ตัวแทนของบริษัท แบริงเจอร์ เทคโนโลยีส์ ในนิวเจอร์ซี และบริษัท ไอออน แทรค อินสตรูเมนท์ จากแมสซาชูเซตส์ เปิดเผยว่า บริษัทของพวกเขาอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน โดยผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ เป็นอุปกรณ์ที่จะพ่นลมผ่านตัวผู้โดยสารที่กำลังจะขึ้นเครื่อง หลังจากนั้น จะนำเอาอากาศที่ผ่านตัวผู้โดยสารไปวิเคราะห์ เพื่อหาร่องรอยของวัตถุระเบิด "ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีอุปกรณ์ชนิดใดๆ ที่สามารถตรวจจับระเบิดที่ซุกซ่อนในตัวคนได้อย่างแท้จริง" นายพอล ไอเซนบราวน์ จากไอออน แทรค อินสตรูเมนท์ กล่าว

เหลือเพียงรอเอฟเอเออนุมัติ

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของไอออน แทรค อินสตรูเมนท์ ซึ่งตั้งชื่อว่า เอนทรี สแกน และผลิตภัณฑ์ของบาร์ริงเจอร์ เทคโนโลยีส์ ที่ใช้ชื่อว่า เซนติเนล อยู่ระหว่างรอการอนุมัติรับรองจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ หรือเอฟเอเอ (FAA) อันเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการอนุมัติ และจัดซื้ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยใหม่ๆ ที่ใช้งานตามสนามบิน "คุณจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหลายๆ อย่างมารวมกันอย่างเป็นระบบ คุณจึงจะสามารถรับมือกับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายได้" นายเคนเนธ วูด จากบาร์ริงเจอร์ เทคโนโลยีส์ กล่าว พร้อมกันนี้ บริษัท ไซเทอร์รา คอร์ป ในเมืองวอลธัม รัฐแมสซาชูเซตส์ มีแผนจะนำเอาเทคโนโลยีเรดาร์ภาคพื้นชนิดใหม่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กองทัพนำไปใช้ในการกวาดทุ่นระเบิด มาใช้ในสนามบิน โดยจะนำมาสแกนผู้โดยสารเพื่อค้นหาอาวุธที่ซุกซ่อน

นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความหวาดวิตกเกี่ยวกับการก่อการร้ายด้วยอาวุธเคมี-ชีวภาพ บริษัท ไซเทอร์รา ยังเร่งพัฒนาอุปกรณ์ชนิดใหม่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันประชาชนจากอาวุธเหล่านี้ แต่อย่างน้อยก็สามารถเตือนให้รู้ว่า มีการสัมผัสสารเคมีอันตราย หรือเชื้อโรคมรณะ เพื่อที่จะได้เยียวยารักษาได้อย่างทันท่วงที "อุปกรณ์ดังกล่าวจะนำไปติดตั้งตามสถานีรถไฟ หรือบนเครื่องบิน เมื่อต้องการจะเวลาใช้งาน แค่สวม หรือติดไว้กับตัว และเมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง อุปกรณ์ดังกล่าวจะวิเคราะห์ และประมวลผลว่า ระหว่างการเดินทาง ผู้สวมได้สัมผัสกับอาวุธเคมี-ชีวภาพบ้างหรือเปล่า" นายเดวิด ไฟน์ จากบริษัท ไซเทอร์รา กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญชี้หลักการป้องกัน

ด้านผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ในการปกป้องประชาชนให้พ้นจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมี-ชีวภาพ จำเป็นจะต้องอาศัยการทดสอบ และวิเคราะห์อากาศที่อยู่ในตัวอาคาร หรือบนเครื่องบิน โดยในขณะนี้กำลังมีการพัฒนาอุปกรณ์ติดตั้งบนเครื่องบิน ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่านี้ สามารถกำจัดสารเคมีพิษ หรือเชื้อโรคร้ายที่ปนเปื้อนในอากาศได้ ด้วยกระบวนการทางไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เอฟเอเอ อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำงบประมาณ เพื่อใช้ในการติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคใหม่ๆ ที่สามารถรับมือกับการก่อการร้ายได้ดีขึ้น

ส่วนผู้เชี่ยวชาญหลายคน กล่าวว่า การติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยใหม่ จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง อีกทั้งต้องใช้เวลาหลายปีในการติดตั้งระบบให้เข้าที่ ดังนั้น ทางออกที่สุดที่สุดในขณะนี้ อยู่ที่การปรับปรุงการใช้งานอุปกรณ์ที่มีอยู่ ก่อนหน้านี้ หลังเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด ได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยีที่ใช้ควบคุมการขับเคลื่อนของเครื่องบิน ที่สามารถจดจำหน้าตาของนักบิน และทำการหลบหลีกจากตึกสูงได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งในปัจจุบันมีการนำไปใช้งานตามจุดแลกการ์ดในกาสิโนแล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาของเทคโนโลยีดังกล่าว ก็อยู่ในระดับสูง

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 2 มกราคม 2545