวนการประมวลผลข้อมูลช่วยทำให้สามารถตรวจสอบความผิดปกติได้อย่าง Real-time ช่วยเพื่อประสิทธิภาพการผลิต ลดเวลา และ ความเสียหายของสินค้าและเครื่องจักร ซึ่งเป็นการยกระดับในมิติ Smart Production และ Smart Facility ใน Thailand i4.0 Index

ผลงานที่ให้บริการ

  • Thailand i4.0 Index Assessment
    ให้บริการประเมินความพร้อมในการใช้งานเทคโนโลยีด้วย Thailand i4.0 Index
  • Flexible Automation Testbed
    สถานีจำลองการทำงานของกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงกระบวนการในการผลิตแบบ 4.0
  • Industrial Automation Testbed
    สถานีจำลองการทำงานของสายการผลิตที่เชื่อมต่อเครื่องจักรหลายๆ เครื่องเข้าสู่ระบบ SCADA และยังแสดงให้เห็นถึงการนำ Robot และ AI มาใช้ในสายการผลิต
  • Smart Maintenance Testbed
    สถานีจำลองโรงงานอุตสาหกรรมทั้งโรงงานเพื่อแสดงให้เห็นถึงการนำ IoT มาใช้ในการติดตามตรวจสอบการทำงานของระบบสาธารณูปโภค และ สายการผลิตไปพร้อมๆกัน
  • Industrial Process Simulation Software
    เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการจำลองกระบวนการผลิตในโรงงานเพื่อช่วยในการวางแผนสร้างสายการผลิตหรือปรับปรุงสายการผลิตในโปรแกรมก่อนที่จะลงทุน เพื่อช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการสร้างหรือปรับปรุงสายการผลิต
  • iSmart OEE
    อุปกรณ์ตรวจวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรโดยอัตโนมัติแบบ Real-time
  • iSmart Maintenance
    อุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพของมอเตอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งช่วยแจ้งเตือนความผิดปกติของมอเตอร์ก่อนที่มอเตอร์จะเสียหาย

บุคลากรและความเชี่ยวชาญ

  1. อุ่นพงศ์ สุภัคชูกุล : Thailand i4.0 Index, System Design, Programming
  2. สุนิศา คำสาย : AI for Manufacturing, Signal Processing
  3. ธวัชชัย คำศรี : IoT, Sensors, Programming
  4. รพีพงศ์ โชครุ่งอิสรานุกูล : Control System, Industrial Robot
  5. กิตติพงษ์ คำสาย : Product Design, CAD/CAM/CAE
  6. ธีรัช จันจองคำ : Factory Automation, PCB Design, IoT, AI

ติดต่อ

ทีมวิจัยนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะ (IMI)
ด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบและเครือข่ายอัจฉริยะ (ITSN)
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)
อีเมล: imi[at]nectec.or.th

]]>