รายงาน : การปรับตัวของอุตสาหกรรมไอทีช่วงปี 2545 (1)

ปี 2544 - 2545 จัดเป็นยุคที่อุตสาหกรรมไฮเทค ตกต่ำถึงขีดสุด ตัวเลขจากบริษัทไอดีซี ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจนี้ มีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ย ประมาณ 3% เท่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวให้ได้ยินดีกันอยู่บ้าง เมื่อบริษัทวิจัย และผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่หลายราย ยืนยันว่า ตลาดเทคโนโลยีในปีหน้า มีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นแน่นอน ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยซึ่งจะสูงกว่า 5% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่บริษัทเหล่านี้จะสามารถเอาตัวรอดท่ามกลางภาวะผกผันเช่นนี้ได้ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวด้วย ทั้งในด้านเทคโนโลยี และรูปแบบการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ดังจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ในแทบทุกภาคอุตสาหกรรมไอทีก็ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันอย่างมโหฬาร

 

เร่งรวมตัวมุ่งธุรกิจครบวงจร

ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา "คาร์ลี่ ฟิออริน่า" หญิงเหล็กแห่งบริษัทเอชพีให้สัมภาษณ์ ว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไอทีต้องรวมตัวกันมากขึ้น เพื่อเสริมอำนาจทางการแข่งขันของตน และบริษัทที่จะอยู่รอดได้ต้องมีรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย เอชพี ตัดสินใจควบกิจการบริษัทคอมแพค เพื่อรวมเอาธุรกิจพิมพ์ภาพ และแสดงภาพไว้กับธุรกิจคอมพิวเตอร์ แม้จะเป็นนโยบายที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังกังขาอยู่มาก กระนั้น นางฟิออริน่า ยืนยันว่า ธุรกิจเหล่านี้จะไปด้วยกันได้อย่างดี และจะทำให้บริษัทมีแหล่งรายได้ และทิศทางการตลาดที่หลากหลาย

ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่วงการฮาร์ดแวร์อย่างไอบีเอ็ม ก็ได้ประกาศนโยบายธุรกิจครบวงจรอย่างชัดเจน นับตั้งแต่นายซามูแอล พาลมิซาโน่ ขึ้นแท่นหัวหน้าฝ่ายบริหารคนใหม่ เขาก็หันมาจับตลาดซอฟต์แวร์ และบริการ เพื่อหาฐานรายได้จากแหล่งอื่น นอกเหนือจากตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ อาทิ การซื้อแผนกธุรกิจให้คำปรึกษาของไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส ไปเป็นเงิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดก็ได้ประกาศควบกิจการบริษัท เรชั่นแนล ผู้ผลิตอุปกรณ์พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำไปด้วยเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเผยว่า เป็นการปรับกลยุทธ์ตามความต้องการของลูกค้าองค์กร ที่จะหันมาซื้อบริการเทคโนโลยีครบวงจร แทนการซื้อผลิตภัณฑ์แยกชิ้นที่จะต้องหาวิธีใช้งานเอง โดยที่ไอบีเอ็มจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ผู้ให้คำปรึกษาด้านการใช้งาน และผู้ดูแลรักษาระบบอย่างเบ็ดเสร็จ

ไมโครซอฟท์ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน ของผู้ที่ใช้กลยุทธ์ขยายเครือข่ายธุรกิจเป็นหลัก นับจากตลาดระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้หันมาจับตลาดเบราเซอร์, ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล, เครื่องเล่นวิดีโอเกม, ระบบปฏิบัติการพีดีเอ และแม้แต่เครือข่ายโทรทัศน์ หรือซอฟต์แวร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ล่าสุด ไมโครซอฟท์ ได้ควบกิจการบริษัท เกรต เพลน และหันมาจับธุรกิจซอฟต์แวร์องค์กร เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าให้กับตลาดผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นใหม่ๆ อาทิ พีซี คอมพิวเตอร์แม่ข่ายอีเมล และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล ที่ทางบริษัทมีนโยบายจะเชื่อมโยงระบบเข้าด้วยกันทั้งหมด

 

ขยับมาตรฐานเทคโนโลยีชิพ

อุตสาหกรรมชิพ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญตัวหนึ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งอนาคต ก็กำลังมีความรุดหน้าทางเทคโนโลยีอย่างสูง ผู้ผลิตได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตน ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการในตลาด ที่จำเป็นต้องใช้ชิพที่มีกำลังประมวลผลสูงขึ้น มีขนาดเล็กลง รวมทั้งผนวกคุณสมบัติต่างๆ ไว้ด้วยกันมากขึ้น ปัจจุบัน ยักษ์ใหญ่ในวงการชิพต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจาก 130 เป็น 90 นาโนเมตร ให้ได้ เนื่องจากกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานการผลิตในยุคหน้า นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาชิพรวมคุณสมบัติ ที่ผนวกหน่วยประมวลผล และฟังก์ชั่นอื่นๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่กล้องดิจิทัลไปจนถึงอุปกรณ์ก๊อบปี้รูปภาพ รวมทั้งเทคโนโลยี "สเตรน ซิลิคอน" ที่ทำให้ชิพมีกำลังประมวลผลมากขึ้น ขณะที่กินพลังงานน้อยลง ขณะเดียวกัน ก็มีการหันมาร่วมมือแทนการแข่งขันกันมากขึ้น อาทิ บริษัทฟูจิตสึซึ่งร่วมมือกับโตชิบา ในการสร้างโรงงานผลิตชิพระดับบนเพื่อแบ่งปันภาระด้านการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มีข่าวแว่วมาว่า ฟูจิตสึกับเอเอ็มดี จะยุบรวมธุรกิจชิพความจำความเร็วสูง ซึ่งใช้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกัน

 

รับกระแสโอเอสเปิด

นับตั้งแต่นายลินัส ทอร์วาลด์ส เปิดตัวลินิกซ์ไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว โอเพ่นซอร์สตัวนี้ก็ได้รับความนิยมชนิดหยุดไม่อยู่ ในปัจจุบัน ลินิกซ์ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ต้องขวัญหนีดีฝ่อ และคาดว่าจะเป็นกุญแจหลักในการเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์แห่งทศวรรษนี้ ระบบปฏิบัติการลินิกซ์ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีราคาถูก ดูแลรักษาง่าย มีความปลอดภัยสูง และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ จากบริษัทคอมพิวเตอร์ในท้องตลาดได้โดยไม่ต้องยึดติดอยู่กับผู้ผลิตเพียงรายเดียว หลักในการสนับสนุนลินิกซ์ตอนนี้ก็คือ ไอบีเอ็ม, ซัน และแม้แต่พันธมิตรของไมโครซอฟท์อย่างเอชพี ขณะที่ รัฐบาลในหลายประเทศเริ่มประกาศรองรับการใช้ลินิกซ์ในองค์กรรัฐแล้ว อาทิ รัฐบาลเยอรมนี และอังกฤษ รวมทั้งรัฐบาลจีน ที่ถึงกับประกาศว่าลินิกซ์ทำให้ประเทศของตนไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นทางเทคโนโลยี ล่าสุดในอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักพัฒนาโปรแกรมคุณภาพสูงราคาถูกที่สุดในโลก ก็ได้เกิดการชิงอำนาจระหว่างฝ่ายสนับสนุนวินโดว์ส (หลังไมโครซอฟท์ทุ่มเงินลงทุนไป 400 ล้านดอลลาร์) และลินิกซ์ขึ้น

พร้อมกันนี้ ไมโครซอฟท์เองก็ต้องหันมาปรับกลยุทธ์ตามกระแสความนิยมซอฟต์แวร์ฟรี บวกกับข้อบังคับในข้อตกลงยอมความ โดยการเปิดเผยซอร์ส โค้ดบางตัวของโปรแกรมวินโดว์ส ขณะที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า ยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องหันมาผลิตซอฟต์แวร์สำหรับระบบปฏิบัติการลินิกซ์ในอนาคตแน่นอน เนื่องจากโลกจะหันมาใช้ลินิกซ์กันล้นหลาม

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม 2545

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.