"สิทธิชัย" ระบุไม่แปรสัญญาถึงปี 49

ใช้ฐานผู้ถือหุ้นเป็นพลังหนุนนโยบาย พร้อมประกาศ 5 ปี จะเป็น 1 ใน 3 ของภูมิภาค
ซีอีโอใหม่ ทศทฯ ประกาศไม่แปรสัญญาจนถึงปี 2549 ใช้ฐานผู้ถือหุ้นเป็นพลังสนับสนุนนโยบาย ย้ำต้องมีความชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบ เพราะจะส่งผลต่อรายได้องค์กร พร้อมกับปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็น อี-คอมพานี ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ต้องเป็น 1 ใน 3 ของภูมิภาคนี้

 

นายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงนโยบายภายหลังได้รับคัดเลือกขึ้นดำรงตำแหน่ง ว่า จะไม่มีการแปรสัญญาร่วมการงานจนกว่าจะถึงปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ โดยเห็นว่า การแปรสัญญาควรมีองค์ประกอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับ 1.การตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ขึ้นก่อน 2.กฎเกณฑ์กติกาในการแข่งขัน 3.อัตราค่าบริการที่จะประกาศใช้ หลังจาก กทช.เกิด 4.ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย 5.การให้ใบอนุญาตในกิจการแต่ละประเภท และ 6.การกำหนดแนวทางของบริการทางสังคม (ยูนิเวอร์แซล เซอร์วิส) เพราะปัจจุบัน ทศทฯ ต้องสนับสนุนโครงการโทรสาธารณะทางไกลในชนบท เป็นงบประมาณสูงมาก "ต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว มิเช่นนั้น แนวทางการแปรสัญญาอาจจะกระทบต่อรายได้ของ ทศทฯ ซึ่งปัจจุบันเอกชนร่วมการงานของ ทศทฯ นั้น อยู่ในลักษณะการดำเนินงานร่วมกัน โดยมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ ทศทฯ ต้องรับผิดชอบ เช่น การพิมพ์บิลการดูแลซ่อมบำรุงโครงข่าย เป็นต้น" นายสิทธิชัย กล่าว

 

ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีนโยบายจะให้แปรสัญญา คงต้องพิจารณาถึงกระแสของสังคม เพราะเรื่องนี้มีการตั้งอนุกรรมการกำกับการแปรสัญญากิจการโทรคมนาคม (กปส.) ขึ้นมาทำหน้าที่ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการเสร็จ เนื่องจากการแปรสัญญาเป็นการตกลงระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย หากจะดำเนินการเรื่องดังกล่าว ต้องถามความเห็นผู้ถือหุ้นด้วยต่อไปการดำเนินนโยบายจะต้องมาจากผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังที่มีบทบาทเกี่ยวกับเรื่องการแปรสัญญา เป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นในบริษัท แต่เสียงของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นตัวตัดสินที่จะให้ ทศทฯ ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มาจากพนักงานของ ทศทฯ ซึ่งมีกว่า 2 หมื่นคน จะช่วยตัดสิน และสหภาพแรงงานก็จะเป็นแรงสำคัญที่จะเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กร  "เรื่องดังกล่าวคงไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าของหุ้น เพราะการกำหนดราคาหุ้น หรือการนำ ทศทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการระดมทุน ที่มีคณะกรรมการขั้นอื่นๆ ช่วยพิจารณาปัจจัยสภาพแวดล้อม หากเห็นว่าระยะเวลาที่ระดมทุนนั้น มีผลกระทบต่อราคาหุ้น ก็จะเป็นผู้ตัดสินว่าจะไม่นำเข้าไประดมทุน หรือชะลอออกไป" นายสิทธิชัย กล่าว

 

เป็น อี-คอมพานี

ทั้งนี้ มีนโยบายจะเน้นการเป็น อี-คอมพานี โดยนำเทคโนโลยีไอทีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพื่อเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงาน สร้างมูลค่าให้กับองค์กร ทำให้เกิดความคล่องตัว และความรวดเร็วของทุกส่วนงาน ซึ่งเทคโนโลยีไอทีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบริหารต้นทุนการดำเนินงาน  ขณะเดียวกัน จะเน้นการพัฒนาบุคลากร เพราะ ทศทฯ เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถนำประสิทธิภาพออกมาใช้อย่างเต็มที่ จากวัฒนธรรมขององค์กรที่มีการบริหารงานคล้ายกับระบบราชการ ดังนั้น จะมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างคนเป็นหลัก โดยเบื้องต้นในปี 2546 จะมีพนักงานของ ทศทฯ ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ประมาณ 21 คน จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 11 คน และคาดว่า จะมีเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้วย ทั้งนี้ จะแปรจำนวนบุคลากรที่สูงถึง 22,000 คน มาเป็นจุดแข็งในการสร้างทีมการขายและการตลาด โดยพนักงานแต่ละคนสามารถหาลูกค้าและดูแลลูกค้าได้ เช่น พนักงานคนหนึ่งสามารถหาลูกค้าให้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้คนละ 5-6 เลขหมาย จะทำให้การขยายธุรกิจออกไปเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ส่วนผู้บริหารระดับสูงจะเน้นความรับผิดชอบไปยังลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ รวมทั้งตัวกรรมการผู้จัดการด้วย

 

เน้น 3 ธุรกิจหลักในเบื้องต้น

ทศทฯ มีเป้าหมายจะนำองค์กรเป็น 1 ใน 3 ของบริษัทโทรคมนาคมในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะเมื่อสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการบริหารงานได้ตามเป้าหมาย คาดว่า รายได้ขององค์กรเทียบกับพนักงาน จะสูงถึง 4 ล้านบาทต่อคน โดยปัจจุบันรายได้ต่อพนักงานของ ทศทฯ อยู่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อคน ขณะสายธุรกิจจะมุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก คือ 1.โทรพื้นฐาน 2.การทำธุรกิจสื่อสารข้อมูล และ 3.ธุรกิจให้เช่าโครงข่าย ซึ่งทั้ง 3 สายงานนี้ ยังเป็นฐานรายได้หลักที่มุ่งเน้นในการพัฒนางานบริการต่อไป ส่วนที่ผ่านมามองว่าปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างของ ทศทฯ ในบางโครงการที่มีความไม่เหมาะสม ซึ่งจะต้องแก้ไข โดยตั้งกลุ่มธุรกิจที่รับผิดชอบนำเสนอโครงการ และการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการกำหนดแผนโครงการ จะต้องรอบคอบมากขึ้น

 

ไม่เกรงปัญหาเอกชนฟ้อง

กรณีปัญหาข้อพิพาทระหว่าง ทศทฯ กับบริษัทร่วมการงาน ที่มีอยู่ในปัจุบัน และคาดว่า จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตนั้น เห็นว่าที่ผ่านมา ทศทฯ ไม่เคยกระทำผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา ดังนั้น การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นคงให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 สิงหาคม 2545

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.