รายงาน : 3 ชาติยักษ์เอเชีย จับมือตั้งมาตรฐานแข่งสหรัฐ

จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี ประกาศตั้งมาตรฐาน 4 จี ประจำกลุ่มพันธมิตร พร้อมเล็งหนุนระบบปฏิบัติการลินิกซ์ แทนวินโดว์ส ด้านนักวิเคราะห์เชื่อบริษัทท้องถิ่น โกยรายได้มหาศาล เหตุ 3 ยักษ์ใหญ่ครองตลาดมือถือ 30% แต่เตือนญี่ปุ่น เสี่ยงเสียอำนาจผู้นำให้แดนมังกร

 

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทเอ็นทีที โดโคโม ได้เริ่มงานวิจัยด้านบริการเทคโนโลยีเครือข่าย 4 จี ในกรุงปักกิ่ง พร้อมทั้งว่าจ้างชาวจีน เป็นพนักงานส่วนใหญ่ของโครงการ ซึ่งนักวิเคราะห์ก็ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า โดโคโม กำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับรัฐบาลจีน รวมถึงภาคเอกชนและภาคการศึกษาของประเทศ และความเคลื่อนไหวของโดโคโมในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปูทางไปสู่การเจาะตลาดมือถือจีน ซึ่งถือเป็นตลาดที่สามารถสร้างรายได้มหาศาล โดยตัวเลขผู้ใช้มือถือในจีนนั้น ทะลุจำนวน 200 ล้านไปแล้ว เมื่อปลายปี 2545 ส่งผลให้แดนมังกรแห่งนี้ กลายเป็นตลาดมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

สร้างพันธมิตรยุคที่ 4

ทางรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้เข้ามามีบทบาทในการเข้ามาช่วยเหลือบริษัทเอกชน ลุยตลาดจีนอย่างมาก โดยที่ในเดือนกรกฎาคมนี้ ตัวแทนจากประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ก็มีกำหนดเข้าพบปะหารือ เพื่อวางกรอบนโยบายการสื่อสารสำหรับประเทศทั้งสาม และทางกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมของญี่ปุ่น ก็ตั้งเป้าว่า จะอาศัยเวทีดังกล่าว เพื่อเสนอให้มีการกำหนดโปรโตคอลการสื่อสารมือถือยุคที่ 4 หรือที่เรียกว่าเครือข่าย 4 จี สำหรับใช้ร่วมกันในประเทศยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ซึ่งครองสัดส่วนผู้ใช้มือถือไปถึง 30% ของตลาดโลก

 

นักวิเคราะห์ คาดว่าการกำหนดโปรโตคอลกลางเช่นนี้ น่าจะมีประโยชน์กับบริษัทผลิตมือถือ และผู้ให้บริการใน 3 ประเทศนี้อย่างมาก และอาจเป็นการปูทางให้มาตรฐานดังกล่าว ก้าวขึ้นเป็นมาตรฐานระดับโลกได้ด้วย ในทางปฏิบัติ ขณะเดียวกัน กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือเมติ (Ministry of Economy, Trade and Industry - METI) ก็เริ่มแสดงความกังวลที่ญี่ปุ่น กำลังพึ่งพาระบบปฏิบัติการวินโดว์สของไมโครซอฟท์มากเกินไป โดยโอเอสตัวนี้ ครองตลาดแม่ข่ายในญี่ปุ่นอยู่ราว 78% ขณะที่ครองตลาดพีซีสูงถึง 99%

หนุนโอเพ่นซอร์สถ่วงดุลวินโดว์ส และในงานประชุม ซึ่งจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงโทรคมนาคมและเมติ มีความเห็นสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่จีนและเกาหลีว่า กลุ่มประเทศทั้งสาม ควรสนับสนุนการใช้ระบบปฏิบัติการฟรี ลินิกซ์ กันมากขึ้น ด้วยการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีของซอฟต์แวร์ลินิกซ์ โดยที่นโยบายดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้ลินิกซ์ กลายเป็นระบบปฏิบัติการต่อจากโปรแกรมวินโดว์ส ในประเทศทั้ง 3 โดยเฉพาะ

 

ขณะเดียวกัน ยักษ์ใหญ่ทั้งสาม ยังขยายความร่วมมือไปถึงตลาดเทคโนโลยีป้ายสินค้าอัจฉริยะ หรือเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID) ด้วย โดยองค์กรเอกชนของญี่ปุ่น ที่ทำหน้าที่สนับสนุนมาตรฐานป้ายอัจฉริยะโดยเฉพาะ ได้แอบตกลงกับสถาบันวิจัยของจีน เมื่อวันที่ 23 เม..ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันทดสอบการทำงานของป้ายอัจฉริยะ ก่อนที่จะเผยแพร่ผลสำเร็จครั้งนี้ ไปยังตลาดจีน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า การหันมาสร้างพันธมิตรกับชาวจีน ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ จีนได้ประกาศความตั้งใจที่จะหันมาใช้มาตรฐานไร้สาย แลน (local area network) ของตนเอง ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับมาตรฐานอื่นๆ ในโลกได้

 

ชี้อุปสรรคสามเส้า

การตัดสินใจในครั้งนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับ บริษัทอินเทล คอร์ป.ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมชิพของสหรัฐอย่างมาก จนออกมาขู่ว่าทางบริษัทจะเลิกส่งออกชิพเซมิคอนดัคเตอร์แลนไร้สาย มาขายในจีนทันที ซึ่งส่งผลให้จีนเริ่มผ่อนปรนท่าทีลงเล็กน้อย แต่แม้ว่าจีนจะประกาศยับยั้งนโยบายดังกล่าวไว้ก่อน แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่า จะละทิ้งความตั้งใจอันแรงกล้า ในการประกาศใช้มาตรฐานแลนของตนเองแต่อย่างใด และนักวิเคราะห์ คาดว่าสิ่งที่ญี่ปุ่นและเกาหลี จะได้เห็นจากการสร้างพันธมิตรครั้งนี้ ก็คือ ภาพที่จีน เริ่มเป็นผู้กำบทบาทผู้นำเทคโนโลยีเอเชียอย่างช้าๆ ขณะที่ญี่ปุ่น ต้องตกเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือกับประเทศทั้งสอง

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 17 พฤษภาคม 2547

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.