วงการไอทีมั่นใจเศรษฐกิจ ส่งผลตลาดปีนี้โตต่อเนื่อง

ผู้ค้าไอทีเชื่อมั่นตลาดไอทีไทยปีนี้ยังสดใสต่อเนื่อง เหตุสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งยังมีสัดส่วนจำนวนผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่อประชากรน้อย จึงมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก พร้อมระบุแม้มีเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศ ก็มั่นใจว่า ล้วนเป็นปัญหาเฉพาะกลุ่ม พร้อมทั้งชี้ประเภทธุรกิจโน้ตบุ๊คมาแรง เหตุได้แรงหนุนจากตลาดราชการ-ธนาคาร-โทรคมนาคม-ผู้ใช้ทั่วไป ด้านบริษัทวิจัยชื่อดัง แสดงความมั่นใจตลาดเช่นกัน แม้ยังไม่สามารถประมาณการตัวเลขของไตรมาสแรกที่ผ่านมาได้ชัดเจน เหตุอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล หากก็เชื่อมั่นว่า จำนวนคอมพิวเตอร์ปีนี้จะมีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 10%

 

นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความเชื่อมั่นในภาวะตลาดไอทีไทยว่ายังเติบโตต่อเนื่อง เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ไทยถือว่าเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ประกอบกับสัดส่วนจำนวนผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กับประชากร ยังมีน้อย ทำให้ขยายโอกาสได้อีกมาก "สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปัญหาชายแดนภาคใต้ ล้วนกระทบกับเฉพาะกลุ่ม ไปจนกระทั่งถึงปัญหาในเกาหลีและไต้หวันเอง ซึ่งก็จะไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจในเอเชีย เพราะมีตลาดจีนที่ยังสดใสเป็นตัวขับเคลื่อนอยู่ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชียยังดีอยู่" ผู้จัดการทั่วไป กล่าว

 

พร้อมกันนี้ เขาได้กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทเองว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมา รายได้เติบโต 140% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยเฉพาะความต้องการตลาดโน้ตบุ๊คซึ่งมีสูง ทำให้บริษัทมียอดขายถึง 15,000 เครื่อง พร้อมกันนี้บริษัทเองก็ปรับเป้ายอดขายโน้ตบุ๊คทั้งปีเป็น 80,000 เครื่อง จากเดิมที่ตั้งไว้ 60,000 เครื่อง และประมาณการตลาดรวมโน้ตบุ๊คปีนี้ น่าจะเพิ่มถึง 300,000 เครื่องด้วย ขณะเดียวกัน เขายังแสดงความเชื่อมั่นว่า ตลาดไอทีไทยใน 3 ปีข้างหน้าจะยังเป็นบวก ยกเว้นแต่มีปัจจัยผันผวนร้ายแรง เช่น การก่อการร้าย โรคซาร์ส เป็นต้น

 

นอกจากนี้ เขาแจกแจงต่อไปว่า มี 3 ปัจจัยหลักที่กระตุ้นตลาด ประกอบด้วย การใช้จ่ายของประชาชนทั่วไป โอกาสทางการตลาดมีอีกมาก และรายได้ของประชากรสูงขึ้น ขณะที่การใช้ไอทีในไทยปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ, นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการใช้ไอทีเป็นเครื่องมือการให้บริการประชาชนผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เป็น อี-เซอร์วิส และภาคเอกชน โดยเฉพาะธนาคารและบริการการเงินที่ต้องลงทุนครั้งใหญ่เพื่อให้มีความทันสมัย รวดเร็วและแข่งขันได้ รวมถึงการจัดซื้อเครื่องใหม่ทดแทน (รีเพลสเม้นท์) เครื่องเก่าที่ได้จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2543 ในช่วงของปัญหาวายทูเค

 

เอาท์ซอร์สโต

ด้านนายสรรพัชญ โสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอชพี กล่าวว่า ตลาดไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้โตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 25% โตกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตประมาณ 15% เท่านั้น "การเติบโตดังกล่าว เป็นผลมาจากการลงทุนไอทีครั้งใหม่ในกลุ่มโทรคมนาคม บริการการเงินและธนาคาร ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะภาพรวมเศรษฐกิจยังดี ต่างชาติยังให้ความมั่นใจ ทำให้ภาคเอกชนยังลงทุนต่อเนื่อง และน่าจะมีกำลังซื้อต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 และ 3" นายสรรพัชญกล่าว นอกจากนั้น แนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าเองจะซื้อทั้งระบบมากขึ้น และเริ่มจ้างบริษัทภายนอก (เอาท์ซอร์สซิ่ง) มากขึ้นในงานที่มิใช่ธุรกิจหลักขององค์กร เช่น งานบริหารบุคคล ระบบบัญชี ซึ่งในส่วนของบริษัทเองมีลูกค้าที่มาใช้บริการเอาท์ซอร์ส โดยเฉพาะธุรกิจอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ และธุรกิจโทรคมนาคม เช่น ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส

 

ขณะที่นายณรงค์ อิงคธเนศ ประธานบริหาร บริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดไอทีปีนี้มูลค่าการใช้จ่ายน่าจะเติบโตได้ถึง 15% แต่คงไม่เติบโตหวือหวาระดับ 30-50% ขึ้นไปเหมือนที่บางบริษัทคาดการณ์ ทั้งนี้กำลังซื้อจะมาจากกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป เช่น ผู้ปกครองที่ลงทุนด้านการศึกษาให้บุตรหลาน, ธุรกิจธนาคารและการเงินที่ลงทุนยกเครื่องระบบโดยเฉพาะคอร์แบงกิ้ง ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าการลงทุนอัพเกรดระบบ

 

บริษัทวิจัยชื่อดังลั่นตลาดโต 10%

อย่างไรก็ตาม ด้านบริษัท อินเตอร์เนชั่นนัล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจวิจัยด้านไอทีชื่อดัง ระบุว่า ยังไม่สามารถประมาณการตัวเลขไตรมาสแรกได้ชัดเจน เพราะอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล กระนั้นก็เชื่อมั่นว่า จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในปีนี้จะเติบโตจากปีที่แล้ว 10% หรือคิดเป็น 1,240,390 เครื่อง จากปีที่แล้ว ตลาดอยู่ที่ 1,165,373 เครื่อง โดยแบ่งเป็น เครื่องตั้งโต๊ะ 934,454 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (โน้ตบุ๊ค) 209,602 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาแบบบาง จำนวน 5,048 เครื่อง และเครื่องแม่ข่ายที่ใช้ชิพอินเทล 16,269 เครื่อง

 

ส่วนนายทานุจ คูมาร์ ฮัลเดอร์ นักวิเคราะห์อาวุโส กลุ่มบริษัท แอดวานซ์ รีเสิร์ช จำกัด (เออาร์) กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนการปรับประมาณการตัวเลขทั้งปีจากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะโตจากปีที่แล้ว 12.93% หรือมีมูลค่าทั้งปีนี้อยู่ที่ 93.43 พันล้านบาท และคาดว่ามูลค่านี้จะถึง 107.4 พันล้านบาทในปีหน้า โดยกลุ่มการเงิน, การศึกษาและราชการ เป็นกลุ่มหลักที่ใช้จ่ายไอทีมากที่สุด โดยเฉพาะการใช้จ่ายไอทีจะมุ่งที่ซอฟต์แวร์และบริการไอทีเป็นหลัก ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและผู้ใช้ทั่วไป (คอนซูเมอร์) จะเป็นกลุ่มหลักที่ลงทุนจัดซื้อฮาร์ดแวร์

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่

 

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.