Logo - NECTEC and Backto NECTEC HomepageIT Digest

IT Digest ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (16 มกราคม 2549)

“รีไพล คิว1” หุ่นยนต์เหมือนมนุษย์    

       นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นเปิดตัวหุ่นยนต์ที่ดูเหมือนมนุษย์ ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในงาน “The 2005 World Expo” ซึ่ง จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 25 มี.ค. - 25 ก.ย. 2548 หุ่นยนต์ตัวนี้มีนามว่า “รีไพล คิว1” (Repliee Q1) หุ่นยนต์หรือแอนดรอยด์ตัวนี้มีใบหน้าละม้ายกับผู้ประกาศข่าวสาว คนหนึ่งของญี่ปุ่น แม้หุ่นยนต์จะเคลื่อนไหวและทำท่าทาง ได้เพียงแค่นั่งทักทายกับคนทั่วไปเท่านั้น แต่หลังจากได้นำไปทดลองในที่สาธารณะพบว่าคนที่มาขอข้อมูลไม่รู้ว่ากำลังปฏิสัมพันธ์อยู่กับหุ่นยนต์ที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่

       แอนดรอยด์ “รีไพล คิว1” เป็นผลงานของ ศ.จ.ฮิโรชิ อิชิกูโร จากมหาวิทยาลัยโอซากา รีไพล คิว1ได้รับการออกแบบให้สามารถกระพริบตา เคลื่อนไหวแขน ขา ศีรษะ และร่างกายท่อนบนได้อย่างอิสระและเป็นธรรมชาติคล้ายคลึงกับมนุษย์ โดยสามารถหันหรือแสดงท่าทีตอบรับได้เหมือนมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถขยับปากและเคลื่อนไหวลำตัวเหมือนกำลังหายใจอยู่ได้ โดยการฝังเซนเซอร์และมอเตอร์หลายชิ้นอยู่ทั่วไปตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นในหน้าผาก โหนกแก้ม ไหล่ แขนท่อนบน แขนท่อนล่างและฝ่ามือ จึงไม่แปลกที่แอนดรอยด์ตัวนี้จะสามารถตอบสนองการสัมผัสได้หลากวิธี จุดเด่นของแอนดรอยด์ตัวนี้อยู่ที่ผิวหนังไม่ได้ทำด้วยพลาสติกแข็งแต่ทำด้วยซิลิโคนแบบ ยืดหยุ่นได้ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าเหมือนมนุษย์อย่างมาก

Robot
ภาพแสดงหุ่นยนต์ "รีไพล คืว1” กับ ศ..ฮิชิกูโร
ที่มา: news.bbc.co.uk/2/hi/science/nature/4714135.stm
การเคลื่อนไหวของมนุษย์
การทำแผนที่การเคลื่อนไหวของมนุษย์ สำหรับใช้ในการออกแบบการเคลื่อนไหวของแอนดรอยด์
ที่มา: www.technovelgy.com/ct/Science-Fiction-News.asp?NewsNum=404

       ก่อนหน้าที่จะพัฒนาแอนดรอยด์ “รีไพล คิว1” ศ.จ. อิชิกูโรฯ ได้เคยสร้างหุ่นยนต์ที่ดูคล้ายคลึงมนุษย์ เป็น หุ่นยนต์ที่จำลองภาพเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นอายุประมาณ 5 ขวบ ใช้ชื่อว่า “รีไพล อาร์ 1” (Repliee R1) ส่วนหัวของหุ่นยนต์ “รีไพล อาร์ 1” สามารถเคลื่อนไหวได้ถึง 9 ทิศทาง และสามารถแสดงท่าทางด้วยการใช้มือได้ เนื่องจากมีเซนเซอร์ ประสิทธิภาพสูง 4 จุดฝังไว้ใต้ผิวหนังในส่วนของแขนข้างซ้าย คอยควบคุมให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวได้ในท่าทาง ที่แตกต่างกันไป ทำให้หุ่นยนต์สามารถตอบสนองต่อแรงกด หรือแรงบีบในระดับต่างๆ กันได้

       สำหรับ รีไพล คิว1 ถือเป็นพัฒนาการรุ่นต่อมา ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ท่าทางและการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จากท่าทางของมนุษย์ที่หุ่นกำลังมีปฏิสัมพันธ์ด้วย แล้วนำ รูปแบบเปล่านั้นมาใส่โปรแกรมให้หุ่นยนต์หรือแอนดรอยด์ รีไพล คิว1 ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวสามารถกำหนดให้หุ่นยนต์ แสดงท่าทางเคลื่อนไหวโต้ตอบกับมนุษย์ และกำหนดให้แสดงท่าทางแต่เพียงลำพังฝ่ายเดียวได้ รีไพล คิว1จึงสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์และตอบรับเมื่อมีการแตะเนื้อต้องตัว ทำให้เวลาที่ถูกจับ หุ่นยนต์จะมีท่าทีตอบสนองได้เหมือนมนุษย์

       ศ.จ. อิชิกูโรฯ เชื่อว่า เป็นไปได้ที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่ทำอะไรได้เหมือนมนุษย์มากกว่านี้ ดังนั้น ความสำเร็จในการพัฒนารีไพล คิว1 จึงเป็นใบเบิกทางที่จะนำไปสู่ความเป็น ไปได้ในการพัฒนาหุ่นยนต์ให้กลายเป็นมนุษย์ "อย่างน้อยเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ 5-10 วินาที และหากเลือกสถานการณ์ที่เหมาะสมมาใส่โปรแกรมให้หุ่นยนต์ หุ่นยนต์อาจจะ เลียนแบบท่าทางสามารถตบตาให้คนทั่วไปนึกว่ากำลังปฏิสันถาร (พูด-คุย) กับคนจริงๆ ไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์ได้นานถึงกว่า 10 นาที ก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย" สักวันหนึ่ง หุ่นยนต์จะถูกพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถตบตาให้มนุษย์คิดว่าหุ่นยนต์คือคนจริงๆ ได้ และสิ่งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือ มนุษย์มักจะลืมว่าตัวเองกำลังอยู่กับหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์โดยมักจะเผลอคิดว่าเป็นผู้หญิงจริงๆ

ฮิตาชิ โตชิบา และเรเนซัสร่วมลงทุนผลิตชิปหวังแข่งบริษัทยักษ์ใหญ่ 

       บริษัทผลิตชิปของญี่ปุ่นสามรายคือ บริษัทฮิตาชิ โตชิบา และเรเนซัส เทคโนโลยี ได้เปิดเผยว่า บริษัททั้งสามมีแนวโน้มที่จะลงทุนร่วมกันเป็นเงินกว่า 1 แสนล้านเยน (หรือประมาณ 852 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้ในการจัดตั้งสายการผลิตชิปที่ล้ำหน้าขึ้นมาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มทำการผลิตจำนวนมากได้ในปี ค.ศ. 2007 เพื่อที่จะใช้แข่งขันกับบริษัท อินเทล ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลก

       แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากสถาบันต่างๆ ได้ลงความเห็นว่า ควรจะต้องมีการลงทุนมากกว่านี้ถ้าทั้งสามบริษัทต้องการแข่งขันให้ได้ระดับที่เท่าเทียมกับบริษัท อินเทล หรือบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากบริษัททั้งสองนี้ได้รับผลกำไรเป็นจำนวนมากและมีเงินทุนสนับสนุนมากเพื่อใช้กับโรงงานสารกึ่งตัวนำ (semiconductor) ขั้นสูง ดังนั้นหลายๆ คนจึงยังมีความสงสัยว่าการร่วมลงทุนลักษณะ นี้จะสามารถนำไปใช้แข่งขันกับอินเทล และซัมซุง ได้จริงหรือไม่ โดยบริษัทร่วมลงทุนทั้งสามจะเริ่มทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการนี้ในช่วงเดือนมกราคม 2006 และในขณะนี้คาดว่าสายการผลิตใหม่จะมีขึ้นที่โรงงานของโตชิบาหรือเรเนซัสก่อน

       ประเทศญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำในตลาดสารกึ่งตัวนำในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 เพราะมีสามบริษัทผลิตชิปที่มียอดขาย มากที่สุดในขณะนั้นคือ บริษัท NEC โตชิบา และฮิตาชิ แต่เมื่อปีที่แล้วทั้งสามบริษัทนี้ไม่ได้ติดอันดับหนึ่งในสามเลย ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของทั้งสามบริษัทลดลงคือ การลดจำนวนลงของบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่สำคัญของบริษัททั้งสาม นอกเหนือจากนั้นทั้งสามบริษัทยังไม่สามารถเข้าไปจับส่วนแบ่งที่สำคัญในตลาด ตัวประมวลผลกลางในคอมพิวเตอร์ (PC microprocessing) และชิปสำหรับใช้ในการสื่อสารของโทรศัพท์มือถือ

       นอกจากนี้โครงสร้างของภาคอุตสาหกรรมก็ยังมี ปัญหาเนื่องจากมีจำนวนบริษัทผลิตชิปมากเกินไป ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงมีความคิดว่าน่าจะต้องมาร่วมมือกันลงทุนสร้างโรงงานที่สามารถผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลงและมี ประสิทธิภาพสูงขึ้น แทนที่จะต่างคนต่างลงทุนสร้างโรงงานของตนเอง

       บริษัทร่วมลงทุนทั้งสามมีโครงการที่จะทำการผลิตชิปแบบระบบ (system chips) ด้วยวงจรขนาด 65 นาโนเมตรหรือเล็กกว่า การพัฒนาชิปแบบระบบนี้ทำได้โดยการเอาระบบการทำงาน (functions) หลายๆ ระบบมารวมเข้าไว้ด้วยกันบนแผ่นซิลิคอนแผ่นเดียวกัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตและยังสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นอีกด้วย

       ในขณะนี้บริษัททั้งสามยังไม่สามารถหาข้อสรุปของ การร่วมมือกันได้ ดังนั้นสำหรับการผลิตชิปแบบระบบนี้ จึงมีการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำ และเริ่มดำเนินการผลิตและพร้อมที่จะยอมเสี่ยงต่อการผลิตในครั้งนี้ ดังนั้นจึงเป็นที่น่าติดตามต่อไปว่า การร่วมลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในครั้งนี้จะสำเร็จและดึงส่วนแบ่งของตลาดผู้ผลิตชิปมาจากบริษัทอินเทลหรือซัมซุงได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่



ที่มา
: www.hitachi.com  www.toshiba.co.jp and www.renesas.com

ความบันเทิงในรถยนต์เพื่อนร่วมทางที่แสนดี 

       ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานมาไว้ใน รถยนต์กันมากขึ้น และรถยนต์จะไม่ได้เป็นแค่เพียงพาหนะ ที่นำพาคุณจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นได้มากกว่านั้น โดยมันจะสามารถให้ความบันเทิงแก่คุณและ ผู้โดยสารของคุณตลอดเส้นทาง

       ด้วยแนวคิดดังกล่าว บริษัทผลิตรถยนต์ฟอร์ดจึงได้ร่วมมือกับบริษัท Microsoft และ Grand Blanc-based Stargate Mobile ผลิตแทปเล็ท พีซี (Tablet PC) ที่มีความทนทานสำหรับใช้งานในสถานที่ปฎิบัติงานต่างๆ โดยได้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในรถยนต์ฟอร์ด รุ่น เอฟ-ซีรี่ส์ และรถบรรทุก โดยผู้ใช้สามารถรับ-ส่งอีเมลล์ ใช้อินเทอร์เน็ต และเรียกโปรแกรมใดๆ ที่สามารถทำงาน บน Windows XP ได้ สำหรับตัวเครื่องแทบเล็ท พีซีนั้นมีน้ำหนัก 2.5 ปอนด์ สามารถยึดเข้ากับรถยนต์และถอดออกมาใช้งานได้ ราคาประมาณ 3,000 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 115,000 บาท) หรืออาจกล่าวได้ว่า ทุกอย่างที่คุณทำได้ในสำนักงาน คุณสามารถทำได้ในรถยนต์และ คุณสามารถทำงานได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปในสำนักงาน


ภาพแทปเล็ท พีซี (Tablet PC) ที่ติดตั้งในรถยนต์
ที่มา
: https://www.audiovox.com/

       บริษัท Audiovox Electronics ยังได้เปิดตัวเครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 2 จอ ชนิดพับได้เพื่อให้เด็กสามารถดูรายการทีวีที่ต่างกันได้ในราคาเพียงเครื่องละ 1,799 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้บริษัท Troy-based Delphi ยังได้พัฒนาจอ LCD ที่สามารถมองเห็นภาพได้จากมุมที่ต่างกัน โดยเมื่อมองจากมุมซ้ายหรือขวาภายในรถยนต์ผู้โดยสารเบาะหลังฝั่งคนขับจะสามารถมองเห็นการ์ตูนในขณะที่อีก ฝั่งหนึ่งจะมองเห็นการแข่งรถ นอกจากนี้บริษัท Delphi ได้มีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์นี้สำหรับที่นั่งตอนหน้าซึ่งผู้โดยสารสามารถดูหนังได้ ส่วนคนขับจะมองเห็นเป็นแผนที่ระบบนำทาง

       ส่วนบริษัท Van Buren Township-based Visteon ได้เปิดตัวระบบบันเทิงใหม่ซึ่งผนวกเข้ากับเกมส์บอย ของบริษัทนินเทนโด โดยอุปกรณ์สามารถเคลื่อนย้ายไปที่อื่นได้ เมื่อถอดออกจากเพดานรถยนต์ และหน้าจอมีขนาดถึง 10.2 นิ้ว เมื่อเทียบกับหน้าจอของเกมส์บอยซึ่งมีขนาดเพียง 2x2นิ้ว นอกจากนี้ยังมีวิทยุและระบบนำทางต่างๆ ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนขับใช้งานได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องละสายตาจากถนนมากนัก และบางรุ่นยังสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย


ภาพอุปกรณ์ ระบบความบันเทิง ”Visteon's” ซึ่งผนวกเข้ากับเกมส์บอยของบริษัทนินเทนโด
ที่มา: https://www.detnews.com

       ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคใช้งานได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ สามารถติดตามเทคโนโลยีได้ ถึงแม้ว่าระยะเวลาในการจำหน่ายรถอาจจะยาวนานหลายปี แต่อุปกรณ์เหล่านั้นก็สามารถทำงานเข้ากันได้กับเครื่องเล่นเพลงพกพาหลายรุ่น และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมาก

       ถึงแม้ว่าในขณะนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์จะชลอตัวลง แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แบบพกพากลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะผู้ซื้อรถไม่ต้องการที่จะจ่ายเงินมากกว่าค่ารถที่ซื้อ ยกเว้นแต่มีเงื่อนไขหรือข้อเสนอพิเศษจากบริษัทผู้ผลิต ดังนั้นผู้ผลิตรถยนต์หลายๆ คนจึงไม่ลังเลที่จะเพิ่มจอวีดีโอสำหรับเด็กๆ หรือติดตั้งวิทยุผ่านดาวเทียมมาจากโรงงานเพื่อจูงใจผู้ซื้อ ทั้งนี้ นักวิจัยจาก Telematics Research Group ได้ประมาณการว่ารถยนต์ใหม่ที่ขายพร้อมกับระบบวีดีโอที่ติดตั้งมาในรถยนต์ในปี 2004 มีถึงร้อยละ 10 ของการจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด และสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ภายในทศวรรษนี้


ผู้รับผิดชอบ งานศึกษายุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ECTI โทร. 02-564-6900 ต่อ 2363 
Mail to IT Digest

สงวนลิขสิทธิ์ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
โทร.02-564-6900 ต่อ 2346 - 2355
Mail to Web Master

Valid HTML 4.01 Transitional Valid CSS!Level A Conformance to Web Content Accessibility Guidelines 1.0 พัฒนาด้วย CSS Technology